บทที่ 41 ท่านรักข้าดั่งเช่นที่ข้ารักท่านหรือไม่ซ่งฟู่หลงเดินเข้ามาภายในห้องนอนก่อนจะยอมปล่อยร่างบางลงกับพื้นจางหมินเย่วที่ทรงตัวได้แล้ว นางก็หันหน้ามาโวยวายให้เขาในทันที “ใต้เท้า...ท่านทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน”“เป็นเจ้า” ซ่งฟู่หลงตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย สายตาคมกริบจับจ้องร่างบางตรงหน้าอย่างไม่วางตาจางหมินเย่วได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก คำพูดที่อาจทำให้คนเข้าใจผิดเช่นนั้น ทำเอานางถึงกับใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จางหมินเย่วได้แต่เม้มปากแน่นอย่างไม่รู้จะตอบสิ่งใดกลับไป ใบหน้าเริ่มแดงเรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นางจึงทำเพียงเบือนหน้าหนีเท่านั้น“ข้าเหนื่อยแล้ว...พวกเราเข้านอนเถอะ”คำพูดหน้าด้านหน้าทนของซ่งฟู่หลง ยิ่งทำให้จางหมินเย่วรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก เขาทำราวกับคนทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยาเฉกเช่นปกติอย่างใดอย่างนั้น “ข้ามิได้เกี่ยวข้องอันใดกับท่านแล้ว ทำเช่นนี้มิเหมาะสมยิ่งนัก แล้วนี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านพ่อของข้าจะเป็นห่วงเอาได้”“เรื่องพ่อเจ้า...เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว” ซ่งฟู่หลงยังคงยักไหล่พูดขึ้นมาราวกับมิใช่เรื่องใหญ่โตอันใดจางหมินเย่วจ้
บทที่ 42 เวรกรรมของผู้ใดซ่งฟู่หลงมีสีหน้าหนักใจขึ้นมา ใบหน้าของเขาหม่นแสงลงไปในทันที “เย่วเอ๋อร์...ชีวิตข้านั้นเสี่ยงอันตรายยิ่งนัก ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องมาเสี่ยงร่วมไปกับข้า”“แต่ข้ามิได้เกรงกลัว ขอเพียงใต้เท้ารักข้า...ข้ายินดีเคียงข้างท่านแม้ยามสุขหรือทุกข์ก็ตาม” จางหมินเย่วกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นซ่งฟู่หลงยิ้มกว้างออกมาอย่างตื้นตันใจ แต่ทว่าเขาก็มิอาจหักใจให้นางเผชิญความเสี่ยงได้ “แม้แต่สกุลจางของเจ้าหรือ”จางหมินเย่วนิ่งอึ้งไปในทันทีกับคำถามดังกล่าว “ข้า...ข้า...”ซ่งฟู่หลงยิ้มบางออกมาพร้อมยกมือขึ้นลูบไล้ศีรษะนางอย่างปลอบโยน “ข้าไม่อาจปล่อยเจ้า แต่ก็มิอาจรั้งเจ้าไว้...ขอเพียงเจ้าอยู่ห่างกายข้า...ชีวิตเจ้าและครอบครัวก็จะสงบสุข” ซ่งฟู่หลงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเศร้าหมองจางหมินเย่วโผเข้าซบที่อกของซ่งฟู่หลงในทันที “ใต้เท้า...ข้ารักท่าน”“คนดีของข้า”ในช่วงสายของวันซ่งฟู่หลงกำลังนั่งอ่านตำราอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง จางหมินเย่วเดินออกมาจากห้องอาบน้ำก่อนจะเดินเข้ามาสะกิดชายผ้าของซ่งฟู่หลงเบาๆ “ใต้เท้า...ข้าหายจากจวนมาทั้งคืน ท่านพ่อต้องเป็นห่วงมากเป็นแน่”ซ่งฟู่หลงดึงร่างบางมานั่งที่ตักพร
