Share

บทที่ 194

Author: สั่งไม่หยุด
เมื่อก่อนนี้เขาแข็งกร้าวเกินไป แต่บัดนี้เขารู้แล้วว่า ความแข็งกร้าวใช้ไม่ได้ผลกับหรงจือจือ

บางทีเขาควรจะยอมมีท่าทีอ่อนลงและเอาใจนาง!

จู่ๆ อวี้ม่านหวาก็ถูกเขาตะคอกใส่

นางปิดหน้าร้องไห้ทันที “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดจึงตะคอกข้าเช่นนี้? เมื่อคืนนี้ท่านดื่มหนักมาก เป็นข้าที่ดูแลท่านตลอดทั้งคืน!”

ฉีจื่อฟู่นึกได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรกระทบกระเทือนใจมากเกินไป จึงผ่อนน้ำเสียงลง “พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าไม่ดีเอง แต่หากหลังจากนี้ข้าไปอยู่กับฮูหยินน้อย เจ้าก็อย่าเข้ามายุ่งอีก”

อวี้ม่านหวากล่าวสะอึกสะอื้น “ข้าเข้าใจแล้ว ข้ารู้ว่าท่านลืมนางไปจากใจไม่ได้…”

ฉีจื่อฟู่ “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว”

อวี้ม่านหวา “?”

ฉีจื่อฟู่พูดต่อโดยไม่สนใจนาง “หากนางยอมยกโทษให้ ข้าก็จะ…ช่างเถอะ ไม่มีอะไร”

เดิมทีเขาจะพูดว่าจะส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ชนบท แต่เมื่อคิดว่านางฟังแล้วคงร้องไห้ต่อ ก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองอีก

มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ที่อื่นเพื่อแสดงความจริงใจต่อจือจือแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกลัวว่าม่านหวาได้รับการกระทบกระเทือนแล้ว จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง

เว้นเสียแต่ว่าจือจือจะให้อภัยเขาในทัน
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 195

    กระทั่งในยามหลับฝันก็ยังฝันว่าฉีจื่อฟู่รู้ว่านางเป็นไส้ศึกแล้วทั้งสองคนต้องแยกจากกันความรู้สึกเจ็บปวดนั่นช่างสมจริงเหลือเกิน!นางหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ตลอด ทั้งที่กำลังแสดงละคร ทว่ากลับเกือบจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทแต่ในระหว่างที่เดินทางกลับแคว้นต้าฉีนางก็ได้พบกับความกังวลใจของฉีจื่อฟู่ ได้พบว่าเขามักจะร้องเรียกชื่อของหรงจือจือในยามหลับฝัน โดยเฉพาะหลังจากที่กลับถึงสกุลฉี นางยิ่งสัมผัสได้ว่าภายในใจฉีจื่อฟู่มีเพียงหรงจือจือสำหรับฉีจื่อฟู่แล้ว ตัวนางเป็นเพียงเรื่องน่าขัน เป็นเพียงหินลับมีดที่ใช้ขัดเกลาความรู้สึกระหว่างเขากับหรงจือจือ!ถึงเวลานี้ นางได้เก็บความหวั่นไหวทั้งหมดกลับคืน ไม่เหลือความรักอีกต่อไป เหลือเพียงแผนการฟื้นฟูมาตุภูมิอันยิ่งใหญ่ที่เด่นชัดภายในใจ กับความเคียดแค้นเกลียดชังที่ฉีจื่อฟู่ทำลายชาติบ้านเมืองของนาง!เมื่อเห็นองค์หญิงดวงตาแดงก่ำ ยังจะมีอะไรที่ซี่อวี่ไม่เข้าใจอีก?นางพูดด้วยความปวดใจว่า “องค์หญิง หนทางสู่ความสำเร็จมักยากลำบากเสมอ! เมื่อท่านกลับคืนสู่ตำแหน่งองค์หญิงอีกครั้ง ต่อไปต้องการบุรุษแบบใด ท่านอ๋องรองมีหรือจะกล้าขัดใจท่าน? ต่อไปฉีจื่อฟู่ก็เป็นได

