แชร์

สัตว์อสูรในแดนหิมะ

ผู้เขียน: Sanassetong
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-25 19:58:46

เมื่อพวกเขาออกเดินทางบนหิมะนานๆเข้า ก็พบว่าเมื่อเดินเข้าไปลึกมากเท่าไรหิมะยิ่งตกหนักเท่านั้น รอยเท้าของพวกเขาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน จินเป่าที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงมากเท่าไหร่ ความหนาวจึงทำให้นางนั้นหน้าซีดเลยทีเดียว

"ข้าว่าเราต้องหาสมุนไพรเพื่อที่จะอบอุ่นร่างกายแล้วล่ะเพราะดูจินเป่าท่าทางจะไม่ไหวเสียแล้ว"

จางซินกล่าวขึ้นจึงทำให้ห่าวอู๋อวี่ที่อยู่ด้านล่างของจินเป่านั้นถ่ายทอดวรยุทธให้กับจินเป่า และก็สร้างเกราะป้องกันให้นางพร้อมกับทำให้นางอบอุ่นภายในเกาะป้องกันของเขาไม่นานนักตัวจินเป่าเองก็รู้สึกอบอุ่นขึ้ นและหน้าตาของนางก็มิได้ซีดอีกแล้ว ทางด้านจางซินก็ค้นในมิติของตนเพื่อจะหาสมุนไพรทำให้ร่างกายอุ่นแต่เขาก็ไม่เจออะไรนอกจากโถเหล้าหมักโถหนึ่ง แต่นางเองก็ไม่ได้เอาโถเหล้าหมักนั้นออกมาเพราะกลัวว่าทุกคนจะแย่งกันกินแล้วจะเมามายจึงตัดใจไม่ค้นหาสิ่งของแล้ว เดินตามพวกเขาต่อไปอากาศที่หนาวแต่นางก็สังเหตุเห็นจินเป่าที่เปลี่ยนไป เพราะเมื่อหิมะตกลงมาปกติต้องติดผมของจินเป่าแต่ตอนนี้เหมือนมันจะถูกอะไรสักอย่างแล้วปลิวลงไปด้านล่างเลยตัวนางกับตัวห่าวอู๋อวี่ไร้หิมะเกาะบนร่างกาย จางซินได้แต่คิดในใจว่าผู้มีวรยุท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เนียนเสวี่ย

    หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันก็ยังสรุปไม่ได้เลยว่าจะจัดการกับมันอย่างไร"มันคือสัตว์อสูรที่เกิดเฉพาะท่ามกลางหิมะมันมีนามว่าเนียนเสวี่ย และข้าสันนิษฐานว่าไม่ได้มีเพียงตัวเดียวหากเราเอาชนะตัวนี้ได้มันก็จะมีอีกหลายๆตัวเป็นแน่"เจ้ากระต่ายหยกพูดขึ้นปกติมันไม่ค่อยชอบพูดภาษามนุษย์อยู่แล้ว แต่มันขี้เกียจที่จะต่อสู้กับหลายๆตัวหากเอาชนะตัวนี้แล้วมันต้องพบเจอกับอีกหลายๆตัวเพราะสัตว์ประเภทนี้มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว เจ้าสัตว์อสูรเนียนเสวี่ย นั้นก็ไม่ได้จู่โจมพวกเขาทันที หลังจากที่มันโผล่ขึ้นมาจากหิมะมันก็มองพวกเขาด้วยสายตาที่ดำมืด เหมือนกำลังเฝ้าคอยให้พวกเขาลงมือหรือมันกำลังฟังว่าพวกเขาจะจัดการกับมันอย่างไรกันแน่"เจ้ารู้ว่ามันเป็นสัตว์ชนิดใดแล้วเจ้าสามารถผ่านมันไปแบบง่ายๆได้หรือไม่ล่ะ"หลิวเหยียนถามขึ้น เจ้ากระต่ายหยกมองหน้ากินรีพวกนั้นด้วยความดูแคลน"หากว่ามันผ่านไปได้ง่ายๆจะเรียกถิ่นนี้ว่าป่าอมตะหรอกหรือ"กระต่ายหยกพูดขึ้นแล้วก็เงียบไปทันที มันค้านที่จะพูดคุยกับพวกมนุษย์เพราะมันรู้ดีว่ามันพูดจาไม่ค่อยตรงกับคำวามหมายที่จะสื่อออกไปจะทำให้พวกนั้นหัวเราะเยาะเขาได้ "มันก็จริงดังที่เจ้าจิ๋วมันว่าหากว่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-26
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   รักษาดวงตา

