แชร์

บทที่ 55

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
ตามหลักแล้ว ไม่ว่าผู้ใดได้ฟังคำพูดนี้ของนาง ย่อมรู้ว่านางกำลังไม่พอใจ

เดิมนางคิดว่าหรงจือจือฟังคำพูดเหล่านี้แล้ว จะยอมอ่อนข้อ ถึงอย่างไรก็อยู่ต่อหน้าของลูกชาย มีหรือที่นังแพศยาคนนี้จะไม่กลัวจริง ๆ ว่าตนจะไม่ยอมให้นางนวดศีรษะให้ จนทำให้ความประทับใจของลูกชายที่มีต่อนางแย่ลงยิ่งกว่าเดิม?

แต่นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อหรงจือจือฟังจบ ก็โค้งตัวทันที กล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “ในเมื่อท่านแม่ไม่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นลูกขอตัวกลับก่อน”

นางถาน “???”

นางพูดว่าไม่ต้องการอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่นางพูดคือ ถูกนังแพศยาคนนี้ทำให้โมโห หากฉลาดสักหน่อย สิ่งที่ควรทำคือขอโทษตน ง้อตนไม่ใช่หรือ?

เมื่อเห็นหรงจือจือพูดจบ หันหลังแล้วเดินออกไป

นางถานก็กล่าวด้วยความโมโห “หยุดเดี๋ยวนี้!”

หรงจือจือชะงักฝีเท้า หันหน้ากลับไปมองนางถาน “ท่านแม่ มีอะไรหรือ?”

เมื่อเห็นนางแสร้งโง่แบบนี้ ยังถามตนว่ามีอะไรอีก นางถานก็โมโหจนแทบอยากจะลุกขึ้นไป แล้วข่วนหน้าของหรงจือจือให้ลาย

แต่ฉีจื่อฟู่เกรงว่าหากมีเรื่องกันต่อไปแบบนี้ เรื่องที่จะนวดศีรษะให้ท่านแม่ ก็คงจะดำเนินต่อไปไม่ได้จริง ๆ

จึงกล่าว “พอแล้ว จือจือ! ท่านแม่พูดเพราะแค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 56

    ความเจ็บปวดประเภทนี้ ทำให้นางถานค่อย ๆ จำได้ว่า อันที่จริงตอนนั้นที่นางเริ่มสังเกตเห็นถึงอาการปวดหัวของนาง นอกจากเหมือนกับมีคนกระแทกที่บริเวณหัวภายนอกแล้ว ยังรู้สึกเหมือนมีพลั่ว มาคนอยู่ในหัวสมองของนางพร้อมกันเมื่อสามปีก่อน เป็นหรงจือจือที่คอยนวดและฝังเข็มให้ตนเป็นประจำทุกวัน ความเจ็บปวดภายในหัวถึงได้หายไปอย่างช้า ๆ เหลือไว้เพียงอาการปวดหัวด้านนอกเท่านั้นเพียงแต่บัดนี้ทันทีที่ถูกหรงจือจือนวดแบบนี้ ไม่รู้เป็นเพราะจินตนาการของนางหรือไม่ นางถึงรู้สึกว่าความรู้สึกปวดที่เหมือนกับถูกคนในหัวสมองที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้ กลับมาอีกแล้วความเจ็บปวดจากแรงกดดันภายนอก ทำให้นางรู้สึกทรมานเป็นอย่างยิ่งหรงจือจือแสร้งทำเป็นสงสัย “ไม่น่าหรอกกระมัง? จะเจ็บกว่าเดิมได้อย่างไรกันนะ? เมื่อก่อนนี้ข้าก็นวดให้ท่านแม่แบบนี้นี่นา”แน่นอนว่าต้องเจ็บกว่าเดิม เพราะวิธีการของนาง กำลังช่วยนางถานฟื้นคืนความเจ็บปวดก่อนหน้านี้อย่างช้า ๆความรู้สึกที่ภายในหัวสมองถูกคน กว่าจะนวดให้นางถานหายดี นางใช้เวลาถึงสามปีเต็ม ๆ แต่หากคิดอยากจะทำให้อาการกำเริบอีกครั้ง ใช้เวลาสามวันก็เพียงพอแล้ว นี้เป็นการทำให้ป่วยหนักอย่างกะทันหั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 57

