บทที่ 17 กลับจวนสกุลจางครบกำหนดวันที่จางหมินเย่วจะต้องเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน เล่อจิ้นนั้นดีอกดีใจเสียยกใหญ่ ในขณะที่จางหมินเย่วได้แต่กังวลใจเนื่องด้วยไม่รู้ว่าซ่งฟู่หลงจะยอมกลับสกุลจางกับนางหรือไม่พ่อบ้านเดินมาที่เรือนฮวาหลงก่อนจะเคาะประตูเรียก เล่อจิ้นรีบเดินมาเปิดประตูให้พ่อบ้านในทันที“เรียนฮูหยิน...เอ่อ...นายท่านติดภารกิจสำคัญไม่อาจไปจวนสกุลจางได้ แต่ข้าน้อยได้จัดเตรียมรถม้าไว้ให้ฮูหยินอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ”จางหมินเย่วได้ฟังเช่นนั้นก็ไม่ได้แปลกใจอันใด นางเตรียมทำใจไว้แต่แรกอยู่แล้ว จางหมินเย่วจึงเพียงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบาง “ขอบคุณพ่อบ้านมาก”จางหมินเย่วก้าวเท้าเดินออกจากจวนโดยมีเล่อจิ้นประคองอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่ขึ้นรถม้าเล่อจิ้นก็บ่นกระปอดกระแปดอีกครั้ง “คุณหนู...ใต้เท้าทำเช่นนี้ช่างใจดำยิ่งนัก ข้ากลับสกุลจางจะต้องฟ้องนายท่านให้จัดการให้ท่านเป็นแน่”“เล่อจิ้น...อย่าได้พูดสิ่งใดทั้งนั้น...ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ข้าอดทนรอได้...ใต้เท้าซ่งจะต้องรักข้าในสักวัน” จางหมินเย่วยังคงพูดอย่างให้กำลังใจตนเอง ในเมื่อนางเลือกจะรักซ่งฟู่หลงแล้วนางจะไม่ยอมถอยเป็นอันขาดเล่อจิ้นได้แต่หน้างุ้มอย
บทที่ 18 ยาหอมรัญจวนจางหมินเย่วพักอยู่ที่จวนสกุลจางเป็นเวลากว่าสองวัน ก่อนที่นางจะร่ำลาจางเหวิ่นชิงและเซี่ยเหมยกลับจวนสกุลซ่ง “หากเจ้ามีเรื่องร้อนใจก็ให้เล่อจิ้นนำข่าวมาแจ้งข้า” จางเหวิ่นชิงกำชับบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“เย่วเอ๋อร์...เจ้าลองไตร่ตรองให้ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะสมปรารถนาให้เร็ววัน” เซี่ยเหมยกระซิบกล่าวก่อนจะประคองร่างจากจางหมินเย่วขึ้นบนรถม้ารถม้าแล่นไปตามทางอย่างเชื่องช้า จางหมินเย่วกอบกุมขวดยาในมือไว้แน่น ในใจพลางขบคิดอย่างหนัก ด้วยใจหนึ่งนางก็มิเห็นด้วย ด้วยกลัวซ่งฟู่หลงจะโกรธเอาในภายหลัง แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกคล้อยตามมารดาของตนหลังจากรถมาจอดเทียบที่หน้าสกุลซ่ง เล่อจิ้นก็ประคองร่างจางหมินเย่วลงจากรถ นางก้าวเดินเข้าไปภายในจวนด้วยความคิดอันเหม่อลอยระหว่างทางเดินจางหมินเย่วได้บังเอิญพบกับซ่งฟู่หลงที่กำลังเดินผ่านมาตรงด้านหน้า นางชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกดีใจยิ่งนัก จางหมินเย่วมิได้เจอหน้าซ่งฟู่หลงเป็นเวลาหลายวันทำให้นางอดคิดถึงเขาเป็นอย่างมาก“คำนับใต้เท้า” จางหมินเย่วย่อกายลงพร้อมเงยหน้าขึ้นมองซ่งฟู่หลงด้วยแววตาหลงใหลซ่งฟู่หลงจ้องมองจางหมิ