    เมื่อทั้งสิบสองพักจนร่างกายภายในหายดีแล้ว ก็ได้ยินเสียงแผ่นหิมะเขยื้อนอีกครั้งแล้ว พวกเขามีวรยุทธที่คงที่ แต่ใบหน้าและร่างกายของเขายังมีร่องรอยของการต่อสู้อยู่ ทุกคนไม่มีกระจิตกระใจที่จะจัดการกับทรงผมและเสื้อผ้าแม้แต่น้อย"คลื่นๆๆๆ เปรี๊ยะๆๆ"เสียงหิมะลั่นและเคลื่อนตัว พื้นหิมาแตกเป็นวงกว้างและอยู่ๆร่างมหึมาของเนียนเสวี่ยก็โพล่ขึ้นมา มันตัวใหญ่กว่าตัวเดิมมากนัก มันน่าจะเป็นหัวหน้าฝูงของเนียนเสวี่ยแน่นอน สายตาที่ดำของมันมองมายังพวกเขานั้นแตกต่างออกไป มันไม่ได้มีตาสีดำเหมือนกับเนียนเสวี่ยตัวที่พวกเขาพิชิตมันได้ ดวงตาของมันเป็นสีเทาออกไปทางขาว"ข้าว่าดวงตาของเจ้าเนียนเสวี่ยนั้นมันน่าจะมีปัญหากระมัง มันเหมือนมองสิ่งใดไม่เห็น ดวงตาสีน้ำข้าวตัวนี้ราวกับว่ามันตาบอด"จินเป่ากล่าวขึ้น"เจ้านายดวงตามันน่าจะมีปัญหาจริง แต่ข้าเชื่อว่าหูมันไม่น่าจะบอกตำแหน่งผิดแน่นอน ตอนที่ท่านพูดขึ้นหูของมันกระดิกเหมือนตรวจหาสิ่งใดอยู่"กระต่ายหยกสื่อสารกับเจ้านายด้วยกระแสจิตเพราะว่ามันกลัวว่าถ้ามันเอ่ยสิ่งใดออกไปจะทำให้เนียนเสวี่ยตัวนี้รู้ว่ามีสัตว์มาหาอสูรแบบมันอยู่ด้วย"อ้า กลิ่นของพวกเจ้าไม่เลวเลย และที่เจ้าก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-27
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผ่านฤดูหนาว

    พวกเขานั่งรอกันไม่นาน หิมะก็เกิดสั่นไหวอีกหนึ่งรอบและเจ้าเนียนเสวี่ยตัวหัวหน้าฟูงก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้แววตาของมันดำมืด มันสามารถมองเห็นทั้งสิบสองได้แล้ว ถามว่ามันดีใจไหนมันบอกเลยว่าดีใจมาก แล้วเหล่าเนียนเสวียนนั้นเมื่อพูดแล้วเขาก็ต้องทำให้ได้ ทั้งเสียดายเลือดที่หอมนั้นที่เต็มไปด้วยคุณค่าที่มันก็ต้องการอยู่ แต่เมื่อแลกกับดวงตาที่สดใสแล้วมันย่อมแลกกับดวงตามากกว่า"ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีดวงตาที่มองเห็นอีกครั้ง พวกเจ้าจงไปเถอะเหล่าเนียนเสวี่ยของพวกข้าจะไม่ติดตามพวกเจ้าไป ให้พวกเจ้าเดินทางไปกันเอง หากพวกเจ้าเดินทางไปยังหิมะนี้ราวๆสองวัน พวกเจ้าก็จะออกจากดินแดนหิมะนี้ได้แล้ว"หัวหน้าเนียนเสวี่ยกล่าวขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เสียดายอยู่ไม่น้อยแล้วมันก็จากไป"แค่นี้เองหรือ พวกเรารักษาดวงตาให้มัน แต่มันกลับขึ้นมาบอกว่าให้เราไปกันเอง อีกสองวันก็ จะออกจากดินแดนแห่งนี้ มันไม่ง่ายไปหน่อยหรือ เจ้าตัวยักษ์นี่ช่างแร้งน้ำใจเสียเหลือเกินช่างตระหนี่ถี่เหนียวเสียเหลือเกินจะให้สิ่งใดพวกเราตอบแทนบ้างก็ไม่ได้"หลิวเหยียนกล่าวขึ้น เขาไม่เห็นด้วยที่มันจากไปดื้อๆแบบนี้"ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะต่อสู้กับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   เห็ดพิษ

