มยุรีพยักหน้ารับ
“โอย...นอกจากจะเป็นแม่นางฟ้านรก ยังเป็นแม่ใจร้ายด้วย นายต้าร์นั่นรู้ไหม...”
มยุรีส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีใครบอกเขาหรือ”
“ทุกอย่างเป็นความลับ น้าดำรงมียัยเอ๋ อัจฉรา ที่อุ้มท้องมาให้น้าดำรงรับเป็นพ่อ แล้วมารับนายต้าร์นี่เป็นลูกตอบแทน...ปิดบังฐานะแม่แท้จริงไว้”
เอกนรีตาลอยๆ ลำดับเรื่องราว ก่อนจะออกปากว่า
“ทั้งลุงฉัน และยัยป้านั่นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ คนนึงก็ไม่เอาลูกตัวเอง อีกคนก็ยังทำให้ยัยป้าใจดำไม่รับลูกมาดูแล...คนอะไร..กี่ปีแล้ว พูดก็พูดนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกของยัยเอื้อยฟ้าเลย...นางทำเหมือนไม่เคยเป็นแม่คน หรือเพราะนางเป็นแม่ใครไม่ได้”
เป็นคำสบประมาท หมิ่นแคลนรุนแรงนัก
“ฉันจะเจอนายต้าร์นั่นได้อย่างไร”
“เขาจะมาร้องเพลงเปิดตัวห้องอาหารที่นี่ คืนนี้แหละที่โรงแรมนี้...ห้องอาหารอิสานเปิดใหม่...ได้ยินมาว่าอาหารอร่อยล้ำนัก...หากชอบส้มตำ...ลาบก้อย...อะไรพวกนี้นะ”
และเป็นการพบกันโดยที่เอกนรีบอกว่า
“ไม่ต้องแนะนำฉันนะ ขอดูอยู่ห่างๆ”
เธอบอกเช่นนั้น มยุรีทำตาม...ถึงเวลา ที่ห้องอาหารที่เปิดใหม่ เอกนรีได้โต๊ะด้านข้างเวทีแต่อยู่ด้านหน้าจะมองบนเวทีได้ชัด แถมยังมีมุมเล็กๆ ที่จะหลบหน้าได้ด้วย เธอนั่งอยู่กับมยุรีตราบจนเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา...มยุรีบอกเธอว่า
“ลูกน้าเอ๋ที่น้าดำรงรับเป็นพ่อ พี่นายต้าร์ แต่นายต้าร์ไม่รู้เรื่องนี้นะ”
เธอมองดูผู้ชายคนนั้น จับต้นชนปลายได้ว่าเขาน่าจะเป็นลูกไม่มีพ่อที่เพื่อนบอก....
หน้าตาดี ผิวขาว ดูเหมือนมีออร่า...
ผู้ชายอะไร เห็นผิวสวย ในฐานะที่อยู่กับเครื่องปรุงแต่งความงาม เธอรู้เลยว่าผิวนั้นจะต้องมีพื้นผิวที่ดีและมีการดูแล...หรืออาจจะไม่ได้ดูแลเพิ่ม
ตามวัย...น่าจะวัยเดียวกับเธอ...กับมยุรีไม่น่าจะต่างกันมากนัก
มยุรีขยับตัวลุกไปหา ชั่วแวบเขาหันมามองเธอ...มองหน้ากัน และเมื่อมยุรีไปถึงตัวเขา...เห็นเขาจ้องมา...
โดยที่เธอไม่ได้ยินคำบอกเบาๆ ของเพื่อนกับเขา
“เพื่อนเราเอง ชื่อเอกนรี”
คงจะผ่านไป หากว่ามยุรีไม่ได้เอ่ยต่อ
“หลานของเอื้อยฟ้า หลานทางลุง...เพราะลุงเป็นผัวเอื้อยฟ้า”
เดชชนะมองไปอีกครั้ง หญิงสาววัยเดียวกับเขากำลังนั่งเท้าคาง...กับพื้นโต๊ะ.. สวมหมวกปีกไม่กว้างมากนัก ...
