ทางด้านซิงอีกเมื่อรู้ว่ามู๋จินเป่าปลอดภัยนางก็เริ่มกินผลไม้ที่นกยักษ์เอามาทิ้งให้ได้ และหยดน้ำอมฤตให้จิ้งจอกเก้าหางขนสีน้ำผึ้งกับ อีกาดำสามขาทุกวันจนในที่สุดทั้งสองก็รู้สึกตัวในวันที่สามของการหลบหนีมา หลังจากที่ร่างกายได้รับไอวิเศษของผลหลิวต้องแสงจันทร์ ก็ทำให้ร่างกายทั้งสองแข็งแรงมาก เหมือนไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน "นี้มันที่ใดกัน เรามาทีนี้ได้อย่างไรกัน ข้าจำได้ว่าข้าถูกพลังยุทธของผู้มียุทธระดับสูงซัดใส่อย่างเต็มที ข้าคิดว่าพวกเราทุกคนไม่น่าจะรอดแล้วตกลงเรารอดแล้วหรือ"จื่ออี้เฉินกล่าวขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเป็นลักษณะเหมือนรังนก และกลิ่นอายก็คุ้นเคยยิ่งนัก พลางมองทุกคนที่ตอนนี้ปลอดภัยดี จื่ออี้เฉินคิดถึงเจ้านายเป็นคนแรกจึงลองสื่อสารดูแต่ไร้ผล เจ้านายของเขาติดต่อไม่ได้อีกแล้ว พลางมองไปยังลี่หลินที่มีท่าทีเศร้าเช่นกัน"เจ้าก็สื่อสารกับเจ้านายไม่ได้ล่ะซิ ข้าติดต่อไม่ได้แต่ข้ารู้เจ้านายของข้าฟื้นแล้วและยังมีวรยุทธที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้วรยุทธของข้าก้าวกระโดดยิ่งนัก "ลี่หลินกล่าวพลางมองร่างกายตัวเองและภูมิใจมาก เดิมที่นางมีร่างกายเป็นมนุษยแต่บางครั้งการทำสีหน้าก็ไม่ค่อยมีชีวิตชีว
เมื่ออีแร้งยักษ์บินออกจากนครวิหกแล้ว ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ "จื่ออี้เฉินพวกเราหาประสบการณ์ในป่าแห่งนี้ก่อนดีไหม ข้ากับลี่หลินและเจ้าสือยวี่จะได้มีประสบการณ์กันมากขึ้น ขามาป่าต้องแสงจันทร์พวกข้าผจญภัยในหลายรูปแบบ ตอนที่มีวรยุทธน้อยๆอยู่ ตอนนี้ข้ามีวรยุทธมากขึ้นแล้วข้าอยากผจญภัยแบบผู้มียุทธกัน"ซิงอีกล่าว เพราะป่าแถบนี้ร่มรื่นและมีไอวิเศษอ่อนๆน่าอยู่อาศัยพลางยิ้มและจินตราการว่าจะดีไม่น้อยถ้าได้จญภัยอยู่ที่นี้สักระยะ"ถ้าหากตอนนี้ข้ากับเจ้านายยังสื่อสารกันได้ข้าก็อยากให้ท่านได้หาประสบการณ์ ได้ผจญภัยอยู่หรอกแต่ตอนนี้ข้าติดต่อเจ้านายไม่ได้นะสิ และอีกอย่างเรามีของที่คนหมู่มากต้องการอยู่ ข้าเองก็ไม่วางใจนัก หมู่บ้านต้องแสงจันทร์ก็คงจะมีประกาศติดตามหาตัวพวกเราแล้ว ถ้าพวกที่มียุทธและมีกระจกสมปราถนาแบบที่เรามีก็จะแย่เอา ข้าต้องการกลับให้ถึงเมืองตะวัน ก่อนและแจ้งให้บิดาของเจ้านายข้าออกตามหาเจ้านาย เมื่อเราพบกลุ่มเจ้านายแล้วค่อยหาที่ฝึกประสบการณ์และผจญภัยดีหรือไม่"จื่ออี้เฉินกล่าวความคิดของตนให้คนอื่นฟัง "ข้ารู้สึกว่ามีผู้จับตาดูเราอยู่ ข้าว่าเรารีบกลับเมืองตะวันของเจ้ากันเถอะ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว