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 196

    หรงจือจือพยักหน้าก่อนจะอธิบายถึงจุดประสงค์ในการมาแบบย่อสุดท้ายพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่านอกจากภายในสกุลฉีแล้ว อวี้ม่านหวายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีกหรือไม่ ไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น ด้วยเหตุนี้จึงขอความช่วยเหลือจากพี่หญิงสกุลเซินเพื่อส่งข่าวนี้ให้ท่าน หวังว่าท่านราชเลขาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจ”เซิ่งเฟิงพูดขึ้นว่า “แม่นางหรงทำถูกแล้ว! พวกข้าจับตาดูซี่อวี่ผู้นั้นตั้งแต่ก่อนที่จะถูกรับเข้าสกุลฉีเสียอีก”“หลังจากฉีจื่อฟู่รับนางกลับไป พวกข้าก็คอยจับตาดูสกุลฉีอย่างลับๆ ดูว่าจะมีคนมาติดต่อกับอวี้ม่านหวาหรือซี่อวี่หรือไม่”“แต่ในช่วงก่อนนี้ พวกข้าไม่อาจมั่นใจได้ว่าอวี้ม่านหวาเป็นสายลับหรือไม่ ต้องขอบคุณที่วันนี้แม่นางช่วยยืนยัน”หรงจือจือมองเขาด้วยความประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะในการพบหน้าสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ท่าทีที่เซิ่งเฟิงมีต่อนางค่อนข้างนิ่งเฉย ทว่าวันนี้กลับสุภาพมีมารยาทมาก ทำให้นางตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย เซิ่งเฟิงเห็นหรงจือจือมองมาก็ยิ้มยิงฟันให้นางอย่างประจบประแจง หากไม่ติดที่ตัวเองไม่สะดวกที่จะเข้าไปเอาอกเอาใจ เขาคงเลียนแมวอย่างคุณชายหลีแล้ว ตอนนี้เขามองว่าการเอาใจแม่นางหรงจะเป็นผลด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 1  

    เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 2  

    ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร? ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ” “เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!” นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 3  

    ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!” หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!” สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!” พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้! ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 4  

    หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…” เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ” เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!” หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…” ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!” หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 5  

    หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่ ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ? ช่างหน้าด้านเสียจริง! นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ” แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!” “หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามี

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 6  

    หรงจือจือไม่คิดเลยสักนิด ทั้งที่สองคนทะเลาะกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉีจื่อฟู่จะยังคิดถึงเรื่องร่วมเรือนหอได้อีก นางถอยหลังกลับไปอีกสามก้าว เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมสีหน้าเยือกเย็น “ท่านพี่ ก่อนที่จะจัดการเรื่องขององค์หญิงม่านหวา ท่านกลับไปที่เรือนของท่านก่อนเถิด!” ฉีจื่อฟู่เอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง “หรือถ้าไม่ได้เป็นภรรยาหลวง แม้แต่สัมผัสตัวเจ้าก็ไม่ยอมให้ข้าสัมผัสแล้วหรือ?” หรงจือจือมิได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา เพียงแต่เอ่ยว่า “ท่านพี่เชิญกลับไปเถิด!” สีหน้าของฉีจื่อฟู่ ในที่สุดก็เยือกเย็นลงอย่างถึงที่สุดแล้ว “ดี! ทุกคนต่างบอกว่าเจ้ารักข้า ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อสกุลฉีเราด้วยความยินดี ข้ากลับมองว่าสิ่งที่เจ้ารักมากกว่า คือตำแหน่งฮูหยินซื่อจื่อ อย่างเจ้าก็แค่เห็นแก่ทรัพย์สมบัติและชื่อเสียงเกียรติยศเท่านั้นถึงได้ยอมสมรสกับข้า!” หรงจือจือเงียบเชียบไม่เอ่ยปาก เพียงแต่อยากหัวเราะออกมาเท่านั้น เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศและทรัพย์สมบัติอย่างนั้นหรือ? ในฐานะบุตรีสายตรงคนโตของมหาราชครูหรง ด้วยตำแหน่งของบิดา ณ วันนี้เวลานี้ ต่อให้นางจะแต่งเข้าจวนอ๋องเป็นพระชายาอ๋องก็ย่อมท