    หลังจากที่เจ้ากระต่ายหยก วิ่งออกไปถามทางกลางสายฝน ก็พบเข้ากับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเป็นจำนวนมาก พวกมันต่างมานั่งร้องเสียงระงมไปทั่วทุกทิศ ไม่ว่าจะเป็นอึ่งอ่าง กบและเขียดต่างๆ นั้นต่างก็ร้องแล้วโยกตัวไปมา สัตว์ในป่าแห่งนี้แลดูจะใหญ่กว่าธรรมชาติเสียเหลือเกินเจ้ากระต่ายหยกมันพุ่งไปทางทิศตรงข้ามกับที่มันเดินมา มันต้องการรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้มีจุดสิ้นสุดอยู่หรือไม่ แต่มันยังไปได้ไม่นานนัก มันก็พบกับเห็ดพิษชนิดหนึ่ง แต่ต้นมันใหญ่ราวๆกับมนุษย์เลยทีเดียว และบนลำต้นของมันก็มีรูขนาดกำมือยัดเข้าไปได้ และแต่ละรูนั้นเป็นสีต่างๆ เมื่อมันมองแล้วมันกะจะวิ่งผ่านต้นเห็ดต้นนั้นก็เหมือนมีแรงผลักมันให้ล้มลง เหล่าคางคกกบและเขียดต่างๆกระโดดเข้ามารุมมัน เสียงร้องดังวี๊ดๆเกิดขึ้น ดังลั่นสนั่นทั่วทั้งผืนดินแล้วก็เหมือนมีสัตว์หรืออะไรสักอย่างที่พุ่งเข้ามายังจุดกลางที่มันอยู่ มันไม่สามารถที่จะต้านทานพวกเหล่านี้ได้ มันส่งกระแสจิตสื่อสารไปหาเจ้านายมันทันที ก่อนที่สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายจะกระโดดเข้าไปรุมมัน มันก็หายแว๊บไปทันตา ภายใต้เรือนที่จางซินนำออกมา ให้พวกเขาอยู่ซึ่งอยู่ดีๆก็มีเสียงร้องกรีด และเสียงสนั่นหวั่นไหวเหม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-03
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผ่านฤดูฝน

    "ทำไมพวกสัตว์เหล่านี้มันหลีกเลี่ยงเรา ไหนเจ้าจิ๋วบอกว่ามันพุ่งไปทำร้ายเจ้าจิ๋วนั่นไงแต่ทำไมมันเห็นพวกเรา ณ เวลานี้มันถึงหลีกหนีได้ล่ะ"หลิวเหยียนถามขึ้น"ข้าคิดว่าสถานที่นี้ไม่ใช่หน้าที่ของมันที่จะปกป้องล่ะมั้งมันน่าจะมีจุดเดียวที่มันปกป้องก็คือจุดกลางป่าที่มีต้นเห็ดยักษ์ที่เจ้าจิ๋วไปเจอก็ได้ เพราะป่านี้อะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้นนั่นแหละ ดูอย่างเช่นตัวอึ่งอ่างนั้นนะสิใหญ่โตกว่าอึ่งอ่างปกติเป็นไหนๆ"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็สนใจแต่เก็บเห็ดพิษสีของตัวเองที่ตัวเองรับผิดชอบเมื่อเก็บได้แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบกับเห็ดพิษยักษ์ที่เจ้ากระต่ายหยกนั้นกล่าวถึง ห่าวอู๋อวี่รวบรวมเห็ดพิษทั้งหมดและเขาก็ค่อยๆนำไปหยอดตรงรูที่เท่ากับกำปั้นนั้นแต่ละสี หลิวเหยียนที่ไม่ค่อยเชื่อเจ้ากระต่ายหยกสักเท่าไหร่เลยคิดที่จะลองดีเพราะมันเห็นพวกสัตว์อสูรที่เจ้ากระต่ายหยกบอกว่ากำลังจะวิ่งลุมมัน แต่ในตอนที่เห็นกลุ่มเขานั้นต่างก็เดินหลีกหนีพวกเขาไป หลังจากที่เขาได้ยื่นถุงเห็ดพิษให้ห่าวอู๋อวี่ แล้วเขาก็ทำท่าเดินๆอยู่ด้านหลังของสหายทุกคน เมื่อมองแล้วไม่มีสหายผู้ใดสนใจเขาจึงวิ่งตรงไปยังอีกฟากของต้นเห็ดพิษยักษ์

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-04
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   บีซั่ว

    เมื่อพวกเขาเดินมาสักระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าอากาศนั้นอบอ้าวมาก คล้ายๆกับฤดูฝนที่ฝนจะตกแต่ไม่ตก พอเดินมาสักพักก็พบกับอากาศที่แห้งแล้ง"เราน่าจะเข้าสู่ฤดูสุดท้ายแล้วเป็นแน่ ฤดูร้อน หวังว่าคราวนี้จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเราเกิดอันตรายอีกแล้วนะ"จางซินกล่าวขึ้นยังมิวายที่จะพูดเหน็บแนมหลิวเหยียน แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธเคืองมากมายนัก พวกเขาเดินไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำ ซิงอีจึงแจกน้ำอมฤตแก่ทุกคน เมื่อทุกคนกินแล้วก็เดินทางไปเรื่อยๆด้วยความที่ร้อนและเหนื่อย แต่พวกเขาทุกคนก็อดทน ห่าวอู๋อวี่แบกจินเป่าด้วย เขาไม่คิดว่ามันเหนื่อยไปด้วยซ้ำ เพราะเขาป้องกันตัวเองตลอดเวลาด้วยเกาะวรยุทธของเขานั้น เขาสามารถทำให้มันอุ่นได้ร้อนได้เย็นได้ทั้งนั้น ผู้ที่มีวรยุทธที่เด่นแล้วมักจะไม่พหนาวไม่ร้อน เขาจะควบคุมให้ตัวเองรู้สึกสบายอยู่ตลอดเวลา "ข้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ใต้พื้นทรายที่เราเดินมา เอาเป็นว่าพวกเราต้องคอยระวังแล้วล่ะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ตอนนี้ไม่มีผู้ใดคัดค้านพวกเขาจ้องที่จะระวังตัวตลอดเวลา ห่าวอู๋อวี่กระชับจินเป่าแล้วเขาก็เดินไปด้วยความระมัดระวังทุกฝีก้าวแต่เมื่อเดินไปราวๆครึ่งก้านธูปก็ไม่มี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-05
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรชุบชีวิต

    "เจ้าจิ๋วกลับมาแล้วมันไม่ได้รับอันตรายใดๆด้วยเจ้าจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสำเร็จแล้วหรือทำไมเจ้าถึงขึ้นมาได้"จางซินถามขึ้น แต่เจ้ากระต่ายหยกก็ค้านที่จะคุยกับจางซินเช่นเคย มันต้องสื่อสารกับเจ้านายของมันเป็นดีที่สุดไม่ต้องพูดให้คนพวกนี้เยาะเย้ยตนด้วย"มันจะปล่อยพวกเราไปแล้ว แต่เราดันทำลูกของมันตายไปสองตน มันต้องการให้เราคืนชีวิตของลูกมัน ถึงจะปล่อยเราไปไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสู้กับมันให้ถึงที่สุดตอนนี้มันเหลือลูกอยู่เจ็ดตัว ส่วนตัวแม่มันก็ตัวใหญ่มาก"จินเป่ากล่าวแทนเจ้ากระต่ายจิ๋ว เจ้ากระต่ายจิ๋วคายหญ้าตายฝืนออกมาสองเส้นแล้วยื่นให้กับจินเป่า"สมุนไพรตายฝื้น เจ้าพอจะกลั่นได้หรือไม่จางซิน "จินเป่ากล่าวถามและนางก็ยื่นสมุนไพรตายฟื้นให้กับจางซินและนำเห็ดสมุนไพรสีเขียวขี้ม้าให้อีกสองต้น จ้างซินรับมาทั้งสองอย่าง แล้วนางก็ย้อนดูตำราว่ามีตำราเล่มไหนบ้างที่ตนเคยพบเกี่ยวกับสมุนไพรชุบชีวิตบ้าง"สมุนไพรชุบชีวิตน่าจะใช้ได้นะ ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่ามันมีตัวสมุนไพรตัวไหนบ้าง ที่ข้าจำได้ว่ามันน่าจะมีหญ้าตายแล้วฟื้นหนึ่งอย่าง"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จางซินจึงส่งกระแสจิตเข้าไปในมิติ แล้วหาตำราสมุนไพรชุบชีวิตและ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • ให้ชะตากรรมนำทาง   โคลดูด

    "ดินแดนต่อไปเป็นภาพที่ว่างเปล่าที่มารดาของข้าวาดไว้สิ้นสุดที่แห่งนี้ก็จะถึงแล้วล่ะ"ไป๋อวิ่นตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นเต้นอีกแล้ว ท่าทางเขาราวกับเหนื่อยมากๆ ที่ผ่านมาไม่สนุกเลยสักนิด ทุกคนอยู่ในอันตรายแทบตลอดเวลา ตอนที่เขามาเพียงลำพังไม่อันตรายถึงเพียงนี้ "แล้วพวกเราจะพบกับอะไรอีกนะ"ซิงอีถามกับทุกคน ไม่มีใครรู้และตอบอะไรทั้งนั้นต่างคนต่างเร่งเดินทาง พวกเขาเดินทางผ่านอากาศร้อนราวๆสองวัน พวกเขามีน้ำอมฤตกินระหว่างทางจึงรู้สึกไม่เหนื่อยมาก หลังจากทุกคนรู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่แล้ว ก็รู้ตัวแล้วว่าออกจากดินแดนฤดูร้อนแล้ว"ข้าว่าเราพักผ่อนสักหน่อยดีกว่าจะได้มีแรงที่จะเดินต่อ ทั้งสิบสองพากันนั่งพัก หลังจากนั่งพักกันเสร็จ ทั้งสิบสองก็พากันเดินทางต่อ พวกเขาเดินผ่านป่าที่สองข้างทางเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตพอสมควร บ้างก็มีเถาวัลย์พันไปพันมารอบต้นไม้มีเสียงนกเสียงลิงเสียงค้างที่ดังตลอดเวลา ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้มาก มีหลายครั้งที่ห่าวอู๋อวี่สัมผัสถึงสิ่งที่แปลกประหลาดแต่เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเดินมานั้นมันก็เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-07

