“เราจะเสียเวลากับการที่นายเหลวไหลไม่ได้ เราจะต้องทำเพื่อพ่อ เข้าใจไหม”
และเมื่อเดชชนะเดินออกมา เขาเจอกับอัจฉราที่มารออยู่
“เรียบร้อยครับ แม่...เขาดูท่าจะเชื่อฟังดี...”
“เดช อย่าลืมก๊อกสองเผื่อนะ” นั่นเพราะรู้นิสัยกันดี
เดชชนะอมยิ้ม
“ผมพูดจริงนะเรื่องส่งตัวไปบ้านชีวิตใหม่”
เขาย้ำ “แพงแค่ไหนก็จะส่งไปลิ้มลองรสชาติ...การบำบัดจริงจัง...เราใจดีกับเขามามาก ต้องใจร้ายบ้างแล้ว”
อัจฉราทำหน้าตกใจบ้างเหมือนกัน แต่แล้วก็รีบระงับโดยเร็ว พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย
“ขอบใจที่เดชดูแลต้าร์ตลอด”
เขาจับสองมือของอัจฉรามากุมแน่น
“แม่เอ๋...เขาเป็นพี่ชายผม แม้เขาจะคิดว่าเขาเป็นน้อง พี่น้องกันต้องดูแลกัน รักกัน เราโตมาด้วยกัน...จะมีให้ผมเสียใจเรื่องเดียวเท่านั้น”
“เรื่องอะไร”
“ผมน่าจะเป็นพี่เขาจริงๆ เกิดก่อนเขาสักสองปีก็พอ...ผมจะดึงเขาไว้จากสิ่งที่เขาเป็นทุกวันนี้”
อัจฉราร้องไห้ “แม่ผิดเองที่อบรมเขาไม่ดีพอ”
“แม่สอนเขาเท่าสอนผม แม่เอ๋ แต่ต้าร์อ่อนแอไปเอง ความอ่อนแอทำให้เขาเลือกจะใช้ยา ใช้ผู้หญิงเพื่อทำให้ตัวเองเหมือนหลบจากโลกความจริงไปเสพความเมา ไปเสพเซกส์ ทำให้ลืมบางอย่าง ต้าร์เกิดมาพร้อมกับปัญหา”
นี่คือเดชชนะ...ชัดเจนเสมอ
“แม่ยอมรับ...ตอนแม่ท้องต้าร์ แม่กดดัน ลูกไม่มีพ่อ ผู้ชายไม่ยอมรับ...อาการของแม่ไปออกกับต้าร์ เพราะ...เพราะ...แม่คุยกับตัวเองทุกวันช่วงนั้น โกรธเขา โกรธตัวเองและตำหนิว่าทำไมแม่ต้องท้อง แม่เคยคิดจะเอาออก แต่ทำไม่ได้อีก...เคยคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่ไม่ได้ทำเพราะกลัว สุดท้ายแม่ก็ลงกับต้าร์...”
“แม่เอ๋ เลิกตำหนิตัวเอง...ได้ไหมครับ ผมขอ...เรายังพอจะแก้ไขได้...ต้าร์ยังไม่เคยรักใครจริง...แต่ผมพอจะมองเห็นผู้หญิงสักคนในชีวิตต้าร์นะ นอกจากแม่ก็ต้องเป็นคนนี้แหละ”
“ใคร”
“เมญ่า”
“ลูกเจ้าพ่อคนนั้นหรือ”
เมญ่าหรือเมญานี เป็นลูกสาวของนายเมืองมนต์ ที่ประกอบอาชีพเป็นดีลเลอร์ขายรถรายใหญ่ของจังหวัด หล่อนไปเรียนต่อที่เมืองจีนและเพิ่งกลับมาบ้านได้ไม่นานนัก ทั้งหล่อน ตฤณ และเขาเคยเรียนโรงเรียนมัธยมของจังหวัดมาด้วยกัน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน...เหมือนกับอีกคน...มยุรี หลานสาวของนายดุ่ย
โดยที่เมญ่าเรียนห้องเดียวกับมยุรี และชักนำมาคุ้นเคยกับตฤณ
แต่เขาเองนั้นมีกิจกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย เรียนจริงจัง เขาไม่ได้สนใจเด็กสาวแรกรุ่นคนดังอย่างเมญานี หล่อนก็เลยมองข้ามไปสนใจหนุ่มร่าเริงสดใสหน้าตาดี รักสนุกอย่างตฤณมากกว่า
เมื่อกลับมาบ้านหนนี้หล่อนก็ทำงานก้บพ่อ บริษัทใหญ่กลางเมือง นายเมืองมนต์ยังมีธุรกิจอีกเรื่องคือรับเทคโอเวอร์โรงแรมสิบชั่น มารีโนเวทใหม่ก่อนที่จะเกิดโรคระบาดแต่ก็เสร็จทันเวลาพอดี เปิดบริการใหม่มีผู้คนมาพักเพราะราคาอยู่ระดับกลางๆ และยังเปิดห้องอาหารทั้งจีนและญี่ปุ่นในโรงแรมให้บริการลูกค้า พูดกันว่าอาหารนั้นเริ่ดอร่อยมาก
เมญานีก็เป็นผู้จัดการดูแลที่นี่และที่เขาเพิ่งไปดิวมาก็คือเปิดการแสดงในห้องอาหารที่จะเปิดใหม่ อาหารพื้นบ้าน
อิสาน โดยจะให้ต้าร์ไปขึ้นเวทีร้องเพลง มีการทำโฆษณาไว้แล้ว แต่เขาไม่ได้ลงไปประสานเอง ให้มยุรีเป็นคนจัดการ“แม่ว่าผู้หญิงคนนั้น เอิ่ม...”
