หยวนชิงหลิงไม่เคยได้ยินพวกนางพี่น้องพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้ นางมองไปที่หยวนหยงอี้ด้วยความรู้สึกอิจฉานิดหน่อย "ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก ที่จะละทิ้งทุกสิ่งและเดินทางไปทั่วหล้า เจ้ากล้าหาญมาก”“จริงรึ?” หยวนหยงอี้รู้สึกประหลาดใจมาก “อันที่จริงท่านย่าและคนอื่น ๆ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ข้ายืนกรานจะไปให้ได้ ด้วยคำพูดของพี่หยวน ได้เพิ่มความมั่นใจให้ข้าแล้ว”“ไปเถิด เจ้ายังเยาว์วัย ไปท่องเที่ยวเรียนรู้โลกกว้างเป็นเรื่องดี” หยวนชิงหลิงพูดสนับสนุนในตอนนั้นหยวนหยงอี้ตัดสินแน่ใจอย่างแน่วแน่ว่าจะออกไปท่องโลกกว้าง ให้สมกับที่ไอดอลของตัวเองให้กำลังใจหยวนชิงหลิงไม่รู้เลยว่า การให้กำลังใจกันเช่นนี้จะถูกอ๋องฉีด่าลับหลังไม่หยุดรถม้ามุ่งหน้าไปยังอารามชีหมิงเยว่อากาศหนาวเย็น มีคนไม่กี่คนที่ออกมาเดินบนถนน ลมพัดใบไม้ปลิวไสวไปตามถนนเส้นยาว ธงป้ายของร้านอาหารสะบัดไปตามแรงลม มีคนจากสำนักคุ้มกันขนสินค้าไป หยวนชิงหลิงเลิกม่านขึ้น และมองดูรู้สึกถึงบรรยากาศในยุทธภพเป็นอย่างมากอารามชีหมิงเยว่อยู่นอกเมือง และต้องออกไปนอกประตูเมืองในยุคที่บ้านเมืองสงบสุขและรุ่งเรือง
หยวนชิงหลิงประคองท้องคุกเข่าลงด้วยความลำบาก พบว่าการหายใจและชีพจรของนางไม่มีแล้ว นางรีบคร่อมร่างฮูหยินเฒ่า เงยหน้าขึ้นแล้วบอกหมานเอ๋อร์และอาซื่อว่า "เอาเบาะไปวางรองหนุนไหล่ของนาง เร็ว... "อาซื่อตกใจไปครู่หนึ่ง “พระชายา ไม่หายใจแล้ว”หยวนชิงหลิงพูดอย่างจริงจัง "เร็วเข้า!"อาซื่อรีบหยิบเบาะรองจากด้านข้างมารองหนุนไหล่ของฮูหยินเฒ่า จากนั้นนั่งลงข้าง ๆ อย่างหมดหนทาง ไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีหยวนชิงหลิงกล่าวว่า "หนุนคอนาง ให้นางเงยหน้าขึ้น"อาซื่อยื่นมือออกไปประคองคอของฮูหยินเฒ่าตามที่หยวนชิงหลิงสั่ง บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น เพื่อให้หายใจได้สะดวกหยวนชิงหลิงเริ่มทำการนวดหัวใจผายปอด ใช้ฝ่ามือทั้งสองกดลงบนหน้าอก จากนั้นทำการผายปอดมีคนอยู่ใกล้ ๆ ตะโกนว่า "อย่าทำเสียมารยาทเช่นนี้ รีบปล่อยฮูหยินเฒ่านะ"มีคนร้องไห้ตะโกน มีแม่ชีวิ่งออกมาบอกว่าขโมยหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่เกิดเหตุตกอยู่ในความโกลาหล และมีเสียงดังโวกเวกโวยวายไม่หยุดถังหยางตะโกนด้วยความโกรธ "ทุกคนเงียบ ถ้าอยากให้ฮูหยินเฒ่ารอดก็หุบปากซะ อย่ารบกวนการช่วยเหลือของหมอ"ถังหยางตะโกนคำรามเสียงดัง ทุกคนก็หุบปากลงทันทีเมื่อเห็นว่าย