บทล่าสุด

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผู้นำคนใหม่

    ขากลับนั้นพวกเขาทั้งสิบสามไม่ได้เดินทางกลับเพียงเจ้าโรจน์วิญญาณนั้นหมุนรอบตัวของพวกเขาทั้งสิบสองร่างของพวกเขาก็ออกมาจากป่าอมตะซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้านอมตะแห่งนี้พวกเขาจึงเดินเข้ามาในหมู่บ้าน"ท่านแม่ที่ข้าเคยคุยกับท่านไว้ว่าหลิวเหยียนที่ท่านต้องการให้หาประสบการณ์ในป่านั้น หากเขาไม่เชื่อฟังข้า และทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนทั้งแม่จะไม่บังคับให้ข้าเป็นผู้นำหมู่บ้านแห่งนี้ ครั้งนี้ในหลายๆครั้งที่มีปัญหาเข้ามา เขามักจะนำปัญหาพวกนั้นมาสู่พวกเราทุกคน เขานั้นเห็นแก่ตัวถึงขั้นต้องการในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนอีกต่างหาก"ไป๋อวิ้นกล่าวกับมารดาต่อหน้าทุกคนที่เดินทางกลับมา และยังมีกินรีที่นั่งอยู่กับมารดาของตนอีก"เขาอาจจะยังไม่เติบใหญ่ เอาเป็นว่าช่วงนี้แม่ไม่บังคับเจ้าแล้วกัน หากเจ้าจะติดตามกับลูกศิษย์ของเจ้าไปมิติบนนั้น แต่หากเมื่อเจ้าท่องเที่ยวจนนำใจแล้วจงกลับมา เพราะตำแหน่งนี้ยังไงมันก็เหมาะกับเจ้าอยู่ดี เจ้าสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทุกอย่าง และตอนนี้เจ้าก็มีตาทิพย์แล้วด้วย"มารดาของไป๋อวิ้นกล่าวขึ้นจึงทำให้หลิวเหยียนไม่ค่อยพอใจยิ่งนัก"ท่านแม่ตั้งแต่ที่เจ้าไป๋อวิ้นนั้นกลับมา ท่านก็สนใจแต่เขา และจะมอบตำแหน่งท่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   มันไม่หายใจแล้ว

    เมื่อหลิวเหยียนรับรู้ว่าแรงต้านมันหายไป ตัวเขาก็พุ่งขึ้นไปด้านบนทันทีส่วนเจ้าตัวฑูตวิญญาณนั้นมันก็ถลาลงไปด้านล่าง "ไม่ถูกต้องทำไมรู้สึกว่าเจ้าสมุนไพรเขากวางสามร้อยยอดสีแดงที่เคยอยู่บนยอดของกองหินนี้หายไป "หลิวเหยียนคิดขณะที่ กำลังวิ่งขึ้นบนก้อนหิน มือของเขาก็ปีนป่ายไปเรื่อยๆ ด้วยความเร่งรีบเพราะกลัวว่าทั้งสามจะพุ่งขึ้นมา เจ้ากระต่ายจิ๋วเมื่อพันร่างของทั้งสองเสร็จแล้ว มันก็พุ่งลงด้านล่างทันที ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเห็นปฏิกิริยาของทั้งสี่ที่อยู่ด้านบนก็ตกใจ เพราะเขาเห็นว่าเจ้าทูตวิญญาณนั้นมันได้สมุนไพรเขากวางสามยอดแล้ว ทุกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ผิดหวังเพราะจินเป่าจะไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้ เมื่อผู้อื่นเป็นคนจับมา ผู้แรกที่นำมันมาได้เท่านั้นที่จะสามารถใช้งานมันได้ แต่เหมือนทุกอย่างเปลี่ยนไป บรรยากาศต่างๆกำลังจะเปลี่ยนไป"ตู้มๆๆๆ"เสียงดังสนั่นกองหินที่ยื่นข้างไปด้านบนเมื่อคู่แตกกระจายร่างของหลิวเหยียนไม่รู้ว่าตกอยู่ที่ใด ส่วนร่างของจินเป่าและห่าวอู๋อวี่ถูกร่างของเจ้ากระต่ายหยกนั้นห่อหุ้มอยู่ ผู้ที่อยู่ด้านล่างนั้นนอนกองอยู่กับพื้น กระอักเลือดออกมาคนละหลายๆคำ จินเป่ารู้สึกตัวขึ้นเมื่อเจ้าท