สีออกครีมๆ เช่นเดียวกับชุดกระโปรงออกสีครีม..ท่าทางเชื่อมั่นในตัวเองใส่หมวกมานั่งกินอาหารค่ำ
อาหารอิสานด้วย...ดูเป็นตัวของตัวเอง...
หลานของวิลลี่ ผู้ชายคนนั้น...คนที่พาเมียพ่อไปจากบ้าน
คนที่พา...ผู้หญิงคนนั้นไปจากเขา ตั้งแต่เขายังเป็นทารก แต่เขาก็ยังมองอย่างยุติธรรมว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ทำผิดคนเดียว แต่ร่วมมือกัน
เธอนั่งเท้าคางมองมา มีรอยยิ้มโดยที่ปากไม่ได้แย้มออกจากกัน
รอยยิ้มนั้น...
ให้ตาย...เดชชนะบอกตัวเอง ราวกับถูกบาดด้วยแสงสว่างที่มากกว่าไฟที่ประดับในร้านนี้
แสงไฟส่องหน้าเธอ...ให้ดูสว่าง
แต่ยังแพ้รอยยิ้มนั่น...และเขาไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั่นส่งความเห็นใจเพราะที่มยุรีได้บอกไว้
ลูกไม่มีพ่อ
เธอเห็นใจเขา
เดชชนะเอ่ยเบาๆ “หลานสาวผู้หญิงคนนั้น...”
“พวกเขาเกลียดกัน”
“อ่ะนะ”
“เพื่อนเราเกลียดเอื้อยฟ้ามาก”
“อย่างนั้นหรือ”
“เอื้อยฟ้าก็เกลียดนรีด้วย”
“อือ อาจจะพอสมกัน แต่ช่างเถิด...ต้าร์มาแล้วนะ แต่ไปอยู่บนห้องของเมญ่า ตะกี้เราไปตามแล้ว...ไม่ได้ผล...ยังนัวเนียกันอยู่” เหมือนหงุดหงิดเล็กน้อย
“อย่าบอกนะ...ว่าเพลงแรกนายจะขึ้นเวทีเสียเอง”
“ก็จนกว่าต้าร์จะลงมา...” เขาถอนใจเบาๆ “คราวนี้ไม่เมายา”
“แน่ใจหรือ อาจจะล่อทั้งยา ทั้งเซกส์”
เดชชนะส่ายหน้าไปมา “เราว่าเมญ่าคงไม่ได้เล่นยาด้วยหรอก...เอาอนาคตดีๆ มาทิ้งกับยาทำไม”
“แหม...เดช ไม่รู้จักยัยเมญ่าแล้วหรือไร”
มยุรีเอ่ยหัวเราะ “สวยรูปจูบหอมที่ไหน...มีแต่นายต้าร์แหละที่หัวปักหัวปำกินกันอยู่น่ะ แต่พูดไปนะ ก็สมกันดี ดอกไม้พลาสติกกับแจกันไม้ไผ่”
“เดี๋ยวเราขึ้นเวทีก่อนต้าร์มา...”
“มีเพลงหรือยัง...”
“เราจะร้องเพลงของพ่อ...ที่ไม่มีใครเคยได้ยิน...”
“เพลงอะไร”
“หัวใจซ่อนชู้”
“อ่ะ...”