มู๋จินเป่าเรียกเจ้าต้นไม้จิ๋วออกมาจากมิติที่นางพึ่งปลดผลึกได้ และทุกคนก็ร่วมปรึกษากัน เพราะคนของตนมีแค่สามคนส่วนอีกฝ่ายมีเป็นสิบห้าคน เดิมทีหากไม่มีข่ายอาคมกันตาคนกลุ่มนั้นก็คงจะกรุเข้ามาเพื่อจับตัวทั้งสองแล้ว"ถ้าพวกเจ้าอยู่ห่างจากอาคมกันตาคนเหล่านั้นก็จะจับเจ้าได้ "ห่าวอู๋อวี่กล่าว"แต่ถ้าข้าไม่ออกไปแล้วจะได้สู้หรือ5555 อาคมกันตาของท่านก็ดีอยู่หรอกแต่ข้ามีแผนของข้า ลอบกำจัดผู้ที่อยู่ใกล้ข่ายอาคมก่อนไม่ให้ผู้อื่นรู้ตัว เมื่อคนอยู่ใกล้หมดหรือพวกเข้ารู้ตัว เจ้าต้นไม้จิ๋วเจ้าทำตัวให้ใหญ่และโอบข้าไว้ ข้าจะรอจัดการคนเดินผ่านไปมา ส่วนท่านก็ล่อคนมาให้ข้าจัดการ"มู๋จินเป่ากล่าวสิ่งที่ตนคิดออกไป"เจ้าจะเก่งเพียงนั้นเลยหรือ คนกลุ่มนี้มีวรยุทธก็เหนือเจ้าทั้งนั้น แต่แผนแรกก็เข้าท่าดีข้าคิดว่ากำจัดคนที่อยู่ใกล้ก่อนนี้แหละ"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ถ้าท่านไม่เก็บข่ายอาคมไปแล้วข้าจะออกไปได้หรือจะจัดการกับคนพวกนั้นได้อย่างไร"มู๋จินเป่ากล่าว เพราะเขาเคยเห็นข่ายอาคมของห่าวอู๋อวี่ในตอนที่อยู่เขาป่าต้องแสงจันทร์แล้ว เขาออกไปไหนไม่ได้เลย"เดียวข้าแสดงให้เจ้าดูเอง"ห่าวอู๋อวี่กล่าวน้ำเสียงของเขาสนุกสนานในที แล
"เจ้าพักผ่อนเถอะ เดียวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะมีคนจากมิติเชื่อมจิตเหลือกี่คน"ห่าวอู๋อวี่กล่าว แผนนี้เหมือนจะลอบกัดแต่เอาชีวิตรอดก็ถือว่าดีแล้ว แต่ก่อนเขาเป็นคนบุ่มบ่าม ไม่เคยคิดเรื่องแผนการแบบนี้ เพราะตนมีวรยุทธสูง และติดว่ากำปั้นใครหนักผู้นั้นมีสิทธิ์อยู่ แต่สตรีที่อยู่ข้างหน้าของตนคือคนที่ไร้วรยุทธมาก่อนจึงมีกลอุบายเพื่อเอาชีวิตรอดมาได้ และตอนนี้นางมีทั้งวรยุทธที่สูงและกลอุบายที่มากมายเหมือนกัน แต่ก่อนชีวิตของเขาไร้ชีวิตชีวา แต่ตอนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อก่อนเข้าพร้อมสู้จนตัวตายเพราะไม่มีใครที่ทำให้เขาเป็นห่วง คนรอบข้างของเขาแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก เขาบุกน้ำลุยไฟจนมีวรยุทธที่แข็งแกร่งเหมือนทุกวันนี้ แต่ถ้าเขามีมู๋จินเป่าตั้งแต่แรกเขาคงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่ เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปนางจะอยู่อย่างไร และอีกอย่างมีคนคอยจ้องจะทำร้ายนางอยู่ "ท่านไหวหรือไม่ "มู๋จินเป่ากล่าว เดิมทีนางอยากจะดูว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร แต่คิดอีกทีนางพักผ่อนดีกว่าถ้าเป็นไปตามที่ต้นหลิวต้องแสงจันทร์กล่าวจะเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดถึงสามคน ถึงนางจะช่วยห่าวอู๋อวี่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่แต่นางก็จะคิดหาวิธีรับมือเม