“เลอะเทอะ เละเทะ ใช่ไหม” เดชชนะเอ่ยต่อ เขาพยายามหาคำพูดที่ไม่แรงมากนัก แม้จะเป็นไปได้ยากก็ตามที “แต่ดูว่าต้าร์อาจจะอยากจริง...”
“ผู้หญิงจะจริงกับคนของเราไหมล่ะ”
/////////////////////////////////////////////////////
อีกสองคืน เขาจะมาเปิดการร้องเพลงที่ห้องอาหารเปิดใหม่ในโรงแรม...ห้องอาหารไทยอิสานที่เน้นอิสานพื้นบ้าน...เป็นหลัก...ที่จริงเมญานีไม่อยากจะเปิดเลย...หล่อนมองว่าโรงแรมที่รีโนเวทใหม่จนถูกพูดถึงอย่างมาก เพียงพอกับการมีห้องอาหารสองห้องคือ จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นมีความจำเป็นอย่างมากทีเดียวที่จะต้องมีอยู่ให้ได้ และที่เปิดก็ได้รับการตอบที่ดีเสมอ
ห้องอาหารอิสาน...พ่อหล่อนสนับสนุนเต็มที่ เขาชอบกินส้มตำ ซุปหน่อไม้ ลาบก้อย...ซอยจุ๊...ที่หล่อนไม่กิน
หล่อนเป็นเลือดเนื้อทางนี้ที่ไม่กินของพวกนี้!
เคยมีคนบอกหล่อนดัดจริต โตมาแท้ๆ กับอาหารพื้นบ้าน
ไม่แปลกไม่ใช่หรือที่หล่อนจะชอบปลาดิบ หอย ซาชิมิ แกงกะหรี่ญี่ปุ่น
ชมชอบเป็ดย่าง และติ่มซำ
อีกสารพัดเมนูที่ไมใช่อาหารพื้นบ้าน
แต่พ่ออยากเปิด...ต้องตามใจเจ้าของ หล่อนยังไม่สามารถยึดโรงแรมเป็นของหล่อนได้
แค่พนักงานคนหนึ่งของที่นี่ หล่อนค้านพ่อไม่ได้
และวันเปิดตัวต้องมีดนตรี...
มยุรี...เพื่อนเก่าเดินเข้ามานำเสนอ เพื่อนเก่า ชู้รักคนเก่าตั้งแต่กลับมาจากจีนก็ได้มา “หยุมหัว” กันมากเกินหนึ่งครั้ง ต้าร์ ตฤณ เหมาะที่จะเป็นอาหารจานว่างให้หล่อนลิ้มลองและสะสมแต้มหล่อนผู้เชื่อว่าเรื่องผู้ชายคือความบันเทิงคือสีสันชีวิตคนหนึ่งก็รสหนึ่ง ต้าร์ก็เป็นอีกรสที่หล่อนไม่ชอบคือเขาร้องเพลงลูกทุ่ง...หากร้องเพลงอื่นน่าจะดีกว่าที่จริงหล่อนอยากให้อีกคนมาด้วย ขึ้นเวทีด้วยเดชชนะ คูนแคนพี่ชายของต้าร์ เมญานีสนใจเขามาก เขาดูหล่อใสกว่าต้าร์และที่แน่ๆ หล่อนยังยื่นมือแตะตัวเขาไม่ได้ไม่เคยได้การโอบกอดไม่เคยได้จูบดูเป็นของยากแต่ท้าทายนี่หล่อนเตรียมตัว...วันนี้หล่อนมีนัดกับต้าร์ก่อนเขามาเปิดการแสดง และเมื่อเจอกัน หล่อนก็ได้รับของฝากที่เขาเอ่ยชวน...ดื่ม...เมา...เซกส์ บันเทิงกันสุดขีดและหล่อนเอ่ยถามเมื่อกำลังไต่ขอบสวรรค์ชั้นเจ็ด“สนใจอยากสามคนกันไหม ต้าร์”ตฤณชะงัก “ถามอะไร”“แค่ชวนเดชมาอีกคน...”“เฮ้ย บ้า ไม่เอาด้วย เมญ่า ให้เดชมันมากระทืบเรากันหรือ มันไม่มาสามคนผัวเมียกับเราหรอกนะ กับเธอด้วย เมญ่า มันเคยมองเธอที่ไหนกันเล่า”////////////////////////////////////////“ฉันแวะมา
