Share

บทที่ 59

Author: สั่งไม่หยุด
นางถานสีหน้าโกรธเคือง “เหลวไหล คนนอกกำลังใส่ร้ายข้า!”

นางเซี่ย “ดี ถ้าอย่างนั้นท่านแม่ยายลองว่ามา สามพิธีการ ห้าคัมภีร์ แบ่งออกเป็นอะไรบ้าง? ชวีหลี่กับจงยงอยู่ในเล่มใดของสามพิธีการ? แล้วอยู่บทที่เท่าไหร่ของหนังสือ?”

สีหน้าของนางถานอึดอัดยิ่งกว่าเดิม “คือ คือ...ข้าจำไม่ได้แล้ว!”

นางเซี่ยหัวเราะอย่างเย็นชา “เฮอะ เจ้าจำไม่ได้เสียที่ไหนกัน ข้าว่า เจ้าน่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำ แม่ยายที่ไม่ได้เรียนหนังสือเช่นเจ้า จะสั่งสอนลูก ๆ ได้อย่างไร? เหตุใดลูกชายข้าถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ ถึงต้องมาหมั้นหมายกับลูกสาวของสกุลเจ้า!”

นางเซี่ยเกิดในตระกูลใหญ่ ข่าวสารรวดเร็ว รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางถานไม่เรียนหนังสือ ถึงได้จงใจหาข้ออ้างนี้มาแสดง

นางจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ จนนางถานเก้อเขิน

ฉีอวี่เยียนยิ่งอับอายหนัก ถึงขนาดมองนางถานด้วยสายตาดุร้ายแวบหนึ่ง แอบโทษที่ท่านแม่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ สิ่งที่ทำให้นางสุดจะทนไหวก็คือ ตนก็จำไม่ได้ว่าอยู่ในบทที่เท่าไหร่ของจงยง ไม่อย่างนั้นยังพอแอบเตือนได้

ในฐานะที่นางเจียงเป็นเพื่อนสนิทของนางเซี่ย รู้ถึงจุดประสงค์ในวันนี้ของนางเซี่ยตั้งแต่แรกแล้ว จึงกล่าวอย่างให้ความร่วมมือ “ก็ใช่
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 60

    ถึงอย่างไรนางเซี่ยก็ไม่มีทางยอมให้ใครเป็นอะไรไปที่จวนของตนอย่างเด็ดขาด จึงบอกให้คนไปเรียกหมอประจำจวนมา ใช้การฝังเข็มที่บริเวณร่องตรงกลางริมฝีปากบนเพื่อปลุกฉีอวี่เยียนฉีอวี่เยียนที่ค่อย ๆ ได้สติ เมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างทำให้ตนยากที่จะยอมรับได้นั้น ไม่ใช่เพียงภาพมายาหรือความฝันชั่วขณะเมื่อเห็นบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่อยู่ในงาน รวมถึงหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยบางคนที่นางคิดว่าอิจฉานาง ต่างก็พากันมองดูนางด้วยความสอดรู้สอดเห็นนางก็รู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ร้องไห้กล่าวกับนางเซี่ย “พระชายาซื่อจื่อ ท่านจะยกเลิกงานแต่งงานได้อย่างไร! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด”นางเซี่ยเหลือบตา “น่าประหลาดใจจริง ๆ ข้าเพียงแค่เสนอให้เจ้าเป็นอนุ แต่แม่ของเจ้าต่างหากที่เป็นคนพูดว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน เป็นอย่างที่คิดไว้แม่ที่ไม่รู้หนังสือของเจ้า ชอบทำอะไรแตกต่างจากชาวบ้านจริง ๆ ด้วย”“ข้ายังคิดว่า เจ้าจะแตกต่างกับแม่ของเจ้า คิดว่าเจ้าจะแตกต่างกับนาง เพราะว่าเจ้ารู้หนังสือ ให้ข้ารับเจ้าเป็นสะใภ้เช่นเดิม แต่ใครจะไปรู้ว่านางใช้เรื่องการยกเลิกงานแต่งงานมาข่มขู่ข้า ด้วยท่าทีร้อนตัวที่ไม่รู้หนังสือของพวกเจ้า“หรือว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 61