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรเขากวางสามร้อยยอด

    ไม่นานทั้งสิบสองก็เดินทางผ่านมาราวๆห้าวันแล้ว แต่ก็ไม่พบว่าจะออกจากดินแดนแห่งนี้ได้เลย พวกเขายังรู้สึกว่าภายนอกยังมีเสียงลิงร้องนกร้องบ้าง บางครั้งก็ยังมีเสียงจั๊กจั่นเรไร บรรยากาศที่เดินผ่านมานั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยสักนิดเดียว ไป๋อวิ้นนำแผนที่มากางออก "ในแผนที่ก็ไม่ได้บอกด้วยสิว่าจุดที่มีสมุนไพรเขากวางสามร้อยยอดนั้น มีสิ่งใดที่อยู่ข้างๆพอที่จะสังเกตได้บ้าง นางเพียงแต่บอกว่าผ่านจุดนี้ไปก็จะพบแต่เราเดินอยู่จุดนี้มานานแล้ว ยังไม่สิ้นสุดเลยหรือ หรือว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ทูตวิญญาณตนนั้นตนเดียว จะมีอย่างอื่นอีกก็เป็นได้"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น หลิวเหยียนได้แต่เปิดห่อผ้าดูเจ้าทูตวิญญาณที่ตอนนี้เกราะนั้นเริ่มระเหยออกไปมากแล้วเหลืออีกไม่กี่วันแล้วมันน่าจะออกจากเกาะได้แล้ว"ต้องรอถามเจ้าทูตตัวนั้น"เจ้ากระต่ายจิ๋วกล่าวขึ้น"ใครอนุญาตให้เจ้าถามมันกันล่ะ ในเมื่อตอนที่มันอยู่จุดเดิมนั่นไม่มีใครต้องการมัน เป็นข้าผู้เดียวที่แบกมาเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกราะนี้หนักเอาการอยู่ ในเมื่อข้าเป็นผู้แบกมา เพราะฉะนั้นข้าก็ต้องได้ครอบครองเจ้าทูตวิญญาณนี้ และข้าจะไม่ให้พวกเจ้าถามมันด้วย ว่าเขากวางสามร้อยยอดนั้นอยู่

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   แบ่งผู้อื่นบ้าง

    "ตู้ม"เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของทั้งสามที่เปื้อนไปด้วยโคลนนอนราบอยู่บนพื้น และทั้งสองที่ยืนมองเกราะใสๆแล้วมีตัวทูตอยู่ด้านใน ยืนอยู่ตรงกลางของทั้งสามคนที่นอนอยู่ โคลนที่มีอยู่นั้นเหือดแห้งไปหมด ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่อยู่บนร่างของบุรุษทั้งสามที่เคยตกลงไปเท่านั้น บริเวณพื้นดินไม่มีหลุมไม่มีบ่อแต่อย่างใดเป็นพื้นเรียบเหมือนไม่เคยมีโคลนเกิดขึ้นมาก่อน หากร่างกายของทั้งสามไม่เปื้อนโคลน ก็ต้องคิดว่ามันเป็นภาพลวงตาแน่นอนแต่ภาพของทั้งสามยังนอนป้าพูดกับพื้นแล้วร่างกายเปิดควรไปเกือบที่จะถึงจมูกด้วยซ้ำเจ้าซินจึงนำน้ำอมฤตไปล้างบุรุษทั้งสาม ไม่นานพวกเขาทั้งสามก็ลุกขึ้นได้และพากันยืนมองตัวทูตที่มีเกาะใสๆน้ำหุ้มอยู่ "นั่นมันตัวทูตวิญญาณหนึ่ง มันเป็นของดีเลยทีเดียวข้าว่าในการเดินทางนั้นพวกเจ้าแต่ละคนได้รับแต่สิ่งของดีๆซึ่งพวกข้าเองยังไม่ได้รับเลย และครั้งนี้ก็เป็นที่พวกข้าถูกโคลนดูดไว้ จึงทำให้พวกเจ้าได้เจออย่างนี้ พวกเจ้าไม่คิดจะแบบสิ่งนี้กับผู้อื่นบ้างรู้หรือ พวกข้ามาเสี่ยงที่ป่าอมตะนี้ก็เพื่อแม่นางผู้นั้น ใจว่าอยากกลับมาที่ใดกันในเมื่อมาแล้วของดีๆก็น่าจะแบบกันบ้าง"หลิวเหยียนกล่าวขึ้น ทุกคนที่ไ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ทูต

    ไม้ที่พยุงร่างของทั้งสามนั้นไว้พวกเขาอยู่ได้เพียงสักครู่ก็ค่อยๆเลื่อนลงไปเรื่อยๆและตอนนี้โคลนที่ดูดพวกเขาลงไปนั้นก็เกือบจะถึงคางอยู่แล้ว ห่าวอู๋อวี่คิดว่ายิ่งตัวเองส่งวรยุทธลงไปยังโคลนดูดนั้นมันก็จะดูดบุคลที่อยู่ข้างในลงไปเรื่อยๆ และผู้ที่อยู่ด้านบนไม่มีใครยอมให้ใครลงไปยังคนดูดเนื่องจากว่ารู้ดีว่าไม่สามารถที่จะช่วยได้หรือจะทำให้ตัวเองลงไปข้างใต้นั่นอีกทำให้ท้องเพิ่มภาระผู้ที่อยู่ด้านบนอีก "เกือบจะถึงปากพวกเขาอยู่แล้วพวกเราทำอย่างไรดีล่ะเจ้าจิ๋วเราทำอย่างไรดีตอนนี้พวกข้าต้องพึ่งเต้าแล้วอ่ะ"จางซินกล่าวขึ้น เจ้ากระต่ายจิ๋วมองหน้าเจ้านายของตัวเองและสื่อสารให้เจ้านายรู้ว่ามันจะพุ่งลงไป ให้เจ้านายคอยเรียกมันถ้าถึงเวลาอันสมควร หากว่ามันสื่อสารกับเจ้านายไม่ได้เนื่องจากมันไม่สามารถตรวจดูได้ว่าด้านล่างนั้นมีสิ่งใดอยู่ จึงไม่รู้ว่าอันตรายหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเจ้านายได้หรือไม่ มันกระโดดเข้าในคนดูทันทีทุกคนต่างด้าวใจเพราะไม่อยากให้มันลงไปเสี่ยงเลย จางซินจึงโทษตัวเองว่าพูดกดดันมันจนมันต้องกระโดดลงไป"จินเป่าข้าขอโทษเรื่องที่ข้าทำให้เจ้าจิ๋วนั้นคิดที่จะกระโดดลงไป ข้าแค่คิดว่ามันจะหน้ามี