“เราค้นเจอจากสมุดของพ่อ...ว่าจะเอาให้ต้าร์ลงแผ่นคราวหน้า”
“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...” มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”“หือ...ได้หรือ”เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมาเธอนึกในใจว่า...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ล
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
พุทธศักราช 2540ปีแห่งความผันผวนทางเศรษฐกิจ วิกฤตต้มยำกุ้ง“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ไอ้วงคูนแคนของพี่ดุ่ยนี่ ไม่เคยขาดงานเดินสายเลยนา”เสียงพูดแกมหัวเราะจากปากแดงๆ ของนางดวงดังขึ้นนางดวง หญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงามพริ้ง...ในวัย45...วัยที่บอกว่าผู้หญิงจะมีความงามเป็นของตัวเองได้อีกสักห้าปีใช่ ตำนานความงามของผู้หญิงที่เรียกว่าเบ่งบานสุดๆ นั่นคือวัยระหว่าง30ถึง45 นางดวงเช่นกัน คนมักจะเรียกนางว่ายายดวง...ทั้งที่ยังดูสาว เรียกกันติดปาก...ยายดวง...ยายดวง...กับการที่นางเป็นเจ้าของร้านส้มตำเลื่องชื่อ และวันนี้นางมาร่วมงานวันเกิดพี่ชาย...นายดุ่ย คูนแคน...พี่ชายนางดวงเป็นเจ้าของวงดนตรีที่เอานามสกุลมาใช้คูนแคน...และมีลูกชาย...ก็หลานยายดวง...ดำรง คูนแคนเขามีความสามารถทั้งเล่นดนตรีและแต่งเพลง...เขาทำเพลงลูกทุ่งอิสานหลายเพลง ได้รับความโด่งดัง...การเดินสายทำวงก็ดังมากมีนักร้องชายหญิงดังๆ หลายคน และดำรงกำลังปั้นนักร้องสาวคนใหม่...เอื้อยฟ้า อรลออ หรือ ซูยองฮวา...หล่อนเป็นนางฟ้าลูกทุ่ง...คือร้องเพลงลูกทุ่งได้...ทำเพลงมาแล้วสักพัก แต่ไม่ดังมากนัก...จนเมื่อเจอกับดำรง..และเซ็นสัญญาให้เขาดูแลแ
นางดวงทำตาโต ก่อนจะร้องอุทาน “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ดำรงรู้ไหมนี่”นายดุ่ยส่ายหน้า “ลูกฉันมันโง่...ยังกะควาย...”เสียงตวัดลากสูง “คอยดูสิ...อีกไม่นาน...”“แล้วทำไมไม่บอก ไม่กล้าหรือเปล่า ฉันบอกเองได้นะ” นางดวงรับอาสา “ตัดไฟแต่ต้นลม”นายดุ่ยส่ายหน้าไปมา “ฉันพูดไปก็เท่านั้น”“ฉันถึงอาสาไง พี่ดุ่ย”แต่เขาห้ามน้องสาว บอกว่าสงสารดำรง และนั่นทำให้นางดวงมองหลานชายที่พาเอื้อยฟ้าเข้ามาหาด้วยแววตาที่เอื้อยฟ้าถอยหลบไปหลังเขาทันที“นั่นอาพี่เหรอ”“ใช่” ดำรงตอบ “อาดวง แกขายส้มตำแล้วทำวงกับลูกชายบ้าง วงเล็กๆ เล่นที่ร้านอาหารและรับงานแถวบ้าน ไม่มากมายอะไร”เป็นการพบกันครั้งแรกและนางดวงไม่ชอบหญิงสาวคนสวยลูกครึ่งไทยเกาหลีคนนี้เลยนางรับไหว้ หมางเมิน...