แชร์

บทที่ 103

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
“ท่านรีบร้อนกลับไปอาละวาดเช่นนี้ จะไม่ดีต่อคุณหนูสามนะขอรับ!”

“อีกอย่าง วันนี้มีสตรีสูงศักดิ์มากมายออกอย่างนั้น ท่านกลับไปต่อว่าฮูหยินซื่อจื่อต่อหน้าทุกคน ฮูหยินซื่อจื่อจะเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน มิสู้คุยกันเป็นการส่วนตัว ไม่แน่ว่าเรื่องราวอาจยังพลิกผันได้นะขอรับ?”

ฉีจื่อเสียนใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “แขกสตรีทั้งนั้นแล้วอย่างไร? คนยิ่งเยอะสิยิ่งดี ข้าไปอาละวาดตอนนี้หรงจือจือจะได้ขายหน้ามากขึ้น!”

“ไยข้าต้องใส่ใจกับชื่อเสียงของนางด้วย? นางทำร้ายข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีกระทั่งอาจารย์แล้ว ข้ายังต้องสนใจกฎระเบียบอันใดอีก? ข้าต้องการให้ชื่อเสียงของนางพังพินาศ เป็นที่หัวเราะของผู้คนนั่นแหละ!”

“สตรีผู้สูงศักดิ์ทั้งเมืองหลวงต้องประณามนาง เมื่อนั้นนางจึงจะรู้ว่าตัวเองทำผิดไป จึงจะไปพูดดี ๆ ต่อหน้าท่านเจียง ให้เขารับข้ากลับเข้าสำนักอีกครั้ง!”

ฉีจื่อเสียนรู้สึกว่าคำพูดชุนเซิงเตือนสติเขาจริง ๆ วันนี้คือโอกาสดีที่จะหาเรื่องหรงจือจือ คนยิ่งมากก็ยิ่งดี!

ชุนเซิง “แต่คุณชายสี่ เช่นนั้นเรื่องการแต่งงานของคุณหนูสาม...”

ฉีจื่อเสียนเอ่ยอย่างรำคาญใจ “เอาละ เจ้าไม่ต้องพูดแล้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 104

    ฉีจื่อเสียนเอ่ยอย่างหัวเสีย “เข้าใจผิดอันใด? หรงจือจือ ท่านช่างเล่นละครเก่งจังนะ! บทศรีภรรยาท่านกลับแสดงมาได้ถึงสามปี ปั่นหัวครอบครัวข้าจนหัวหมุนหมดแล้ว!”“มีความสามารถเช่นนี้ ไยไม่ไปเป็นตัวนางแสดงบทนางเอกเสีย? เกรงว่าสตรีในโรงงิ้วอำมหิตต่ำทรามสู้ท่านไม่ได้!”หรงจือจือหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำเพื่อสกุลฉีตลอดสามปี อย่าว่าแต่ให้คนนอกประทับใจเลย บางครั้งนางก็นับถือตัวเองที่ทุ่มเทได้ขนาดนั้นเช่นกันสุดท้ายกลับได้มาเพียงคำพูดนี้ของฉีจื่อเสียนท่านเจียงก็ไม่อยากสอนเขาอยู่แล้ว แต่นางไม่ยินยอม ช้าเร็วต้องขับออกจากสำนักอยู่ดีบัดนี้นางแค่รู้สึกโชคดีที่เป็นศัตรูของครอบครัวพวกเขาแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะกล่าวถ้อยคำอันใด นางก็ไม่สะทกสะท้าน มิเช่นนั้นเกรงว่าวันนี้ต้องกระอักเลือดเพราะฉีจื่อเสียนแล้วยามนี้นางจ้องฉีจื่อเสียน แสร้งทำเป็นพูดอย่างผิดหวัง “น้องเสียน เจ้าอย่าได้พูดจาให้ร้ายข้าอีกเลย ต่อให้เจ้าไม่คำนึงถึงชื่อเสียงข้า แต่ก็ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของตัวเองนะ!”ฉีจื่อเสียนเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “ชื่อเสียง? ตอนนี้ข้าถูกท่านทำร้ายถึงขั้นนี้แล้ว ท่านไม่ให้คำอธิบายอะไรสักอย่าง ปากกลั