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   โคลดูด

    "ดินแดนต่อไปเป็นภาพที่ว่างเปล่าที่มารดาของข้าวาดไว้สิ้นสุดที่แห่งนี้ก็จะถึงแล้วล่ะ"ไป๋อวิ่นตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีที่ตื่นเต้นอีกแล้ว ท่าทางเขาราวกับเหนื่อยมากๆ ที่ผ่านมาไม่สนุกเลยสักนิด ทุกคนอยู่ในอันตรายแทบตลอดเวลา ตอนที่เขามาเพียงลำพังไม่อันตรายถึงเพียงนี้ "แล้วพวกเราจะพบกับอะไรอีกนะ"ซิงอีถามกับทุกคน ไม่มีใครรู้และตอบอะไรทั้งนั้นต่างคนต่างเร่งเดินทาง พวกเขาเดินทางผ่านอากาศร้อนราวๆสองวัน พวกเขามีน้ำอมฤตกินระหว่างทางจึงรู้สึกไม่เหนื่อยมาก หลังจากทุกคนรู้สึกว่าไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่แล้ว ก็รู้ตัวแล้วว่าออกจากดินแดนฤดูร้อนแล้ว"ข้าว่าเราพักผ่อนสักหน่อยดีกว่าจะได้มีแรงที่จะเดินต่อ ทั้งสิบสองพากันนั่งพัก หลังจากนั่งพักกันเสร็จ ทั้งสิบสองก็พากันเดินทางต่อ พวกเขาเดินผ่านป่าที่สองข้างทางเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตพอสมควร บ้างก็มีเถาวัลย์พันไปพันมารอบต้นไม้มีเสียงนกเสียงลิงเสียงค้างที่ดังตลอดเวลา ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้มาก มีหลายครั้งที่ห่าวอู๋อวี่สัมผัสถึงสิ่งที่แปลกประหลาดแต่เขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายต่อพวกเขา เพราะพวกเขาเดินมานั้นมันก็เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   สมุนไพรชุบชีวิต

    "เจ้าจิ๋วกลับมาแล้วมันไม่ได้รับอันตรายใดๆด้วยเจ้าจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านั้นสำเร็จแล้วหรือทำไมเจ้าถึงขึ้นมาได้"จางซินถามขึ้น แต่เจ้ากระต่ายหยกก็ค้านที่จะคุยกับจางซินเช่นเคย มันต้องสื่อสารกับเจ้านายของมันเป็นดีที่สุดไม่ต้องพูดให้คนพวกนี้เยาะเย้ยตนด้วย"มันจะปล่อยพวกเราไปแล้ว แต่เราดันทำลูกของมันตายไปสองตน มันต้องการให้เราคืนชีวิตของลูกมัน ถึงจะปล่อยเราไปไม่อย่างนั้นเราก็ต้องสู้กับมันให้ถึงที่สุดตอนนี้มันเหลือลูกอยู่เจ็ดตัว ส่วนตัวแม่มันก็ตัวใหญ่มาก"จินเป่ากล่าวแทนเจ้ากระต่ายจิ๋ว เจ้ากระต่ายจิ๋วคายหญ้าตายฝืนออกมาสองเส้นแล้วยื่นให้กับจินเป่า"สมุนไพรตายฝื้น เจ้าพอจะกลั่นได้หรือไม่จางซิน "จินเป่ากล่าวถามและนางก็ยื่นสมุนไพรตายฟื้นให้กับจางซินและนำเห็ดสมุนไพรสีเขียวขี้ม้าให้อีกสองต้น จ้างซินรับมาทั้งสองอย่าง แล้วนางก็ย้อนดูตำราว่ามีตำราเล่มไหนบ้างที่ตนเคยพบเกี่ยวกับสมุนไพรชุบชีวิตบ้าง"สมุนไพรชุบชีวิตน่าจะใช้ได้นะ ข้าก็จำไม่ได้แล้วว่ามันมีตัวสมุนไพรตัวไหนบ้าง ที่ข้าจำได้ว่ามันน่าจะมีหญ้าตายแล้วฟื้นหนึ่งอย่าง"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น จางซินจึงส่งกระแสจิตเข้าไปในมิติ แล้วหาตำราสมุนไพรชุบชีวิตและ