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 196

    หรงจือจือพยักหน้าก่อนจะอธิบายถึงจุดประสงค์ในการมาแบบย่อสุดท้ายพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่านอกจากภายในสกุลฉีแล้ว อวี้ม่านหวายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นอีกหรือไม่ ไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น ด้วยเหตุนี้จึงขอความช่วยเหลือจากพี่หญิงสกุลเซินเพื่อส่งข่าวนี้ให้ท่าน หวังว่าท่านราชเลขาธิการจะเป็นผู้ตัดสินใจ”เซิ่งเฟิงพูดขึ้นว่า “แม่นางหรงทำถูกแล้ว! พวกข้าจับตาดูซี่อวี่ผู้นั้นตั้งแต่ก่อนที่จะถูกรับเข้าสกุลฉีเสียอีก”“หลังจากฉีจื่อฟู่รับนางกลับไป พวกข้าก็คอยจับตาดูสกุลฉีอย่างลับๆ ดูว่าจะมีคนมาติดต่อกับอวี้ม่านหวาหรือซี่อวี่หรือไม่”“แต่ในช่วงก่อนนี้ พวกข้าไม่อาจมั่นใจได้ว่าอวี้ม่านหวาเป็นสายลับหรือไม่ ต้องขอบคุณที่วันนี้แม่นางช่วยยืนยัน”หรงจือจือมองเขาด้วยความประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะในการพบหน้าสองสามครั้งก่อนหน้านี้ ท่าทีที่เซิ่งเฟิงมีต่อนางค่อนข้างนิ่งเฉย ทว่าวันนี้กลับสุภาพมีมารยาทมาก ทำให้นางตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย เซิ่งเฟิงเห็นหรงจือจือมองมาก็ยิ้มยิงฟันให้นางอย่างประจบประแจง หากไม่ติดที่ตัวเองไม่สะดวกที่จะเข้าไปเอาอกเอาใจ เขาคงเลียนแมวอย่างคุณชายหลีแล้ว ตอนนี้เขามองว่าการเอาใจแม่นางหรงจะเป็นผลด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 195

    กระทั่งในยามหลับฝันก็ยังฝันว่าฉีจื่อฟู่รู้ว่านางเป็นไส้ศึกแล้วทั้งสองคนต้องแยกจากกันความรู้สึกเจ็บปวดนั่นช่างสมจริงเหลือเกิน!นางหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ตลอด ทั้งที่กำลังแสดงละคร ทว่ากลับเกือบจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในบทบาทแต่ในระหว่างที่เดินทางกลับแคว้นต้าฉีนางก็ได้พบกับความกังวลใจของฉีจื่อฟู่ ได้พบว่าเขามักจะร้องเรียกชื่อของหรงจือจือในยามหลับฝัน โดยเฉพาะหลังจากที่กลับถึงสกุลฉี นางยิ่งสัมผัสได้ว่าภายในใจฉีจื่อฟู่มีเพียงหรงจือจือสำหรับฉีจื่อฟู่แล้ว ตัวนางเป็นเพียงเรื่องน่าขัน เป็นเพียงหินลับมีดที่ใช้ขัดเกลาความรู้สึกระหว่างเขากับหรงจือจือ!ถึงเวลานี้ นางได้เก็บความหวั่นไหวทั้งหมดกลับคืน ไม่เหลือความรักอีกต่อไป เหลือเพียงแผนการฟื้นฟูมาตุภูมิอันยิ่งใหญ่ที่เด่นชัดภายในใจ กับความเคียดแค้นเกลียดชังที่ฉีจื่อฟู่ทำลายชาติบ้านเมืองของนาง!เมื่อเห็นองค์หญิงดวงตาแดงก่ำ ยังจะมีอะไรที่ซี่อวี่ไม่เข้าใจอีก?นางพูดด้วยความปวดใจว่า “องค์หญิง หนทางสู่ความสำเร็จมักยากลำบากเสมอ! เมื่อท่านกลับคืนสู่ตำแหน่งองค์หญิงอีกครั้ง ต่อไปต้องการบุรุษแบบใด ท่านอ๋องรองมีหรือจะกล้าขัดใจท่าน? ต่อไปฉีจื่อฟู่ก็เป็นได