บทที่ 19 ฤทธิ์ยาซ่งฟู่หลงพยายามผลักไสจางหมินเย่วออกห่างจากตัว ฤทธิ์ยาทำให้ร่างกายของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาจนยากจะควบคุม เขาพยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่พวยพุ่งเอาไว้อย่างไม่ต้องการข่มเหงรังแกหญิงสาวตรงหน้าให้บอบช้ำจางหมินเย่วเองก็ได้แต่ยืนตกตะลึงอย่างทำอะไรไม่ถูก นางไม่ประสากับเรื่องอย่างว่ามาก่อนทำให้นางไม่รู้จะทำตัวเช่นใดกันดี แต่เมื่อเห็นซ่งฟู่หลงที่มีท่าทางโงนเงน นางก็รีบปรี่เข้าไปประคองร่างของเขาเอาไว้แน่นซ่งฟู่หลงที่บัดนี้ร้อนรุ่มไปทั่วร่างเมื่อได้กลิ่นหอมจากร่างบางที่โชยพัดเข้าจมูกกับสัมผัสอ่อนนุ่มที่แนบชิดร่างกายของเขา ทำเอาซ่งฟู่หลงมิอาจข่มกลั้นความอดทนได้อีกต่อไปซ่งฟู่หลงดึงร่างของจางหมินเย่วเข้ามาประชิดกับแผงอกของเขา สายตาจ้องมองจางหมินเย่วด้วยความรู้สึกเสน่หา ดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มฉายความต้องการที่มิอาจปิดบัง ยิ่งเมื่อได้สบสายตากับดวงตาคู่งามที่มองจ้องเขาด้วยท่าทางหวาดหวั่นราวกับกวางน้อยที่เริ่มหวาดกลัวราชสีห์เช่นเขา ซ่งฟู่หลงยกมือขึ้นประคองใบหน้าหวานเอาไว้แน่น ใบหน้าคมเข้มโน้มต่ำลงก่อนจะจรดริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนเลียไล้ขบเม้มริมฝีปากบนล่างอย่างหิวกระหาย ก่อนจะกดแทรกเข้าไปใ
บทที่ 20 หนังสือหย่าเล่อจิ้นที่เห็นซ่งฟู่หลงเดินออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว นางรีบเดินเข้าไปภายในห้องด้วยความรู้สึกกังวลใจ เมื่อเข้ามาถึงเล่อจิ้นก็เห็นจางหมินเย่วที่นั่งกับพื้นด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาอยู่ตรงบริเวณกลางห้อง นางรีบเข้ามาประคองร่างบางของนายหญิงเอาไว้แน่น“คุณหนูเกิดเรื่องอันใดเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงเป็นเช่นนี้”“เล่อจิ้น...ข้าทำเรื่องผิดต่อใต้เท้า...ใต้เท้าเกลียดข้าแล้ว...เขาเกลียดข้าเสียแล้ว” จางหมินเย่วโอดครวญออกมาพร้อมร้องไห้ฟูมฟายราวกับจะขาดใจเล่อจิ้นได้แต่ประคองร่างบางให้ลุกขึ้นและพยุงนางไปที่เตียง “คุณหนูทำใจให้สบายก่อนเถิดเจ้าค่ะ วันพรุ่งพวกเราค่อยไปขออภัยใต้เท้าอีกครั้งนะเจ้าคะ”จางหมินเย่วดึงแขนทั้งสองข้างของเล่อจิ้นเอาไว้ “เล่อจิ้น...ใต้เท้าจะมอบหนังสือหย่าให้ข้า...ข้าไม่ต้องการหย่ากับเขา”เล่อจิ้นได้ฟังเช่นนั้นก็มีอารมณ์ขึ้นมา “ใต้เท้าซ่งทำเกินไปแล้ว เขามีสิทธิ์อันใด ที่จะยื่นหนังสือหย่าให้ท่าน ข้าจะนำความแจ้งแก่นายท่านให้นายท่านช่วยจัดการ”“อย่านะเล่อจิ้น...เจ้าอย่าได้ทำเช่นนั้น...เป็นข้า...เป็นข้าที่ผิดต่อใต้เท้าเอง”“คุณหนูเรื่องมาถึงขนาดนี้ เหตุใดท่านยังคงปกป้องใต
บทที่ 21 อ้อนวอนซ่งฟู่หลงกำลังฝึกกระบี่อยู่ที่ลานกว้างในสวนอย่างแข็งขัน ด้วยความหงุดหงิดและอึดอัดใจที่สะสมและอัดอั้นทำให้เขาโหมแรงทั้งหมดไปกับการฝึกซ้อม โดยหวังเพียงช่วยลบความคิดฟุ้งซ่านที่มีออกจากหัวของเขาไปชั่วขณะจางหมินเย่วก้าวเท้าเข้ามาภายในสวนด้วยความเร่งรีบ สายตาของนางจับจ้องไปที่ซ่งฟู่หลงด้วยสายตาเว้าวอน จากนั้นจางหมินเย่วก็ทรุดกายลงคุกเข่าตรงหน้าของซ่งฟู่หลงในทันทีซ่งฟู่หลงถึงกับหยุดชะงักลงไป สองมือกำกระบี่ไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายผสมปนเป ใบหน้าอันงดงามตรงหน้าบัดนี้ดูหมองเศร้า น้ำตาที่เอ่อคลอใกล้จะรินไหลลงอาบแก้มอีกครั้งชวนให้สงสารจับใจ“ใต้เท้า...