Share

บทที่ 129

Author: สั่งไม่หยุด
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ครั้นซิ่นหยางโหวฟังการร่ำไห้ของอวี้ม่านหวาจบ สายตาที่ไม่สบอารมณ์ก็ตกไปบนหน้าของหรงจือจือ กำลังจะตำหนินางว่าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงกลับอาละวาดจนวุ่นวายไปหมดทั้งจวน

ทว่าหรงจือจือเอ่ยปากกับอวี้ม่านหวาก่อน “เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่ดีก็ดี! ในจวนเตาอุ่นมือแบบไหนจะไม่มีเลยหรืออย่างไร?”

“เป็นแค่อนุผู้หนึ่ง ดันจะยังยุยงให้ท่านพี่ไปแย่งของภรรยาเอก ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปทั้งจวน ไม่รู้ว่าฮองเฮาของแคว้นเจาองค์ก่อน สั่งสอนเจ้ามาอย่างไร!”

“น้องเสียนทนเห็นไม่ได้ จึงไปเอากลับมา ข้าโน้มน้าวอย่างก็โน้มน้าวไม่ได้ ช่างเถิด มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เจาซี เอาเทียบของข้ามา เชิญท่านพ่อบุญธรรมมาดูซื่อจื่อที่จวน!”

เจาซี “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

แน่นอนว่าพ่อบุญธรรมที่หรงจือจือกล่าวถึง หมายถึงหมอเทวดาลูกบุญธรรมของนายหญิงผู้เฒ่าหรง

ในตอนนี้ซิ่นหยางโหวกล้าด่านางเสียที่ไหน?

กลับหันหน้าไปมองอวี้ม่านหวา และด่าอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาจริง ๆ!”

ฉีจื่อเสียนเองก็ยังไม่ลืมว่าตอนนั้น เหตุใดตนถึงต่อยตีกับพี่ชายขึ้นมา จึงเอ่ยขานรับ “ไม่ใช่เพร
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 130

    หนังหน้าเขาตึงเปรี๊ยะ คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจะไม่ไว้หน้าขนาดนี้ และพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้ทว่าตอนนี้ยังต้องขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยบุตร จึงระเบิดอารมณ์ไม่ได้ ได้แต่กล่าวว่า “ขอท่านหมอเทวดาช่วยลูกข้าด้วย เขาคือซื่อจื่อแห่งจวนโหว เป็นสามีของจือจือ...”หมอเทวดาหยิบเข็มเงินออกมา แล้วแทงฉีจื่อฟู่ให้ตื่นอย่างไม่เกรงใจมิหนำซ้ำยังจงใจไม่ออมแรงอีกด้วย แทงจนเขามีเลือดออกมามากมายซิ่นหยางโหวที่เห็นดังนั้นขมวดคิ้วมุ่น แต่อย่างไรเขาก็ไม่เป็นวิชาแพทย์ และไม่มั่นใจว่าเลือดนี่ไม่ไหลไม่ได้หรือเปล่า จึงไม่กล้าพูดมากแต่อย่างใดทว่าหมอประจำจวนที่เข้าใจวิชาแพทย์ซึ่งดูอยู่ข้าง ๆ ยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ คิดเพียงว่าที่หมอเทวดาแทงเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลของหมอเทวดาเองหลังฉีจื่อฟู่ฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินหมอเทวดากล่าวว่า “พักผ่อนสักพัก ก็ลุกจากเตียงได้แล้ว เพียงแต่เมื่อเป็นเพราะโรคเก่ากำเริบ หลังจากนี้อาจจะอ่อนแอลงทุกวัน อาการกำเริบอยู่เป็นระยะ กลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน กระทั่งถึงแก่ความตาย”คำพูดของพ่อบุญธรรม ย่อมอยู่ในการคาดคะเนของหรงจือจือเช่นกันเมื่อฉีจื่อฟู่อาการกำเริบครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 131