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 194

    เมื่อก่อนนี้เขาแข็งกร้าวเกินไป แต่บัดนี้เขารู้แล้วว่า ความแข็งกร้าวใช้ไม่ได้ผลกับหรงจือจือบางทีเขาควรจะยอมมีท่าทีอ่อนลงและเอาใจนาง!จู่ๆ อวี้ม่านหวาก็ถูกเขาตะคอกใส่นางปิดหน้าร้องไห้ทันที “ท่านพี่ฟู่ เหตุใดจึงตะคอกข้าเช่นนี้? เมื่อคืนนี้ท่านดื่มหนักมาก เป็นข้าที่ดูแลท่านตลอดทั้งคืน!”ฉีจื่อฟู่นึกได้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรกระทบกระเทือนใจมากเกินไป จึงผ่อนน้ำเสียงลง “พอแล้ว ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าไม่ดีเอง แต่หากหลังจากนี้ข้าไปอยู่กับฮูหยินน้อย เจ้าก็อย่าเข้ามายุ่งอีก”อวี้ม่านหวากล่าวสะอึกสะอื้น “ข้าเข้าใจแล้ว ข้ารู้ว่าท่านลืมนางไปจากใจไม่ได้…”ฉีจื่อฟู่ “เจ้ารู้ก็ดีแล้ว”อวี้ม่านหวา “?”ฉีจื่อฟู่พูดต่อโดยไม่สนใจนาง “หากนางยอมยกโทษให้ ข้าก็จะ…ช่างเถอะ ไม่มีอะไร”เดิมทีเขาจะพูดว่าจะส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ชนบท แต่เมื่อคิดว่านางฟังแล้วคงร้องไห้ต่อ ก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองอีก มันไม่ใช่เพราะเขาไม่ยินดีส่งอวี้ม่านหวาไปอยู่ที่อื่นเพื่อแสดงความจริงใจต่อจือจือแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกลัวว่าม่านหวาได้รับการกระทบกระเทือนแล้ว จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง เว้นเสียแต่ว่าจือจือจะให้อภัยเขาในทัน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 193