ไม่ได้ยินดียินร้าย ไม่ตื่นเต้นเหมือนก่อนเจอกัน“ท้องเรอะ” นางยิงคำถามเอื้อยฟ้าเกาะแขนดำรงแน่น...“อา...” หลานชายท้วง ทำหน้าตาบึ้งๆ “อย่าถามแบบนี้อย่าพูดไป”“ทำไมปล่อยท้อง...” นางยังกังขา “ถุงยางมีทำไมไม่ใช้”“เรารักกัน”“รักกันตอนนี้ ตอนไหนก็ได้ แต่ยังท้องไม่ได้”นางพยักพเยิดไปทางอัจฉรา แม่ลูกอ่อนที่นั่งให้นมลูกอยู่ไม่ห่าง ทำหน้ามุ่ยๆ “นั่นก็ไปร
อัลบั้ม “กราบอกซ้ายอ้ายที่ฮัก”ขายดิบขายดี มีงานหลั่งไหลเข้ามาแต่ชีวิตของดำรงพังยับตั้งแต่วันนั้นไม่เพียงแต่ชีวิตแต่วงคูนแคนก็ถึงกาลอวสานไปด้วยเจ้าของวง นักแต่งเพลง ป่วย...เมา...ชีวิตพังยับ...และชีวิตน้อยๆ อีกชีวิต ของเดชชนะ...ลูกที่แม่ทิ้งไปตั้งแต่สามเดือนก็เติบโตขึ้นมาโดยมือพ่อขี้เมา ชีวิตตกอับในมือปู่ดุ่ยและแม่บุญธรรมอย่างอัจฉรา...แต่ความจริงมีประการหนึ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาคือเขาไม่ได้กินนมแม่...หรือนมอัจฉราที่เขาเรียกแม่เอ๋ และทุกคนคิดว่าเขาคือลูกของอัจฉราวันที่เอื้อยฟ้าจากไป เขาสามเดือน ไม่มีนมแม่กิน และแน่นอนอัจฉรายังมีนมกับลูกอ่อนของตัว แต่ดำรงห้ามเด็ดขาดนายดุ่ยยังสงสัยว่าทำไม...ฉันจะไม่ให้เดชมันกินนมเอ๋ และรับเป็นแม่จริงๆ......มันนมคนนา แกจะให้ลูกโตเพราะนมวัวเหรอ มันจะไม่ดีนา... ...นมผงก็ได้... วันที่ปาดน้ำตา และหักใจได้บ้าง ดำรงขับรถออกไปหาซื้อนมผงมาชงให้ลูกชายกินด้วยตัวเอง และห้ามอัจฉราให้นมเดชชนะจุดมุ่งหมายในใจคือ เมื่อขาดแม่ มีแต่พ่อ...เขาจะเป็นพ่อที่พร้อมเป็นแม่ให้กับเดชชนะด้วย เขาจะไม่ยอมให้ เดชชนะต้องมีชีวิตที่ขาดไร้...อัจฉราอาจจะเป็นแม่ในนาม แม่ในสาย
เอื้อยฟ้าทิ้งคูนแคนไปอยู่กับวิลลี่ และทำอัลบั้มเดี่ยว โด่งดังกับฉายา นางฟ้าลูกทุ่ง แสนสวย ร้องเพลงเพราะ มีเพลงดังเพลงดีในมือแน่ละ...จะเป็นเพลงของใครไปไม่ได้ นอกจากเพลงของดำรงเอื้อยฟ้ากับวิลลี่กอบโกยไปมากจากเพลงของดำรงช่างหน้าไม่อาย ไร้ศีลธรรม...หลายคนคิดว่าดำรงเสียสติ นุ่งขาวห่มขาว โกนผม ไม่พูดจากับใคร ไม่ออกไปไหน แต่ในบ้านเขามีเครื่องดนตรีพร้อม ยามว่างดำรงยังเขียนเพลงอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะแนวเพลงซึ้งๆ ลูกทุ่งอกหัก ชอกช้ำดำรงเขียนเพลงให้ต้าร์ร้อง แต่เพลงของต้าร์ที่ออกมาชุดแรกนั้นเป็นอัลบั้มที่จริงๆ แล้วคนเข้าห้องอัดเสียงคือ เดชชนะ แต่ไม่มีใครรู้...