    นางเซี่ยยิ้มมองนางแวบหนึ่ง “เชื่อว่าเจ้าเข้าใจ ถึงเจตนาที่วันนี้ข้าทำแบบนี้”หรงจือจือวางตัวอย่างเหมาะสม “เข้าใจเจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อวางใจได้”ทุกคนงุนงง แต่ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างรู้กันดี นางเซี่ยกำลังเตือนสติหรงจือจือ ‘เรื่องที่เจ้าให้ข้าช่วยจัดการ ข้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว อย่าได้คิดเรื่องที่อยากจะแต่งงานกับบุตรชายของข้าอีก’ถึงแม้หรงจือจือจะไม่ชอบคำพูดเหล่านั้นที่นางเซี่ยพูดกับนางในวันนั้น แต่ก็จำต้องยอมรับว่า นางเซี่ยตอบสนองคำขอของนางได้ดียิ่ง อีกทั้งเดิมทีนางไม่ได้คิดอยากจะแต่งงานกับจีอู๋เหิงเลยด้วยซ้ำถึงแม้นางเจียงจะไม่เข้าใจความลับระหว่างนางเซี่ยกับหรงจือจือแต่เมื่อมองหรงจือจือ ก็ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง “น่าเสียดาย ที่เจ้าเป็นบุตรสาวของนาง ไม่อย่างนั้นข้าจะพูดเพื่อช่วยทวงความยุติธรรมให้เจ้า!”หรงจือจือมีหรือจะไม่เข้าใจ ว่านางเจียงกำลังหมายถึง เรื่องความไม่ลงรอยของอีกฝ่ายกับนางหวังมารดาของนางนางโค้งคำนับอีกครั้ง “เจตนาดีของท่าน ข้าได้จดจำเอาไว้ในใจแล้ว”นางเจียงเคยพูดแทนตนสองครั้งแล้ว มีหรือที่หรงจือจือจะไม่ซาบซึ้งใจ?นางเจียงยิ้ม “เป็นเรื่องสมควร”ไม่คิดสงสัยว่าตนมีคว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 62

    แวบแรกฉีอวี่เยียนเริ่มสงสัย ว่าพี่สะใภ้ของตนคนนี้ ไม่ได้อ่อนโยนและจิตใจเมตตาดั่งเช่นที่เห็นภายนอก นางถึงขั้นรู้สึกว่าธาตุแท้ของหรงจือจือ ที่จริงแล้วเป็นคนเลวหลังจากนางถานได้ยิน ก็กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสามีของเจ้าเสียใจจนสภาพเป็นแบบนี้แล้ว ยังพูดจาแดกดันแบบนี้อีก!”หรงจือจือ “ท่านแม่ นั่นไม่ใช่คำพูดแดกดัน ลูกเพียงแค่อยากบอกว่า น้องสามียกเลิกงานแต่งงานแล้ว ลูกก็ไม่มีบารมีให้อาศัยอีกแล้ว”สองคนแม่ลูกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็เป็นเหตุผลข้อหนึ่งเช่นกันพระชายาอ๋องเฉียนชื่นชอบหรงจือจือจริง ๆ แต่อีกฝ่ายอายุปูนนั้นแล้ว ผู้ใดจะไปรู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี หรงจือจืออาศัยฮูหยินอายุน้อยอย่างฉีอวี่เยียนเพื่อเข้าหาจวนอ๋องเฉียน จะไม่ยืนยาวกว่าอาศัยนายหญิงใหญ่คนนั้นหรอกหรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็ไม่ได้สงสัยในเจตนาของนางอีกต่อไปรถม้ากลับถึงจวนโหวเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน ทำให้คนสกุลฉีตื่นตกใจ ซิ่นหยางโหวที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมาแต่ไหนแต่ไร เดินมายังสวนฉางโซ่วด้วยใบหน้าโกรธเคืองนางถานในเวลานี้ก็มองหรงจือจือด้วยเช่นกัน กล่าวอย่างไม่พอใจ “จะว่าไป ตอนน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 63

    ดังนั้นเมื่อฟังคำพูดของหรงจือจือจบ นางก็ร้องไห้กล่าว “ท่านแม่ ทั้งหมดต้องโทษท่าน! ข้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่อย่างท่าน! !นางถาน “เจ้า...เหตุใดเจ้าถึงได้อกตัญญูแบบนี้! ลูกไม่รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์ หมาไม่รังเกียจที่ครอบครัวยากจน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรังเกียจแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา?”ซิ่นหยางโหวกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “ป่านนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวอีก! เจ้ารู้หนังสือเพิ่มอีกสองสามคำ อ่านหนังสืออีกสองสามเล่มมันจะเป็นอะไรไปหรือ? บัดนี้ทำลายการแต่งงานที่ดีงามของอวี่เยียน ในใจของเจ้ามีความสุขหรือไม่?”นางถานขุ่นเคืองใจอย่างยิ่งซิ่นหยางโหวหันหน้าไปทางหรงจือจือ “พระชายาอ๋องเฉียนประทับใจเจ้ายิ่งนัก เรื่องนี้เจ้าไปจวนอ๋องเฉียนอีกสักสองสามรอบ ช่วยไกล่เกลี่ย บอกว่าเป็นเพราะท่านแม่ของเจ้าวู่วาม ให้พระชายาลองคิดเรื่องนี้ดี ๆ อีกครั้ง”หรงจือจือกล่าวยั่วยุต่อ “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่พูดเรื่องยกเลิกแต่งงานกับนางเซี่ยยังพอทน ยังพูดจาข่มขู่อีก หากข้าไปพูดอะไรอีก คนนอกอาจจะคิดว่าข้าเป็นคนอกตัญญู จงใจเป็นปฏิปักษ์กับท่านแม่ หากทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้คนอื่นนินทา เกรงว่าเรื่องนี้ทำได้เพียงใ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 64