    เจาซี “คุณหนู เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”หรงจือจือ “ท่านพ่อกล่าวว่า เมื่อวานนี้ที่พาฉีจื่อฟู่กลับไปที่สกุลหรง มีประโยชน์จริง ๆ สุขภาพของท่านย่าดีขึ้นมาก อาจารย์หมอเทวดากล่าวว่า เขาจะฝังเข็มให้ท่านย่าด้วยตัวเองสามวัน ท่านย่าก็จะดีขึ้นมาก”เจาซีดีใจจนออกนอกหน้า “นั่นก็หมายความว่า หลังจากนี้สามวัน นายท่านก็จะสามารถบอกเรื่องที่ท่านจะหย่า ให้นายหญิงใหญ่ฟังได้แล้ว และมารับท่านกลับจวนใช่หรือไม่เจ้าคะ?”ในที่สุดก็ใกล้จะได้เงยหน้าอ้าปากเสียที การใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลฉีนี้ เจาซีไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียวแล้วทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าคนสกุลฉีน่าขยะแขยงเต็มทน คนสกุลฉีมักจะใช้คำพูดและการกระทำของพวกเขา เพื่อทำให้เจาซีเข้าใจอย่างรวดเร็วว่า พวกเขามีความสามารถที่จะทำให้คนสะอิดสะเอียนได้ยิ่งกว่านี้หรงจือจือกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ถูกต้อง!”เมื่อคิดว่าท่านย่าใกล้จะหายดีแล้ว และคิดว่าตนต้องอยู่ที่สกุลฉีอีกแค่สองสามวันเท่านั้น ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้อยู่หลายวัน นางก็อารมณ์ดี เมื่อวานนี้ต้องอดทนต่อรังเกียจพาฉีจื่อฟู่กลับไปที่สกุลหรง แต่ผลลัพธ์กลับคุ้มค่าเจาซี “ยอดไปเลยเจ้าค่ะ!

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 58

    หรงจือจือไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ยิ้มฉีอวี่เยียนเห็นรอยยิ้มของนาง ก็โมโหมาก “ท่านยิ้มอะไร?”นางถานกล่าวอย่างไม่พอใจเช่นกัน “นางหรง วันข้างหน้าลูกสาวของข้าจะเป็นฮูหยินแห่งจวนอ๋องแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าอาจเอื้อมไม่ถึง นางให้โอกาสเจ้าได้ใกล้ชิด เจ้ายังไม่รู้จักเห็นคุณค่าอีกหรือ?”หรงจือจือเหลือบตามองนางถานแวบหนึ่ง เกรงว่าแม่สามีคงจะเป็นโรคความจำเสื่อมหากจวนอ๋องเฉียนเป็นสิ่งที่ตนอาจเอื้อมไม่ถึง ก่อนหน้านี้ตนจะไปคุยเรื่องการแต่งงานครั้งนี้กับพระชายาอ๋องเฉียนถึงที่จวนได้หรือ? ลูกสาวของนางอาศัยบารมีของตนทั้งนั้นตอนนี้กลับเริ่มถีบหัวส่ง และดูถูกตนแล้ว?นางวางแผนผลักจะฉีอวี่เยียนที่ข้ามแม่น้ำสำเร็จแล้ว กลับลงไปในแม่น้ำ จึงกล่าวช้า ๆ “ท่านแม่กล่าวถูกต้อง”นางถานไม่พอใจขึ้นมาทันที รู้สึกว่าช่วงนี้แค่เห็นหรงจือจือก็หงุดหงิดรถม้ามาถึงจวนอ๋องเฉียนแล้ว คนใช้ที่อยู่ด้านในพาพวกหรงจือจือทั้งสามคนเดินเข้าไปด้านใน ตอนนี้มีผู้หญิงมาถึงจำนวนไม่น้อยแล้วเมื่อเห็นว่าครอบครัวของนางมาถึง ก็พากันทำสีหน้าสอดรู้สอดเห็นเรื่องที่ฉีจื่อฟู่ลดตำแหน่งภรรยาเอกเป็นอนุครั้งก่อน ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้?นางถานถูกมอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 59