เพราะวันจะอัดเสียง ต้าร์เมายา และอยู่เสพรักจนหมดแรง ร้องเพลงไม่ได้สรุปคือต้าร์นั้นทั้งยา ทั้งผู้หญิง ไม่เว้นว่างและไม่เคยลดหรืองด มีแต่จจะเสพอย่างหนัก...นายดุ่ยเคยเปรยว่า“ยังดีว่ามันไม่เอาการพนันอีกอย่าง”นั่นเหมือนปู่มองโลกแง่ดี...พยายามจะปลง.. แต่เขารู้ว่าปู่หนักใจ เขาก็หนักใจ เช่นเดียวกับอัจฉรา...ที่เหมือนจะจัดการให้ต้าร์อยู่ในร่องในรอยไม่ได้ ไม่ต้องถึงกับมีกรอบให้อยู่หรอก...ต้าร์เกะกะเกเรและเอาแต่ใจตัวเองปู่บอกว่าเขากับต้าร์ต่
เขาเอามืออังหน้าผากพ่อ ก่อนจะโดนปัดมือออกพร้อมกับเสียงหัวเราะ“แกอย่าทำเหมือนฉันเป็นลูก แล้วแกเป็นพ่อฉัน”“ก็ถ้าพ่อไม่ดูตัวเองดีๆ ผมจับป้อนข้าวป้อนยาเลยนะ ไม่ได้ขู่” เขาย้ำ แต่แววตาอ่อนโยนดำรงจับมือลูกชายไว้ เสียงแห้ง แววตาแห้ง “เดช ...ทำไมแกดีกับพ่อ”“เอ้า...ถามงี้ได้ไง” เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง แววตาอ่อนโยนมากกว่าเดิม “พ่อผมนี่ ใครที่ไหนกันเล่า...”“แต่พ่อ...ทำแกเสียโอกาส”“โอกาสอะไร” เขาแกล้งเสถาม ทำหน้าจริงจังอีกนิด “หากยังคิดแบบนี้อีกนะ ผมจะไม่รักนะเออ”“เฮ้ย”“ผมพูดจริงนะ พ่อจะตำหนิตัวเองทำไม พ่อดูผมนี่...”เขาถอยไปยืนตัวตรง ทำท่าเข้มแข็งจัด“ที่พ่อเห็น นี่ใคร...” เอามือจิ้มอกตัวเอง “ดูสิ พ่อ ตั้งแต่หัวถึงเท้าผมนี่เลย พ่อเห็นไหม...ลูกพ่อนะ เดชชนะ...ลูกพ่อ ดูสิ หน้าตาเป็นไง แล้วผมก็โตจนพ่อกระเตงขึ้นเอว หรือเอาขึ้นหลังให้ผมขี่คอก็ไม่ไหวแล้ว ผมเป็นแบบนี้ สมบูรณ์แบบ”เขามั่นใจ ไม่ได้พูดเกินเลย“ทั้งหมดนี่เพราะพ่อปั้นผมขี้นมา พ่อคนนึง ปู่อีกคน...สองคน สองสมอง สี่มือ ให้ผมเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นกินข้าว กินยา ทำตัวดีๆ ...ให้ผมได้รักไปนานๆ ผมกำลังทำวงใหม่นะ พ่อ”“แต่...”“ผมพร้อม
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...” มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”“หือ...ได้หรือ”เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมาเธอนึกในใจว่า...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ล