    หมอเทวดาเล่นตามน้ำว่า “ใช้ความรุนแรงให้น้อย โมโหให้น้อยก็พอ”หรงจือจือ “นี่ เฮ้อ…”เดิมทีสองพ่อลูกซิ่นหยางโหวยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เพราะฉีจื่อฟู่ไม่ได้ดีกับหรงจือจือ อีกทั้งหมอเทวดาก็ไม่ได้ตรวจโดยละเอียด แต่เมื่อเห็นหรงจือจือถามโดยละเอียดเช่นนี้ก็คลายความสงสัยเหล่านี้ลงก็จริง อย่างไรจื่อฟู่ก็เป็นสามีของหรงจือจือ นางจะไม่อยากให้เขาได้ดีได้อย่างไร?หมอเทวดาประสานมือพูดว่า “ไปเชิญคนอื่นมาตรวจเถิด! ข้าขอตัว!”หรงจือจือ “ข้าจะไปส่ง”นางเดินไปส่งหมอเทวดาออกจากจวนโหว หลังจากเดินห่างออกมาหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงคนในจวนหมอเทวดาถึงค่อยมองหรงจือจือด้วยความชื่นชม “เจ้าไม่ได้เลอะเลือน”ตอนที่ได้ยินว่าหรงจือจือกลับมาที่จวนซิ่งหยางโหวก่อนหน้านี้ ทั้งยังช่วยวางแผนให้ครอบครัวนี้ เขาก็โมโหแทบอกแตกตายครั้งนี้เขามาโดยอ้างว่ามาช่วยตรวจฉีจื่อฟู่ ทว่าความจริงแล้วต้องการมาด่าหรงจือจือต่างหากเคราะห์ดีที่เขาทำการจับชีพจรก่อน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เข้าใจหรงจือจือผิดแต่ก็ไม่แปลก คนนอกอาจจะไม่รู้ถึงวิชาแพทย์ของจือจือ แต่เขากลับรู้ดีว่านางเก่งกาจกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์เสียอีก หากคิดจะช่วยฉีจื่อฟู่จริงๆ ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 132

    หรงจือจือคิดไม่ถึงว่าฉีจื่อฟู่จะมีความคิดที่จะทรมานนางเช่นกัน สายตานางจ้องมองไปที่ฉีจื่อฟู่พลางถามด้วยเสียงราบเรียบ “หมายความว่า ซื่อจื่อสำนึกและเสียใจกับสิ่งที่พูดกับข้าก่อนหน้านี้หรือ?”สีหน้าของฉีจื่อฟู่เปลี่ยนไป หากเขายอมรับว่าสำนึกและเสียใจกับคำพูดพวกนั้น ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมไม่ใช่หรือไร?แม้ปากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้หรงจือจือรักษา ทว่าแท้จริงแล้วภายในใจกลับให้ความสำคัญมากนี่ทำให้เขาหงุดหงิดหรงจือจือเล็กน้อย ในเมื่อรักเขาก็ไปคุกเข่าแทนเขาสิ จะถามเช่นนี้ให้มากความทำไม? นี่มันต่างอะไรกับการทำให้เขาผู้เป็นสามีต้องอับอาย?เขาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “สิ่งใดที่ข้าพูดไปแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียใจ”“ข้าเพียงแต่คิดว่า เจ้าเห็นข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะในฐานะฮูหยินซื่อจื่อ หรือในฐานะว่าที่โหวฮูหยินในอนาคต เจ้าก็คงไม่รู้สึกสบายใจนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้ให้โอกาสเจ้าไปสวดภาวนาเพื่อข้าก็เท่านั้น”“เจ้าแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ คนในสกุลฉีล้วยแต่ดีกับเจ้าไม่น้อย เท่านี้ก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”“หากข้าไม่เป็นห่วงอนาคตของเจ้า จะผิดคำพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 1  

    เพื่อขอโอสถวิเศษช่วยชีวิตให้ผู้เป็นสามี หรงจือจือคุกเข่ามาแล้วทั้งสิ้นสามพันขั้นบันได ทว่าผู้เป็นสามีกลับลดขั้นนางจากภรรยาเอกเป็นอนุ เพื่อองค์หญิงจากแคว้นที่สิ้นเอกราช มิหนำซ้ำยังบอกว่านี่คือวาสนาของนาง! หลังจากนางหย่าขาดกับสามีแล้ว ก็สมรสกับท่านสมุหราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่ มีอิทธิพลกว้างใหญ่ไปทั่วแผ่นดิน กลางดึก ท่านสมุหราชเลขาธิการกับนางต่างพลอดรักดื่มด่ำลึกซึ้งบนผ้าห่มคู่รัก โดยที่มีสามีเก่าคุกเข่าอยู่นอกประตู ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีดดุจกระดาษ —— ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะ ผู้คนต่างหัวเราะเริงร่าครึกครื้นมีความสุข ทว่าในใจของหรงจือจือกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะสามีของตนที่ไม่ได้พบหน้ากันนานสามปี บัดนี้แม้นั่งอยู่ข้างกายนาง แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร เอาแต่หลบสายตาของตนเองอยู่ตลอด ไม่กล้าสบตากับตนเองโดยตรงเลยสักครั้ง คล้ายกับว่าเผลอทำเรื่องอะไรที่รู้สึกผิดกับตนเองเข้าแล้วอย่างไรอย่างนั้น สิ่งนี้ทำให้หรงจือจือรู้สึกหนักใจเล็กน้อย ยามนั้นเอง ชายาผู้เฒ่าอ๋องเฉียนมองหรงจือจือ แล้วยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้าว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีใดจะทรงคุณธรรมมากไปก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 2  