หลังจากที่ห่าวอู๋อวี่ปรับตัวได้ก็พร้อมที่จะต่อสู้ มู๋จินเป่ารับรู้ได้ว่าห่าวอู๋อวี่พร้อมสู้แล้ว"พวกท่านจะสู้หรือเจรจากับพวกข้าดี ถ้าจะเจรจาก็รีบๆกล่าวมาหัวหน้าของท่านกำลังไล่ตามพวกข้ามา ข้าสังเกตุว่าเขาน่าจะมีพิษที่ทำให้ลูกน้องตัวเองตายไปทีละคนได้ แต่เขาไม่ทำสิ่งใดพวกข้าแค่ต้องการจับตัวเขารู้ยังไงก็เอาชนะพวกข้าได้ และกำจัดลูกน้องไปทีล่ะคน ข้าเองไม่รู้หรอกว่าเพื่ออะไร แต่ข้าขอสันนิษฐานว่าเพื่อให้ดูยิ่งใหญ่ลูกน้องทุกคนตายหมด แต่เขาเป็นหัวหน้าจับพวกข้าสองคนได้ ที่เขาไล่ต้อนพวกข้ามาทางนี้อาจจะอยากให้พวกท่านจับพวกข้า และเขาก็จัดการกับพวกท่านที่หลังไง หรือไม่ก็ยืมมือพวกข้าจัดการกับพวกท่านแล้วค่อยจับพวกข้าทีหลังไง"มู๋จินเป่าเริ่มพูดให้เขาคลางแคลงใจกัน เมื่อทางโน้นได้ฟังก็เกิดคล้อยตาม ทุกคนเริ่มค่อยๆตายไปทีละคน และหัวหน้าเองก็ถามเขาว่าทำไมเจ้าไม่ตาย มันต้องใช้แน่ๆมันเป็นแบบนังตัวดีพูดจริงๆ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคิดมู๋จินเป่าก็พยังหน้าให้ห่าวอู๋อวี่ ห่าวอู๋อวี่รู้งาน"จะชักช้าอยู่ใยกันรีบลงมือเถอะเดียวหัวหน้ามันก็มาเราจะหลบหนีไม่ทันเอา"ห่าวอู๋อวี่กล่าวพลางซัดพลังใส่คนที่หนีไปคราแรกอย่า
หลังจากที่จื่ออี้เฉินหักหยกมิติที่ห่าวอู๋มู่ลี่มอบให้ทำให้ทุกคนเข้าไปเมืองตะวันทันที่ ณ เมืองตะวัน คนที่เฝ้าถ้ำตะวันพากันวิ่งวุ่นวายมีสัตว์อสูรและหญิงสาวลอยขึ้นมาจากน้ำอมฤต มีคนมารายงานคุณชายใหญ่ตระกูลห่าวอู๋ เพราะตระกูลห่าวอู๋นั้นถือว่าเป็นเจ้าของของถ้ำแห่งนี้ เดิมที่ถ้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไป เพราะมีสัตว์อสูรอีกาดำสามขาเฝ้าอยู่แต่ตอนนี้บุตรชายคนเล็กของตระกูลห่าวอู๋ได้กำหราบอีกาดำสามขาได้แล้ว จึงให้อีกาดำสามขาเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาและติดตามตนไป เดิมทีไม่มีคนคอยเฝ้าก็ไม่มีผู้คนเขามาอยู่แล้ว แต่ห่าวอู๋มู่ลี่ได้ส่งคนไปเฝ้าเผื่อน้องชายตนกลับมาจะได้รู้ทันที"มีผู้หญิงหนึ่งคนที่เป็นมนุษย์ เจ้าอีกาดำสามขา อีแร้งยักษ์เหมือนตัวที่เคยเป็นสัตว์ในพันะสัญญาของคุณชายเลยขอรับ แล้วก็มีจรเข้หนึ่งตัว แล้วก็จิ้งจอกเก้าหางหนึ่งตัวขอรับ"ผู้ที่เฝ้าอยู่ในถ้ำรายงาน เขากำลังนอนหลับอยูดีดีก็ได้ยินเสียงปังๆอยู่ๆก็มีร่างห้าร่างโพลขึ้นมาจากน้ำ พวกเขาจึงลงไปลากร่างขึ้นมาปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่"แล้วคุณชายห่าวอู๋วี่ล่ะ ยังไม่กลับมาหรอกหรอแต่สัตว์อสูรในพันธะสัญญากลับมาแล้วเนี้ยนะ ไปข้าจะไปดู"ห่าวอู