ข้าสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย...ข้าขอร้อง...โปรดเมตตาข้าสักครั้ง” จางหมินเย่วถึงกับโขกศีรษะลงกับพื้นอ้อนวอนซ่งฟู่หลงอย่างน่าเวทนา“หยุดได้แล้ว เจ้ากำลังทำเรื่องไร้สาระอันใดกันอีก” ซ่งฟู่หลงตวาดออกมา“ข้าจะคุกเข่าต่อหน้าท่านเช่นนี้ จนกว่าท่านจะยอมยกโทษให้ข้า”ซ่งฟู่หลงที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้า หนึ่งคือเขาโกรธนางที่ไม่รู้จักรักและถนอมตนเองเอาเสียเลย สองคือโกรธตนเองที่ต้องพยายามหักใจปล่อยนางไปให้จงได้ซ่งฟู่หลงโยนกระบี่ลง
บทที่ 22 จำยอมจางหมินเย่วพักฟื้นอยู่ที่เรือนของซ่งฟู่หลงเป็นเวลากว่าสามวัน ร่างกายของนางค่อยๆ ดีขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าซ่งฟู่หลงจะมิได้เข้ามาเยี่ยมเยียนนางเลยนับตั้งแต่ครั้งที่นางฟื้นสติขึ้นมา แต่จางหมินเย่วก็รู้สึกอุ่นใจมากขึ้นที่ซ่งฟู่หลงมิได้ขับไล่ไสส่งนางออกจากเรือนของเขาค่ำวันนี้จางหมินเย่วเข้านอนแต่หัวค่ำ ในยามที่หลับใหลนางมักจะฝันเห็นซ่งฟู่หลงตรงหน้าเสมอ มือใหญ่ที่ลูบไล้ใบหน้าและเส้นผมของนางอย่างทะนุถนอม สัมผัสอันอ่อนโยนทำให้จางหมินเย่วรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในจิตใจ “ใต้เท้า...ข้ารักท่าน...ข้ารักท่าน...ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย” จางหมินเย่วเพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาซ่งฟู่หลงถึงกับชะงักมือไป ใบหน้าเข้มขรึมยังคงฉายแววความเคร่งเครียด แต่กลับดูอ่อนโยนลงไปอย่างมาก เขาโน้มตัวจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของจางหมินเย่วอย่างแผ่วเบาจางหมินเย่วลืมตาตื่นขึ้นจากการหลับใหล ใบหน้าของซ่งฟู่หลงอยู่ห่างจากหน้าของนางเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงบนใบหน้าให้ความรู้สึกร้อนผ่าว ไปทั่วร่างกาย “ใต้เท้า...นี่มิใช่ความฝัน ท่านมาหาข้าทุกคืนใช่หรือไม่” จางหมินเย่วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงความออดอ้อนใ
บทที่ 23 กลับจวนสกุลจางหลังจากจางหมินเย่วเดินออกจากห้องโถงไป จางเหวิ่นชิงก็กราดเกรี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าจะสั่งสอนมันผู้นั้นที่บังอาจทำลายหัวใจของข้า”เซี่ยเหมยรีบเข้ามาลูบลำแขนหนาของเขาอย่างปลอบโยน “ท่านพี่...ท่านใจเย็นเสียก่อนเถอะ หากท่านทำเช่นนี้มิเท่ากับซ้ำเติมเย่วเอ๋อร์ให้รู้สึกเจ็บช้ำมากขึ้นไปอีกหรือ ในเมื่อวันนี้เย่วเอ๋อร์กับใต้เท้าซ่งตัดขาดกันแล้วโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นต่อไปพวกเราก็อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับคนสกุลซ่งอีกเลย”จางเหวิ่นชิงหันมองหน้าเซี่ยเหมยด้วยดวงตาคมกริบ เขานึกตำหนินางขึ้นมาในทันที ในเมื่อนางเป็นตัวตั้งตัวตีให้จางหมินเย่วแต่งงานกับซ่งฟู่หลงเซี่ยเหมยถึงกับสะดุ้งเมื่อได้เห็นแววตาวาววับเช่นนั้น “ท่านพี่...