    “ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะด้านการแพทย์ของข้าก็ไม่ได้แย่ ยามที่ข้าพบท่านพี่ฟู่ นั่นเป็นยามที่กองทัพต้าฉีของพวกท่านกำลังจะบุกยึดเมืองหลวงของแคว้นเจา”“โอสถที่ใช้รักษาท่านพี่ฟู่ ล้วนเป็นของที่ข้าต้องเสี่ยงต่อการถูกเสด็จพี่จับได้ ขโมยมาจากสำนักหมอหลวงทั้งสิ้น อีกทั้งบาดแผลของเขาก็เป็นตัวข้าเองที่ค่อยๆ รักษาด้วยความระมัดระวัง!”หรงจือจือเผยสีหน้าแสดงความเข้าใจ “โอ้? ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง!”อวี้ม่านหวาพูดด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องใจ จบแล้วก็แสดงท่าทีเหมือนคร้านจะคุยกับหรงจือจืออีก นางเรียกให้คนมาแบกฉีจื่อฟู่ออกไป หรงจือจือไม่ขัดขวางแม้แต่น้อยหลังจากที่อวี้ม่านหวาออกไปเจาซีก็พูดด้วยความตกใจ “คุณหนู อนุอวี้นาง…เมื่อครู่นี้นางว่ากระไรนะเจ้าคะ? คงมีเพียงผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์แม้แต่น้อยเท่านั้น ที่จะเข้าใจสรรพคุณของเปลือกไม้เหอฮวนผิด?”“แม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้ ทว่านางกลับบอกว่าตัวเองเป็นผู้รักษาฉีจื่อฟู่อย่างนั้นหรือ?”“ซ้ำยังไปขโมยโอสถจากสำนักหมอหลวงอีก? นางไม่กลัวหรือว่าจะใช้โอสถผิดตัวจนทำให้ฉีจื่อฟู่ตาย?”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “ไม่ใช่แค่นั้น ยากล่อมประสาทอย่างอ่อนที่ข้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 192

    หรงจือจือมองฉีจื่อฟู่ด้วยความดูแคลนปนรังเกียจ ให้โอกาสเขาอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?เช่นนั้นผู้ใดให้โอกาสท่านย่าของนางบ้าง?ฉีจื่อฟู่เห็นว่าไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ลุกขึ้นเดินโซเซไปหาหรงจือจือ “จือจือ เดิมทีวันนี้ข้าควรอยู่กับผิงถิง แต่ภายในใจข้ามีแต่เจ้า…”หรงจือจือไม่สนใจที่จะฟังเขาพูดอีกนางโบกมือโปรยผงสีขาว นางกินโอสถต้านพิษตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจพูดคุยกับฉีจื่อฟู่ตามลำพังแล้วฉีจื่อฟู่รู้สึกหมดแรงและวิงเวียนศีรษะโดยพลัน ประกอบกับเมาเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้จึงล้มหมดสติลงกับพื้นทันทีหรงจือจือไม่รู้สึกห่วงว่าเขาจะเป็นหวัดแต่อย่างใด ยิ่งไม่สนใจที่จะประคองเขาขึ้นมาพูดเสียงดังว่า “บอกให้อวี้ม่านหวามารับเขา!”เจาซีรับคำสั่ง “เจ้าค่ะ!”จากนั้นสั่งให้บ่าวรับใช้ซึ่งเป็นสมุนของตนเองไปตามคนมาหลังจากที่หรงจือจือถูกฉีจื่อฟู่ทำร้ายบาดเจ็บเมื่อครั้งก่อน ทั่วทั้งเรือนหลันก็ไม่มีผู้ใดอยากให้เขาอยู่ค้างแรมที่นี่ต่อ ไม่โน้มน้าวให้หรงจือจือรั้งเขาให้อยู่ที่นี่ต่ออีกแต่อวี้หมัวมัวกังวลใจเล็กน้อย “คุณหนู พวกเราส่งตัวฉีจื่อฟู่กลับไปดีหรือไม่? อวี้ม่านหวาเป็นคนเรื่องมาก หากประเดี๋ยวมารับตัวเขา เกรง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 191