    หรงจือจืออยากจะหัวเราะ ฉีอวี่เยียนจะเคารพนางยิ่งกว่าเดิม?‘เคารพ’ของฉีอวี่เยียน แม้แต่สุนัขยังไม่ต้องการตอนนี้ได้ยุยงนางถานกับฉีอวี่เยียนเรียบร้อยแล้ว จุดประสงค์ของหรงจือจือสำเร็จแล้วจึงกล่าวอย่างเยาะเย้ยถากถาง “ท่านพี่ อันที่จริงอวี่เยียนยังมีพี่สะใภ้คนอื่นอีก ตามที่ท่านแม่พูด นางผู้นั้นแม้ต้องไร้ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังยินดีที่จะติดตามท่าน เมื่อเทียบกับข้าแล้ว นางคงรักท่านมากกว่า เรื่องงานแต่งงานของน้องสามี ท่านพี่ก็ไปรบกวนองค์หญิงม่านหวาเถอะนะ ข้าไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับไปพักผ่อน”ฉีจื่อฟู่สะอึกไปอีกครั้ง “จือจือ...”หรงจือจือไม่สนใจเขาเลยสักนิด หันหลังแล้วเดินจากไปนางถานกล่าวด้วยสีหน้าโกรธเคือง “นังแพศยา ข้าว่าวันนี้ที่อวี่เยียนถูกยกเลิกการแต่งงาน เกรงว่านางคงจะเป็นคนที่ดีใจมากที่สุด”ซิ่นหยางโหวกลับหันไปมองฉีจื่อฟู่อย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าคิดจนสมองจะระเบิด ก็ไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้ามีความแค้นอะไรกับครอบครัวนี้กันแน่ ถึงได้ก่อเรื่องลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุแบบนี้ขึ้นมาได้”“อวี้ม่านหวานั่นก็เป็นแค่องค์หญิงประเทศที่สูญเสียเอกราช หากนางแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ ฝ่าบาทยังจะทรงประทา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 65

    หรงจือจืออยู่ด้านในสวน ผึ่งสมุนไพรที่ตนซื้อมาก่อนหน้านี้ วันนี้แสงแดดกำลังดี นำพวกมันออกมาตาก เพื่อจะไม่ได้ชื้นจนขึ้นราเจาซีกล่าว “คุณหนู สมุนไพรพวกนี้ทิ้งไปเถอะเจ้าค่ะ แค่เงินเล็กน้อย พวกเรากลับไปที่สกุลหรงแล้วค่อยซื้อใหม่ก็สิ้นเรื่องเจ้าค่ะ เหตุใดจึงต้องเปลืองแรงแบบนี้ด้วยเจ้าคะ?”หรงจือจือยิ้ม “เจาซี บนโลกใบนี้มีเงินเพียงแบบเดียว ที่ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่น นั่นก็คือเงินที่ซื้อยา บนโลกใบนี้มีสิ่งของเพียงอย่างเดียวเช่นกัน ที่ไม่ควรสิ้นเปลืองยิ่งกว่าเงินทอง นั่นก็คือสมุนไพร”“หากเจ้ามองว่าพวกมันไม่มีค่าอะไร ไม่เหมือนกับโสมคนและเห็ดหลินจือ แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญ สิ่งที่รักษาไว้ได้ก็คือชีวิตคนนะ”เจาซี “ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวจะช่วยท่านเอง”ติดตามหรงจือจือมาหลายปี เจาซีก็ได้รู้จักสมุนไพรไม่น้อยแต่ว่าไม่รู้เพราะสาเหตุใด นังหนูถึงเอาแต่โมโหหรงจือจือถามด้วยความขบขัน “วันนี้เจ้าเป็นอะไรหรือ? เอาแต่ทำหน้ามุ่ย เหมือนกับถูกใครยั่วโมโหมาอย่างนั้น”เจาซี “ก็เพราะโดนยั่วโมโหมานะสิเจ้าคะ? นังปีศาจจิ้งจองไร้ยางอายนั่น เมื่อวานปวดครรภ์ ซื่อจื่อจริงวิ่งโร่ไปดูแลนาง จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 66

    เจาซีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำอีกครั้ง นางรู้สึกว่าอวี้หมัวมัวพูดไม่ถูกต้อง บางครั้งไม่ใช่ว่าตนวู่วามชอบโมโห ทั้งยังต้องให้คุณหนูมาปลอบใจตนเองตอนที่อารมณ์ไม่ดี แต่คนสกุลฉีต่างหากที่ทำให้รู้สึกน่าสะอิดสะเอียนจริง ๆผู้ที่เรียนหนังสือย่อมแตกต่างออกไป ฉีจื่อเสียนผู้นี้ถึงขนาดอ้างอิงคำพูดในคัมภีร์มาพูดจาไร้ยางอาย ให้ฟังดูมีเหตุผลได้หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อน้องสามีอยากจะอภิปราย เช่นนั้นข้าก็ขออภิปรายกับเจ้า”ฉีจื่อเสียนตกตะลึง แม้ปากเขาจะอ้างว่าเป็นการอภิปราย แต่ความจริงที่คิดอยู่ภายในใจก็คือผู้หญิงอย่างหรงจือจือ จะไปเข้าใจเหตุผลอะไร?จากการที่ถูกตนยั่วยุเพียงเล็กน้อย นางจะต้องรู้สึกตระหนักและเข้าใจ จะต้องกลับตัวกลับใจ ปฏิบัติตามที่ตนเองกล่าว แต่ตอนนี้...หรงจือจือ “น้องสามีกล่าวว่า ผู้ชายจะต้องปกป้องคนในครอบครัวอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านพี่ของเจ้าได้ปกป้องข้าสักนิดหรือไม่? เขาไร้จิตสำนึก เจ้ากลับอยากให้ข้าเสียสละเพื่อคนแบบนี้ เหตุผลคืออะไร?”“หนังสือแห่งปราชญ์สอนเจ้าว่าผู้หญิงควรทำอะไร แต่ไม่ได้สอนเจ้าหรือว่า การมีที่จิตใจโหดเหี้ยมเป็นสิ่งที่สามีไม่พึงกระทำ?”“หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าคง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 67

    ฉีจื่อเสียนเดินจากไปด้วยความโมโหเจาซีรู้สึกเพียงว่าสะใจเป็นอย่างยิ่ง “คุณหนู สมกับที่เป็นท่าน! ฉีจื่อเสียนนี่ เพิ่งร่ำเรียนได้ไม่นาน ก็คิดว่าตนเองเก่งกาจนัก โล่มาเห่าถึงที่นี่ คิดว่าในใต้หล้านี้ มีเขาเพียงคนเดียวที่เคยเรียนหนังสือหรืออย่างไร?”หรงจือจือชะงัก เอ่ยปากกล่าว “ท่านเจียงเขียนจดหมายกี่ฉบับแล้ว?”เจาซี “เขียนมาเป็นฉบับที่ห้าแล้วเจ้าค่ะ บอกว่าปวดหัวมาก กล่าวว่าท่านหาเรื่องยุ่งยากให้เขาชัด ๆ นักเรียนที่สามารถเข้าสำนักของเขาได้ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ เมื่อเทียบกับพวกเขา คุณชายสี่ไม่ใช่ปัญญาชนเลยสักนิด”“ท่านเจียงยังกล่าวอีกว่า ไม่ว่าเขาจะสอนอะไร คุณชายสี่มักจะมีข้อโต้แย้งที่บิดเบือนบ่อย ๆ มักจะบิดเบือนความหมายของท่านเจียงเป็นประจำ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อแก้ไข”“จดหมายฉบับนั้นเมื่อหลายวันก่อนของท่านเจียง กล่าวว่าเขาสอนไม่ได้แล้วจริง ๆ บอกให้ท่านช่วยมีเมตตา ปล่อยเขาไปสักครั้ง ท่านเองก็กำลังลังเลอยู่ใช่หรือไม่ ว่าอยากจะทำให้คนแก่อย่างเขาต้องลำบากใจอยู่อีกหรือไม่?”หรงจือจือกล่าวเสียงเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ตอบท่านเจียงไปว่า หากเขาไม่อยากสอนก็ไม่ต้องสอนแล้ว