ท่านจะโกรธเคืองข้าก็ย่อมได้ แต่ข้าเพียงต้องการให้เย่วเอ๋อร์มีความสุข ข้าไม่คิดว่านางจะต้องพบจุดจบเช่นนี้” เซี่ยเหมยตีสีหน้าเศร้าสลดลงไป น้ำตาเอ่อล้นบนดวงตาทั้งสอง นางสะบัดกายหันหลังให้จางเหวิ่นชิงอย่างรู้สึกน้อยอกน้อยใจจางเหวิ่นชิงถึงกับชะงักไปชั่วครู่ ท่าทีอ่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด “ฮูหยินข้ามิได้ตั้งใจจะโทษเจ้า ข้าเพียงแต่โกรธเคืองมันผู้นั้นยิ่งนัก”“ท่านพี่...ข้าเองก็
บทที่ 24 งานเลี้ยงในสวนหลวงจางเซี่ยโยวแต่งกายอย่างพิถีพิถันโดยมีเซี่ยเหมยคอยดูแลอยู่ไม่ขาด เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกตัดเย็บด้วยผ้าไหมชั้นดี รวมถึงเครื่องประดับที่นางลงทุนสั่งทำขึ้นมาเพื่องานเลี้ยงครั้งนี้โดยเฉพาะจางเซี่ยโยวแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีชมพูเข้ม กระโปรงปักเลื่อมทองลายนกยูงยิ่งขับให้ชุดมีสีสันสะดุดตาขึ้นอย่างมาก เซี่ยเหมยจ้องมองบุตรสาวอย่างพิจารณาอีกครั้ง นางยิ้มอย่างพึงพอใจเป็นอย่างมาก“โยวเอ๋อร์ วันนี้เจ้าช่างงามนัก ข้าคิดว่าคงมิมีผู้ใดโดดเด่นเกินเจ้าเป็นแน่”จางเซี่ยโยวยิ้มรับกับคำชมดังกล่าว นางเพ่งมองตนเองจากกระจกอีกครั้งอย่างพึงพอใจ“เจ้าเข้าวังหลวงต้องรักษากิริยามารยาทให้ดี อย่าให้มีเรื่องผิดพลาดอันใดเล่า” เซี่ยเหมยกำชับบุตรสาวของตนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมจางเซี่ยโยวยิ้มกว้างออกมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่มารดาของตนดูแลเอาใจใส่นาง มากถึงเพียงนี้ “ท่านแม่โปรดวางใจ ข้าฝึกบรรเลงพิณผาเพื่อเตรียมเป็นของขวัญ ให้กับฮองเฮาเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี ขอเพียงฮองเฮาต้องตาเจ้า ตำแหน่งพระชายาองค์ชายสี่ย่อมตกเป็นของเจ้าเป็นแน่”จางเซี่ยโยวยิ้มกว้างฝันหวานขึ้นมา ใบหน้าของหนิงอันอ
บทที่ 68 ฟ้าหลังฝน“โยวเอ๋อร์....โยวเอ๋อร์...ข้าขอโทษ...ข้าขอโทษ” เสียงร้องตะโกนเรียกบุตรสาวของเซี่ยเหมยดังก้องไปทั่วห้องขัง นางทรุดตัวลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มพร้อมหันหลังให้กับจางหมินเย่วอย่างหมดอาลัยตายอยาก นางอ่อนล้าและอ่อนแรงจนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวอันใดกับจางหมินเย่วให้ตนเองต้องเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว“ท่านแม่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าได้แต่นึกขอบคุณท่านที่รักและเอาใจใส่ข้ามาโดยตลอดแม้ว่าท่านจะเกลียดชังข้ามากเพียงใด...แต่ว่า...ท่านแม่...จะมีสักครั้งหรือไม่ที่ท่านจริงใจต่อข้าแม้เสียงสักเสี้ยวนาที”เซี่ยเหมยกัดฟันแน่นข่มความอาดูรเอาไว้ในใจ ภาพแต่หนหลังผุดขึ้นมาในความนึกคิดของนางอีกครั้ง แม้นางจะนึกเกลียดชังสองแม่ลูกมากสักเพียงใดแต่ความผูกพันที่มีมาเนิ่นนานก็เป็นสิ่งที่นางมิอาจปฏิเสธได้ “นับแต่นี้ต่อไป...เจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก” เซี่ยเหมยกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่สงบและจริงจัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งหันหลังที่มุมห้องขังอย่างไม่ต้องการเสวนากับจางหมินเย่วอีกต่อไปจางหมินเย่วสะอื้นไห้ในลำคอ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมาอีกหน “ขอท่านแม่โปรดรักษาตัวด้วย” นางคุกเข่าลงพร้อมโขกศีรษะกับพื้นเ
บทที่ 67 ท่านยอมรับความจริงเถิดข่าวคราวเรื่องของหนิงอันอวี้ที่มีสภาพไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิตแพร่สะพัดไปทั่วแคว้น “ไม่จริง...อันอวี้ต้องไม่เป็นอันใด...ไม่จริง...” หยางกุยฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับคลุ้มคลั่งอาละวาด ก่อนจะเป็นลมจนสิ้นสติไปในทันทีในขณะที่ซ่งฟู่หลงและจางหมินเย่วได้ยินเรื่องดังกล่าวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างนึกสังเวชใจ “เวรกรรมจริงๆ”จางหมินเย่วหันไปมองซ่งฟู่หลงก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความประหม่า “ใต้เท้า...ข้ามีเรื่องอยากขอร้อง”ซ่งฟู่หลงหรี่ตามองจางหมินเย่ว “เจ้าว่ามาสิ”“ข้าอยากไปเยี่ยมท่านแม่สักครั้ง...ท่านให้ข้าไปได้หรือไม่” จางหมินเย่วกล่าวออกมาในที่สุดแววตาที่อ้อนวอนทอดมองมาที่ซ่งฟู่หลง เขาได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกำชับให้องครักษ์คอยคุ้มกันนางเอาไว้อย่างใกล้ชิดจางหมินเย่วพร้อมเล่อจิ้นและองครักษ์อีกสองนายขึ้นรถม้าพร้อมมุ่งหน้าตรงไปยังคุกอาญาในทันทีเซี่ยเหมยถูกกักขังอยู่ในห้องขังตามลำพัง ใบหน้าเหม่อลอย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงอย่างทอดอาลัยตายอยาก นางรู้สึกอับจนและสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่งในทันทีที่เซี่ยเหมยเห็นจางหมินเย่วตรงหน้า นางก็ปรี่เข้ามาพร้อมยื่นแขน ออกมาด้านนอกกรงขังหวั
บทที่ 66 ข้ามิอาจให้ท่านทำร้ายได้อีกจางเซี่ยโยวประคองหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอนด้วยท่าทางที่เป็นปกติ แม้ว่าภายในใจนั้นกลับตื่นเต้นระคนหวาดหวั่นไปพร้อมกัน สุราและอาหารถูกจัดเรียงไว้อย่างพร้อมสรรพหนิงอันอวี้เข้ามาภายในห้องนอน เขามิได้ใส่ใจกับสิ่งใดตรงหน้า หนิงอันอวี้กระชากร่างของจางเซี่ยโยวเข้าหาตัวพร้อมบดขย้ำนางด้วยความอัดอั้นในอารมณ์ ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างดุนดันและตะกละตะกลามจางเซี่ยโยวร้องอู้อี้ออกมา นางพยายามดิ้นรนขัดขืนก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมได้ในที่สุด การกระทำดังกล่าวส่งผลให้หนิงอันอวี้มีท่าทางฉุนเฉียวและหงุดหงิดใจขึ้นมาในทันทีจางเซี่ยโยวรีบปรับอารมณ์ให้เป็นปกติอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างหวานเยิ้มออกมาพร้อมเดินเข้าไปคล้องลำแขนของเขาอย่างประจบเอาใจ “องค์ชาย...ข้าตระเตรียมสุราชั้นดีเอาไว้สำหรับดื่มด่ำในค่ำคืนนี้ หากท่านใจร้อนเช่นนี้จะมิทำให้เสียบรรยากาศหรอกหรือเจ้าคะ”จางเซี่ยโยวกล่าวพลางดึงรั้งหนิงอันอวี้ลงนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งบนตักเขา มือข้างหนึ่งวาดแขนโอบรอบลำคอ ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยกสุรารินลงในจอกด้วยท่าทางที่เชื่องช้าแต่เย้ายวนในที จางเซี