    ความจริงหนนี้นางถานเองก็รู้สึกว่า บุตรชายของตนทำเกินไปหน่อย เพราะก่อนหน้านี้คนทั้งตระกูลฉีไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายกับองค์หญิงท่านนั้นมาก่อน แล้วหรงจือจือจะเป็นฝ่ายขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเองได้อย่างไร? ทว่าบุตรชายกำลังต้องโทษหลอกลวงเบื้องสูง เอ่ยวาจาเหล่านี้ออกมาต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท หากหรงจือจือไม่ยอมรับ แม้ฝ่าบาทจะมิได้ตัดสินโทษสถานหนักกับจื่อฟู่ แต่ก็เกรงว่าจวนซิ่นหยางโหว จะสูญเสียความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ไป นางจึงหันขวับมองไปทางหรงจือจือทันที คว้ามือของนางไว้พลางเอ่ยยิ้ม ๆ “จือจือ เจ้าเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้ามาก่อนแล้วมิใช่หรือ ถึงแม้เจ้าจะไม่เต็มใจ แต่เพื่อจื่อฟู่แล้ว ก็จำใจต้องยอมรับ” “เจ้าก็เป็นคนมีเมตตาและคุณธรรมเช่นนี้มาตลอด เจ้าวางใจเถิด หลังจากนี้แม้เจ้าจะเป็นอนุ แต่สิ่งใดก็ตามที่เจ้าพึงมีในยามนี้ แม้จะไม่ให้เจ้าต้องขาดแม้เพียงสักอย่าง!” นางถานออกแรงบีบไปที่มือเล็กน้อย นี่เป็นการเตือนหรงจือจือว่า จงให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวม จงเห็นแก่จวนโหวเป็นสำคัญ หรงจือจือฟังวาจาของนางถานจบแล้ว ยิ่งไม่อยากเชื่อหูตนเอง สุขภาพของนางถานไม่สู้ดีนัก และร่างกายมักจะอ่อ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 3  

    ฮ่องเต้น้อยขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปยังครอบครัวซิ่นหยางโหว ไม่อ่อนโยนและใกล้ชิดเหมือนอย่างตอนเริ่มงานเลี้ยงแล้ว ทว่าซิ่นหยางโหวไม่รอให้โอรสสวรรค์เปล่งวาจา ก็มองไปยังหรงจือจือ พลางเกลี้ยกล่อม “ลูกสะใภ้เอ๋ย บิดาของเจ้าสั่งสอนบุตรีได้ดีมาตลอด หากเขารู้เรื่องนี้ คิดว่าเขาเองก็คงจะขอให้เจ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเช่นกัน!” หรงจือจือซึ่งนัยน์ตาสะท้อนรอยยิ้มดูแคลน ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบแต่ก็ไม่เนิบนาบ “ท่านพ่อสามี ท่านพ่อสอนให้ข้าคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม แต่ไม่เคยสอนให้ข้าเป็นอนุ!” สิ้นเสียงนี้ นางคุกเข่าลงกับพื้นทันทีพร้อมเอ่ยว่า “ฝ่าบาทเพคะ หากต้องเป็นอนุ หม่อมฉันไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด ชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของสกุลหรงเรา จะพังทลายลงในมือของหม่อมฉันมิได้เป็นอันขาด ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นธรรม! เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมแล้ว หรงจือจือยินดีหย่าขาด สกุลหรงเราขอตัดขาดสัมพันธ์สมรสกับจวนซิ่นหยางโหวนับแต่บัดนี้เพคะ!” พอกันที แค่สามปี นางยอมแพ้ให้ก็ได้! ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ยังมิได้ร่วมเรือนหอ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านย่าเคยสอนนางไว้ว่า ชีวิตมนุษย์ก็เหมือนหมากรุกบนกระดาน ลูกหลานสกุลหรงต