    ผิดที่นางยืนด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด ผิดที่นางแต่งงานมาเป็นภรรยา วางตัวเองเป็นนายหญิง รักและเคารพในตัวเอง ไม่รู้จักใช้มารยาสาไถยกับบุรุษแบบที่อนุทำกันฉีจื่อฟู่หลุบตาลง “ไม่ใช่ ไม่ใช่…ข้าเองก็ผิด…”หรงจือจือเลิกคิ้วขึ้น คิดในใจว่านี่ช่างเป็นคำพูดที่หาได้ยากยิ่งในช่วงที่ผ่านมา เคยมีผู้ใดในสกุลฉี ที่ไม่วางตัวว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้องกับนางด้วยหรือ? แม้ว่าช่วงแรกฉีจื่อฟู่จะยอมรับว่าทำผิดต่อนาง แต่ไม่นานก็กลับมายืดหลังตรง ใช้ถ้อยคำไร้ยางอายกับนางเหมือนเดิมท่าทีเสียใจของเขาในวันนี้จึงนับเป็นอะไรที่คาดไม่ถึงฉีจื่อฟู่กล่าวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ข้าผิดไปแล้ว! ข้าผิดไปแล้วจริงๆ! แม้ว่ายามนั้นเจ้าจะทำดีต่อข้า แต่ข้าก็เอาแต่รู้สึกว่าเจ้าสมบูรณ์แบบจนเหมือนไม่ใช่คน เจ้าคล้ายจะรักข้า แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รักข้าขนาดนั้น”“นอกจากนี้ ทุกคนก็เอาแต่ชื่นชมเจ้า บอกว่าเจ้าดีอย่างโน้นอย่างนี้ บอกว่าเจ้าเก่งกาจมากความสามารถ เป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดในใต้หล้า เสมือนว่าการที่ข้าแต่งงานกับเจ้ าเป็นอะไรที่เกินเอื้อมไปจากตัวข้าอย่างไรอย่างนั้น”“เสมือนว่าข้าไม่คู่ควรกับเจ้าแม้แต่น้อย”

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 190

    ครั้นสายตาของหรงจือจือตกไปที่ปากประตู ก็เห็นฉีจื่อฟู่ดื่มจนเมาไม่ได้สติ ข้างเท้าเป็นขวดสุราที่ตกแตก ในวินาทีนี้กำลังประคองขอบประตูอยู่ “จือจือ...”ใบหน้าของบ่าวรับใช้เองก็เต็มไปด้วยความไม่สบายใจ กล่าวอยู่ตรงปากประตูว่า “คุณหนูขอรับ คุณชายเขาจะบุกเข้ามาให้ได้ เราเองก็ไม่กล้าลงมือ...”อย่างไรก็เป็นบ่าวรับใช้ทั้งสิ้น ตอนนี้ฉีจื่อฟู่ดื่มเยอะเกินไป ไม่ว่ากันด้วยเหตุผล หากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ และเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาสักเล็กน้อย บ่าวรับใช้เหล่านี้คงไม่มีผู้ใดรับมือได้ในแขนเสื้อของหรงจือจือมัดยากล่อมประสาทอย่างอ่อนเอาไว้ห่อหนึ่ง ชนิดที่ว่าออกฤทธิ์ทันที กำลังคิดจะทำให้ฉีจื่อฟู่หมดสติ และเรียกให้คนมาหามเขาออกไปทว่าฉีจื่อฟู่มองนางทั้งดวงตาแดงก่ำ “จือจือ ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า...”หรงจือจือเงียบไปครู่หนึ่งอันที่จริงนางรู้สึกว่าระหว่างตนกับฉีจื่อฟู่ ไม่มีอะไรต้องคุยกันนานแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เห็นท่าทีของเขา อย่างไรก็มีความสงสัยอยู่สองสามส่วน คนผู้นี้พอเมา จะพูดแตกต่างออกไปหรือไม่?อย่างไรในมือนางก็มียา ฉีจื่อฟู่เองก็ทำร้ายนางไม่ได้ นางมองบรรดาบ่าวรับใช้ “พวกเจ้าออกไปก่อน”บรรดาบ่าวรับใช้ถอน