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   บีซั่ว

    เมื่อพวกเขาเดินมาสักระยะหนึ่งก็รู้สึกว่าอากาศนั้นอบอ้าวมาก คล้ายๆกับฤดูฝนที่ฝนจะตกแต่ไม่ตก พอเดินมาสักพักก็พบกับอากาศที่แห้งแล้ง"เราน่าจะเข้าสู่ฤดูสุดท้ายแล้วเป็นแน่ ฤดูร้อน หวังว่าคราวนี้จะไม่มีผู้ใดทำให้พวกเราเกิดอันตรายอีกแล้วนะ"จางซินกล่าวขึ้นยังมิวายที่จะพูดเหน็บแนมหลิวเหยียน แต่เขาไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธเคืองมากมายนัก พวกเขาเดินไปเรื่อยๆก็รู้สึกกระหายน้ำ ซิงอีจึงแจกน้ำอมฤตแก่ทุกคน เมื่อทุกคนกินแล้วก็เดินทางไปเรื่อยๆด้วยความที่ร้อนและเหนื่อย แต่พวกเขาทุกคนก็อดทน ห่าวอู๋อวี่แบกจินเป่าด้วย เขาไม่คิดว่ามันเหนื่อยไปด้วยซ้ำ เพราะเขาป้องกันตัวเองตลอดเวลาด้วยเกาะวรยุทธของเขานั้น เขาสามารถทำให้มันอุ่นได้ร้อนได้เย็นได้ทั้งนั้น ผู้ที่มีวรยุทธที่เด่นแล้วมักจะไม่พหนาวไม่ร้อน เขาจะควบคุมให้ตัวเองรู้สึกสบายอยู่ตลอดเวลา "ข้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่อยู่ใต้พื้นทรายที่เราเดินมา เอาเป็นว่าพวกเราต้องคอยระวังแล้วล่ะ"ห่าวอู๋อวี่กล่าวขึ้น ตอนนี้ไม่มีผู้ใดคัดค้านพวกเขาจ้องที่จะระวังตัวตลอดเวลา ห่าวอู๋อวี่กระชับจินเป่าแล้วเขาก็เดินไปด้วยความระมัดระวังทุกฝีก้าวแต่เมื่อเดินไปราวๆครึ่งก้านธูปก็ไม่มี

  • ให้ชะตากรรมนำทาง   ผ่านฤดูฝน

    "ทำไมพวกสัตว์เหล่านี้มันหลีกเลี่ยงเรา ไหนเจ้าจิ๋วบอกว่ามันพุ่งไปทำร้ายเจ้าจิ๋วนั่นไงแต่ทำไมมันเห็นพวกเรา ณ เวลานี้มันถึงหลีกหนีได้ล่ะ"หลิวเหยียนถามขึ้น"ข้าคิดว่าสถานที่นี้ไม่ใช่หน้าที่ของมันที่จะปกป้องล่ะมั้งมันน่าจะมีจุดเดียวที่มันปกป้องก็คือจุดกลางป่าที่มีต้นเห็ดยักษ์ที่เจ้าจิ๋วไปเจอก็ได้ เพราะป่านี้อะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้นนั่นแหละ ดูอย่างเช่นตัวอึ่งอ่างนั้นนะสิใหญ่โตกว่าอึ่งอ่างปกติเป็นไหนๆ"ไป๋อวิ้นกล่าวขึ้น ทุกคนก็สนใจแต่เก็บเห็ดพิษสีของตัวเองที่ตัวเองรับผิดชอบเมื่อเก็บได้แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาก็พบกับเห็ดพิษยักษ์ที่เจ้ากระต่ายหยกนั้นกล่าวถึง ห่าวอู๋อวี่รวบรวมเห็ดพิษทั้งหมดและเขาก็ค่อยๆนำไปหยอดตรงรูที่เท่ากับกำปั้นนั้นแต่ละสี หลิวเหยียนที่ไม่ค่อยเชื่อเจ้ากระต่ายหยกสักเท่าไหร่เลยคิดที่จะลองดีเพราะมันเห็นพวกสัตว์อสูรที่เจ้ากระต่ายหยกบอกว่ากำลังจะวิ่งลุมมัน แต่ในตอนที่เห็นกลุ่มเขานั้นต่างก็เดินหลีกหนีพวกเขาไป หลังจากที่เขาได้ยื่นถุงเห็ดพิษให้ห่าวอู๋อวี่ แล้วเขาก็ทำท่าเดินๆอยู่ด้านหลังของสหายทุกคน เมื่อมองแล้วไม่มีสหายผู้ใดสนใจเขาจึงวิ่งตรงไปยังอีกฟากของต้นเห็ดพิษยักษ์

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status