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 4  

    หรงจือจือได้ยินมาถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันฉายประกายดูแคลนออกมา วันนี้ใครกันแน่ที่ทำให้สกุลหรงและจวนโหวต้องอับอายขายหน้า ดูเหมือนแม่สามีของตนเองคนนี้ จะไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ฉีจื่อฟู่ได้ยินคำพูดของนางถาน ใบหน้าพลันฉายประกายลังเลขึ้นมาหนึ่งส่วน “อากาศเย็นถึงเพียงนี้…” เจาซีเอ่ยขึ้นทันควัน “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน ซื่อจื่อ อากาศเย็นเพียงนี้ จะให้ฮูหยินซื่อจื่อเดินกลับเองไม่ได้เด็ดขาดนะเจ้าคะ! ฮูหยินซื่อจื่อร่างกายอ่อนแอบอบบาง จะทนไหวที่ไหนเจ้าคะ” เดิมทีนางคิดว่าหากพูดแบบนี้ออกไป ฉีจื่อฟู่จะเกิดความรู้สึกสงสาร และขอให้ฮูหยินโหวถอนคำสั่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่าฉีจื่อฟู่เมื่อได้ยินแล้ว จะหันมองหรงจือจือและเอ่ยว่า “จือจือ อย่างที่สาวใช้ของเจ้าบอก เจ้าทนลมหนาวเย็นเยือกเช่นนี้ไม่ไหวหรอก!” หรงจือจือทอดสายตามองไปยังบุรุษหนุ่มรูปงามที่ดูคล้ายจะอบอุ่นอ่อนโยนคนนี้นิ่ง ๆ ก่อนจะถามว่า “ท่านพี่หมายความว่า…” ฉีจื่อฟู่ : “ตราบใดที่เจ้ายอมรับปาก ว่าวันรุ่งขึ้นจะตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท และแสดงเจตจำนงขอเป็นอนุภรรยาด้วยตนเอง ข้าจะขอให้ท่านแม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นรถม้า!” หรงจือจือเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงอย่า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 5  

    หรงจือจือหลับตาสนิทไม่เปล่งวาจา รู้สึกเพียงว่านางถานไร้ยางอายไร้ใดเปรียบ พวกเขาทั้งครอบครัวข่มเหงรังแกนางเช่นนี้ หากเมื่อครู่นางไม่ดื้อรั้นก้าวร้าว คงได้หนาวตายอยู่ข้างทางจริง ๆ แน่ ถึงยามนี้แล้วยังมีหน้า มาขอให้นางไปอ้อนวอนท่านพ่อ ให้ทำอะไรเพื่อฉีจื่อฟู่อีกหรือ? ช่างหน้าด้านเสียจริง! นางถานเห็นนางเงียบกริบไม่ส่งเสียง ก็ขมวดคิ้วพลางตะคอกด้วยเสียงเหี้ยมว่า “นางหรง ข้ากำลังคุยกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” หรงจือจือตอบกลับเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ “ได้ยินเจ้าค่ะ” แต่ไม่คิดจะทำตามคำสั่งนั้นหรอก นางถานกลับคิดว่าหรงจือจือยอมรับคำตามที่บอกแล้ว ท่าทางบึ้งตึงและเสียงตะคอกขู่เข็ญเมื่อครู่ ก็ดูจะผ่อนลงไปบ้างแล้ว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นคำขอร้องต่อสกุลหรง ต้องโทษสามีของตนเองที่ไม่เอาไหน ทั้งที่เป็นถึงท่านโหวในราชสำนักแต่กลับเงียบเชียบไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว หลังจากสงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว นางถานบ่นออกมาเบา ๆ “แบบนี้ถูกต้องแล้ว ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นภรรยาเอกหรืออนุ จื่อฟู่ก็คือสามีของเจ้า เจ้าต้องเทิดทูนเขาไว้เสมอท้องฟ้า!” “หรือจะบอกว่าแค่เขามีสัมพันธ์กับองค์หญิงท่านนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สามี