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 100  

    แต่เขาคิดจนหัวแตก ก็ไม่เกิดประโยชน์แม้แต่น้อย คนยังคงไม่สามารถขึ้นไปอยู่บนเตียงหลังเดียวกับหรงจือจือ รู้สึกเพียงว่า ในใจของตนกระวนกระวายอย่างที่สุด ปากคอยิ่งแห้งผากกว่าเดิม อวี้ม่านหวารับรู้ได้ว่า ใจของเขาไม่อยู่ที่นี่ จึงกล่าวด้วยหยาดน้ำตาที่ขังคลอในเบ้าตาว่า “ท่านพี่ หรือว่าท่านไม่ปรารถนาจะมาหาข้า? ถ้าเป็นแบบนั้น ท่านก็ไปหาพี่หญิง…ไม่สิ ท่านก็ไปหาฮูหยินซื่อจื่อเถอะ” พูดจบ ก็เริ่มซับน้ำตา ในอดีต ฉีจื่อฟู่มีความอดทนให้การปลอบนางอย่างมาก ทว่าวันนี้ ความคาดหวังอันเต็มอกที่จะได้ร่วมหอกับหรงจือจือถูกดับลงสิ้น จากที่เดิมที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว หนนี้ จึงขมวดคิ้วเหลือบตามองนางคราหนึ่ง แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าแสร้งเป็นปวดท้อง เพื่อเรียกให้ข้ามาหรือ?” อวี้ม่านหวาถูกทำให้พูดไม่ออก ฉีจื่อฟู่รู้สึกว่านางช่างประหลาดนัก ปวดท้องอะไรกัน? เขาไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ กระทั่งลูกไม้เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานเล็กๆ พวกนี้ของนาง เขาก็มองไม่ออกอย่างนั้นหรือ? แล้วบัดนี้ ยังจะมาเล่นตัวเพื่อการใดอีก? อวี้ม่านหวาเริ่มหลั่งน้ำตา “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดท่านจึงกล่าวกับข้าเช่นนี้? ข้าเป

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 99

    ตงจื้อกล่าวอย่างคิดว่าตนมีเหตุผลว่า “แต่ข้าคิดว่า ซื่อจื่อ ท่านจึงจะเป็นดั่งฟ้าของฮูหยินซื่อจื่อมิใช่หรือขอรับ? ต่อให้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงจะสำคัญเช่นไร ก็ไม่มีทางสำคัญเท่าการทำให้ท่านเบิกบานใช่ไหมขอรับ?”เมื่อฉีจื่อฟู่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้ามืดมนลงแล้ว “ที่เจ้าพูดมาก็ถูก !”ตนเป็นสามีของจือจือ นางควรจะให้ความสำคัญกับตนเป็นอันดับแรกในทุกเรื่องชัดๆในเวลานั้นเอง ก็มีข้ารับใช้อีกคนเข้ามารายงานว่า “ซื่อจื่อ อนุอวี้บอกว่าท้องของนางรู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง บอกให้ท่านไปอยู่เป็นเพื่อนนางขอรับ!”ฉีจื่อฟู่ “รู้แล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้! ในเมื่อหรงจือจือไม่รู้จักรับน้ำใจของผู้อื่น เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางเดียวดายไปเถอะ มีคนมากมายที่รักข้า ข้าก็มิใช่ว่าต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวเสียหน่อย!“ชิวอี้ เจ้าจงส่งความไปบอกเรือนหลัน ให้ฮูหยินซื่อจื่อสำนึกตนให้ดี คิดดูว่าจะขอโทษข้าเช่นไร ไม่เช่นนั้น ถึงเวลาคลอดบุตรภรรยาเอกออกมาไม่ได้ ก็จงอย่าได้มาขอร้องข้าแล้วกัน!”ชิวอี้สั่นสะท้านขึ้นมา เหลือบมองตงจื้อคราหนึ่ง แล้วคุกเข่ากล่าวว่า “ซื่อจื่อ ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนเป็นเด็กรับใช้รับหน้าที่ช่วยจัดการธุระต่างๆ ไปส่งข่าวดีไหมขอร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 98