    นางถานสีหน้าโกรธเคือง “เหลวไหล คนนอกกำลังใส่ร้ายข้า!”นางเซี่ย “ดี ถ้าอย่างนั้นท่านแม่ยายลองว่ามา สามพิธีการ ห้าคัมภีร์ แบ่งออกเป็นอะไรบ้าง? ชวีหลี่กับจงยงอยู่ในเล่มใดของสามพิธีการ? แล้วอยู่บทที่เท่าไหร่ของหนังสือ?”สีหน้าของนางถานอึดอัดยิ่งกว่าเดิม “คือ คือ...ข้าจำไม่ได้แล้ว!”นางเซี่ยหัวเราะอย่างเย็นชา “เฮอะ เจ้าจำไม่ได้เสียที่ไหนกัน ข้าว่า เจ้าน่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำ แม่ยายที่ไม่ได้เรียนหนังสือเช่นเจ้า จะสั่งสอนลูก ๆ ได้อย่างไร? เหตุใดลูกชายข้าถึงได้โชคร้ายขนาดนี้ ถึงต้องมาหมั้นหมายกับลูกสาวของสกุลเจ้า!”นางเซี่ยเกิดในตระกูลใหญ่ ข่าวสารรวดเร็ว รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางถานไม่เรียนหนังสือ ถึงได้จงใจหาข้ออ้างนี้มาแสดงนางจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ จนนางถานเก้อเขินฉีอวี่เยียนยิ่งอับอายหนัก ถึงขนาดมองนางถานด้วยสายตาดุร้ายแวบหนึ่ง แอบโทษที่ท่านแม่ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ สิ่งที่ทำให้นางสุดจะทนไหวก็คือ ตนก็จำไม่ได้ว่าอยู่ในบทที่เท่าไหร่ของจงยง ไม่อย่างนั้นยังพอแอบเตือนได้ในฐานะที่นางเจียงเป็นเพื่อนสนิทของนางเซี่ย รู้ถึงจุดประสงค์ในวันนี้ของนางเซี่ยตั้งแต่แรกแล้ว จึงกล่าวอย่างให้ความร่วมมือ “ก็ใช่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 60

    ถึงอย่างไรนางเซี่ยก็ไม่มีทางยอมให้ใครเป็นอะไรไปที่จวนของตนอย่างเด็ดขาด จึงบอกให้คนไปเรียกหมอประจำจวนมา ใช้การฝังเข็มที่บริเวณร่องตรงกลางริมฝีปากบนเพื่อปลุกฉีอวี่เยียนฉีอวี่เยียนที่ค่อย ๆ ได้สติ เมื่อเห็นว่าเรื่องทุกอย่างทำให้ตนยากที่จะยอมรับได้นั้น ไม่ใช่เพียงภาพมายาหรือความฝันชั่วขณะเมื่อเห็นบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่อยู่ในงาน รวมถึงหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยบางคนที่นางคิดว่าอิจฉานาง ต่างก็พากันมองดูนางด้วยความสอดรู้สอดเห็นนางก็รู้สึกรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง ร้องไห้กล่าวกับนางเซี่ย “พระชายาซื่อจื่อ ท่านจะยกเลิกงานแต่งงานได้อย่างไร! ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด”นางเซี่ยเหลือบตา “น่าประหลาดใจจริง ๆ ข้าเพียงแค่เสนอให้เจ้าเป็นอนุ แต่แม่ของเจ้าต่างหากที่เป็นคนพูดว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน เป็นอย่างที่คิดไว้แม่ที่ไม่รู้หนังสือของเจ้า ชอบทำอะไรแตกต่างจากชาวบ้านจริง ๆ ด้วย”“ข้ายังคิดว่า เจ้าจะแตกต่างกับแม่ของเจ้า คิดว่าเจ้าจะแตกต่างกับนาง เพราะว่าเจ้ารู้หนังสือ ให้ข้ารับเจ้าเป็นสะใภ้เช่นเดิม แต่ใครจะไปรู้ว่านางใช้เรื่องการยกเลิกงานแต่งงานมาข่มขู่ข้า ด้วยท่าทีร้อนตัวที่ไม่รู้หนังสือของพวกเจ้า“หรือว่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 61

    นางเซี่ยยิ้มมองนางแวบหนึ่ง “เชื่อว่าเจ้าเข้าใจ ถึงเจตนาที่วันนี้ข้าทำแบบนี้”หรงจือจือวางตัวอย่างเหมาะสม “เข้าใจเจ้าค่ะ พระชายาซื่อจื่อวางใจได้”ทุกคนงุนงง แต่ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างรู้กันดี นางเซี่ยกำลังเตือนสติหรงจือจือ ‘เรื่องที่เจ้าให้ข้าช่วยจัดการ ข้าได้จัดการเรียบร้อยแล้ว อย่าได้คิดเรื่องที่อยากจะแต่งงานกับบุตรชายของข้าอีก’ถึงแม้หรงจือจือจะไม่ชอบคำพูดเหล่านั้นที่นางเซี่ยพูดกับนางในวันนั้น แต่ก็จำต้องยอมรับว่า นางเซี่ยตอบสนองคำขอของนางได้ดียิ่ง อีกทั้งเดิมทีนางไม่ได้คิดอยากจะแต่งงานกับจีอู๋เหิงเลยด้วยซ้ำถึงแม้นางเจียงจะไม่เข้าใจความลับระหว่างนางเซี่ยกับหรงจือจือแต่เมื่อมองหรงจือจือ ก็ถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง “น่าเสียดาย ที่เจ้าเป็นบุตรสาวของนาง ไม่อย่างนั้นข้าจะพูดเพื่อช่วยทวงความยุติธรรมให้เจ้า!”หรงจือจือมีหรือจะไม่เข้าใจ ว่านางเจียงกำลังหมายถึง เรื่องความไม่ลงรอยของอีกฝ่ายกับนางหวังมารดาของนางนางโค้งคำนับอีกครั้ง “เจตนาดีของท่าน ข้าได้จดจำเอาไว้ในใจแล้ว”นางเจียงเคยพูดแทนตนสองครั้งแล้ว มีหรือที่หรงจือจือจะไม่ซาบซึ้งใจ?นางเจียงยิ้ม “เป็นเรื่องสมควร”ไม่คิดสงสัยว่าตนมีคว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 62