Latest chapter

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 132

    หรงจือจือคิดไม่ถึงว่าฉีจื่อฟู่จะมีความคิดที่จะทรมานนางเช่นกัน สายตานางจ้องมองไปที่ฉีจื่อฟู่พลางถามด้วยเสียงราบเรียบ “หมายความว่า ซื่อจื่อสำนึกและเสียใจกับสิ่งที่พูดกับข้าก่อนหน้านี้หรือ?”สีหน้าของฉีจื่อฟู่เปลี่ยนไป หากเขายอมรับว่าสำนึกและเสียใจกับคำพูดพวกนั้น ก็เท่ากับยอมรับว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมไม่ใช่หรือไร?แม้ปากจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้หรงจือจือรักษา ทว่าแท้จริงแล้วภายในใจกลับให้ความสำคัญมากนี่ทำให้เขาหงุดหงิดหรงจือจือเล็กน้อย ในเมื่อรักเขาก็ไปคุกเข่าแทนเขาสิ จะถามเช่นนี้ให้มากความทำไม? นี่มันต่างอะไรกับการทำให้เขาผู้เป็นสามีต้องอับอาย?เขาพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “สิ่งใดที่ข้าพูดไปแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะต้องเสียใจ”“ข้าเพียงแต่คิดว่า เจ้าเห็นข้าตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะในฐานะฮูหยินซื่อจื่อ หรือในฐานะว่าที่โหวฮูหยินในอนาคต เจ้าก็คงไม่รู้สึกสบายใจนัก ด้วยเหตุนี้จึงได้ให้โอกาสเจ้าไปสวดภาวนาเพื่อข้าก็เท่านั้น”“เจ้าแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ คนในสกุลฉีล้วยแต่ดีกับเจ้าไม่น้อย เท่านี้ก็ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”“หากข้าไม่เป็นห่วงอนาคตของเจ้า จะผิดคำพูดต่อหน้าสิ่งศักดิ์

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 131

    หมอเทวดาเล่นตามน้ำว่า “ใช้ความรุนแรงให้น้อย โมโหให้น้อยก็พอ”หรงจือจือ “นี่ เฮ้อ…”เดิมทีสองพ่อลูกซิ่นหยางโหวยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง เพราะฉีจื่อฟู่ไม่ได้ดีกับหรงจือจือ อีกทั้งหมอเทวดาก็ไม่ได้ตรวจโดยละเอียด แต่เมื่อเห็นหรงจือจือถามโดยละเอียดเช่นนี้ก็คลายความสงสัยเหล่านี้ลงก็จริง อย่างไรจื่อฟู่ก็เป็นสามีของหรงจือจือ นางจะไม่อยากให้เขาได้ดีได้อย่างไร?หมอเทวดาประสานมือพูดว่า “ไปเชิญคนอื่นมาตรวจเถิด! ข้าขอตัว!”หรงจือจือ “ข้าจะไปส่ง”นางเดินไปส่งหมอเทวดาออกจากจวนโหว หลังจากเดินห่างออกมาหลายก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงคนในจวนหมอเทวดาถึงค่อยมองหรงจือจือด้วยความชื่นชม “เจ้าไม่ได้เลอะเลือน”ตอนที่ได้ยินว่าหรงจือจือกลับมาที่จวนซิ่งหยางโหวก่อนหน้านี้ ทั้งยังช่วยวางแผนให้ครอบครัวนี้ เขาก็โมโหแทบอกแตกตายครั้งนี้เขามาโดยอ้างว่ามาช่วยตรวจฉีจื่อฟู่ ทว่าความจริงแล้วต้องการมาด่าหรงจือจือต่างหากเคราะห์ดีที่เขาทำการจับชีพจรก่อน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เข้าใจหรงจือจือผิดแต่ก็ไม่แปลก คนนอกอาจจะไม่รู้ถึงวิชาแพทย์ของจือจือ แต่เขากลับรู้ดีว่านางเก่งกาจกว่าเขาผู้เป็นอาจารย์เสียอีก หากคิดจะช่วยฉีจื่อฟู่จริงๆ ม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 130

    หนังหน้าเขาตึงเปรี๊ยะ คิดไม่ถึงว่าหมอเทวดาจะไม่ไว้หน้าขนาดนี้ และพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้ทว่าตอนนี้ยังต้องขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยบุตร จึงระเบิดอารมณ์ไม่ได้ ได้แต่กล่าวว่า “ขอท่านหมอเทวดาช่วยลูกข้าด้วย เขาคือซื่อจื่อแห่งจวนโหว เป็นสามีของจือจือ...”หมอเทวดาหยิบเข็มเงินออกมา แล้วแทงฉีจื่อฟู่ให้ตื่นอย่างไม่เกรงใจมิหนำซ้ำยังจงใจไม่ออมแรงอีกด้วย แทงจนเขามีเลือดออกมามากมายซิ่นหยางโหวที่เห็นดังนั้นขมวดคิ้วมุ่น แต่อย่างไรเขาก็ไม่เป็นวิชาแพทย์ และไม่มั่นใจว่าเลือดนี่ไม่ไหลไม่ได้หรือเปล่า จึงไม่กล้าพูดมากแต่อย่างใดทว่าหมอประจำจวนที่เข้าใจวิชาแพทย์ซึ่งดูอยู่ข้าง ๆ ยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ คิดเพียงว่าที่หมอเทวดาแทงเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลของหมอเทวดาเองหลังฉีจื่อฟู่ฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินหมอเทวดากล่าวว่า “พักผ่อนสักพัก ก็ลุกจากเตียงได้แล้ว เพียงแต่เมื่อเป็นเพราะโรคเก่ากำเริบ หลังจากนี้อาจจะอ่อนแอลงทุกวัน อาการกำเริบอยู่เป็นระยะ กลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน กระทั่งถึงแก่ความตาย”คำพูดของพ่อบุญธรรม ย่อมอยู่ในการคาดคะเนของหรงจือจือเช่นกันเมื่อฉีจื่อฟู่อาการกำเริบครั้งแรก หลังจากนั้นก็จะถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 129

    เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ ครั้นซิ่นหยางโหวฟังการร่ำไห้ของอวี้ม่านหวาจบ สายตาที่ไม่สบอารมณ์ก็ตกไปบนหน้าของหรงจือจือ กำลังจะตำหนินางว่าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ถึงกลับอาละวาดจนวุ่นวายไปหมดทั้งจวนทว่าหรงจือจือเอ่ยปากกับอวี้ม่านหวาก่อน “เจ้ารู้ว่าเจ้าไม่ดีก็ดี! ในจวนเตาอุ่นมือแบบไหนจะไม่มีเลยหรืออย่างไร?”“เป็นแค่อนุผู้หนึ่ง ดันจะยังยุยงให้ท่านพี่ไปแย่งของภรรยาเอก ก่อเรื่องจนวุ่นวายไปทั้งจวน ไม่รู้ว่าฮองเฮาของแคว้นเจาองค์ก่อน สั่งสอนเจ้ามาอย่างไร!”“น้องเสียนทนเห็นไม่ได้ จึงไปเอากลับมา ข้าโน้มน้าวอย่างก็โน้มน้าวไม่ได้ ช่างเถิด มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ เจาซี เอาเทียบของข้ามา เชิญท่านพ่อบุญธรรมมาดูซื่อจื่อที่จวน!”เจาซี “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”แน่นอนว่าพ่อบุญธรรมที่หรงจือจือกล่าวถึง หมายถึงหมอเทวดาลูกบุญธรรมของนายหญิงผู้เฒ่าหรงในตอนนี้ซิ่นหยางโหวกล้าด่านางเสียที่ไหน?กลับหันหน้าไปมองอวี้ม่านหวา และด่าอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ช่างเป็นตัวสร้างปัญหาจริง ๆ!”ฉีจื่อเสียนเองก็ยังไม่ลืมว่าตอนนั้น เหตุใดตนถึงต่อยตีกับพี่ชายขึ้นมา จึงเอ่ยขานรับ “ไม่ใช่เพร

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 128

    อวี้ม่านหวาตกตะลึง “ท่านพี่ฟู่...”ฉีจื่อเสียนกลับไม่แยแสสถานการณ์ของฉีจื่อฟู่เลยแม้แต่น้อย คิดเพียงว่าที่อีกฝ่ายเป็นลมหมดสติไป เพราะตนกล้าหาญไร้ที่เปรียบ ทักษะการต่อสู้โดดเด่นเขายกเตาอุ่นมือของหรงจือจือขึ้นมา แล้วเดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอวี้ม่านหวารีบเอ่ยขึ้นว่า “เร็วเข้า รีบไปเชิญหมอประจำจวนมา!”...ก่อนที่ฉีจื่อเสียนจะกลับมา อวี้หมัวมัวได้บอกสถานการณ์ทางนั้นกับหรงจือจือเรียบร้อยแล้วไม่นานก็ได้ยินเสียงของฉีจื่อเสียน “ท่านพี่สะใภ้ ท่านดูสิข้าเอาอะไรกลับมาให้ท่าน”หรงจือจือกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย พลางมองเตาอุ่นมือที่หวนคืนสู่เจ้าเดิม ก่อนจะแสร้งเอ่ยขึ้นด้วยความตื้นตันใจ “ต้องขอบคุณน้องเสียนมาก ๆ น้องเสียนรู้เหตุรู้ผลอย่างที่คิดจริง ๆ”เจาซีรีบไปรับเตาอุ่นมือมาฉีจื่อเสียนเขียวช้ำไปทั้งหน้า เขามองหรงจือจือ “เช่นนั้น...เช่นนั้นเรื่องหาอาจารย์ใหม่ให้ข้า ที่ท่านพี่สะใภ้พูดก่อนหน้านี้...”หรงจือจือ “เจ้าวางใจ พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนของท่านเจียงด้วยตัวเอง ขอร้องให้เขาช่วยแนะนำให้ ไม่รู้ว่าน้องเสียนมีอาจารย์ที่ดูไว้ในใจหรือไม่?”แววตาของฉีจื่อเสียนเปล่งประกาย “ย่อมมีอยู่แ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 127