หลังจากที่ห่าวอู๋หรงสั่งให้คนไปบุกเรือนคุณชายใหญ่ก็ไม่พบใคร จึงทำให้ห่าวอู๋หรงเดือดดาลเป็นอย่างมาก"พวกเจ้าไม่มีตากันเลยหรือไร เฝ้าเรือนปล่าๆมาสองคืนสองวัน ยังไม่รู้เรื่องไม่เห็นอีกหรือว่าใครไปไหน ให้คนจับตาดูที่เรือนคุณชายสี่ และถ้ำตะวันไว้ ทางที่ดีประตูทางเข้าเมืองตะวันด้วยดีกว่า ข้าจะหาผู้ที่ไว้ใจได้นำคนไปเฝ้าประตูไว้ไม่ให้คุณชายสี่กลับมา"ห่าวอู๋หลงกล่าว"ท่านพี่ผลหลิวต้องแสงจันทร์ ถ้าเด็ดออกมาจากต้นแล้วมีเวลาเก็บรักษาได้สามวันนิ ถ้าเกินนั้นก็ไม่มีผลแล้ว และบางทีอาจหายไปแล้วก็ได้"ห่าวอู๋ไห่กล่าวกับพี่สาว เขาถูกกักบริเวณแต่ก็เข้าออกเรือนพี่สาวของตนได้ จึงต้องมาวางแผนกันเป็นประจำ นี้ก็หกเจ็ดวันแล้วที่ข่าวผลหลิวต้องแสงจันทร์สุก น่าจะใช้การไม่ได้แล้ว"เจ้านั้นมันบื้อนักถ้าน้องสี่กินผลหลิวต้องแสงจันทร์เข้าไปแล้วกลับมา กลั่นไอวิเศษออกจากเลือดได้เล่าเจ้าจะว่าอย่างไร"ห่าวอู๋หรงกล่าว"ท่านพี่ท่านไม่คิดบ้างเลยหรือ ว่าถ้าหากคุณชายใหญ่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็มีคุณชายสี่อีกคนที่เป็นลูกของฮูหยินไม่ใช้ลูกอนุแบบเรา"ห่าวอู๋ไห่ถามพี่สาวแบบตรงๆ คุณชายสี่ทั้งโดดเด่นหยิ่งยโส และฉลาดออก "
ณ ถ้ำอสรพิษหลังจากมู๋จินเป่าตื่นขึ้นจากพวังฝึกฝนก็มีวรยุทธเพิ่มขึ้น นางมองออกไปก็พบกับห่าวอู๋อวี่ที่กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ ตนจึงเดินออกสำหรวจสิ่งของนางเจอกำไลนิลกาฬที่ดูแล้วสะดุดตายิ่งนักกำลังจะสัมผัส สตรีในชุดสีเหลืองอ่อนก็เข้ามาและห้ามปรามไว้"ท่านเก็บของทุกอย่างที่เป็นสีเหลืองอมส้ม หรือสมบัติของหยกสีน้ำผึ้งได้เท่านั้น"หญิงสาวได้กล่าว มู๋จินเป่าจึงกวาดของที่มีสีน้ำผึ้งเข้ามิติทันทีโดยไม่ปิดบังหญิงชุดเหลืองแม่แต่น้อย หญิงชุดเหลืองในอดีตคือคนรับใช้ของหยกสีน้ำผึ้ง นางไม่สามารถกล่าวเรื่องนี้กับผู้อื่นได้ ว่านางมีของดี มีมิติล่องหนอยู่ ในมิติล่องหนของนางใช้ที่เก็บของธรรมดาเสียที่ไหน มีทั้งต้นไม้สมุนไพรบ่อน้ำอมฤต และที่เก็บของนางตั้งใจจะทำบ้านในนั้นให้ลี่หลินอาศัยอยู่ด้วย นางเก็บของแล้วก็ส่งกระแสจิตเข้าไป จัดสิ่งของไม่นานก็ได้ยินลี่หลินสื่อกระแสจิตมาหาตน พอคุยกันเสร็จมู๋จินเป่าก็ออกมา และเดินสำหรวจรอบถ้ำต่อเพื่อรอห่าวอู๋อวี่ตื่นขึ้นมา เดินดูของในถ้ำมากมายของที่ถูกตาถูกใจก็มีแต่สีดำของนิลกาฬ นางตั้งใจแล้วว่าถ้าห่าสอู๋อวี่ออกจากพวังฝึกฝนแล้วตนจะของให้หมดเลย หลังจากดูของทุกอย่างและยิ้มด้วยควา
ณ ถ้ำอสรพิษหลังจากมู๋จินเป่าตื่นขึ้นจากพวังฝึกฝนก็มีวรยุทธเพิ่มขึ้น นางมองออกไปก็พบกับห่าวอู๋อวี่ที่กำลังนั่งฝึกฝนอยู่ ตนจึงเดินออกสำหรวจสิ่งของนางเจอกำไลนิลกาฬที่ดูแล้วสะดุดตายิ่งนักกำลังจะสัมผัส สตรีในชุดสีเหลืองอ่อนก็เข้ามาและห้ามปรามไว้"ท่านเก็บของทุกอย่างที่เป็นสีเหลืองอมส้ม หรือสมบัติของหยกสีน้ำผึ้งได้เท่านั้น"หญิงสาวได้กล่าว มู๋จินเป่าจึงกวาดของที่มีสีน้ำผึ้งเข้ามิติทันทีโดยไม่ปิดบังหญิงชุดเหลืองแม่แต่น้อย