มยุรีพยักหน้ารับ“โอย...นอกจากจะเป็นแม่นางฟ้านรก ยังเป็นแม่ใจร้ายด้วย นายต้าร์นั่นรู้ไหม...”มยุรีส่ายหน้าไปมา“ไม่มีใครบอกเขาหรือ”“ทุกอย่างเป็นความลับ น้าดำรงมียัยเอ๋ อัจฉรา ที่อุ้มท้องมาให้น้าดำรงรับเป็นพ่อ แล้วมารับนายต้าร์นี่เป็นลูกตอบแทน...ปิดบังฐานะแม่แท้จริงไว้”เอกนรีตาลอยๆ ลำดับเรื่องราว ก่อนจะออกปากว่า“ทั้งลุงฉัน และยัยป้านั่นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ คนนึงก็ไม่เอาลูกตัวเอง อีกคนก็ยังทำให้ยัยป้าใจดำไม่รับลูกมาดูแล...คนอะไร..กี่ปีแล้ว พูดก็พูดนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกของยัยเอื้อยฟ้าเลย...นางทำเหมือนไม่เคยเป็นแม่คน หรือเพราะนางเป็นแม่ใครไม่ได้”เป็นคำสบประมาท หมิ่นแคลนรุนแรงนัก“ฉันจะเจอนายต้าร์นั่นได้อย่างไร”“เขาจะมาร้องเพลงเปิดตัวห้องอาหารที่นี่ คืนนี้แหละที่โรงแรมนี้...ห้องอาหารอิสานเปิดใหม่...ได้ยินมาว่าอาหารอร่อยล้ำนัก...หากชอบส้มตำ...ลาบก้อย...อะไรพวกนี้นะ”และเป็นการพบกันโดยที่เอกนรีบอกว่า “ไม่ต้องแนะนำฉันนะ ขอดูอยู่ห่างๆ”เธอบอกเช่นนั้น มยุรีทำตาม...ถึงเวลา ที่ห้องอาหารที่เปิดใหม่ เอกนรีได้โต๊ะด้านข้างเวทีแต่อยู่ด้านหน้าจะมองบนเวทีได้ชัด แถมยังมีมุมเล็กๆ ที่จะหล
“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...” มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”“หือ...ได้หรือ”เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมาเธอนึกในใจว่า...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ล
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
พุทธศักราช 2540ปีแห่งความผันผวนทางเศรษฐกิจ วิกฤตต้มยำกุ้ง“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ไอ้วงคูนแคนของพี่ดุ่ยนี่ ไม่เคยขาดงานเดินสายเลยนา”เสียงพูดแกมหัวเราะจากปากแดงๆ ของนางดวงดังขึ้นนางดวง หญิงวัยกลางคนที่ยังคงความงามพริ้ง...ในวัย45...วัยที่บอกว่าผู้หญิงจะมีความงามเป็นของตัวเองได้อีกสักห้าปีใช่ ตำนานความงามของผู้หญิงที่เรียกว่าเบ่งบานสุดๆ นั่นคือวัยระหว่าง30ถึง45 นางดวงเช่นกัน คนมักจะเรียกนางว่ายายดวง...ทั้งที่ยังดูสาว เรียกกันติดปาก...ยายดวง...ยายดวง...กับการที่นางเป็นเจ้าของร้านส้มตำเลื่องชื่อ และวันนี้นางมาร่วมงานวันเกิดพี่ชาย...นายดุ่ย คูนแคน...พี่ชายนางดวงเป็นเจ้าของวงดนตรีที่เอานามสกุลมาใช้คูนแคน...และมีลูกชาย...ก็หลานยายดวง...ดำรง คูนแคนเขามีความสามารถทั้งเล่นดนตรีและแต่งเพลง...เขาทำเพลงลูกทุ่งอิสานหลายเพลง ได้รับความโด่งดัง...การเดินสายทำวงก็ดังมากมีนักร้องชายหญิงดังๆ หลายคน และดำรงกำลังปั้นนักร้องสาวคนใหม่...เอื้อยฟ้า อรลออ หรือ ซูยองฮวา...หล่อนเป็นนางฟ้าลูกทุ่ง...คือร้องเพลงลูกทุ่งได้...ทำเพลงมาแล้วสักพัก แต่ไม่ดังมากนัก...จนเมื่อเจอกับดำรง..และเซ็นสัญญาให้เขาดูแลแ