    ฉีจื่อฟู่ถูกท้าทายความน่าเกรงขามในฐานะผู้เป็นพี่ ยอมให้เขาเอาไปเสียที่ไหน รีบยื่นมือออกไปขวางทันที “ในเมื่อข้าเอาเตาอุ่นมืออันนี้มาแล้ว ก็ต้องเป็นของม่านหวา!”ฉีจื่อเสียนถนัดเรื่องการพูดหาประโยชน์ใส่ตัวที่สุด “ท่านพี่ ของสิ่งนี้เป็นของใช้ส่วนตัวของท่านพี่สะใภ้ ท่านพี่เอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพี่สะใภ้ เอาไปโดยไม่บอกกล่าวเช่นนี้ เรียกว่าขโมย! ท่านพี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านี่เป็นของอนุอวี้?”ฉีจื่อฟู่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งหน้าคล้ำดำเขียว “ฉีจื่อเสียน ข้าไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า! เจ้ารีบออกไปเสีย!”ฉีจื่อเสียน “ข้าไม่ไป! ท่านพี่ ท่านพี่เลอะเลือนไปเอง ทิ้งอนาคตเพื่อปิศาจจิ้งจอกตัวเดียวก็ช่างเถอะ ท่านพี่ยังจะทำลายอนาคตข้าด้วยหรือ?”“ท่านพี่ก็คิดเสียว่าทำเพื่อข้า คืนของสิ่งนี้ให้ท่านพี่สะใภ้แล้วจะเป็นอะไรไป? เรื่องหาอาจารย์ยังต้องหวังพึ่งนาง ท่านพี่เป็นพี่แท้ ๆ ของข้าจริง ๆ หรือ?”ประโยคนี้ทำเอาฉีจื่อฟู่ลังเลไปครู่หนึ่งทว่าขณะนี้ ในใจของอวี้ม่านหวาเองก็เคียดแค้นฉีจื่อเสียนยิ่งนักนางพูดเสี้ยมด้วยท่าทางน่าสงสาร “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง เป็นเพราะข้าชีวิตต่ำต้อย ไม่คู่คว

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 126

    ในตอนนี้เจาซีถึงเข้าใจความคิดของคุณหนู นางพลันดีใจกระโดดโลดเต้น “คุณหนู สมแล้วที่เป็นคุณหนู! กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว ก็ทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงได้!”แสดงละครตบตากับฉีจื่อเสียนอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ปากแห้งคอแห้งหรงจือจือยกแก้วชาขึ้นมา แล้วจิบคำหนึ่ง “นี่เพิ่งจะเท่าไรเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อย่างที่เจ้าคิด มีเรื่องสนุก ๆ รออยู่หลังจากนี้!”ช่วงนี้ฉีจื่อเสียนหุนหันพลันแล่นเป็นอย่างมาก อาจจะแลกหมัดกับพี่ชายเขาขึ้นมาก็เป็นได้ทว่าตอนนี้ร่างกายของฉีจื่อฟู่ ไม่สามารถต้านทานการต่อยตีได้...แต่เมื่อฉีจื่เสียนไปถึงห้องของฉีจื่อฟู่ กลับหาเขาไม่เจอ ครั้นถามบ่าวรับใช้ถึงได้รู้ว่า ฉีจื่อฟู่ไปเรือนจวี๋ ที่พักของอวี้ม่านหวาสีหน้าของฉีจื่อเสียนยิ่งคล้ำดำหมองเข้าไปใหญ่เขาไม่รู้เลยว่าพี่ชายของตนหลงผิดหรือเปล่า บุรุษแต่งภรรยา หรือว่าไม่ได้เพื่อช่วยตนเอง ช่วยยกระดับทั้งตระกูลตน?อวี้ม่านหวาผู้นั้นมีอะไรดีกันแน่ ถึงทำให้ท่านพี่ไม่ไว้หน้าหรงจือจือเและทำลายตนเช่นนี้!ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเดือดดาลกระทั่งบุกเข้าไปในห้องของอวี้ม่านหวาเลยโดยไม่รอให้คนใช้ไปรายงานเช่นนี้ทำเอาสองคนนั้นตกตะลึงก

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 125

    อนุส่วนใหญ่ได้รับความรักและความโปรดปรานของสามี จึงกระวนกระวายได้ง่าย สร้างปัญหาโดยไร้สาเหตุนางกระตุกรอยยิ้มเย็นเยือกมุมปาก “ฉีจื่อฟู่ทำเช่นนี้ ยิ่งเป็นการมอบหมากที่ดีแก่ข้าตัวหนึ่ง ข้าย่อมต้องยิ่งใช้มันให้ดี”หลังจากนั้นนางก็มองเจาอู้ “ไปห้องคุณชายสี่ บอกว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปหาอาจารย์ให้เขา เชิญเขามาหารือว่าจะเลือกใคร”เจาอู้ “เจ้าค่ะ!”เจาซีตามหรงจือจือกลับเรือนหลันด้วยความฉงน เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคุณชายสี่อีก?ครั้นเห็นหรงจือจือกลับมา อวี้หมัวมัวก็รายงานอีกว่า “คุณหนู ทางสวนฉางโซ่วมีเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว ฉีอวี่เยียนเอาเชิงเทียนไปทำให้ถานผิงถิงเสียโฉม หมอประจำจวนบอกว่าจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนหน้าแน่นอน”เจาซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูด “มีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?”จะว่าไปแล้ว หลังคุณหนูมาถึงจวนสกุลฉีแห่งนี้ ไป ๆ มา ๆ ไม่รู้ว่าถานผิงถิงนั่น หาเรื่องมาให้คุณหนูเท่าไรแล้ว ผ่านไปสามปี เรื่องกึ่งหนึ่งในบ้านก็เป็นเพราะนางคนชั้นต่ำนั่นยุแยงตะแคงรั่วตอนนี้ถือว่ากรรมตามสนองแล้วอวี้หมัวมัว “นั่นน่ะสิ ตอนนี้ถานผิงถิงกำลังร้องไห้โวยวายอยู่ที่สวนฉางโซ่ว บอกว่าจะจับตัวฉีอวี่เยียนส่งทางการ บ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 124

    คิ้วตาของอวี้หมัวมัวขยับเล็กน้อย ทว่าอย่างไรนางก็สุขุมกว่าเจาซีหน่อย ในฐานะบ่าวรับใช้ แม้จะไม่พอใจ ก็ไม่มีทางโวยวายกับเจ้านายง่าย ๆ หากยั่วจนฉีจื่อฟู่สั่งสอนตน จะเป็นการสร้างความลำบากให้คุณหนูโดยไม่มีสาเหตุเปล่า ๆจึงไม่ได้พูดอะไรมากความ นางเอ่ยเพียง “ท่านซื่อจื่อ เตาอุ่นมือนี้ ปกติฮูหยินซื่อจื่อโปรดปรานเป็นอย่างมาก”ฉีจื่อฟู่ “นั่นแล้วอย่างไร? หรือว่าความชอบเล็กน้อยนั่นของนาง มันสำคัญกว่าเด็กในท้องของม่านหวา?”พูดจบก็ไม่สนใจอวี้หมัวมัวอีก จากนั้นก็สาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปอวี้หมัวมัวชะงักไป ก่อนจะมองเจาอู้ทีหนึ่ง “คิดว่าคุณหนูคงออกมาจากห้องท่านโหวแล้ว เจ้าไปบอกเรื่องนี้กับคุณหนูซะ”กะอีแค่เตาอุ่นมืออันเดียว อวี้หมัวมัวรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ที่จริงคุณหนูก็ไม่ได้ขาดแคลนเลยทว่าการกระทำของฉีจื่อฟู่ กลับทำคนสะอิดสะเอียนอย่างไร้สาเหตุเจาอู้ “เจ้าค่ะ!”…ในวินาทีนี้หรงจือจือออกมาจากห้องหนังสือของซิ่นหยางโหวพร้อมกับเจาซีแล้วจริง ๆครั้นเห็นว่ารอบข้างปลอดคน เจาซีก็กดเสียงต่ำเอ่ยขึ้นว่า “ภาพเหมือนที่คุณหนูให้พวกเรารวบรวมในก่อนหน้านี้พวกนั้น บ่าวยังรู้สึกข้องใจไม่หายเลยเจ้าค

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status