หญิงชุดเหลืองในอดีตคือคนรับใช้ของหยกสีน้ำผึ้ง นางไม่สามารถกล่าวเรื่องนี้กับผู้อื่นได้ ว่านางมีของดี มีมิติล่องหนอยู่ ในมิติล่องหนของนางใช้ที่เก็บของธรรมดาเสียที่ไหน มีทั้งต้นไม้สมุนไพรบ่อน้ำอมฤต และที่เก็บของนางตั้งใจจะทำบ้านในนั้นให้ลี่หลินอาศัยอยู่ด้วย นางเก็บของแล้วก็ส่งกระแสจิตเข้าไป จัดสิ่งของไม่นานก็ได้ยินลี่หลินสื่อกระแสจิตมาหาตน พอคุยกันเสร็จมู๋จินเป่าก็ออกมา และเดินสำหรวจรอบถ้ำต่อเพื่อรอห่าวอู๋อวี่ตื่นขึ้นมา เดินดูของในถ้ำมากมายของที่ถูกตาถูกใจก็มีแต่สีดำของนิลกาฬ นางตั้งใจแล้วว่าถ้าห่าสอู๋อวี่ออกจากพวังฝึกฝนแล้วตนจะของให้หมดเลย หลังจากดูของทุกอย่างและยิ้มด้วยควา
หลังจากที่ห่าวอู๋หรงสั่งให้คนไปบุกเรือนคุณชายใหญ่ก็ไม่พบใคร จึงทำให้ห่าวอู๋หรงเดือดดาลเป็นอย่างมาก"พวกเจ้าไม่มีตากันเลยหรือไร เฝ้าเรือนปล่าๆมาสองคืนสองวัน ยังไม่รู้เรื่องไม่เห็นอีกหรือว่าใครไปไหน ให้คนจับตาดูที่เรือนคุณชายสี่ และถ้ำตะวันไว้ ทางที่ดีประตูทางเข้าเมืองตะวันด้วยดีกว่า ข้าจะหาผู้ที่ไว้ใจได้นำคนไปเฝ้าประตูไว้ไม่ให้คุณชายสี่กลับมา"ห่าวอู๋หลงกล่าว"ท่านพี่ผลหลิวต้องแสงจันทร์ ถ้าเด็ดออกมาจากต้นแล้วมีเวลาเก็บรักษาได้สามวันนิ ถ้าเกินนั้นก็ไม่มีผลแล้ว และบางทีอาจหายไปแล้วก็ได้"ห่าวอู๋ไห่กล่าวกับพี่สาว เขาถูกกักบริเวณแต่ก็เข้าออกเรือนพี่สาวของตนได้ จึงต้องมาวางแผนกันเป็นประจำ นี้ก็หกเจ็ดวันแล้วที่ข่าวผลหลิวต้องแสงจันทร์สุก น่าจะใช้การไม่ได้แล้ว"เจ้านั้นมันบื้อนักถ้าน้องสี่กินผลหลิวต้องแสงจันทร์เข้าไปแล้วกลับมา กลั่นไอวิเศษออกจากเลือดได้เล่าเจ้าจะว่าอย่างไร"ห่าวอู๋หรงกล่าว"ท่านพี่ท่านไม่คิดบ้างเลยหรือ ว่าถ้าหากคุณชายใหญ่ไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล ก็มีคุณชายสี่อีกคนที่เป็นลูกของฮูหยินไม่ใช้ลูกอนุแบบเรา"ห่าวอู๋ไห่ถามพี่สาวแบบตรงๆ คุณชายสี่ทั้งโดดเด่นหยิ่งยโส และฉลาดออก "
หลังจากที่จื่ออี้เฉินหักหยกมิติที่ห่าวอู๋มู่ลี่มอบให้ทำให้ทุกคนเข้าไปเมืองตะวันทันที่ ณ เมืองตะวัน คนที่เฝ้าถ้ำตะวันพากันวิ่งวุ่นวายมีสัตว์อสูรและหญิงสาวลอยขึ้นมาจากน้ำอมฤต มีคนมารายงานคุณชายใหญ่ตระกูลห่าวอู๋ เพราะตระกูลห่าวอู๋นั้นถือว่าเป็นเจ้าของของถ้ำแห่งนี้ เดิมที่ถ้ำแห่งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าย่างกายเข้าไป เพราะมีสัตว์อสูรอีกาดำสามขาเฝ้าอยู่แต่ตอนนี้บุตรชายคนเล็กของตระกูลห่าวอู๋ได้กำหราบอีกาดำสามขาได้แล้ว จึงให้อีกาดำสามขาเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาและติดตามตนไป เดิมทีไม่มีคนคอยเฝ้าก็ไม่มีผู้คนเขามาอยู่แล้ว แต่ห่าวอู๋มู่ลี่ได้ส่งคนไปเฝ้าเผื่อน้องชายตนกลับมาจะได้รู้ทันที"มีผู้หญิงหนึ่งคนที่เป็นมนุษย์ เจ้าอีกาดำสามขา อีแร้งยักษ์เหมือนตัวที่เคยเป็นสัตว์ในพันะสัญญาของคุณชายเลยขอรับ แล้วก็มีจรเข้หนึ่งตัว แล้วก็จิ้งจอกเก้าหางหนึ่งตัวขอรับ"ผู้ที่เฝ้าอยู่ในถ้ำรายงาน เขากำลังนอนหลับอยูดีดีก็ได้ยินเสียงปังๆอยู่ๆก็มีร่างห้าร่างโพลขึ้นมาจากน้ำ พวกเขาจึงลงไปลากร่างขึ้นมาปรากฏว่ายังมีชีวิตอยู่"แล้วคุณชายห่าวอู๋วี่ล่ะ ยังไม่กลับมาหรอกหรอแต่สัตว์อสูรในพันธะสัญญากลับมาแล้วเนี้ยนะ ไปข้าจะไปดู"ห่าวอู
หลังจากที่ห่าวอู๋อวี่ปรับตัวได้ก็พร้อมที่จะต่อสู้ มู๋จินเป่ารับรู้ได้ว่าห่าวอู๋อวี่พร้อมสู้แล้ว"พวกท่านจะสู้หรือเจรจากับพวกข้าดี ถ้าจะเจรจาก็รีบๆกล่าวมาหัวหน้าของท่านกำลังไล่ตามพวกข้ามา ข้าสังเกตุว่าเขาน่าจะมีพิษที่ทำให้ลูกน้องตัวเองตายไปทีละคนได้ แต่เขาไม่ทำสิ่งใดพวกข้าแค่ต้องการจับตัวเขารู้ยังไงก็เอาชนะพวกข้าได้ และกำจัดลูกน้องไปทีล่ะคน ข้าเองไม่รู้หรอกว่าเพื่ออะไร แต่ข้าขอสันนิษฐานว่าเพื่อให้ดูยิ่งใหญ่ลูกน้องทุกคนตายหมด แต่เขาเป็นหัวหน้าจับพวกข้าสองคนได้ ที่เขาไล่ต้อนพวกข้ามาทางนี้อาจจะอยากให้พวกท่านจับพวกข้า และเขาก็จัดการกับพวกท่านที่หลังไง หรือไม่ก็ยืมมือพวกข้าจัดการกับพวกท่านแล้วค่อยจับพวกข้าทีหลังไง"มู๋จินเป่าเริ่มพูดให้เขาคลางแคลงใจกัน เมื่อทางโน้นได้ฟังก็เกิดคล้อยตาม ทุกคนเริ่มค่อยๆตายไปทีละคน และหัวหน้าเองก็ถามเขาว่าทำไมเจ้าไม่ตาย มันต้องใช้แน่ๆมันเป็นแบบนังตัวดีพูดจริงๆ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคิดมู๋จินเป่าก็พยังหน้าให้ห่าวอู๋อวี่ ห่าวอู๋อวี่รู้งาน"จะชักช้าอยู่ใยกันรีบลงมือเถอะเดียวหัวหน้ามันก็มาเราจะหลบหนีไม่ทันเอา"ห่าวอู๋อวี่กล่าวพลางซัดพลังใส่คนที่หนีไปคราแรกอย่า
"เจ้าพักผ่อนเถอะ เดียวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะมีคนจากมิติเชื่อมจิตเหลือกี่คน"ห่าวอู๋อวี่กล่าว แผนนี้เหมือนจะลอบกัดแต่เอาชีวิตรอดก็ถือว่าดีแล้ว แต่ก่อนเขาเป็นคนบุ่มบ่าม ไม่เคยคิดเรื่องแผนการแบบนี้ เพราะตนมีวรยุทธสูง และติดว่ากำปั้นใครหนักผู้นั้นมีสิทธิ์อยู่ แต่สตรีที่อยู่ข้างหน้าของตนคือคนที่ไร้วรยุทธมาก่อนจึงมีกลอุบายเพื่อเอาชีวิตรอดมาได้ และตอนนี้นางมีทั้งวรยุทธที่สูงและกลอุบายที่มากมายเหมือนกัน แต่ก่อนชีวิตของเขาไร้ชีวิตชีวา แต่ตอนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อก่อนเข้าพร้อมสู้จนตัวตายเพราะไม่มีใครที่ทำให้เขาเป็นห่วง คนรอบข้างของเขาแข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก เขาบุกน้ำลุยไฟจนมีวรยุทธที่แข็งแกร่งเหมือนทุกวันนี้ แต่ถ้าเขามีมู๋จินเป่าตั้งแต่แรกเขาคงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายเช่นนี้แน่ เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปนางจะอยู่อย่างไร และอีกอย่างมีคนคอยจ้องจะทำร้ายนางอยู่ "ท่านไหวหรือไม่ "มู๋จินเป่ากล่าว เดิมทีนางอยากจะดูว่าเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร แต่คิดอีกทีนางพักผ่อนดีกว่าถ้าเป็นไปตามที่ต้นหลิวต้องแสงจันทร์กล่าวจะเหลือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดถึงสามคน ถึงนางจะช่วยห่าวอู๋อวี่ไม่ค่อยได้เท่าไหร่แต่นางก็จะคิดหาวิธีรับมือเม
มู๋จินเป่าเรียกเจ้าต้นไม้จิ๋วออกมาจากมิติที่นางพึ่งปลดผลึกได้ และทุกคนก็ร่วมปรึกษากัน เพราะคนของตนมีแค่สามคนส่วนอีกฝ่ายมีเป็นสิบห้าคน เดิมทีหากไม่มีข่ายอาคมกันตาคนกลุ่มนั้นก็คงจะกรุเข้ามาเพื่อจับตัวทั้งสองแล้ว"ถ้าพวกเจ้าอยู่ห่างจากอาคมกันตาคนเหล่านั้นก็จะจับเจ้าได้ "ห่าวอู๋อวี่กล่าว"แต่ถ้าข้าไม่ออกไปแล้วจะได้สู้หรือ5555 อาคมกันตาของท่านก็ดีอยู่หรอกแต่ข้ามีแผนของข้า ลอบกำจัดผู้ที่อยู่ใกล้ข่ายอาคมก่อนไม่ให้ผู้อื่นรู้ตัว เมื่อคนอยู่ใกล้หมดหรือพวกเข้ารู้ตัว เจ้าต้นไม้จิ๋วเจ้าทำตัวให้ใหญ่และโอบข้าไว้ ข้าจะรอจัดการคนเดินผ่านไปมา ส่วนท่านก็ล่อคนมาให้ข้าจัดการ"มู๋จินเป่ากล่าวสิ่งที่ตนคิดออกไป"เจ้าจะเก่งเพียงนั้นเลยหรือ คนกลุ่มนี้มีวรยุทธก็เหนือเจ้าทั้งนั้น แต่แผนแรกก็เข้าท่าดีข้าคิดว่ากำจัดคนที่อยู่ใกล้ก่อนนี้แหละ"ห่าวอู๋อวี่กล่าว"ถ้าท่านไม่เก็บข่ายอาคมไปแล้วข้าจะออกไปได้หรือจะจัดการกับคนพวกนั้นได้อย่างไร"มู๋จินเป่ากล่าว เพราะเขาเคยเห็นข่ายอาคมของห่าวอู๋อวี่ในตอนที่อยู่เขาป่าต้องแสงจันทร์แล้ว เขาออกไปไหนไม่ได้เลย"เดียวข้าแสดงให้เจ้าดูเอง"ห่าวอู๋อวี่กล่าวน้ำเสียงของเขาสนุกสนานในที แล
เมื่ออีแร้งยักษ์บินออกจากนครวิหกแล้ว ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ "จื่ออี้เฉินพวกเราหาประสบการณ์ในป่าแห่งนี้ก่อนดีไหม ข้ากับลี่หลินและเจ้าสือยวี่จะได้มีประสบการณ์กันมากขึ้น ขามาป่าต้องแสงจันทร์พวกข้าผจญภัยในหลายรูปแบบ ตอนที่มีวรยุทธน้อยๆอยู่ ตอนนี้ข้ามีวรยุทธมากขึ้นแล้วข้าอยากผจญภัยแบบผู้มียุทธกัน"ซิงอีกล่าว เพราะป่าแถบนี้ร่มรื่นและมีไอวิเศษอ่อนๆน่าอยู่อาศัยพลางยิ้มและจินตราการว่าจะดีไม่น้อยถ้าได้จญภัยอยู่ที่นี้สักระยะ"ถ้าหากตอนนี้ข้ากับเจ้านายยังสื่อสารกันได้ข้าก็อยากให้ท่านได้หาประสบการณ์ ได้ผจญภัยอยู่หรอกแต่ตอนนี้ข้าติดต่อเจ้านายไม่ได้นะสิ และอีกอย่างเรามีของที่คนหมู่มากต้องการอยู่ ข้าเองก็ไม่วางใจนัก หมู่บ้านต้องแสงจันทร์ก็คงจะมีประกาศติดตามหาตัวพวกเราแล้ว ถ้าพวกที่มียุทธและมีกระจกสมปราถนาแบบที่เรามีก็จะแย่เอา ข้าต้องการกลับให้ถึงเมืองตะวัน ก่อนและแจ้งให้บิดาของเจ้านายข้าออกตามหาเจ้านาย เมื่อเราพบกลุ่มเจ้านายแล้วค่อยหาที่ฝึกประสบการณ์และผจญภัยดีหรือไม่"จื่ออี้เฉินกล่าวความคิดของตนให้คนอื่นฟัง "ข้ารู้สึกว่ามีผู้จับตาดูเราอยู่ ข้าว่าเรารีบกลับเมืองตะวันของเจ้ากันเถอะ ข้าเองก็ไม่แน่ใจว