บทที่ 43 เจ้าต้องแต่งงานจางหมินเย่วอาศัยอยู่ที่จวนสกุลซ่งเป็นเวลากว่าสามวันแล้ว ในช่วงสายของวันหลังจากจางหมินเย่วแต่งตัวเสร็จแล้ว นางก็เดินมาหาซ่งฟู่หลงที่นั่งอ่านตำราอยู่ นางสะกิดที่ชายเสื้อของซ่งฟู่หลงเบาๆ “ใต้เท้า...ข้าจากจวนมาหลายวันแล้ว ข้าเกรงว่าท่านพ่อจะเป็นกังวล”ซ่งฟู่หลงดึงร่างของจางหมินเย่วมานั่งที่ตักด้วยท่าทีที่อิดออด “เย่วเอ๋อร์...อยู่ต่ออีกสักสองสามวันมิได้หรือ” ซ่งฟู่หลงกล่าวออกไปอย่างออดอ้อนแม้รู้ดีว่าไม่อาจรั้งนางไว้ได้นานไปกว่านี้ช่วงเวลาที่ทั้งคู่ที่ได้อยู่ร่วมกัน ทั้งสองต่างกอบโกยเวลาอันแสนล้ำค่าที่มีเอาไว้ ซ่งฟู่หลงนั้นแทบอยู่ไม่ห่างกายจากจางหมินเย่วสักหน เขาลาราชการพร้อมกับปิดจวนโดยไม่ยอมให้ใครเข้าพบแม้แต่คนเดียว ซ่งฟู่หลงเอาแต่คลอเคลียร่างบางตรงหน้าอย่างไม่เบื่อหน่าย ยิ่งสัมผัสใกล้ชิดมากขึ้นเพียงใด ซ่งฟู่หลงก็ได้แต่ทรมาน จนแทบมิอาจอดกลั้นเอาไว้ได้ แต่เมื่อจ้องมองดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับของจางหมินเย่ว เขาก็ได้แต่ข่มใจมิกล้าหักหาญน้ำใจของนางให้เจ็บช้ำ ทั้งสองจึงทำเพียงสัมผัสซึ่งกันและกันโดยภายนอกเท่านั้นซ่งฟู่หลงยังคงอ้อยอิ่งจนกระทั่งช่วงบ่ายของวัน เขาจึง
บทที่ 44 สัตว์เลี้ยงที่ถูกละเลยสายวันต่อมาในขณะที่จางหมินเย่วกำลังแต่งตัวอยู่นั้น เซี่ยเหมยก็เดินเข้ามาภายในห้องของบุตรสาว“ท่านแม่...” จางหมินเย่วรีบร้องออกมาก่อนจะปรี่เข้าไปประคองเซี่ยเหมยพามานั่งที่โต๊ะกลางห้อง “เรื่องของท่านพ่อเป็นเช่นใดบ้าง...ท่านแม่ได้ช่วยข้าพูดกับท่านพ่อหรือไม่”เซี่ยเหมยถอนหายใจออกมาพร้อมมองหน้าจางหมินเย่วอย่างอ่อนใจ “เย่วเอ๋อร์...เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ แม่ได้ปรึกษากับพ่อของเจ้าแล้วและแม่ก็อยากให้เจ้าแต่งงานกับหูตี้ตามที่พ่อของเจ้าคิดเห็น”“ท่านแม่...” จางหมินเย่วร้องประท้องออกมาอย่างตกใจ นางไม่คาดคิดว่ามารดาของตนจะยอมเออออไปกับความคิดของท่านพ่อเช่นนี้“เย่วเอ๋อร์...แม่รู้ดีว่าเจ้าลำบากใจ แต่แม่เคยตามใจเจ้ามาแล้วหนหนึ่ง” เซี่ยเหมยถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่...เพราะเรื่องของเจ้า...พ่อของเจ้าก็กลัดกลุ้มใจมาโดยตลอด บัดนี้พ่อของเจ้านับว่าสุขภาพย่ำแย่ลงไปทุกวัน สิ่งที่พ่อของเจ้าเป็นห่วงที่สุดก็คือความสุขของเจ้า...แม่เองก็เห็นว่าหูตี้ก็มิได้ด้อยไปกว่าใต้เท้าซ่งแม้แต่น้อย หากเจ้าได้ตบแต่งเป็นฮูหยินของเขา...หูตี้ย่อมยกย่องและให้เกียรติเจ้า...เช่นนั้นพ่อกั
บทที่ 45 ปรับตัวจางเซี่ยโยวกลับมาที่เรือนของตนด้วยความเหนื่อยอ่อน นางหย่อนกายลงนั่งพร้อมใบหน้าที่เศร้าหมอง สายตาเหม่อลอยออกไปเบื้องหน้าอย่างใช้ความคิดหนัก“คุณหนู...องค์ชายทำเช่นนี้ช่างน่าตำหนิยิ่งนัก...คุณหนูจะทนต่อไปอีกหรือเจ้าคะ...ท่านให้ข้าแจ้งนายท่านเถิด...นายท่านต้องหาทางช่วยเหลือคุณหนูเป็นแน่”“หันจง...เจ้าออกไปก่อน” จางเซี่ยโยวกล่าวไล่หันจงออกไป พร้อมนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง นางเป็นถึงบุตรสาวคนโตของสกุลจาง นางจะยอมให้ผู้ใดมาข่มเหงศักดิ์ศรีได้เช่นใด ดวงตาที่เศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นอย่างไม่ต้องการยอมแพ้ อนาคตของนางและเผิงจ้าวเสียนนั้นไม่ต่างกับนกน้อยในกรงทอง หากเจ้าของมิสนใจให้ค่า นกน้อยนั้นก็คงได้แต่เหี่ยวเฉาและทรมานจนตายในที่สุด“หากข้ายอมรับความอัปยศอดสูที่มีได้ ข้าจะสามารถฟื้นคืนศักดิ์ศรีของข้าได้หรือไม่” จางเซี่ยโยวกล่าวพึมพำออกมาอย่างไร้คำตอบใดๆจางเซี่ยโยวน้ำตาซึมออกมาจากปลายหางตาอย่างมิอาจกลั้น เสียงสะอื้นไห้ดังก้องด้วยในอกด้วยความตรอมตรมใจยิ่งนัก นางกัดฟันข่มความขมขื่นที่มีเอาไว้ น้ำตานี้จะเป็นหยดสุดท้ายที่นางจะยอมให้ไหลออกมาได้อีกจางเซี่ยโยว