แม่ชีรีบสั่งให้คนเตรียมเปล เมื่อได้ยินว่าหยวน ชิงหลิงมาที่นี่เพื่อจุดธูปถวายเครื่องหอม แม่ชีชราในชุดสีเทาก้าวไปข้างหน้า และพนมมือขึ้น "นะโมอมิตาพุทธ ประสก ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่พระพุทธองค์ส่งมาแท้ ๆ โปรดรีบเข้าไปข้างในพักผ่อนก่อนเถิด"หยวนชิงหลิงเองก็อยากพักผ่อนจริง ๆ นางเหนื่อยมากเหลือเกินโม่โม่ชราคนนั้นตกใจ และรีบเดินไปถามอาซื่อว่า “แม่นาง ขอบังอาจถามเจ้าหน่อยว่าฮูหยินของพวกเจ้าคือใคร?”อาซื่อยิ้มและกล่าวว่า “ฮูหยินบอกไม่จำเป็น ดูแลฮูหยินเฒ่าของพวกท่านให้ดี ๆ เถอะนะ”โม่โม่ถอนหายใจและกล่าวว่า “ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ฮูหยินของเจ้าช่างมีจิตใจที่ประเสริฐยิ่งนัก!”แม่ชีชราคนนั้นที่พาหยวนชิงหลิงเข้าไปได้เอ่ยขึ้นว่า "แม่ชีเป็นเจ้าอาวาสของอารามชีหมิงเยว่ ขอบังอาจถามชื่อสกุลของสามีท่านหน่อยได้ไหม?""สามีข้าเป็นคนที่ห้า ดังนั้นเรียกข้าว่าฮูหยินห้าเถอะ" หยวนชิงหลิงไม่รู้จุดประสงค์ที่ไท่ซ่างหวงเรียกนางมาที่นี่ ดังนั้นนางจึงไม่ควรเปิดเผยฐานะของตัวเองง่าย ๆเนื่องจากถังหยางและซูยี่เป็นผู้ชาย พวกเขาเข้าไปที่พระอุโบสถใหญ่ชั้นนอกได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปในส่วนของชั้นในได้ แต่ตอนนี้เป็
ถังหยางและซูยี่ออกไปค้นหาคนร้ายนอกอารามชีหมิงเยว่ เพื่อดูว่ามีเงื่อนงำเบาะแสอะไรทิ้งไว้หรือไม่ซูยี่ค้นหาอย่างละเอียดและพูดว่า "ขโมยคนนี้กล้าสร้างปัญหาในอารามแม่ชี ช่างบังอาจเกินไปแล้วจริง ๆ ถ้าข้าหาพบ จะจับตัวเขาไปที่จวนจิ้งเป่าเพื่อลงโทษเป็นแน่"ถังหยางพูดอย่างผ่อนคลายว่า “หาให้เจอก่อนค่อยว่ากันเถอะ”“ใต้เท้าถัง ฮูหยินเฒ่าคนนั้นคือใคร? เห็นว่าท่านปฏิบัติกับนางด้วยความเคารพเป็นอย่างมาก" ซูยี่เอ่ยถามถังหยางยิ้มและพูดว่า "นางแก่แล้ว ให้ความเคารพนางหน่อยจะเป็นอะไรไป? เคารพคนแก่ไม่ได้หรือ?"ซูยี่พยักหน้า “นั่นก็ใช่”เงียบไปสักพัก เขาพูดขึ้นมาว่า "ไม่รู้ว่าจะมาทำอะไรที่อารามชีหมิงเยว่กันแน่? ไม่มีทางที่จะเรียกให้พระชายามาไหว้พระอธิษฐานขอพรต่อพระพุทธองค์หรอก?"“มาไหว้พระอธิษฐานขอพรก็ดี!” ถังหยางพูดแฝงความนัยตอนที่มา เขาเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าไท่ซ่างหวงทรงต้องการทำอะไรแต่พอพระชายาช่วยฮูหยินเฒ่าแล้ว เขาก็เข้าใจในทันทีโจรคนนั้นอาจเป็นคนที่ไท่ซ่างหวงส่งมาที่นี่ ไม่รีบกระโจนออกมา รอจนกว่าพวกเขาจะมาแล้วถึงค่อยกระโจนออกมา ทำให้ฮูหยินเฒ่าคนนั้นตกใจ แน่นอนว่าต้องวางแผนอย่างซับซ้อน และที่