มยุรีพยักหน้ารับ“โอย...นอกจากจะเป็นแม่นางฟ้านรก ยังเป็นแม่ใจร้ายด้วย นายต้าร์นั่นรู้ไหม...”มยุรีส่ายหน้าไปมา“ไม่มีใครบอกเขาหรือ”“ทุกอย่างเป็นความลับ น้าดำรงมียัยเอ๋ อัจฉรา ที่อุ้มท้องมาให้น้าดำรงรับเป็นพ่อ แล้วมารับนายต้าร์นี่เป็นลูกตอบแทน...ปิดบังฐานะแม่แท้จริงไว้”เอกนรีตาลอยๆ ลำดับเรื่องราว ก่อนจะออกปากว่า“ทั้งลุงฉัน และยัยป้านั่นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ คนนึงก็ไม่เอาลูกตัวเอง อีกคนก็ยังทำให้ยัยป้าใจดำไม่รับลูกมาดูแล...คนอะไร..กี่ปีแล้ว พูดก็พูดนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกของยัยเอื้อยฟ้าเลย...นางทำเหมือนไม่เคยเป็นแม่คน หรือเพราะนางเป็นแม่ใครไม่ได้”เป็นคำสบประมาท หมิ่นแคลนรุนแรงนัก“ฉันจะเจอนายต้าร์นั่นได้อย่างไร”“เขาจะมาร้องเพลงเปิดตัวห้องอาหารที่นี่ คืนนี้แหละที่โรงแรมนี้...ห้องอาหารอิสานเปิดใหม่...ได้ยินมาว่าอาหารอร่อยล้ำนัก...หากชอบส้มตำ...ลาบก้อย...อะไรพวกนี้นะ”และเป็นการพบกันโดยที่เอกนรีบอกว่า “ไม่ต้องแนะนำฉันนะ ขอดูอยู่ห่างๆ”เธอบอกเช่นนั้น มยุรีทำตาม...ถึงเวลา ที่ห้องอาหารที่เปิดใหม่ เอกนรีได้โต๊ะด้านข้างเวทีแต่อยู่ด้านหน้าจะมองบนเวทีได้ชัด แถมยังมีมุมเล็กๆ ที่จะหล
มยุรี...เพื่อนเก่าเดินเข้ามานำเสนอ เพื่อนเก่า ชู้รักคนเก่าตั้งแต่กลับมาจากจีนก็ได้มา “หยุมหัว” กันมากเกินหนึ่งครั้ง ต้าร์ ตฤณ เหมาะที่จะเป็นอาหารจานว่างให้หล่อนลิ้มลองและสะสมแต้มหล่อนผู้เชื่อว่าเรื่องผู้ชายคือความบันเทิงคือสีสันชีวิตคนหนึ่งก็รสหนึ่ง ต้าร์ก็เป็นอีกรสที่หล่อนไม่ชอบคือเขาร้องเพลงลูกทุ่ง...หากร้องเพลงอื่นน่าจะดีกว่าที่จริงหล่อนอยากให้อีกคนมาด้วย ขึ้นเวทีด้วยเดชชนะ คูนแคนพี่ชายของต้าร์ เมญานีสนใจเขามาก เขาดูหล่อใสกว่าต้าร์และที่แน่ๆ หล่อนยังยื่นมือแตะตัวเขาไม่ได้ไม่เคยได้การโอบกอดไม่เคยได้จูบดูเป็นของยากแต่ท้าทายนี่หล่อนเตรียมตัว...วันนี้หล่อนมีนัดกับต้าร์ก่อนเขามาเปิดการแสดง และเมื่อเจอกัน หล่อนก็ได้รับของฝากที่เขาเอ่ยชวน...ดื่ม...เมา...เซกส์ บันเทิงกันสุดขีดและหล่อนเอ่ยถามเมื่อกำลังไต่ขอบสวรรค์ชั้นเจ็ด“สนใจอยากสามคนกันไหม ต้าร์”ตฤณชะงัก “ถามอะไร”“แค่ชวนเดชมาอีกคน...”“เฮ้ย บ้า ไม่เอาด้วย เมญ่า ให้เดชมันมากระทืบเรากันหรือ มันไม่มาสามคนผัวเมียกับเราหรอกนะ กับเธอด้วย เมญ่า มันเคยมองเธอที่ไหนกันเล่า”////////////////////////////////////////“ฉันแวะมา