บทที่ 65 น้อยเนื้อต่ำใจจางเซี่ยโยวโขกศีรษะขอบคุณหนิงเว่ยเจี้ยนอีกครั้ง เมื่อนางได้รับอนุญาตตามที่หนิงเว่ยเจี้ยนได้ให้คำมั่นไว้ นางก็ขอตัวลากลับไปในทันที นางหันหลังเดินออกไปโดยมิได้มองจางหมินเย่วที่อยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นลูกก็ขอตัวเช่นกัน” ซ่งฟู่หลงโค้งตัวลาหนิงเว่ยเจี้ยนในทันที พร้อมกระชับร่างของจางหมินเย่วที่ยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังอยู่ในความฝัน เหตุการณ์ตรงหน้าซับซ้อนเกินกว่าที่จางหมินเย่วจะสามารถคาดเดาอันใดได้“ฟู่หลง...ต่อไปเจ้าก็ดูแลเย่วเอ๋อร์ให้ดีเล่า” หนิงเว่ยเจี้ยนกล่าวกำชับซ่งฟู่หลงอีกครั้งอย่างนึกเป็นห่วงและเอ็นดู“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ...ชายาของข้านั้นดื้อรั้นและโง่เขลา...ต่อไปข้าคงมิอาจให้นางคลาดสายตาไปได้อีก” ซ่งฟู่หลงกล่าวตอบพร้อมปรายตามองจางหมินเย่วอย่างหยอกเย้าจางหมินเย่วได้แต่ยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมใบหน้าที่สลดลงไป นางมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก นางได้แต่นึกเสียใจในความโง่เขลาของตนเองขณะที่อยู่ลำพังภายในเรือนนอน จางหมินเย่วได้แต่นั่งคอตกหวนคิดถึงความผิดพลาดที่ตนเองได้ก่อขึ้น นางได้แต่รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ทั้งความผิดหวัง ความท้อแท้ ความรันทดใจซ่งฟู่หลงเข้ามานั่ง
บทที่ 64 ทวงสัญญาหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง หยางกุยฮวาถึงคุมตัวไปยังตำหนักเย็น ในขณะที่เซี่ยเหมยถูกจับกุมไปยังเรือนจำของศาลอาญาเพื่อรอคำตัดสิน จางเซี่ยโยวก็ได้คุกเข่าลงตรงหน้าหนิงเว่ยเจี้ยน “ทูลฝ่าบาท...ขอพระองค์ทรงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”จางเซี่ยโยวหวนนึกถึงในวันที่เซี่ยเหมยได้เดินทางมาหาตนที่จวนก่อนหน้านี้“โยวเอ๋อร์...แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกกับเจ้า” เซี่ยเหมยกล่าวออกมา ในขณะที่มีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง“ท่านแม่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนเช่นนี้”เซี่ยเหมยหยิบขวดยาจากแผงเสื้อออกมา ก่อนจะนำมาวางตรงหน้าจางเซี่ยโยว“นี่คือ....”เซี่ยเหมยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่หยางกุยฮวาได้นัดหมายกับตนให้จางเซี่ยโยวได้ฟังจนสิ้น “โยวเอ๋อร์...หากการนี้ทำสำเร็จ...อนาคตของเจ้าและองค์ชายสามย่อมสว่างสดใส และต่อไปจะมิมีผู้ใดขัดขวางตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาของเจ้าไปได้อีกแล้ว” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง“ท่านแม่...” จางเซี่ยโยวพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจกับความคิดอันเลวร้ายของมารดาของตน “ท่านแม่ องค์ชายสามนั้นมีตำแหน่งรัชทายาทอยู่ก่อนแล้ว ห