บทที่ 46 ทวงคืนอำนาจหลังจากเสร็จกิจลงในที่สุด หนิงอันอวี้ก็ถึงกับนอนแผ่หลาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เขาเคี่ยวกรำร่างกายของจางเซี่ยโยวอย่างรู้สึกหนำใจ ร่างบางตรงหน้าสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาได้ไม่น้อยทีเดียว สีหน้าของเขาอิ่มเอมผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่จางเซี่ยโยวนั้นเจ็บปวดร่างกายไปทั่วทั้งบริเวณ รอยช้ำแดงจ้ำสลับเขียวชวนให้น่าสยดสยองยิ่งนัก นางข่มน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมาให้ผู้ใดได้เห็นความอ่อนแออีก ก่อนจะฝืนร่างกายที่แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ โผเข้ากอดหนิงอันอวี้อย่างเอาใจ “องค์ชาย...ท่านหายโกรธข้าหรือยังเจ้าคะ” น้ำเสียงหวานออดอ้อนพร้อมตีสีหน้าเศร้าสร้อยออกมาชวนให้น่าเห็นใจยิ่งนักหนิงอันอวี้หัวเราะอย่างชอบใจกับท่าทีน่าเอ็นดูนั้น เขายกมือขึ้นลูบไล้ไปตามใบหน้าขาวเนียนที่เป็นเพียงส่วนเดียวที่เขาทะนุถนอมเอาไว้ไม่ให้รู้สึกขัดสายตา “โยวเอ๋อร์...หากเจ้าเป็นเด็กดีเช่นนี้แต่แรก ข้าคงไม่ใจร้ายกับเจ้านักหรอก”จางเซี่ยโยวได้ยินเช่นนั้นก็ทำท่าแง่งอนใส่เขาอยู่ในที “หากตอนนี้ข้ารู้สำนึกแล้ว องค์ชายจะยังรักข้าเช่นที่เคยหรือไม่เจ้าคะ”หนิงอันอวี้ยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกหลงใหลในท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง ท่าทาง
บทที่ 47 ทวงแค้นไม่นานสาวใช้กว่าห้าคนถูกนำมานั่งคุกเข่าที่ลานกว้างกลางสวน พวกนางได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความหวาดหวั่นใจ อำนาจที่ถูกเปลี่ยนมือภายในเวลาชั่วข้ามคืนทำให้พวกนางได้แต่หวาดกลัวความผิดที่มี“หันจง...ลบหลู่พระชายามีโทษสถานใด” จางเซี่ยโยวกล่าวลอยๆ ออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าที่ฉายความเย็นชาจ้องมองบรรดาหญิงสาวตรงหน้าอย่างนึกโกรธแค้น“เรียนชายารอง...โบยตีจนตายเจ้าค่ะ” หันจงรีบกล่าวเสริมอย่างรู้งาน“พ่อบ้าน...” จางเซี่ยโยวหันไปมองพ่อบ้านพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างวางอำนาจ“พวกเจ้าโบยพวกนางจนกว่าจะตาย” พ่อบ้านรีบลนลานสั่งบ่าวผู้ชายโดยเร็วเสียงร้องระงมด้วยความเจ็บปวดจากการถูกโบยด้วยท่อนไม้ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณลานกว้าง จางเซี่ยโยวยืนมองด้วยความสะใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงร้องโหยหวนนั้นเทียบมิได้กับเสียงร้องของนางที่ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหัวอย่างมิจางหายหรูอี้หว่านรีบเร่งเดินมาที่ลานกว้างด้วยความโกรธแค้น นางรีบปรี่เข้ามาพร้อมขึ้นเสียงใส่จางเซี่ยโยวอย่างไม่เกรงกลัว “ชายารอง...เหตุใดท่านต้องลงโทษพวกนางหนักเช่นนี้”หันจงรีบก้าวเท้าเข้ามาด้านหน้าก่อนจะตบหน้าหรูอี้หว่านอย่างเต็มแรง “บังอาจนัก.