นางดวงทำตาโต ก่อนจะร้องอุทาน “พุทโธ ธัมโม สังโฆ ดำรงรู้ไหมนี่”นายดุ่ยส่ายหน้า “ลูกฉันมันโง่...ยังกะควาย...”เสียงตวัดลากสูง “คอยดูสิ...อีกไม่นาน...”“แล้วทำไมไม่บอก ไม่กล้าหรือเปล่า ฉันบอกเองได้นะ” นางดวงรับอาสา “ตัดไฟแต่ต้นลม”นายดุ่ยส่ายหน้าไปมา “ฉันพูดไปก็เท่านั้น”“ฉันถึงอาสาไง พี่ดุ่ย”แต่เขาห้ามน้องสาว บอกว่าสงสารดำรง และนั่นทำให้นางดวงมองหลานชายที่พาเอื้อยฟ้าเข้ามาหาด้วยแววตาที่เอื้อยฟ้าถอยหลบไปหลังเขาทันที“นั่นอาพี่เหรอ”“ใช่” ดำรงตอบ “อาดวง แกขายส้มตำแล้วทำวงกับลูกชายบ้าง วงเล็กๆ เล่นที่ร้านอาหารและรับงานแถวบ้าน ไม่มากมายอะไร”เป็นการพบกันครั้งแรกและนางดวงไม่ชอบหญิงสาวคนสวยลูกครึ่งไทยเกาหลีคนนี้เลยนางรับไหว้ หมางเมิน...ไม่ได้ยินดียินร้าย ไม่ตื่นเต้นเหมือนก่อนเจอกัน“ท้องเรอะ” นางยิงคำถามเอื้อยฟ้าเกาะแขนดำรงแน่น...“อา...” หลานชายท้วง ทำหน้าตาบึ้งๆ “อย่าถามแบบนี้อย่าพูดไป”“ทำไมปล่อยท้อง...” นางยังกังขา “ถุงยางมีทำไมไม่ใช้”“เรารักกัน”“รักกันตอนนี้ ตอนไหนก็ได้ แต่ยังท้องไม่ได้”นางพยักพเยิดไปทางอัจฉรา แม่ลูกอ่อนที่นั่งให้นมลูกอยู่ไม่ห่าง ทำหน้ามุ่ยๆ “นั่นก็ไปร
อัลบั้ม “กราบอกซ้ายอ้ายที่ฮัก”ขายดิบขายดี มีงานหลั่งไหลเข้ามาแต่ชีวิตของดำรงพังยับตั้งแต่วันนั้นไม่เพียงแต่ชีวิตแต่วงคูนแคนก็ถึงกาลอวสานไปด้วยเจ้าของวง นักแต่งเพลง ป่วย...เมา...ชีวิตพังยับ...และชีวิตน้อยๆ อีกชีวิต ของเดชชนะ...ลูกที่แม่ทิ้งไปตั้งแต่สามเดือนก็เติบโตขึ้นมาโดยมือพ่อขี้เมา ชีวิตตกอับในมือปู่ดุ่ยและแม่บุญธรรมอย่างอัจฉรา...แต่ความจริงมีประการหนึ่งที่ทำให้เขาเติบโตมาคือเขาไม่ได้กินนมแม่...หรือนมอัจฉราที่เขาเรียกแม่เอ๋ และทุกคนคิดว่าเขาคือลูกของอัจฉราวันที่เอื้อยฟ้าจากไป เขาสามเดือน ไม่มีนมแม่กิน และแน่นอนอัจฉรายังมีนมกับลูกอ่อนของตัว แต่ดำรงห้ามเด็ดขาดนายดุ่ยยังสงสัยว่าทำไม...ฉันจะไม่ให้เดชมันกินนมเอ๋ และรับเป็นแม่จริงๆ......มันนมคนนา แกจะให้ลูกโตเพราะนมวัวเหรอ มันจะไม่ดีนา... ...นมผงก็ได้... วันที่ปาดน้ำตา และหักใจได้บ้าง ดำรงขับรถออกไปหาซื้อนมผงมาชงให้ลูกชายกินด้วยตัวเอง และห้ามอัจฉราให้นมเดชชนะจุดมุ่งหมายในใจคือ เมื่อขาดแม่ มีแต่พ่อ...เขาจะเป็นพ่อที่พร้อมเป็นแม่ให้กับเดชชนะด้วย เขาจะไม่ยอมให้ เดชชนะต้องมีชีวิตที่ขาดไร้...อัจฉราอาจจะเป็นแม่ในนาม แม่ในสาย
ใช่ ค่ำนี้เธอมีนัดกินข้าวกับอาทร...หลังจากเธอกับเขาไม่ได้กินข้าวหรือเจอกันมาเกือบสองเดือนอาทรมีงานแน่นมาก และเขามีเดินสายไปทั้งต่างประเทศและต่างจังหวัด ในงานของเขาเขาบ้างาน...เอกนรีเคยคิดว่าที่จะเป็นมารความรักของเธอกับเขาคือเรื่องนี้นี่เอง...และเธอก็ตกปากรับคำจะไปนั่งจิบกาแฟที่มาแลร์นาดูสักหน...และเมื่อมาถีงร้าน...