    แวบแรกฉีอวี่เยียนเริ่มสงสัย ว่าพี่สะใภ้ของตนคนนี้ ไม่ได้อ่อนโยนและจิตใจเมตตาดั่งเช่นที่เห็นภายนอก นางถึงขั้นรู้สึกว่าธาตุแท้ของหรงจือจือ ที่จริงแล้วเป็นคนเลวหลังจากนางถานได้ยิน ก็กล่าวด้วยความโมโห “เจ้าไม่เห็นหรือว่าน้องสามีของเจ้าเสียใจจนสภาพเป็นแบบนี้แล้ว ยังพูดจาแดกดันแบบนี้อีก!”หรงจือจือ “ท่านแม่ นั่นไม่ใช่คำพูดแดกดัน ลูกเพียงแค่อยากบอกว่า น้องสามียกเลิกงานแต่งงานแล้ว ลูกก็ไม่มีบารมีให้อาศัยอีกแล้ว”สองคนแม่ลูกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็เป็นเหตุผลข้อหนึ่งเช่นกันพระชายาอ๋องเฉียนชื่นชอบหรงจือจือจริง ๆ แต่อีกฝ่ายอายุปูนนั้นแล้ว ผู้ใดจะไปรู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี หรงจือจืออาศัยฮูหยินอายุน้อยอย่างฉีอวี่เยียนเพื่อเข้าหาจวนอ๋องเฉียน จะไม่ยืนยาวกว่าอาศัยนายหญิงใหญ่คนนั้นหรอกหรือ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็ไม่ได้สงสัยในเจตนาของนางอีกต่อไปรถม้ากลับถึงจวนโหวเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน ทำให้คนสกุลฉีตื่นตกใจ ซิ่นหยางโหวที่ไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมาแต่ไหนแต่ไร เดินมายังสวนฉางโซ่วด้วยใบหน้าโกรธเคืองนางถานในเวลานี้ก็มองหรงจือจือด้วยเช่นกัน กล่าวอย่างไม่พอใจ “จะว่าไป ตอนน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 63

    ดังนั้นเมื่อฟังคำพูดของหรงจือจือจบ นางก็ร้องไห้กล่าว “ท่านแม่ ทั้งหมดต้องโทษท่าน! ข้าช่างน่าสงสารเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่อย่างท่าน! !นางถาน “เจ้า...เหตุใดเจ้าถึงได้อกตัญญูแบบนี้! ลูกไม่รังเกียจที่แม่อัปลักษณ์ หมาไม่รังเกียจที่ครอบครัวยากจน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรังเกียจแม่ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้ามา?”ซิ่นหยางโหวกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “ป่านนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวอีก! เจ้ารู้หนังสือเพิ่มอีกสองสามคำ อ่านหนังสืออีกสองสามเล่มมันจะเป็นอะไรไปหรือ? บัดนี้ทำลายการแต่งงานที่ดีงามของอวี่เยียน ในใจของเจ้ามีความสุขหรือไม่?”นางถานขุ่นเคืองใจอย่างยิ่งซิ่นหยางโหวหันหน้าไปทางหรงจือจือ “พระชายาอ๋องเฉียนประทับใจเจ้ายิ่งนัก เรื่องนี้เจ้าไปจวนอ๋องเฉียนอีกสักสองสามรอบ ช่วยไกล่เกลี่ย บอกว่าเป็นเพราะท่านแม่ของเจ้าวู่วาม ให้พระชายาลองคิดเรื่องนี้ดี ๆ อีกครั้ง”หรงจือจือกล่าวยั่วยุต่อ “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่พูดเรื่องยกเลิกแต่งงานกับนางเซี่ยยังพอทน ยังพูดจาข่มขู่อีก หากข้าไปพูดอะไรอีก คนนอกอาจจะคิดว่าข้าเป็นคนอกตัญญู จงใจเป็นปฏิปักษ์กับท่านแม่ หากทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้คนอื่นนินทา เกรงว่าเรื่องนี้ทำได้เพียงใ