“เราจะเสียเวลากับการที่นายเหลวไหลไม่ได้ เราจะต้องทำเพื่อพ่อ เข้าใจไหม”และเมื่อเดชชนะเดินออกมา เขาเจอกับอัจฉราที่มารออยู่“เรียบร้อยครับ แม่...เขาดูท่าจะเชื่อฟังดี...”“เดช อย่าลืมก๊อกสองเผื่อนะ” นั่นเพราะรู้นิสัยกันดีเดชชนะอมยิ้ม“ผมพูดจริงนะเรื่องส่งตัวไปบ้านชีวิตใหม่”เขาย้ำ “แพงแค่ไหนก็จะส่งไปลิ้มลองรสชาติ...การบำบัดจริงจัง...เราใจดีกับเขามามาก ต้องใจร้ายบ้างแล้ว”อัจฉราทำหน้าตกใจบ้างเหมือนกัน แต่แล้วก็รีบระงับโดยเร็ว พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย“ขอบใจที่เดชดูแลต้าร์ตลอด”เขาจับสองมือของอัจฉรามากุมแน่น“แม่เอ๋...เขาเป็นพี่ชายผม แม้เขาจะคิดว่าเขาเป็นน้อง พี่น้องกันต้องดูแลกัน รักกัน เราโตมาด้วยกัน...จะมีให้ผมเสียใจเรื่องเดียวเท่านั้น”“เรื่องอะไร”“ผมน่าจะเป็นพี่เขาจริงๆ เกิดก่อนเขาสักสองปีก็พอ...ผมจะดึงเขาไว้จากสิ่งที่เขาเป็นทุกวันนี้”อัจฉราร้องไห้ “แม่ผิดเองที่อบรมเขาไม่ดีพอ”“แม่สอนเขาเท่าสอนผม แม่เอ๋ แต่ต้าร์อ่อนแอไปเอง ความอ่อนแอทำให้เขาเลือกจะใช้ยา ใช้ผู้หญิงเพื่อทำให้ตัวเองเหมือนหลบจากโลกความจริงไปเสพความเมา ไปเสพเซกส์ ทำให้ลืมบางอย่าง ต้าร์เกิดมาพร้อมกับปัญหา”นี่คือเดชชน
“นายก็ร้องเพลงฉันได้ทุกเพลง..ขึ้นเวทีแทนฉันได้ทุกเวลา แฟนฉันหันไปหานายก็เยอะ” เสียงหงุดหงิดไม่น้อย “ทำไมวะ เดช ทำไมนายไม่ทำออกหน้าไปเลย มาดันฉันทำไม”เดชชนะยื่นหน้ามาใกล้ ดวงตาดำใหญ่มองมาตรงๆ ประกายตานิ่ง ไม่มีการตำหนิ ไม่มีการเบื่อหน่าย“เพราะฉันทำได้ไม่ดีเท่านาย” เสียงหนักแน่น จริงใจ “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความสามารถเท่านาย แก้วเสียงฉันไม่ได้เท่านาย และฉันไม่มีเสน่ห์ เวลาร้องเพลงเท่านาย”“เฮ้ย อย่ามาถล่ม”“ฉันพูดจริง”แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด เพราะความจริงมีอยู่ว่าเสียงของเดชชนะมีเสน่ห์ แก้วเสียงชัด ใส และมีความคม...แต่ฟังเผินๆ จะเหมือนร้องแทนกันได้ ส่วนหน้าตาน่ะหรือ...เพราะมีแม่เป็นสาวลูกครึ่งเกาหลี...หน้าตาสะสวย แม้เอื้อยฟ้าจะไปทำศัลยกรรมเพิ่มเติมให้ความงามของหล่อนคมชัดเจนมากกว่าเดิม แต่ความจริงคือหล่อนสวย คิ้ว ตา จมูก ปาก ถูกจัดวางบนโครงหน้าที่ได้รูป และผิวนั้นอีก...ผิวสาวเกาหลีแม้จะผสมเลือดไทย แต่ผิวของหล่อนสวยนัก ขาวเนียนละเอียด ผิวนั้นตกทอดมาถีงเดชชนะด้วยขณะที่เอ๋ อัจฉราผิวสีเข้ม ไม่ถึงกับดำ สีผิวนั้นไปทางต้าร์ และต้าร์ก็เคยสงสัยว่าทำไมผิวของเดชนะผิดพ่อผิดแม่ดำรงก็