วันนี้เธอเจอกับเจ้าของร้านด้วยตัวเองร้านน่าร้ก...เขาตอบแกมหัวเราะว่า“มาแลร์นา...มาแลนา ภาษาไทยเลยครับ มาดูนา...เห็นไหมครับนั่น”เขาชี้ให้ดู ท้องนาสีเขียว ข้าวกำลังเติบโต...“นี่...เดช ยัยนรีอาจจะเก่งทุกอย่าง แต่ฉันเชื่อว่าบางทีเค้าแยกหญ้ากับข้าวไม่ได้”ได้หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคน เอกนรีมองค้อนเพื่อนและเอ่ยราวกับจะแก้ตัวว่า “ฉันแยกเป็นย่ะ...มีอยู่สองอย่างที่ฉันแยกไม่เคยได้ ยาสูบกับคะน้า...เผือกกับบอน”เดชชนะมองหน้าเธอ เขาเห็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่แบกความเชื่อมั่นในตัวเองไว้เต็มที่...ท่าทางมั่นใจ...เมื่ออยู่ใกล้กับญาติของเขาที่เขาคุ้นชิน...มยุรีก็เป็นสาวมั่นคนหนึ่งแต่เขาคิดว่ามยุรีมีน้อยกว่าเอกนรีแน่นอนทั้งสวยทั้งมั่นใจ และยอมรับความจริง“ไม่แค่นั้นหรอก นรี” มยุรีค้าน “
เหตุการณ์สงบลงได้เพราะทีมกฏหมายที่เป็นพ่อของมยุรีเข้ามาช่วยเคลียร์ให้...แน่นอนว่าทุกอย่างมีราคา...มยุรีหัวเสียมากกับเรื่องนี้ราวกับเกิดกับตัวเอง เอกนรีกำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับเข้ากรุงเทพฯ และเพื่อนมาหาเธอในห้องตอนสายวันต่อมา“ฉันว่ายัยเอื้อยฟ้าทำเกินไปละ เพลงของตัวที่ไหน”“ยัยนั่นทำได้ทุกอย่าง แต่เพิ่งมาจับหรือเปล่า...”“นั่นละ ที่ฉันกับพ่อสงสัย ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาสนใจอะไร”“คงจะต้องมีแผนแน่ๆ...และคนที่มาออกหน้าจัดการก็อีตาลุงของฉันผ่านตัวแทน”เมื่อตอนบุกเข้าจับ เธอยังจำได้ ต้าร์เอะอะโวยวายจะไม่ยอม...แต่เดชชนะพาต้าร์ไปจากเวทีเสียก่อน ดูท่าทางเขาคุมสติได้ดีทีเดียว…“ถ้านายต้าร์เป็นลูกชายเอื้อยฟ้า ทำแบบนี้หมายความว่าไง รังแกลูกตัวเองไหม พวกเขาต้องการอะไร” มยุรีเอ่ยปากถาม“ฉันพอจะรู้อะไรบางอย่าง อยากรู้ไหม”“บอกมา”“พวกเขากำลังหาตัวนักร้องคนใหม่ไปเข้าสังกัด”“หานักร้อง แล้วเกี่ยวอะไรด้วย”“จะมาเอาตัวลูกคืนล่ะมั้ง”มยุรีนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยเสียงรัวๆ “ความจริงจะเปิดเผยหรือไร”“รอดู แต่คนอย่างลุงฉันจับมือกับยัยเอื้อยฟ้า มีแต่นรกเปิด...ผู้คนจะเดือดร้อน พวกเขาทำในสิ่งที่ตัวเองต้อง
“แปลว่าต้าร์ยังไม่ได้ร้อง”“ยัง...ไม่มีเวลาให้เลยไงล่ะ...คืนนี้คงไม่ทัน เอาเพลงเก่าไปก่อน...”เขามองไปที่เอกนรีอีกหน ก่อนจะบอกกับมยุรีว่า“แนะนำให้เรารู้จักเพื่อนเธอได้ไหม ยุ”“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้...ไปตอนนี้เลย...” หล่อนคว้าข้อมือเขา “สักสองนาที...นรีเป็นคนเก่งนะ เก่งมากด้วย”“เก่งด้านไหน...สายเดียวกับเธอไหม”“ก็สายเดียวกัน แต่นรีไปทำบริษัทเล็กๆ แล้วก็เป็น ยูทูปเปอร์ เป็นที่ปรึกษาด้านความงาม...