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 188

    สุดยอดไปเลย ข้ามีอนาคตแล้ว ข้าก้าวหน้าแล้ว ไม่คิดเลยว่าข้าจะเริ่มด่านายบ้านตัวเองว่าไร้รสนิยมแล้ว!ข้าไม่ควรชื่อเซิ่งเฟิง ข้าควรชื่อว่าพ้นทุกข์ เพราะผู้ที่พ้นทุกข์ถึงจะได้ไปแดนสุขาวดีหลังพ่อบ้านหวงได้รับคำสั่ง ก็รีบไปหาอัญมณี หลายปีมานี้ท่านเสนาบดีสร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อย พอให้แต่งตั้งเป็นเสนาบดีมอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้เจ็ดแปดรอบเนื่องด้วยจวนเสนาบดีได้รับประทานรางวัลมหาศาลนับไม่ถ้วน เบื้องล่างท่านเสนาบดีก็มีบุคคลเก่งกาจผู้หนึ่งนามว่าเฉียนว่านเชียน ช่วยท่านเสนาบดีดูแลทรัพย์สมบัติอย่าเห็นว่าจวนเสนาบดีของพวกเขามีคนเพียงไม่กี่คนนี้ ทว่าอันที่จริงเรียกได้ว่ามั่งคั่งทัดเทียมทรัพย์สินในคลังหลวงฉะนั้นใช้เวลาไม่นาน อัญมณีที่ด้านนอกขายออกได้ในราคามิธรรมดาเหล่านั้น ก็ถูกพ่อบ้านหวงสั่งให้คนย้ายมาห้าหีบแววตาพ่อบ้านหวงเปล่งประกายราวคบเพลิง จ้องอัญมณีเหล่านี้เขม็ง จะให้ตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ได้ทว่าเฉินเยี่ยนซูกลับทำราวกับพวกนี้ไม่ใช่อัญมณี แต่เป็นเพียงหินทั่วไปก็มิปาน ลวดมือไปคว้าออกมาสองสามกำมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะ ตรึกตรองเลือกที่เรียบ ๆ หน่อย จากนั้นก็ใส้ไปในพวงดอกไม้พวงนั้น

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 187

    เฉินเยี่ยนซู “เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? ตำราประวัติศาสตร์เล่มไหน ที่สอนฝ่าบาทว่าต้องตามจีบสตรีอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้น้อยนั่งไม่ติดแล้วเขาทำคอตก ก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางก้มหน้าราวกับทำเรื่องผิดก็มิปานจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ขอโทษนะ ท่านอัครมหาเสนาบดี! วันก่อนข้าเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งแอบอ่านนิยาย อ่านไปใบหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความสุข เอาแต่แอบยิ้ม ข้าสงสัยนิดหน่อย ก็เลยเอามาอ่าน”“ข้าไม่กล้าอ่านตำราเบ็ดเตล็ดเหล่านั้นอีกแล้ว ข้าจะตั้งใจอ่านฎีกา อ่านม้วนเสนอนโยบายการปกครอง ไม่ทำให้ท่านอัครมหาเสนาบดีผิดหวังในตัวข้าอีก”หากรู้เช่นนี้คงไม่มาอวดเก่งต่อหน้าท่านอัครมหาเสนาบดีแล้วไม่คิดเลยว่าแค่ไม่กี่ประโยคก็ถูกท่านอัครมหาเสนาบดีมองออกแล้วว่า ตนอ่านอะไรที่ไม่ควรอ่านในตอนนี้ขันทีอาวุโสหยางเองก็ปาดเหงื่อตรงหน้าผากเช่นกัน ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างอิหลักอิเหลื่อว่า “ท่านเสนาบดี ฝ่าบาทเองก็ไม่ได้อ่านนานมาก อ่านเพียงครึ่งชั่วยามก็อ่านจบแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใช้ให้ข้าน้อยไปหานิยายเล่มอื่นกลับมาอีก...”เขาเองก็เป็นกังวลเช่นกัน ในฐานะบ่าวรับใช้ข้างกายของฝ่าบาท หากไม่ดูแลฝ่าบาทให้ดี ทำให้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 186