“มีอะไร หน้าตาเครียดมากเชียว นรี”เธอถอยไปยืนพิงประตูห้อง ยกมือกอดอกเอาไว้“นรีบอกลุงแล้วว่าไม่สนับสนุนการทำพีอาร์ให้กับแม่คนนั้น”แม่คนนั้น คอแข็ง เมื่อเอกนรีพยักพเยิดมาหา“ไยจะไปล้อบบี้เด็กๆ ของนรีอีก นรีเห็นโปรไฟล์ที่ทำมาแล้ว ต่อให้จ่ายเป็นล้านๆ ก็ไม่รับ เข้าใจไหมคะ...แล้วอย่าล้ำเส้นกันอีก ไปจ้างคนอื่นทำ”“นรี...แค่ไลฟ์สด..และพูดถึง...”“ไม่...จะไม่ทำ ไม่ออกชื่อ ไม่ให้พื้นที่...อย่าว่าแต่ไลฟ์สด ในบล็อก ในเพจ ในติ๊กต๊อก ใน REALS ในทุกพื้นที่ของนรี...ไม่...ไม่...และไม่”เธอออกเสียงรัวๆ เกรี้ยวกราด ดวงตาส่งประกายชิงชังออกมา“ตกอับ อยากชุบตัวใหม่ไปทำที่อื่น”ตกอับ...เอื้อยฟ้าจี๊ดทันที...“จะมากไปแล้วนะ เอกนรี”เรียกชัด ลุกยืน...ทำท่าพร้อมลุยใส่ทันทีเอกนรีก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เธอพร้อมจะปะทะด้วยเต็มที่“ฉันไม่ได้เป็นคนต้นคิด”เอกนรีเบะปาก แม้จะหน้าตาสะสวย แต่การทำหน้าตาเกเรเช่นนี้ทำให้เธอดูเหมือนนางร้าย...ไม่เหมือนกับที่ประกาศว่าเธอเป็นนางเอก“อ้างลุงอีกละ ว่าไงคะ ลุง...เมียรักของลุงเค้าโยนมาให้ลุงเป็นคนจัดการ ยอมรับกันหน่อยดีไหม”วิลลี่ทำหน้าตาเหมือนอธิบายยาก“ช่วยกันหน่อย”“
เอื้อยฟ้า อรลออ ฉายานางฟ้าลูกทุ่ง ในวัยห้าสิบเอ็ด หล่อนขึ้นเป็นผู้บริหารคู่กับวิลลี่ ดำรงไท ในบริษัทเบต้าคีย์ หล่อนไม่ได้ทำเพลงใหม่อีกแล้ว แต่สนับสนุนนักร้องใหม่ๆ ในสังกัด...รับนักร้องทั้งหญิงและชายมาทำงาน...แต่ความจริงคือทุกคนแค่ “พอขายได้” แต่ไม่มีใครดังสักคนไม่สามารถปั้น นางฟ้าลูกทุ่งเพิ่มได้อีกและตอนนี้เริ่มจะเบนเข็มไปปั้นนักร้องชายเพื่อจะให้เป็นเทวดาลูกทุ่ง...สักคนเอื้อยฟ้ามองเห็นใครคนหนึ่งที่น่าสนใจ ในมือหล่อนถือเรื่องราวของ “ต้าร์ แทมโป้” เอาไว้...พอดีกับสามีเดินเข้ามาในห้อง“ดูอะไร” เขาเอ่ยถาม วิลลี่หนุ่มลูกครึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดี และเขาทำเพลง...แถมยังทำเพลงลูกทุ่ง...นักร้องคู่บุญเบต้าคีย์คือเอื้อยฟ้า ซูยองฮวา ลูกครึ่งเกาหลีไทย เป็นตัวทำเพลงทำเงิน...วันนี้แม้ชื่อเสียง การทำเงินของหล่อนจะ “เบา” ลงไปจากเดิม แต่ยังเรียกว่าได้อยู่ มีรายได้เข้ามาหลายทาง...เอื้อยฟ้าวาง “จุดยืน” ตัวเองเอาไว้สูงมาก หล่อนเป็นนักร้องชั้นบน...มีเพลงฮิตติดลมเป็นสิบเพลง...หล่อนเริ่มรับเชิญไปตามรายการต่างๆ ในฐานะกรรมการตัดสินการประปวด....วิลลี่ก็ผลักหล่อนไปกับรายการพวกนั้นอยู่สามรายการด้วยกันห