ทางด้านซิงอีกเมื่อรู้ว่ามู๋จินเป่าปลอดภัยนางก็เริ่มกินผลไม้ที่นกยักษ์เอามาทิ้งให้ได้ และหยดน้ำอมฤตให้จิ้งจอกเก้าหางขนสีน้ำผึ้งกับ อีกาดำสามขาทุกวันจนในที่สุดทั้งสองก็รู้สึกตัวในวันที่สามของการหลบหนีมา หลังจากที่ร่างกายได้รับไอวิเศษของผลหลิวต้องแสงจันทร์ ก็ทำให้ร่างกายทั้งสองแข็งแรงมาก เหมือนไม่เคยบาดเจ็บมาก่อน "นี้มันที่ใดกัน เรามาทีนี้ได้อย่างไรกัน ข้าจำได้ว่าข้าถูกพลังยุทธของผู้มียุทธระดับสูงซัดใส่อย่างเต็มที ข้าคิดว่าพวกเราทุกคนไม่น่าจะรอดแล้วตกลงเรารอดแล้วหรือ"จื่ออี้เฉินกล่าวขึ้นพลางมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเป็นลักษณะเหมือนรังนก และกลิ่นอายก็คุ้นเคยยิ่งนัก พลางมองทุกคนที่ตอนนี้ปลอดภัยดี จื่ออี้เฉินคิดถึงเจ้านายเป็นคนแรกจึงลองสื่อสารดูแต่ไร้ผล เจ้านายของเขาติดต่อไม่ได้อีกแล้ว พลางมองไปยังลี่หลินที่มีท่าทีเศร้าเช่นกัน"เจ้าก็สื่อสารกับเจ้านายไม่ได้ล่ะซิ ข้าติดต่อไม่ได้แต่ข้ารู้เจ้านายของข้าฟื้นแล้วและยังมีวรยุทธที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้วรยุทธของข้าก้าวกระโดดยิ่งนัก "ลี่หลินกล่าวพลางมองร่างกายตัวเองและภูมิใจมาก เดิมที่นางมีร่างกายเป็นมนุษยแต่บางครั้งการทำสีหน้าก็ไม่ค่อยมีชีวิตชีว
ทางด้านมู๋จินเป่าเมื่อนั่งถ่ายทอดพลังรักษาให้ห่าวอู๋อวี่ พลังในร่างกายของนางก็ปั้นป่วน เหมือนกำลังกดดันพลังบางอย่างเอาไว้ พอเริ่มถ่ายพลังออกไปเรื่อยๆ พลังของห่าวอู๋อวี่ก็ผลักดันพลังนางกลับมาทุกที ทำให้มู๋จินเป่าที่ทีแรงมีพลังในตัวถูกกดทับเอาไว้ก็เริ่มคลายตัวลง มู๋จินเป่าจึงเร่งที่จะถ่ายพลังให้ห่าวอู๋อวี่มากขึ้นเพราะพลังต้านในตัวของห่าวอู๋อวี่ทำให้ตนรู้สึกว่าอีกไม่นานตนน่าจะเลื่อนวรยุทธแล้ว พลังในตัวบุรุษผู้นี้เป็นพลังที่กลหลไม่รู้ว่าหนาวหรือร้อนปนเปกันไปหมด แต่พลังนี้มันดีต่อตัวนางใช้น้อย ทันใดนั้นนางก็เลื่อนวรยุทธทันที และห่าวอู๋อวี่เองก็กระอักเลือดออกมาและฟื้นทันที"เจ้าจะรีบถ่ายทอดพลังรักษาให้ข้าหายเร็ว หรือเพื่อเพิ่มวรยุทธของเจ้ากันแน่ ถ้าข้าไม่ตื่นเสียก่อนร่างกายของข้าคงระเบิดไปนานแล้ว พลังรักษาใครเขารีบร้อนถ่ายให้กัน ต้องค่อยๆสิ ข้าก็เคยถ่ายให้เจ้าตั้งสองครั้งไม่เห็นเจ้าจะกะอักเลือดออกมาเลย"ห่าวอู๋อวี่พูดพลางเช็ดเลือดออกจากมุมปาก และหยิบน้ำอมฤตมาดื่มก็รู้สึกว่าร่างกายของตนแปลก อยู่เฉยๆก็รู้สึกว่าพลังในร่างกายปั่นป่วน หรือจะเป็นพลังของนางที่ถ่ายทอดให้ตนเพื่อการรักษากันนะ"ข้าใช