    ที่ข้าอยากพูดคือสิ่งนี้หรือ? ข้าขาดเงินแค่นี้หรือ?ฮ่องเต้น้อยเบะปาก ก่อนจะไปนั่งบนม้านั่งหินตรงกันข้าม “ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านนี่ช่างน่าเบื่อจริง ๆ ไม่มีความตลกขบขันเลยสักนิด ฟังไม่ออกกระทั่งคำพูดล้อเล่น”น้ำเสียงของเฉินเยี่ยนซูเย็นชา “กษัตริย์ตรัสคำไหนคำนั้น”ฮ่องเต้น้อยจุกอยู่ในลำคอ สายตาตกไปบนตั๋วเงินแผ่นนั้น หนึ่งหมื่นตำลึงทองเขา ‘จุ๊’ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง “พวงดอกไม้แค่สองสามพวก ใช้เงินมากมายขนาดนี้ ท่านเสนาดีไม่เสียดายหรือ?”เฉินเยี่ยนซู “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอัน “...”ท่านอัครมหาเสนาบดีมีเพียงจุดนี้ที่ไม่ดี พูดน้อยเกินไป ตนอยากจะพูดกับอีกฝ่ายให้มากสักหน่อย ทว่าก็มักหาหนทางไม่เจอเขากะพริบตามองเฉินเยี่ยนซูร้อยพวงดอกไม้จนเสร็จอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านคงไม่ได้เป็นคนสวมใส่พวงดอกไม้เองแน่ ๆ หรือว่าท่านจะมอบให้กับสตรีที่ชอบหรือ?”เฉินเยี่ยนซู “...”เขามิได้ตอบกลับทว่าฮ่องเต้น้อยไม่เห็น หูของเสนาบดีนั้นแดงระเรื่อไปหมดแล้ว ฮ่องเต้น้อยคิดว่าตนไขคดีได้แล้ว ต้องให้สตรีที่ชอบเป็นแน่ฮ่องเต้ฮึกเหิมขึ้นมา เขารีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอัครมหาเสนา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 185

    “แผนนี้ที่คุณหนูคิดออกมา ช่างเหนือชั้นจริง ๆ ไม่ได้ยุยงให้เขาไปขอเงินกับนางถานเสียทีเดียว นอกจากพูดไปแค่ว่านางถานปฏิบัติกับพวกเขาพี่น้องไม่เท่าเทียมกัน”หรงจือจือกล่าวขึ้นชืด ๆ “เรื่องบนโลกใบนี้ เดิมก็มีแต่กังวลว่าจะแบ่งให้ไม่เท่ากันอยู่แล้ว หากนางถานขี้เหนียวกับลูกชายทั้งสองคน ย่อมไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่นางดันใจกว้างกับอีกคน อีกคนอดกลั้นไม่ไหวก็เป็นธรรมดา”บางทีนางถานอาจอธิบายว่า นั่นเป็นเพราะถานผิงถิงคือคนในบ้านมารดาของตนแต่ฉีจื่อเสียนคนที่เหตุผลบิดเบี้ยวนั่น ฟังสิ่งเหล่านี้รู้เรื่องเสียที่ไหนกัน?ได้ห้าร้อยตำลึงในวันนี้แล้ว ความโลภของฉีจื่อเสียนก็มีแต่จะมากขึ้นทุกวันอวี้หมัวมัวกล่าวขึ้นอีกว่า “จริงสิเจ้าคะ คุณหนู คนของเราปลอมตัวเป็นคนรับใช้ทั่วไป เดินผ่านจวนโหว และพูดคุยกับอันธพาลนั่นไม่น้อยทีเดียว”อวี้หมัวมัวถ่ายทอดคำพูดเหล่านั่นให้หรงจือจือฟัง“ฮูหยินของเรามีเงินจริง ๆ สินเดิมนั่นก็แค่ควักออกมาให้นางหลิวนิดหน่อยเท่านั้น น่าจะมีห้าพันกว่าตำลึงเต็ม ๆ”“นั่นน่ะสิ แค่แต่งอนุผู้หนึ่ง เงินยังมากมายขนาดนี้”“เจ้าลองคิดดูสิ อย่างไรก่อนหน้านี้ที่จวนก็เป็นจวนโหว เป็นขุนนางทรงอิทธิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 184