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 189

    ...จวนสกุลฉี เรือนหลันหรงจือจือกำลังนั่งชงชาอยู่ จู่ ๆ ก็เห็นแมวตัวหนึ่ง วิ่งอุตลุตเข้ามาวางพวงดอกไม้ที่คาบไว้ในปากบนตักของนางแตกต่างจากนกแก้วรู้จักแต่กลอกตาขาวก่อนหน้านี้ตัวนั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะจีบปากจีบคอร้องเหมียวเหมียวเรียกหรงจือจือ แถมยังใช้ศีรษะถูมือของหรงจือจืออีกด้วยเจาซีตกใจ “เจ้าแมวมาจากไหน?”หรงจือจือสะบัดมือ ก่อนจะส่งสัญญาณบอกเจาซีว่าไม่จำเป็นต้องตอบสนองรุนแรง แมวตัวนี้มิได้มีแจตนาร้ายกับตน มิหนำซ้ำท่าทีที่มีต่อตนยังอ่อนโยนและเชื่องเป็นอย่างมากและแมวตัวนั้นยังปีนขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วใช้ใบหน้าน้อย ๆ แนบเข้ากับใบหน้าของหรงจือจืออีกด้วยเซิ่งเฟิงที่คอยตามดูมาตลอดทาง ในวินาทีนี้หลบอยู่บนหลังคา อึ้งจนเบิกตาโพลง!ในมือเขาบีบอัญมณีที่หล่นบนพื้นขณะคุณชายหลีเดินมาสองสามเม็ด ท่านเสนาบดีไม่สนใจอัญมณีเลยแม้แต่น้อย แต่เขาเสียดาย!เพียงแต่ในวินาทีนี้ เขาแทบอยากจะจิ้มตาตัวเอง!เนื่องจากคุณชายหลีที่บางทีปกติดูแล้วเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง แต่มันกลับรู้ว่าผู้ใดต่างหากที่มันควรเอาใจ ความอวดฉลาดนี้...ควรค่าให้เซิ่งเฟิงสังเกตและเลียนแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังถูไถหรงจือจือเสร็จ จิ่นหลีก็เด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 188

    สุดยอดไปเลย ข้ามีอนาคตแล้ว ข้าก้าวหน้าแล้ว ไม่คิดเลยว่าข้าจะเริ่มด่านายบ้านตัวเองว่าไร้รสนิยมแล้ว!ข้าไม่ควรชื่อเซิ่งเฟิง ข้าควรชื่อว่าพ้นทุกข์ เพราะผู้ที่พ้นทุกข์ถึงจะได้ไปแดนสุขาวดีหลังพ่อบ้านหวงได้รับคำสั่ง ก็รีบไปหาอัญมณี หลายปีมานี้ท่านเสนาบดีสร้างความดีความชอบไว้ไม่น้อย พอให้แต่งตั้งเป็นเสนาบดีมอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีได้เจ็ดแปดรอบเนื่องด้วยจวนเสนาบดีได้รับประทานรางวัลมหาศาลนับไม่ถ้วน เบื้องล่างท่านเสนาบดีก็มีบุคคลเก่งกาจผู้หนึ่งนามว่าเฉียนว่านเชียน ช่วยท่านเสนาบดีดูแลทรัพย์สมบัติอย่าเห็นว่าจวนเสนาบดีของพวกเขามีคนเพียงไม่กี่คนนี้ ทว่าอันที่จริงเรียกได้ว่ามั่งคั่งทัดเทียมทรัพย์สินในคลังหลวงฉะนั้นใช้เวลาไม่นาน อัญมณีที่ด้านนอกขายออกได้ในราคามิธรรมดาเหล่านั้น ก็ถูกพ่อบ้านหวงสั่งให้คนย้ายมาห้าหีบแววตาพ่อบ้านหวงเปล่งประกายราวคบเพลิง จ้องอัญมณีเหล่านี้เขม็ง จะให้ตกหล่นแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ได้ทว่าเฉินเยี่ยนซูกลับทำราวกับพวกนี้ไม่ใช่อัญมณี แต่เป็นเพียงหินทั่วไปก็มิปาน ลวดมือไปคว้าออกมาสองสามกำมือ แล้ววางไว้บนโต๊ะ ตรึกตรองเลือกที่เรียบ ๆ หน่อย จากนั้นก็ใส้ไปในพวงดอกไม้พวงนั้น

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status