    หรงจือจือมองไปที่ตงจื้อ ถามอย่างราบเรียบที่แฝงไปด้วยความเย็นชาและเย้ยหยันว่า “คำพูดที่บอกไม่ได้ข้าสวมชุดไว้ทุกข์ เป็นเจ้าหรือซื่อจื่อที่พูด?”ตงจื้อตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “เป็นข้าพูดเองขอรับ ฮูหยินซื่อจื่อ ข้าก็พูดไปเพื่อประโยชน์ของท่าน ข้า…”หรงจือจือกล่าวด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบว่า “ข้ารับใช้ในจวนนี้ ล้วนต่างก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้ว แต่ละคนต่างกล้ามาสั่งสอนข้า ว่าควรจัดการเรื่องราวอย่างไร คิดว่าครั้งก่อนที่โบยบ่าวรับใช้แซ่เฉินนั่นไป คงยังไม่พอจะเชือดไก่ให้ลิงดูกระมัง”ตงจื้องงแล้ว นี่ฮูหยินซื่อจื่อหมายความว่าอย่างไรกัน?หรงจือจือ “เด็กๆ! ลากออกไปโบยซะ! ครั้งก่อนสั่งสอนบ่าวแซ่เฉินนั่นเช่นไร วันนี้ก็จงสั่งสอนเขาเช่นนั้น!”ตงจื้อรีบกล่าวว่า “ฮูหยินซื่อจื่อ นี่ท่านกำลังทำสิ่งใดกัน? ข้าหวังดีต่อท่านจริงๆ นะขอรับ หรือท่านไม่อยากปรนนิบัติซื่อจื่อพักผ่อนแล้วหรือ? หากโบยข้า ซื่อจื่อจะต้องไม่พอใจแน่!”หรงจือจือคิดในใจว่า อย่างนั้นย่อมดีที่สุด ทางที่ดีให้ฉีจื่อฟู่ไร้ความสุขทุกคืน ไม่พอใจตนทุกวัน จะได้ไม่คิดถึงเรื่องร่วมเตียงกันที่น่าขยะแขยงแบบนี้อีกนางไม่แม้จะเงยหน้า ไม่ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 97

    หรงจือจือ “ถูกแล้ว คำพูดพวกนั้น จะไม่ทำให้เจ้าพลอยเดือดร้อน และยังจะช่วยเจ้าให้พ้นผิดด้วย แต่หากเจ้าไม่วางใจ ไม่ยินดีช่วยก็ไม่เป็นไร ข้าจะไม่บังคับ”ทว่า ชุนเซิงกลับโขกศีรษะให้หรงจือจือครั้งหนึ่ง “ในตอนนั้น ชีวิตนี้ของข้าก็เป็นฮูหยินซื่อจื่อท่านที่ช่วยกลับมา ข้าจดจำพระคุณของท่านได้ ข้าเชื่อว่าท่านไม่มีทางทำร้ายข้า เรื่องนี้ข้าจะช่วยท่านขอรับ”หรงจือจือกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “เช่นนี้ก็ดีนัก ลำบากเจ้าแล้ว”เจาซีก้าวเข้าไปเพื่อยัดตั๋วเงินให้ชุนเซิงแต่ชุนเซิงกับยืนกรานไม่ยอมรับ “ฮูหยินซื่อจื่อ เดิมบุญคุณที่ช่วยชีวิต ก็ควรตอบแทนอยู่แล้ว! และตอนนั้น ยังเป็นข้าที่บอกว่าตนเองก็อยากร่ำเรียนหนังสือ ท่านถึงได้จัดให้ข้าไปเป็นเด็กรับใช้เรื่องเรียนของคุณชายสี่”“เวลานี้ ข้าพอรู้อักษรอยู่บ้าง จึงเข้าใจหลักการและเหตุผลจำนวนหนึ่ง บุญคุณที่ท่านมีต่อข้า ดุจดั่งการให้กำเนิดใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ หากมอบเงินให้ข้า กลับจะเป็นการดูหมิ่นข้านะขอรับ”คำพูดของชุนเซิง มิได้อยู่เหนือความคาดหมายของหรงจือจือเลยเพราะหลายปีมานี้ แม้สัญญาขายตัวของเขาจะอยู่กับนางถาน ทว่า เรื่องของฉีจื่อเสียนนั้น ชุนเซิงก็มักมารายงา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 96