    ครั้นหรงจือจือได้ยินดังนั้น มุมปากก็กระตุกรอยยิ้มแสนพอใจออกมา เหตุใดฉีจื่อเสียนจึงยังมาขอยืมเงินได้? ย่อมเป็นเพราะสองวันนี้เล่นพนันจนเสพติดไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจติดหนี้ที่บ่อนด้วยนี่ช่างเป็นเรื่องดีที่มาพร้อมกันสองเรื่องจริง ๆอวี้หมัวมัวกล่าว “ให้ไล่เขาไปไหมเจ้าคะ?”หรงจือจือ “ไม่ ให้เขาเข้ามา”อวี้หมัวมัว “เจ้าค่ะ”เรื่องที่ช่วงนี้หรงจือจือไม่ยอมพบใคร แต่พบเพียงฉีจื่อเสียน ทำเอาฉีจื่อเสียนคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง รีบสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปทันทีหลังพบหรงจือจือ เขาก็กล่าวเข้าประเด็นทันที “ท่านพี่สะใภ้ ขอข้ายืมเงินสักหนึ่งร้อยตำลึงได้หรือไม่?”ฉีจื่อเสียนอายุยังน้อย ที่จวนให้เงินเขาเพียงเดือนละหกสิบตำลึง ไว้ใช้จ่ายส่วนตัว เขาเอ่ยปากทีก็จะเอาหนึ่งร้อย เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้มีรายจ่ายที่อยู่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจริง ๆเขากังวลอยู่เล็กน้อยว่าหรงจือจือจะปฏิเสธแต่ไม่คิดเลยว่าหรงจือจือจะยอมง่าย ๆ “เจาซี เจ้าไปเอาเงินมา”ครั้นฉีจื่อเสียนได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พร้อมมองไปที่หรงจือจือแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่สะใภ้ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่พูดกับท่านไม่ได้”“ท่านพี่ก็แค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 183

    แม้ว่านิสัยของฉีจื่อฟู่จะไม่ดีสักไม่เท่าไร แต่คนผู้นี้ไหวพริบดีมาก ความสามารถในการทำประโยชน์ให้แว่นแคว้นไม่ต้องสงสัย ไม่เช่นนั้นตอนแรกก็คงไม่ปั่นหัวคนต้าเจาของพวกเขา จนหัวหมุนได้หรอกตนจึงจับข้อด้อยร้ายแรงเรื่องความหลงตัวเองนี้ของเขา ถึงได้มีโอกาสแฝงตัวอยู่ข้างกายเขาหากอีกฝ่ายได้รับความไว้วางใจจากองครักษ์หลงสิงยิ่งขึ้น เช่นนั้นตนก็สามารถสืบหาข่าวได้เยอะยิ่งขึ้นซี่อวี่ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง “หากท่านอ๋องรองรู้ว่าองค์หญิงพยายามอย่างเต็มที่เช่นนี้ คิดว่าก็คงชื่นชมพระองค์เช่นกัน!”อวี้ม่านหวากล่าว “พี่รองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของต้าเจา ข้าเองก็เช่นกัน หรือว่าเป็นเพราะข้าคือสตรี ถึงได้เทียบเขาไม่ติด? ผู้ที่ใจเสาะมีเพียงพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าเหตุใดตอนแรกเสด็จพ่อถึงยกตำแหน่งฮ่องเต้ให้แก่เขา!”ซี่อวี่ “แต่ว่าองค์หญิงเพคะ เด็กในท้องของพระองค์...”อวี้ม่านหวา “กะอีแค่มารหัวขนก้อนหนึ่งเท่านั้น! หลังมาถึงสกุลฉี ข้ายังคิดว่าหรงจือจือจะลงมือทำให้ข้าแท้ง จะได้ยืมเด็กคนนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ของนางกับฉีจื่อฟู่ยิ่งแย่ลง และบีบให้นางออกไปจากสกุลฉีเสีย”“แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางกลับไม่ลงมือ มิหนำซ้ำยังบอกว่าเห็

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 182

    เฉินเยี่ยนซูย่อมเข้าใจแล้วว่า จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นหรงจือจือ ที่พูดว่าส่งข้าว เกรงว่าฉีจื่อฟู่จะคิดเองเออเองท่านสมุหราชเลขาธิการที่อารมณ์ดีลุกขึ้น แล้วมองไปที่อวี่เหวินจ้านทีหนึ่ง “ทำงานได้ไม่เลว”อวี่เหวินจ้านใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านเสนาบดีที่ชมขอรับ!”เขาประจบสอพลอเช่นนี้ นอกจากเพราะไม่อยากล่วงเกินท่านเสนาบดีแล้ว ยังมีอีกข้อหนึ่งก็คือ ท่านเสนาบดีเป็นคนที่เขาเลื่อมใสมาตลอดวันนี้ได้รับการยอมรับจากคนที่เคารพ หากอวี่เหวินจ้านมีหางงอกออกมา เกรงว่าคงเบิกบานใจจนกระดิกหางเป็นป๋องแป๋งก็มิปานเพียงแต่หลังส่งท่านเสนาบดีกลับไปแล้ว อวี่เหวินจ้านก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก ตกลงท่านเสนาบดีชมว่าตนทำได้ดีตรงไหนกันดังนั้นจึงนำม้วนกระดาษทั้งหมดที่ท่านเสนาบดีอ่านเมื่อครู่ กลับมาครุ่นคิดและหาข้อดีของตนรอบหนึ่ง จากนั้นถึงแอบพอใจเงียบ ๆหากเซิ่งเฟิงยังไม่ไป ได้เห็นท่าทางนี้ของเขาแล้ว ไม่แน่อาจจะเตือนเขาประโยคหนึ่งว่า “ไม่ต้องเอากลับไปครุ่นคิดแล้ว ไม่มีอะไรที่ท่านทำได้ดีหรอก เพียงแต่ท่านเสนาบดีอารมณ์ดี จึงเอ่ยปากชมท่านส่ง ๆ ไปเท่านั้นเอง”...ฉีจื่อฟู่กลับจวนด้วยอารมณ์เดือดดาล ทว่าก็ย