ด้านการทำคอนเท้น”“อือ หลายอย่างนะ”“ก็บอกแล้วไงว่ามีความสามารถ มากกว่านักการตลาดพื้นๆ แบบฉัน...” มยุรีปลื้มเพื่อน เดชชนะบอกตัวเอง ดูแสดงออกอย่างจริงใจยิ่ง“คนนี้ล่ะที่เราอยากเอามาช่วยทำวงคูนแคน”“หือ...ได้หรือ”เมื่อมาถึงโต๊ะ มยุรีก็เอ่ยแนะนำ“นรี...รู้จักญาติฉันหน่อย...เขาชื่อเดชชนะ ส่วนนี่เพื่อนเรานะ เดช ชื่อเอกนรี...”อายุน่าจะรุ่นเดียวกัน เธอมองแล้วยื่นมือมาจับ...เขาจับมือหล่อน มีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านมือมาเธอนึกในใจว่า...ลูกไม่มีพ่อมีพลังที่ถ่ายทอดความอบอุ่นได้ด้วยวุ้ย...เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ เธอมีครูที่สอนเรื่องพลังจากมือให้...เป็นความรู้ติดตัวเกี่ยวกับด้านโหราศาสตร์ลายมือด้วย ล
มยุรีพยักหน้ารับ“โอย...นอกจากจะเป็นแม่นางฟ้านรก ยังเป็นแม่ใจร้ายด้วย นายต้าร์นั่นรู้ไหม...”มยุรีส่ายหน้าไปมา“ไม่มีใครบอกเขาหรือ”“ทุกอย่างเป็นความลับ น้าดำรงมียัยเอ๋ อัจฉรา ที่อุ้มท้องมาให้น้าดำรงรับเป็นพ่อ แล้วมารับนายต้าร์นี่เป็นลูกตอบแทน...ปิดบังฐานะแม่แท้จริงไว้”เอกนรีตาลอยๆ ลำดับเรื่องราว ก่อนจะออกปากว่า“ทั้งลุงฉัน และยัยป้านั่นเป็นคนที่ใช้ไม่ได้เลยนะ คนนึงก็ไม่เอาลูกตัวเอง อีกคนก็ยังทำให้ยัยป้าใจดำไม่รับลูกมาดูแล...คนอะไร..กี่ปีแล้ว พูดก็พูดนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องลูกของยัยเอื้อยฟ้าเลย...นางทำเหมือนไม่เคยเป็นแม่คน หรือเพราะนางเป็นแม่ใครไม่ได้”เป็นคำสบประมาท หมิ่นแคลนรุนแรงนัก“ฉันจะเจอนายต้าร์นั่นได้อย่างไร”“เขาจะมาร้องเพลงเปิดตัวห้องอาหารที่นี่ คืนนี้แหละที่โรงแรมนี้...ห้องอาหารอิสานเปิดใหม่...ได้ยินมาว่าอาหารอร่อยล้ำนัก...หากชอบส้มตำ...ลาบก้อย...อะไรพวกนี้นะ”และเป็นการพบกันโดยที่เอกนรีบอกว่า “ไม่ต้องแนะนำฉันนะ ขอดูอยู่ห่างๆ”เธอบอกเช่นนั้น มยุรีทำตาม...ถึงเวลา ที่ห้องอาหารที่เปิดใหม่ เอกนรีได้โต๊ะด้านข้างเวทีแต่อยู่ด้านหน้าจะมองบนเวทีได้ชัด แถมยังมีมุมเล็กๆ ที่จะหล
มยุรี...เพื่อนเก่าเดินเข้ามานำเสนอ เพื่อนเก่า ชู้รักคนเก่าตั้งแต่กลับมาจากจีนก็ได้มา “หยุมหัว” กันมากเกินหนึ่งครั้ง ต้าร์ ตฤณ เหมาะที่จะเป็นอาหารจานว่างให้หล่อนลิ้มลองและสะสมแต้มหล่อนผู้เชื่อว่าเรื่องผู้ชายคือความบันเทิงคือสีสันชีวิตคนหนึ่งก็รสหนึ่ง ต้าร์ก็เป็นอีกรสที่หล่อนไม่ชอบคือเขาร้องเพลงลูกทุ่ง...หากร้องเพลงอื่นน่าจะดีกว่าที่จริงหล่อนอยากให้อีกคนมาด้วย ขึ้นเวทีด้วยเดชชนะ คูนแคนพี่ชายของต้าร์ เมญานีสนใจเขามาก เขาดูหล่อใสกว่าต้าร์และที่แน่ๆ หล่อนยังยื่นมือแตะตัวเขาไม่ได้ไม่เคยได้การโอบกอดไม่เคยได้จูบดูเป็นของยากแต่ท้าทายนี่หล่อนเตรียมตัว...