บทที่ 63 จนมุมนางกำนัลคนสนิทของหยางกุยฮวาถูกโยนลงมาตรงด้านข้างของเซี่ยเหมยด้วยสภาพบอบช้ำและอิดโรย“เจ้าจงสารภาพออกมาเดี๋ยวนี้” เสียงตวาดของหนิงเว่ยเจี้ยนดังขึ้นอีกครั้งนางกำนัลหันไปมองหยางกุยฮวาอย่างหวาดหวั่น ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง “ทูลฝ่าบาท...หม่อมฉันผิดไปแล้ว ขอฝ่าบาทเมตตาด้วย หม่อมฉัน...เอ่อ...เรื่องราวทั้งหมดฮองเฮาเป็นผู้บงการเพคะ”สิ้นเสียงของนางกำนัล หยางกุยฮวาก็ปรี่เข้ามาตบหน้านางอย่างแรง “นางทาสชั้นต่ำ เจ้ากล้าใส่ความข้าอย่างนั้นหรือ” หยางกุยฮวาตวาดออกมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา โทสะคุกรุ่นด้วยความเจ็บแค้นที่คนสนิทของตนคิดคดทรยศนาง“หยุดเดี๋ยวนี้...” หนิงเว่ยเจี้ยนตะคอกออกมาทำเอาหยางกุยฮวาถึงกับชะงักงันไป นางจ้องมองนางกำนัลด้วยแววตาเดือดดาลและอาฆาตแค้น“เจ้าจงบอกความจริงออกมาให้หมด ข้าจะให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าเอง”“ทูลฝ่าบาท...ฮองเฮาวางแผนต้องการใส่ความองค์ชายหกจึงได้มอบยาพิษให้ฮูหยินจางเพื่อใส่ร้ายพระชายา หากแผนการสำเร็จก็จะสามารถกำจัดองค์ชายหกได้สำเร็จเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาด้วยท่าทางลนลาน แม้นางจะซื่อสัตย์ต่อหยางกุยฮวามากเพียงใด แต่เมื่อนางถูกต่อรองด้วยชีวิ
บทที่ 62 ผิดแผนเสียงเย็นยะเยือกที่ดังก้องกังวานของหนิงเว่ยเจี้ยนทำเอาเซี่ยเหมยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปกับพื้นนี้ แผ่นหลังเย็นวาบจนนางแทบลืมหายใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันมิรู้เรื่องอันใดเพคะ ขอฝ่าบาททรงพิจารณาด้วย” เซี่ยเหมยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก มือไม้สั่นเทาด้วยความกลัวที่แล่นเข้าจับหัวใจจางเหวิ่นชิงที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างถึงกับหันหน้ามองฮูหยินของตนอย่างไม่คาดคิด ท่าทางของนางเช่นนี้ทำให้เขารับรู้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้น“ฮูหยินจาง...เจ้ายังคิดจะแก้ตัวอยู่อีกหรือ” หนิงเว่ยเจี้ยนตวาดออกมาอย่างสุดจะทนเซี่ยเหมยถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างมิรู้จะทำเช่นใดต่อไป นางพยายามปรายตาขึ้นมองหยางกุยฮวาอย่างต้องการความช่วยเหลือหยางกุยฮวานึกเจ็บแค้นยิ่งนัก นางแทบอยากจะปรี่ตรงเข้าไปตบหน้าเซี่ยเหมยที่ทำตัวมิรู้ความเช่นนี้ แต่นางก็ได้แต่ทำเพียงกัดฟันแน่นพร้อมเบือนหน้าหนีออกไปเซี่ยเหมยรับรู้ได้ถึงการถูกตัดหางปล่อยวัด นางรู้สึกสิ้นหวังลงไปในทันที เซี่ยเหมยที่ยังคงน้ำตานองอาบสองแก้มถึงกับโขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายที “หม่อมฉันผิดไปแล้ว...หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”“เจ้าบอกว่าเจ