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 181

    ดังนั้นอวี่เหวินจ้านเองก็ไม่กล้าหิว ได้แต่รออยู่ข้าง ๆทันใดนั้น ท้องของฉีจื่อฟู่ก็ร้องโครกครากขึ้น หางตาของเขาเห็นบรรดาเพื่อนร่วมงานต่างกำลังกินข้าว กลิ่นอาหารตลบอบอวล ทำให้ยิ่งรู้สึกหิวเข้าไปใหญ่ความหิวโหยของเขายากจะอดกลั้นยิ่งกว่าเซิ่งเฟิง เนื่องจากตอนเช้าเขายังไม่ได้กินข้าวเช้ามาเนื่องจากท่านเสนาบดีอยู่ ทุกคนจึงกินข้าวกันอย่างเงียบเชียบ แทบจะไม่ส่งเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ฉะนั้นเสียงท้องร้องของทุกคน จึงดังชัดเจนอย่างมากท้องของฉีจื่อฟู่ร้องสองครั้ง ท้องของเซิ่งเฟิงร้องครั้งหนึ่งและยังมีเสียงท้องร้องของอวี่เหวินจ้านประสมขึ้นเป็นครั้งคราวผู้ที่คล้ายกับไร้ซึ่งความอยากอาหารใด ๆ ไม่หิวเลยจริง ๆ และไม่มีเสียงท้องร้องดังออกมาเลย มีเพียงเฉินเยี่ยนซูผู้เดียวเท่านั้นขุนนางผู้หนึ่งที่นั่งข้างฉีจื่อฟู่ ถูกเสียงท้องร้องของเขาทำให้หนวกหูจนทนไม่ไหวอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก ก็ยังอดทนไม่ไหวที่จะกระซิบถามฉีจื่อฟู่ว่า “ใต้เท้าฉี ท่านบอกว่าวันนี้ภรรยาของท่าน จะมาส่งข้าวให้ท่านมิใช่หรือ?”เซิ่งเฟิงค้นพบว่า เสนาบดีของตนดูราวกับไม่สนใจใด ๆ ทว่ากลับเงี่ยหูฟังขึ้นมาเงียบ ๆ แล้วฉีจื่อฟู่อิหลักอิเห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 180

    เจ้าหน้าที่พวกนั้นหนังศีรษะชาวาบ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านเสนาบดีหมายความว่าอย่างไร เหตุใดดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก? ระดับชั้นที่ต่ำต้อยอย่างพวกเขา ไม่เคยมีโอกาสพบหรงจือจือมาก่อน วันนี้ขอหวังสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรกระมัง?พวกเขาไม่ได้คิดจะทำอะไรสักหน่อย แต่อยากเห็นก็เท่านั้นเองตอนที่ยังไม่เข้าใจความคิดของผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ที่ฉลาด มักจะรู้จักรักษาความสงบนิ่งอยู่เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ยิ่งพูดยิ่งผิดพวกเขาตัวสั่น ต่างก็ไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาเสิ่นเยี่ยนซูมองพวกเขาอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง ก็หมุนกายเดินเข้าไปในโถงหลักที่ว่าการของศาลหลงสิง เจ้าหน้าที่องครักษ์หลงสิงส่วนใหญ่ ล้วนทำงานกันอยู่ด้านในโถงหลักแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นรวมทั้งฉีจื่อฟู่ด้วยเห็นเสิ่นเยี่ยนซูเข้ามา ทุกคนต่างคุกเข่าลง “คารวะท่านสมุหราชเลขาธิการขอรับ!”เสิ่นเยี่ยนซูกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ต้องมากพิธี”ฉีจื่อฟู่เงยหน้ามองอย่างระมัดระวัง หากไม่ใช่เพราะอัครมหาเสนาบดีเสิ่น ม่านหวาคงไม่ใช่แค่อนุ ตนเองก็ไม่ใช่เป็นแค่ขุนนางชั้นหกเล็ก ๆ นี้เท่านั้นอย่างไรก็ตาม แม้ฝ่าบาทยังเคารพอีกฝ่ายในฐานะท่านเสนาบดี แต่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status