    เพียงแต่ตอนนั้น เมื่อท่านอัครมหาเสนาบดีถูกกัด หลังคุณหนูตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องด้วยความตกใจของนาง ก็รีบดูบาดแผลให้เขา ทว่า ทันทีที่ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินเอ่ยปากกลับพูดว่า ในป่ารกร้างเช่นนี้ถึงกับมีงูมากัดเขา แต่ไม่เอ่ยว่าเป็นเพราะช่วยคุณหนูเลยสักคำตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังงีบหลับอย่างสะลึมสะลือ จึงไม่ทราบเรื่องนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และสังเกตเห็นเรื่องนี้ จึงมีเพียงเจาซีเท่านั้นในใจของเจาซีนั้น รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็มิได้เปิดโปงอย่างหุนหัน เพียงสอบถามเขาเป็นการส่วนตัวประโยคหนึ่งในภายหลัง ตอนส่งท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจากไปว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายมีเจตนาใดกันแน่?”ท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินมิได้ตอบ เพียงกล่าวว่า “ขอแม่นางโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้บอกให้คุณหนูของเจ้ารู้”เจาซีคิดว่า น่าจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้คุณหนูของนางเกิดภาระทางใจ จึงรับปากไปต่อมาท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินจึงได้จากไปพร้อมกับลูกน้องที่มารับเขาหรงจือจือมองเจาซีอย่างแปลกใจทีหนึ่ง “เหตุใจเจ้าจึงมั่นใจเพียงนี้?”เจาซีจึงได้สติกลับมา “นี่…”นางคิดว่า ในเมื่อตอนนั้นรับปากท่านอัครมหาเสนาบดีเฉินไปแล

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 95

    กล่าวจบ หรงจือจือก็สาวเท้าจากไปฉีอวี่เยียนดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา “ท่านแม่ นี่ดีเหลือเกิน ข้ายังกังวลว่าข้าจะได้แต่งงานไม่ดีแล้ว คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะยังวางแผนให้ข้า”นางถาน “ล้วนเป็นเพราะลูกเสียนของข้าศึกษาตำรามา จึงไปเกลี้ยกล่อมนางได้สำเร็จ เจ้าต้องขอบคุณน้องเจ้าให้ดี!”ฉีจื่อเสียนได้หน้าก็ยิ่งยินดี แต่ในใจก็รู้สึกแปลกอยู่บ้าง เพราะวันนี้หรงจือจือไม่ไว้หน้าเขาเลยชัดๆ หรือว่ามาคิดได้เอาภายหลังกัน?ใช่แน่แล้ว คำพูดของตนมีเหตุผลจะตาย การที่หรงจือจือเชื่อฟังก็เป็นเรื่องสมควรแล้วฉีอวี่เยียนรีบกล่าวว่า “ต้องขอบคุณน้องชายแล้ว!”ซิ่นหยางโหวส่งขันทีอาวุโสหยางจากไป เมื่อกลับมาก็เห็นพวกเขากำลังเริงร่า เมื่อสอบถามจนรู้สาเหตุ ก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกทีหนึ่งจากนั้นก็มองฉีจื่อฟู่ทีหนึ่งแล้วพูดว่า “จือจือกลับมาคิดเพื่อครอบครัวนี้อีกครั้ง คิดว่าในใจคงยังมีเจ้าอยู่ ในอนาคต เจ้าจงอย่างทำเรื่องโง่ๆ อีก คืนนี้ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนจือจือให้ดีๆ ซะ!”ฉีจื่อฟู่ “ขอรับ!”เขาจะไม่อยากนอนกับจือจือได้อย่างไร?อวี้ม่านหวากำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แต่กลับไม่เอ่ยสิ่งใดแม้แต่คำเดียว……เมื่อกลับมาถึงเรือนหลัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 94

    ในเมื่อเฉินเยี่ยนซูลงมือแล้ว หรงจือจือก็ไม่ใช่พวกไม่รู้ถึงความปรารถนาดีของผู้อื่นจึงหยิบยืมคำพูดของเฉินเยี่ยนซู มาทำให้อวี้ม่านหวาสงบเสงี่ยมลงหน่อยอวี้ม่านหวาก็หวาดกลัวจนหดร่างด้วยความสั่นสะท้านไปครู่หนึ่งจริงๆนางถานกล่าวด้วยความโมโหว่า “หรงจือจือ ในท้องของม่านหวา…”หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินคำพูดของนางถาน มองไปที่ฉีอวี่เยียนนิ่งๆ “น้องสามี ข้าวางแผนว่าผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง จะจัดงานชมดอกไม้ในนามของท่านแม่ เจ้าคิดว่าอย่างไร? ส่วนเรื่องเทียบเชิญ ก็จะให้คนในเรือนของข้าไปส่งเอง”ตามกฎหมายของแคว้นต้าฉี หากบิดามารดาเสียชีวิต บุตรธิดาต้องไว้ทุกข์สามปี หากผู้เป็นปู่ย่าวายชนม์ ชนรุ่นหลานต้องไว้ทุกข์เป็นเวลาหนึ่งปีไม่ว่าจะเป็นบุตรสาวที่แต่งงานออกไปแล้วหรือไม่ ล้วนเป็นเช่นเดียวกับยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหรงถึงแก่กรรม หรงจือจือจึงไม่สะดวกที่จะใช้ชื่อตนไปจัดงานเลี้ยงทุกประเภทเมื่อฉีอวี่เยียนได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาก็สว่างไสวขึ้นทันที “พี่สะใภ้ จริงหรือ?”ในแคว้นต้าฉี การจัดงานประชุมบทกวี เป็นการพบปะสังสรรค์ของเหล่าบัณฑิต ส่วนการจัดงานเลี้ยงชมดอกไม้ ส่วนมากล้วนเป็นงานดูตัวที่เหล่าฮูหยินผู้สูงศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 93