บทที่ 61 เป็นไปไม่ได้สิ้นเสียงของขันทีประกาศก้อง หนิงเว่ยเจี้ยนก็ก้าวเดินเข้ามาภายในท้องโถงใหญ่ด้วยท่วงท่าที่ราบเรียบแต่มั่นคง ใบหน้าเรียบเฉยแต่กลับดุดันไม่ต่างจากราชสีห์ที่น่าเกรงขามยิ่งนักหยางกุยฮวาถึงกับผงะถอยหลังด้วยความตกตะลึง “เป็นไปไม่ได้” หยางกุยฮวาเพ้อออกมาอย่างหวาดหวั่น ฝ่าบาทที่นอนแน่นิ่งมิต่างจากหุ่นที่มีชีวิต บัดนี้กลับก้าวเดินมาตรงหน้าของนางราวกับมิมีเหตุการณ์ร้ายใดเกิดขึ้นหนิงอันอวี้หันหน้าไปหาหยางกุยฮวางอย่างรู้สึกตื่นตระหนก หยางกุยฮวารีบยกมือขึ้นแตะฝ่ามือของหนิงอันอวี้เพื่อให้เขาสงบอารมณ์ลง จากนั้นนางจึงปรับสีหน้าและท่าทางให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหยางกุยฮวาและหนิงอันอวี้ก้าวเดินลงมาด้านล่างก่อนจะย่อกายคำนับหนิงเว่ยเจี้ยนอย่างสุขุม “ถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาททรงหายประชวรแล้วหรือเพคะ มิมีใดมาแจ้งข่าวดีเช่นนี้ให้ข้าทราบเลย” หยางกุยฮวากล่าวออกมาพร้อมเดินไปด้านข้าง เพื่อประคองแขนของหนิงเว่ยเจี้ยนหนิงเว่ยเจี้ยนสะบัดมือจากการเกาะกุมของหยางกุยฮวาในทันทีอย่างนึกรังเกียจ หยางกุยฮวาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถึงกับล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ หนิงอันอวี้รีบเข้ามาประคองร่างของหยางกุยฮวาด้
บทที่ 60 ทวงคืนจางหมินเย่วที่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอน ฉับพลันประตูก็ถูกเปิดออก ซ่งฟู่หลงก้าวเท้าเข้ามาด้านในด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ใต้เท้า...” จางหมินเย่วรีบปรี่เข้าไปสวมกอดร่างแกร่งอย่างต้องการที่พึ่ง บัดนี้นางได้แต่นึกสับสนและไม่อาจเชื่อสายตาตนเองได้ว่าเซี่ยเหมยจะวางแผนให้ร้ายนางเช่นนี้ จางหมินเย่วยังคงคาดเดาว่าอาจเป็นไปได้ที่นางจะถูกผู้อื่นใส่ร้ายแทน“เย่วเอ๋อร์...เจ้าบอกความจริงข้าได้หรือยัง” ซ่งฟู่หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังและคาดคั้นออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนพุ่งเป้ามาที่จางหมินเย่ว ดังนั้นศัตรูย่อมหมายเอาชีวิตของเขาเป็นหลักอย่างแน่นอน“ข้า...ใต้เท้า...ข้าไม่ทราบเรื่องจริงๆ” จางหมินเย่วยังคงมืดแปดด้าน นางมิกล้ากล่าวหามารดาของตนไปได้ซ่งฟู่หลงถอนหายใจออกมาพร้อมมองหน้าจางหมินเย่วอย่างนึกน้อยใจ “เรื่องราวเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะปิดบังข้าอยู่หรือ” น้ำเสียงตัดพ้อทำเอาจางหมินเย่วถึงกับเม้มปากและก้มหน้าสลดลงไป“ใต้เท้า...ขนมที่ข้าทำ...ข้าเพียงใส่ยาบำรุงที่ท่านแม่มอบให้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “แต่ว่าท่านแม่ไม่มีทางให้ร้ายข้าเป็นแน่...ใต้เท้าต้องมีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายข้า