นางข้าหลวงสี่รับคำสั่งไปส่งยาให้ฮูหยินเฒ่าที่นอนพักผ่อนสักครู่ และรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อเห็นโม่โม่มา นางจึงรีบสั่งให้คนไปต้อนรับนางข้าหลวงสี่ยิ้มและพูดว่า "ฮูหยินเฒ่า ท่านนอนลงพักผ่อนเถอะ ฮูหยินของพวกเราสั่งให้ข้ามามอบยาให้ หากท่านไว้ใจฮูหยินของพวกเรา ก็ให้กินยานี้ ถ้าวันหลังท่านรู้สึกเจ็บหน้าอก หรือเมื่ออาการกำเริบขึ้นมา กดใต้ลิ้นปี่ไว้สักครู่ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน"ฮูหยินเฒ่ามองไปที่นางข้าหลวงสี่ และรู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่หญิงรับใช้ธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงถามว่า "ขอบังอาจถามหน่อย ฮูหยินของเจ้าคือพระชายาฉู่หรือไม่?"นางข้าหลวงสี่ตกใจ “นี่...ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้น?”ฮูหยินเฒ่าพูดว่า "พวกบ่าวบอกว่าตอนที่ออกไปข้างนอกหาทางช่วยข้า ได้ยินแม่นางคนหนึ่งเรียกฮูหยินว่าพระชายา หลังจากคิดไตร่ตรองเรื่องนี้แล้ว พระชายาคนเดียวที่รู้ทักษะทางการแพทย์ และกำลังตั้งครรภ์อยู่นั้นคือพระชายาฉู่"นางข้าหลวงสี่ยิ้ม "ฮูหยิน ไม่ต้องสนใจหรอกว่าจะเป็นใคร การได้พบกันที่ประตูวัดเช่นนี้ นับว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว ท่านควรพักผ่อนให้เพียงพอ"เมื่อพูดจบนางก็ย่อตัวทำความเคารพและเดินจากไปทางด้านหยวนชิงหลิงที่
“เหนื่อย ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ช่วงนี้เหนื่อยมากเลย และง่วงบ่อยมาก วันนี้ข้าเผลอหลับไปในรถม้าด้วย” หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว “อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งออกไปไหน พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ” อวี่เหวินห่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยรู้สึกกังวลมาก“หากไม่มีอะไรจริง ๆ ก็ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้ว” หยวนชิงหลิงยื่นมือไปลูบท้องน้อย หลุบตามองแล้วยิ้มออกมา “ขยับแล้ว ท่านจับดูสิ”“นวดก่อน ค่อยจับก็ได้” อวี่เหวินห่าวมองหน้าท้องของนาง “ทำไมท้องโตเร็วนัก”“ใช่สิ ข้าอ้วนขึ้น” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ใกล้เป็นแม่สุกรแล้ว”"เช่นนั้นก็เป็นแม่สุกรที่สวยที่สุด" อวี่เหวินห่าวกล่าวอย่างประจบประแจงหยวนชิงหลิงหัวเราะและเตะเขา เขาจับข้อเท้าของนาง และจ้องมองนางแล้วพูดว่า "จริง ๆ แล้ว ตอนนี้เจ้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งที่ใบหน้าเหมือนเดิม ทำไมถึงรู้สึกว่าดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก"“เชอะ!” หยวนชิงหลิงเหลือบไปมองเขาอย่างรวดเร็ว และเชิดหน้าขึ้นอวี่เหวินห่าวลุกขึ้น และช่วยประคองให้นางนอนลงอย่างช้า ๆ และนั่งลงข้างนาง "ข้าพูดจริง เมื่อก่อนเคยคิดว่าใบหน้าเจ้าทั้งโหดร้าย ใจดำนัก เห็นแล้วขัดตาเ