    หรงจือจือกำลังปวดหัวว่าไม่มีเหตุผลจะใช้อยู่ต่อ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนส่งหมอนมาให้ตอนง่วงพอดีคำพูดเสแสร้งที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของอวี้ม่านหวานี้ กลับเป็นการช่วยตนอีกแรง “อนุอวี้กล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่ง ในเมื่อยามนี้เจ้าก็เป็นอนุแล้ว ข้ายังจะจากไปทำไมอีก? เรื่องการหย่าร้าง ก็ให้ถือเสียว่าไม่เคยพูดถึงเถอะ”อวี้ม่านหวา “?”ไม่ใช่นะ นี่ เหตุใดจึงไม่เหมือนที่ข้าคิดไว้เล่า?ฉีจื่อฟู่ถอนใจอย่างโล่งอกทันที แม้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขา ที่จะให้หรงจือจือเป็นอนุ แต่อย่างน้อย นางก็ไม่พูดถึงเรื่องการหย่าร้างแล้วหรงจือจือจับตามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปด้วยความตระหนกของอวี้ม่านหวา “ที่สีหน้าของอนุอวี้ไม่น่ามองถึงเพียงนี้ หรือการที่ข้าอยู่ต่อ ทำให้เจ้าไม่พอใจแล้ว?”อวี้ม่านหวาฝืนยิ้มว่า “ไม่…ไม่ใช่! ในใจของท่านพี่ฟู่มีพี่หญิงอยู่ หากพี่หญิงจากไป ท่านพี่ฟู่จะต้องเสียใจแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น น้องจะหวังให้พี่หญิงจากไปได้อย่างไร?”เมื่อฉีจื่อฟู่ฟังจบ ก็เหลือบมองอวี้ม่านหวาอย่างตื้นตัน “ม่านหวา…”เมื่อเห็นพฤติกรรมอันน่าทุเรศของเขา เจาซีก็โมโหจนหน้าเขียวใจของหรงจือจือกลับสงบนิ่ง ไร้ระลอกคลื่น เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 92

    อวี้ม่านหวาจะคาดได้อย่างไรว่า ขันทีอาวุโสหยางผู้นี้ไม่เพียงมาประกาศราชโองการที่ทำจิตใจของตนหนักอึ้งหดหู่เท่านั้น แถมยังพูดถึงเรื่องความเป็นตายขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกเมื่อฟังคำพูดนี้ของอีกฝ่ายจบ นางก็หวาดกลัวจนท้องเริ่มปวดแปลบขึ้นมาแล้ว!นางถานรีบประคองนาง “องค์หญิง…”เมื่อขันทีอาวุโสหยางได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองนางถานอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง “ฮูหยิน แคว้นเจาล่มสลายไปแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีองค์หญิงอันใดแล้ว หรือว่า จวนโหวของพวกท่านมีความคิดเป็นอื่น?”นางถานตกใจจนสะดุ้ง รีบกล่าวว่า “มิกล้า! ข้าแค่พูดผิดไปชั่วขณะเท่านั้น ขอหยางกงกงโปรดอย่าได้ถือสาเลย!”ขันทีอาวุโสหยางแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง สะบัดแส้ในมือทีหนึ่ง “เช่นนั้น ข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว!”ซิ่นหยางโหว “ข้าจะไปส่งกงกง!”ขันทีอาวุโสหยางก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยง เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่า ซิ่นหยางโหวต้องการประจบตน บัดนี้ฉีจื่อฟู่ทำลายอนาคตตัวเอง หนทางเบื้องหน้าของจวนโหวจึงน่าเป็นห่วงรอจนพวกเขาออกไปแล้วฉีจื่อฟู่มองไปทางหรงจือจือ ขมวดคิ้วถามว่า “จือจือ เจ้ารู้จักท่านอัครมหาเสนาบดีหรือ?”หรงจือจือสงบความคิดลง นางก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่า เฉินเยี่ยน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status