บทที่ 48 บุกวังหลวงที่จวนสกุลจางทุกคนต่างตื่นเต้นดีใจกับงานแต่งที่กำลังจะจัดขึ้น จางเหวิ่นชิงถึงกับเป็นพ่องานออกหน้าออกหน้าตระเตรียมทุกอย่างอย่างขะมักเขม้น เซี่ยเหมยเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่นึกหมั่นไส้สามีกับท่าทางกระตือรือร้นเช่นนี้ของเขาทุกคนต่างวุ่นวายจัดเตรียมสถานที่ ผ้าแพรสีแดงถูกจัดเป็นริ้วยาวไปทั่วบริเวณ หีบห่อสินเดิมเจ้าสาวถูกยกมาวางเรียงรายอย่างไม่ยอมน้อยหน้าผู้ใดจางหมินเย่วที่เดินวนไปมาอยู่ภายในเรือนอย่างรู้สึกร้อนใจ นางชะเง้อตามองไปที่ประตูอย่างรอเล่อจิ้นกลับมา “เล่อจิ้น...ได้ความว่าอันใดบ้าง” จางหมินเย่วเอ่ยถามอย่างร้อนรนเมื่อเห็นเล่อจิ้นก้าวเข้ามาภายในห้อง“คุณหนู...ข้าไปที่จวนใต้เท้าซ่งหลายวันแล้วแต่กลับไม่พบใต้เท้าเลย...พ่อบ้านบอกเพียงว่าใต้เท้าไปทำธุระที่ต่างเมือง ข้าฝากเรื่องไว้ให้พ่อบ้านแล้ว หากใต้เท้ากลับมาย่อมได้ความจากข้าเป็นแน่”“เช่นนั้นข้าจะทำเช่นใดดี...พรุ่งนี้ข้าก็จะถึงวันงานแล้ว...หรือว่าข้าต้องแต่งเข้าจวนสกุลฉางจริงๆ” จางหมินเย่วเพ้อออกมาอย่างหมดหวัง“คุณหนู...หากท่านแต่งเข้าสกุลฉางจริง...เอ่อ...ท่านอาจจะมีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ” เล่อจิ้นกล่าวออกมาจากความเห็นที
บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ
บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั
บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี
บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง
บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห
บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ
บทที่ 62 ผิดแผนเสียงเย็นยะเยือกที่ดังก้องกังวานของหนิงเว่ยเจี้ยนทำเอาเซี่ยเหมยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปกับพื้นนี้ แผ่นหลังเย็นวาบจนนางแทบลืมหายใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิรู้เรื่องอันใดเพคะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทาด้วยความกลัวที่แล่นเข้าจับหัวใจจางเหวิ่นชิงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างถึงกับหันหน้ามองฮูหยินของตนอย่างไม่คาดคิด ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น“ฮูหยินจาง...เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอยู่อีกหรือ” หนิงเว่ยเจี้ยนตวาดออกมาอย่างสุดจะทนเซี่ยเหมยถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างมิรู้จะทำเช่นใดต่อไป นางพยายามปรายตาขึ้นมองหยางกุยฮวาอย่างต้องการความช่วยเหลือหยางกุยฮวานึกเจ็บแค้นยิ่งนัก นางแทบอยากจะปรี่ตรงเข้าไปตบหน้าเซี่ยเหมยที่ทำตัวมิรู้ความเช่นนี้ แต่นางก็ได้แต่ทำเพียงกัดฟันแน่นพร้อมเบือนหน้าหนีออกไปเซี่ยเหมยรับรู้ได้ถึงการถูกตัดหางปล่อยวัด นางรู้สึกสิ้นหวังลงไปในทันที เซี่ยเหมยที่ยังคงน้ำตานองอาบสองแก้มถึงกับโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายที “หม่อมฉันผิดไปแล้ว...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”“เจ้าบอกว่าเจ