หยวนชิงหลิงยิ้มและพูดว่า "ท่านอ๋องพูดจาเหลวไหล เจ้าเชื่อด้วยหรือ?"นางไม่คาดหวังอยากจะได้ฝาแฝด คลอดครั้งหนึ่งได้ตั้งสองคน เหนื่อยตายเลยมันไม่ง่ายเลยที่จะโน้มน้าวใจว่าตัวเองเป็นแม่ แต่ก็ไม่อาจรับดูแลลูกสองคนพร้อมกันได้หยวนหยงอี้มองหน้าท้องของนาง และเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่หยวน ข้าขอจับหน่อยได้ไหม?”อาซื่อพูดอย่างอิจฉาว่า “ข้าเองก็อยากจับด้วย”ซูยี่จุดเตาถ่านเข้ามา และรีบพูดว่า "กระหม่อมเองก็อยากจับด้วย จับอะไร...ดี?"เมื่อเจอสายตาโกรธเกรี้ยวของท่านอ๋องเพ่งเล็งมา ซูยี่รีบกลืนคำพูดสุดท้ายลงท้องไป และกลืนน้ำลายตาม เขาพูดผิดอีกแล้วหรือ?หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นของถูกจัดแสดง แต่นางใจกว้างมาก และพูดกับหยวนหยงอี้และอาซื่อว่า "ได้สิ พวกเจ้ามานี่สิ"หยวนหยงอี้และอาซื่อรีบก้าวไปข้างหน้า นั่งยอง ๆ ข้างนาง และยื่นมือออกอย่างระมัดระวัง ค่อย ๆ วางมือลงบนหน้าท้องราวกับว่าพวกนางกำลังสัมผัสวัตถุเปราะบางล้ำค่า“ซื่อจื่อ ขอน้าจับหน่อยนะ” อาซื่อพูดด้วยความเคารพก็พ่นหายใจออกมา ดวงตานางเบิกกว้างท่าทางดูตลกมาก"พี่สาว!" ทันใดนั้นนางก็หันมองไปทางหยวนหยงอี้ จู่ ๆ ขอบตาก็ร้อ
หมอหลวงตกใจจนขนลุกซู่ทั้งร่าง เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก "ท่านอ๋อง... ข้าได้บอกทหารองค์รักษ์แล้วว่าอาการของพระชายาไม่ดีจริง ๆ..."“ชู่ว!” อวี่เหวินห่าวกระซิบเสียงเบา “เจ้ารีบตรวจชีพจรพระชายา ดูสิว่าในท้องนางเป็นแฝดหรือไม่?”สีหน้าของหมอหลวงดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที นึกได้ว่าเขาเคยตรวจชีพจรของพระชายาในช่วงนี้ เขามักจะรู้สึกว่าชีพจรแตกต่างออกไป และก็รู้สึกสับสนไปชั่วขณะ แต่เมื่อเห็นว่าพระชายาไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ และชีพจรเองก็คงที่ เขาคิดว่าอาจเป็นผลจากการกินยาคลายกังวลเข้าไปเมื่อได้ยินอวี่เหวินห่าวพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็คิดว่ามีความเป็นไปได้เขาจับชีพจรอย่างระมัดระวัง และตรวจซ้ำอยู่หลายครั้งทุกคนกำลังรอเขาอยู่หมอหลวงเฉารู้สึกลำบากใจมาก เขาดึงมือออก และพูดอย่างจนปัญญาว่า "ท่านอ๋อง ชีพจรค่อนข้างแปลก แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นฝาแฝดพ่ะย่ะค่ะ""ทำไมถึงไม่แน่ใจ?" อวี่เหวินห่าวรู้สึกกระวนกระวาย "เจ้ามาเป็นหมอหลวงได้อย่างไรกัน?"หมอหลวงเฉาเช็ดเหงื่อที่ไหลซึมจากหน้าผาก มองไปที่เตาถ่าน รู้สึกว่ามันร้อนเกินหน่อยไป "ท่านอ๋อง สาเหตุเป็นเพราะพระชายากินยามากเกินไป ยาต้มจื่อจิน ยาคลายกังวล ฤท