วันนี้หล่อนมีนัดกับต้าร์ก่อนเขามาเปิดการแสดง และเมื่อเจอกัน หล่อนก็ได้รับของฝากที่เขาเอ่ยชวน...ดื่ม...เมา...เซกส์ บันเทิงกันสุดขีดและหล่อนเอ่ยถามเมื่อกำลังไต่ขอบสวรรค์ชั้นเจ็ด“สนใจอยากสามคนกันไหม ต้าร์”ตฤณชะงัก “ถามอะไร”“แค่ชวนเดชมาอีกคน...”“เฮ้ย บ้า ไม่เอาด้วย เมญ่า ให้เดชมันมากระทืบเรากันหรือ มันไม่มาสามคนผัวเมียกับเราหรอกนะ กับเธอด้วย เมญ่า มันเคยมองเธอที่ไหนกันเล่า”////////////////////////////////////////“ฉันแวะมา
“เราจะเสียเวลากับการที่นายเหลวไหลไม่ได้ เราจะต้องทำเพื่อพ่อ เข้าใจไหม”และเมื่อเดชชนะเดินออกมา เขาเจอกับอัจฉราที่มารออยู่“เรียบร้อยครับ แม่...เขาดูท่าจะเชื่อฟังดี...”“เดช อย่าลืมก๊อกสองเผื่อนะ” นั่นเพราะรู้นิสัยกันดีเดชชนะอมยิ้ม“ผมพูดจริงนะเรื่องส่งตัวไปบ้านชีวิตใหม่”เขาย้ำ “แพงแค่ไหนก็จะส่งไปลิ้มลองรสชาติ...การบำบัดจริงจัง...เราใจดีกับเขามามาก ต้องใจร้ายบ้างแล้ว”อัจฉราทำหน้าตกใจบ้างเหมือนกัน แต่แล้วก็รีบระงับโดยเร็ว พยักหน้าเหมือนเห็นด้วย“ขอบใจที่เดชดูแลต้าร์ตลอด”เขาจับสองมือของอัจฉรามากุมแน่น“แม่เอ๋...เขาเป็นพี่ชายผม แม้เขาจะคิดว่าเขาเป็นน้อง พี่น้องกันต้องดูแลกัน รักกัน เราโตมาด้วยกัน...จะมีให้ผมเสียใจเรื่องเดียวเท่านั้น”“เรื่องอะไร”“ผมน่าจะเป็นพี่เขาจริงๆ เกิดก่อนเขาสักสองปีก็พอ...ผมจะดึงเขาไว้จากสิ่งที่เขาเป็นทุกวันนี้”อัจฉราร้องไห้ “แม่ผิดเองที่อบรมเขาไม่ดีพอ”“แม่สอนเขาเท่าสอนผม แม่เอ๋ แต่ต้าร์อ่อนแอไปเอง ความอ่อนแอทำให้เขาเลือกจะใช้ยา ใช้ผู้หญิงเพื่อทำให้ตัวเองเหมือนหลบจากโลกความจริงไปเสพความเมา ไปเสพเซกส์ ทำให้ลืมบางอย่าง ต้าร์เกิดมาพร้อมกับปัญหา”นี่คือเดชชน
“นายก็ร้องเพลงฉันได้ทุกเพลง..ขึ้นเวทีแทนฉันได้ทุกเวลา แฟนฉันหันไปหานายก็เยอะ” เสียงหงุดหงิดไม่น้อย “ทำไมวะ เดช ทำไมนายไม่ทำออกหน้าไปเลย มาดันฉันทำไม”เดชชนะยื่นหน้ามาใกล้ ดวงตาดำใหญ่มองมาตรงๆ ประกายตานิ่ง ไม่มีการตำหนิ ไม่มีการเบื่อหน่าย“เพราะฉันทำได้ไม่ดีเท่านาย” เสียงหนักแน่น จริงใจ “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีความสามารถเท่านาย แก้วเสียงฉันไม่ได้เท่านาย และฉันไม่มีเสน่ห์ เวลาร้องเพลงเท่านาย”“เฮ้ย อย่ามาถล่ม”“ฉันพูดจริง”แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด เพราะความจริงมีอยู่ว่าเสียงของเดชชนะมีเสน่ห์ แก้วเสียงชัด ใส และมีความคม...แต่ฟังเผินๆ จะเหมือนร้องแทนกันได้ ส่วนหน้าตาน่ะหรือ...เพราะมีแม่เป็นสาวลูกครึ่งเกาหลี...หน้าตาสะสวย แม้เอื้อยฟ้าจะไปทำศัลยกรรมเพิ่มเติมให้ความงามของหล่อนคมชัดเจนมากกว่าเดิม แต่ความจริงคือหล่อนสวย คิ้ว ตา จมูก ปาก ถูกจัดวางบนโครงหน้าที่ได้รูป และผิวนั้นอีก...ผิวสาวเกาหลีแม้จะผสมเลือดไทย แต่ผิวของหล่อนสวยนัก ขาวเนียนละเอียด ผิวนั้นตกทอดมาถีงเดชชนะด้วยขณะที่เอ๋ อัจฉราผิวสีเข้ม ไม่ถึงกับดำ สีผิวนั้นไปทางต้าร์ และต้าร์ก็เคยสงสัยว่าทำไมผิวของเดชนะผิดพ่อผิดแม่ดำรงก็