บทที่ 61 เป็นไปไม่ได้สิ้นเสียงของขันทีประกาศก้อง หนิงเว่ยเจี้ยนก็ก้าวเดินเข้ามาภายในท้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่าที่ราบเรียบแต่มั่นคง ใบหน้าเรียบเฉยแต่กลับดุดันไม่ต่างจากราชสีห์ที่น่าเกรงขามยิ่งนักหยางกุยฮวาถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้” หยางกุยฮวาเพ้อออกมาอย่างหวาดหวั่น ฝ่าบาทที่นอนแน่นิ่งมิต่างจากหุ่นที่มีชีวิต บัดนี้กลับก้าวเดินมาตรงหน้าของนางราวกับมิมีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นหนิงอันอวี้หันหน้าไปหาหยางกุยฮวางอย่างรู้สึกตื่นตระหนก หยางกุยฮวารีบยกมือขึ้นแตะฝ่ามือของหนิงอันอวี้เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ลง จากนั้นนางจึงปรับสีหน้าและท่าทางให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหยางกุยฮวาและหนิงอันอวี้ก้าวเดินลงมาด้านล่างก่อนจะย่อกายคำนับหนิงเว่ยเจี้ยนอย่างสุขุม “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงหายประชวรแล้วหรือเพคะ มิมีใดมาแจ้งข่าวดีเช่นนี้ให้ข้าทราบเลย” หยางกุยฮวากล่าวออกมาพร้อมเดินไปด้านข้าง เพื่อประคองแขนของหนิงเว่ยเจี้ยนหนิงเว่ยเจี้ยนสะบัดมือจากการเกาะกุมของหยางกุยฮวาในทันทีอย่างนึกรังเกียจ หยางกุยฮวาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ หนิงอันอวี้รีบเข้ามาประคองร่างของหยางกุยฮวาด้
บทที่ 60 ทวงคืนจางหมินเย่วที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน ฉับพลันประตูก็ถูกเปิดออก ซ่งฟู่หลงก้าวเท้าเข้ามาด้านในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ใต้เท้า...” จางหมินเย่วรีบปรี่เข้าไปสวมกอดร่างแกร่งอย่างต้องการที่พึ่ง บัดนี้นางได้แต่นึกสับสนและไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ว่าเซี่ยเหมยจะวางแผนให้ร้ายนางเช่นนี้ จางหมินเย่วยังคงคาดเดาว่าอาจเป็นไปได้ที่นางจะถูกผู้อื่นใส่ร้ายแทน“เย่วเอ๋อร์...เจ้าบอกความจริงข้าได้หรือยัง” ซ่งฟู่หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและคาดคั้นออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนพุ่งเป้ามาที่จางหมินเย่ว ดังนั้นศัตรูย่อมหมายเอาชีวิตของเขาเป็นหลักอย่างแน่นอน“ข้า...ใต้เท้า...ข้าไม่ทราบเรื่องจริงๆ” จางหมินเย่วยังคงมืดแปดด้าน นางมิกล้ากล่าวหามารดาของตนไปได้ซ่งฟู่หลงถอนหายใจออกมาพร้อมมองหน้าจางหมินเย่วอย่างนึกน้อยใจ “เรื่องราวเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้าอยู่หรือ” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาจางหมินเย่วถึงกับเม้มปากและก้มหน้าสลดลงไป“ใต้เท้า...ขนมที่ข้าทำ...ข้าเพียงใส่ยาบำรุงที่ท่านแม่มอบให้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แต่ว่าท่านแม่ไม่มีทางให้ร้ายข้าเป็นแน่...ใต้เท้าต้องมีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายข้า