“มีอะไร หน้าตาเครียดมากเชียว นรี”เธอถอยไปยืนพิงประตูห้อง ยกมือกอดอกเอาไว้“นรีบอกลุงแล้วว่าไม่สนับสนุนการทำพีอาร์ให้กับแม่คนนั้น”แม่คนนั้น คอแข็ง เมื่อเอกนรีพยักพเยิดมาหา“ไยจะไปล้อบบี้เด็กๆ ของนรีอีก นรีเห็นโปรไฟล์ที่ทำมาแล้ว ต่อให้จ่ายเป็นล้านๆ ก็ไม่รับ เข้าใจไหมคะ...แล้วอย่าล้ำเส้นกันอีก ไปจ้างคนอื่นทำ”“นรี...แค่ไลฟ์สด..และพูดถึง...”“ไม่...จะไม่ทำ ไม่ออกชื่อ ไม่ให้พื้นที่...อย่าว่าแต่ไลฟ์สด ในบล็อก ในเพจ ในติ๊กต๊อก ใน REALS ในทุกพื้นที่ของนรี...ไม่...ไม่...และไม่”เธอออกเสียงรัวๆ เกรี้ยวกราด ดวงตาส่งประกายชิงชังออกมา“ตกอับ อยากชุบตัวใหม่ไปทำที่อื่น”ตกอับ...เอื้อยฟ้าจี๊ดทันที...“จะมากไปแล้วนะ เอกนรี”เรียกชัด ลุกยืน...ทำท่าพร้อมลุยใส่ทันทีเอกนรีก็ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย เธอพร้อมจะปะทะด้วยเต็มที่“ฉันไม่ได้เป็นคนต้นคิด”เอกนรีเบะปาก แม้จะหน้าตาสะสวย แต่การทำหน้าตาเกเรเช่นนี้ทำให้เธอดูเหมือนนางร้าย...ไม่เหมือนกับที่ประกาศว่าเธอเป็นนางเอก“อ้างลุงอีกละ ว่าไงคะ ลุง...เมียรักของลุงเค้าโยนมาให้ลุงเป็นคนจัดการ ยอมรับกันหน่อยดีไหม”วิลลี่ทำหน้าตาเหมือนอธิบายยาก“ช่วยกันหน่อย”“
เอื้อยฟ้า อรลออ ฉายานางฟ้าลูกทุ่ง ในวัยห้าสิบเอ็ด หล่อนขึ้นเป็นผู้บริหารคู่กับวิลลี่ ดำรงไท ในบริษัทเบต้าคีย์ หล่อนไม่ได้ทำเพลงใหม่อีกแล้ว แต่สนับสนุนนักร้องใหม่ๆ ในสังกัด...รับนักร้องทั้งหญิงและชายมาทำงาน...แต่ความจริงคือทุกคนแค่ “พอขายได้” แต่ไม่มีใครดังสักคนไม่สามารถปั้น นางฟ้าลูกทุ่งเพิ่มได้อีกและตอนนี้เริ่มจะเบนเข็มไปปั้นนักร้องชายเพื่อจะให้เป็นเทวดาลูกทุ่ง...สักคนเอื้อยฟ้ามองเห็นใครคนหนึ่งที่น่าสนใจ ในมือหล่อนถือเรื่องราวของ “ต้าร์ แทมโป้” เอาไว้...พอดีกับสามีเดินเข้ามาในห้อง“ดูอะไร” เขาเอ่ยถาม วิลลี่หนุ่มลูกครึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดี และเขาทำเพลง...แถมยังทำเพลงลูกทุ่ง...นักร้องคู่บุญเบต้าคีย์คือเอื้อยฟ้า ซูยองฮวา ลูกครึ่งเกาหลีไทย เป็นตัวทำเพลงทำเงิน...วันนี้แม้ชื่อเสียง การทำเงินของหล่อนจะ “เบา” ลงไปจากเดิม แต่ยังเรียกว่าได้อยู่ มีรายได้เข้ามาหลายทาง...เอื้อยฟ้าวาง “จุดยืน” ตัวเองเอาไว้สูงมาก หล่อนเป็นนักร้องชั้นบน...มีเพลงฮิตติดลมเป็นสิบเพลง...หล่อนเริ่มรับเชิญไปตามรายการต่างๆ ในฐานะกรรมการตัดสินการประปวด....วิลลี่ก็ผลักหล่อนไปกับรายการพวกนั้นอยู่สามรายการด้วยกันห