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 105

    “เมื่อครู่เจาซีทำลับ ๆ ล่อ ๆ ออกไป พอกลับถึงเรือนหลังของฮูหยินซื่อจื่อก็รีบเอาจดหมายพวกนี้ออกมาเพื่อจะเผา!”“ดีที่บ่าวตาเร็วมือไวแย่งมาได้ก่อน บ่าวจะเอามาให้ท่าน เจาซียังตามมาตลอดทาง คิดจะแย่งกลับไปอีกแน่ะเจ้าค่ะ!”นางถานรีบถาม “ในจดหมายเขียนว่าอย่างไรบ้าง?”ฉีจื่อเสียนมองจดหมายฉบับนั้นแวบหนึ่งก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “นี่คือจดหมายที่สำนักบัณฑิตเราใช้เฉพาะ คือจดหมายที่ท่านเจียงเขียนถึงพี่สะใภ้! วันนี้ท่านรีบร้อนส่งคนไปเผาทำลาย ในใจคิดอันใดอยู่กันแน่?”นางถานอดมองไปทางหรงจือจือไม่ได้ พร้อมเอ่ยด้วยโทสะ “นางหรงเจ้าทำดีนี่! ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะซ่อนแผนเอาไว้จริง ๆ หากไม่ใช่เพราะข้ารอบคอบ ให้หลี่หมัวมัวตามคนของเจ้าไป ก็ไม่รู้ว่าครอบครัวข้าต้องถูกเจ้าปั่นหัวจนเป็นอย่างไรแล้ว!”หรงจือจือแสร้งพูดหน้าจริงจัง “ท่านแม่ ถือเสียว่าข้าผิดก็แล้วกัน เผาจดหมายนี้เสียเถิด อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย ท่านจะให้เหล่าฮูหยินเห็นจดหมายไม่ได้เป็นอันขาดนะเจ้าคะ!”นางถานอยู่กับหรงจือจือมาสามปี เคยเห็นอากัปกิริยาสีหน้าซีดขาวเช่นนี้ของนางเสียที่ไหน? เห็นชัดว่ามีชนักติดหลัง!แล้วพอเห็นสีหน้าร้อนรนของเจาซีอีก มันคื

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 106

    นางถานไม่ตะขิดตะขวงใจสักนิด ยังคงพูดพล่ามไม่หยุด “ท่านเจียงไม่สามารถรั้งตัวผู้มีความสามารถเช่นลูกชายข้าเอาไว้ข้างตัวได้ ต้องรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแน่!”“แต่ท่านเจียงจะทำอันใดได้? จะแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่ไม่ทดแทนบุญคุณแทนลูกชายข้าก็ไม่ได้กระมัง? ส่วนลูกชายข้าก็หลงกลนางหรงนางแพศยาแล้ว!”หรงจือจืออยากจะพูดแต่ก็หยุด ซับน้ำตาตรงหางตาที่ไม่เคยปรากฏ “เฮ้อ ท่านแม่ ท่านทำร้ายน้องเสียนแล้วจริง ๆ...”นางถานพูดด้วยความกรุ่นโกรธ “เจ้ายังจะเพ้อเจ้อยุแยงอันใดอีก?!”ทว่าตอนนี้เองฮูหยินฉินกั๋วกงอดพูดขึ้นไม่ได้ “ฮูหยินโหว หรือว่าท่านก็อ่านจดหมายฉบับนี้เองก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ?”เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของฮูหยินฉินกั๋วกงกอปรกับบรรดาฮูหยิน สตรีสูงศักดิ์ที่ราวกับอยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้อื่น หลังจากสลับจดหมายกันอย่างรวดเร็วแล้ว ก็เผยสีหน้าที่มีถ้อยคำพันหมื่นในใจกลับไม่รู้จะกล่าวออกมาจากปากอย่างไรนางถานเริ่มสงสัย “นี่พวกท่าน...”กลับเป็นกู้เจียนเจียนที่อดรนทนไม่ไหวจริง ๆ อ่านจดหมายในมือของตัวเอง [นางหนูสกุลหรง เห็นตัวอักษรประหนึ่งเห็นหน้า ก่อนหน้านี้ข้าพูดแล้วหลายครั้ง ฉีจื่อเสียนผู้นั้นมิใช่ผู้เห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 107

    “ลูกสะใภ้ยังอยากถามท่านอีกแน่ะ ท่านมีความแค้นอันใดกับน้องเสียนหรือไม่ ลูกสะใภ้ก็บอกแล้ว ถือเสียว่าเป็นความผิดของข้า บอกให้ท่านอย่าได้ทำร้ายน้องเสียนเป็นอันขาด แต่ท่านก็ยังดื้อดึงจะทำ!”ถ้อยคำเหล่านี้ย้ำเตือนนางถาน เป็นนางที่ต้องการให้ประจานกับทุกคนจริง ๆบรรดาฮูหยินเริ่มกระซิบกระซาบ มองหรงจือจือด้วยสายตาเห็นใจมากขึ้นหากหรงจือจือเป็นคนนำจดหมายออกมา พวกนางย่อมสงสัยว่าหรงจือจือหมายทำลายชื่อเสียงของน้องชายสามี มิใช่คนดีอันใด แต่นางหรงกลับห้ามถึงที่สุดแล้ว เป็นนางถานที่จะประกาศต่อสาธารณะให้ได้!นางหรงมิใช่ศรีภรรยาแล้วคืออันใด? นางถานมิใช่สตรีโง่งมแล้วคืออันใดอีก?หรงจือจือพูดทั้งน้ำตาคลอ “ข้าวางแผนเพื่อน้องเสียนทุกเรื่อง น้องเสียนยังเด็ก เข้าใจข้าผิดก็ช่างเถิด ข้าไม่โทษเขา แต่ท่านแม่ก็เข้าใจข้าผิดด้วย ทั้งยังไม่ยอมฟังคำเตือนของข้า เรื่องที่ทำลายชื่อเสียงของน้องเสียนเช่นนี้ เหตุใดท่านไม่ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วค่อยทำ ลูกสงสารน้องเสียนจริง ๆ”หรงจือจือกล่าวจบ ฉีจื่อเสียนก็มองหน้านางถานด้วยสายตาเคียดแค้นนั่นสิ!ทั้งที่ท่านแม่สามารถให้หลี่หมัวมัวอ่านก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเปิดเผยห

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 108

    นางถานมองดูเลือดในมือของตัวเองด้วยความตกใจ จากนั้นก็ตาลาย“ฮูหยิน!” หลี่หมัวมัวรีบไปประคองนางถานด้วยความตกใจ แล้วตวาดใส่บ่าวไพร่ด้านข้าง “เจ้ายังยืนบื้อทำอันใด? รีบไปตามหมอประจำจวนสิ!”สตรีผู้สูงศักดิ์ที่ยังเดินไปได้ไม่ไกลหันกลับมาเห็นก็ตกใจเหมือนกันทีแรกพวกนางนึกว่านี่ก็วุ่นวายพอแล้วไม่นึกว่าฉีอวี่เยียนที่เงียบมานานจะหยิบกาน้ำชาด้านข้างขว้างใส่ฉีจื่อเสียนอีก!“เพล้ง!” เสียงหนึ่ง ฉีจื่อเสียนหน้าผากแตกแล้วฉีจื่อเสียนมีโทสะเป็นทุนเดิม ซ้ำยังถูกขว้างของใส่จนเลือดตกยางออก จึงพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “ฉีอวี่เยียน ท่านอยากตายแล้วใช่ไหม!”ฉีอวี่เยียนอดกลั้นไม่ไหว เดินปรี่ไปลงไม้ลงมือกับฉีจื่อเสียน “เจ้าสิอยากตาย! เป็นเพราะเจ้าทั้งนั้น! เจ้าจะมาเวลาไหนก็ไม่มา ต้องมาก่อเรื่องเอาเวลานี้! ชาติที่แล้วข้าติดค้างเจ้าหรือ?”สองพี่น้องเริ่มวิวาทกัน ไม่นานฉีอวี่เยียนก็หน้าฟกช้ำดำเขียว หน้าผากของฉีจื่อเสียนแตกแล้วยังไม่ว่า ใบหน้ายังมีรอยข่วนกระจายอยู่ทั่วอีกทีแรกนางถานถูกประคองลุกขึ้นมาแล้วยังคิดจะวางมาดมารดาสั่งสอนฉีจื่อเสียนบุตรอกตัญญูหนึ่งคำรบกลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาสองพี่น้องจะทะเลาะกันจนเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 109

    “ได้เปิดโลกแล้ว” เหล่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทยอยอำลากับหรงจือจือฮูหยินหนิงกั๋วกงเดินถึงหน้าประตูก็มองหรงจือจือพลางพูดว่า “นางหรง วันนี้ข้ามาเพราะเจ้า เห็นว่าคนที่มาส่งเทียบเชิญคือคนของเจ้าจึงมาชมสักหน่อย”“แต่บัดนี้ดูแล้ว จวนโหวแห่งนี้ออกหน้าไม่ได้จริง ๆ! ตามหลักข้าไม่ควรถามเรื่องในครอบครัวคนอื่นให้มาก แต่อดใจไม่ไหวอยากเตือนเจ้าสักคำ ไม่ว่าเจ้าจะวางแผนเพื่อคนอื่นมากเท่าไรก็ไม่ได้ความรู้สึกขอบคุณสักนิด”“ต่อไปเจ้าวางแผนเพื่อตัวเองให้มากสักหน่อยเถิด!”หรงจือจือรู้ดี ฮูหยินหนิงกั๋วกงหวังดีต่อนาง จึงตอบอย่างเป็นมิตร “ขอบคุณฮูหยินที่ชี้แนะ จือจือได้รับการสั่งสอนแล้วเจ้าค่ะ!”ฮูหยินหนิงกั๋วกงถอนหายใจทีหนึ่งก็จากไปด้วยการประคองของหญิงรับใช้สูงวัย นางรู้สึกเสียดายที่หรงจือจือออกเรือนมายังครอบครัวเช่นนี้นักบุรุษตกหลุมรักถอนตัวได้ สตรีตกหลุมรักถอนตัวไม่ได้!เด็กน่ารักดีเลิศเช่นนี้ ทั้งชีวิตจะต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของคนสกุลฉีแล้วจริง ๆนางอวี๋กับกู้เจียนเจียนกลับเป็นคนสุดท้ายหรงจือจือเลี่ยงคนจากจวนสกุลหรง หลังจากเดินส่งพวกนางสองสามก้าวแล้วก็กล่าวกับนางอวี๋ว่า “ระยะนี้สุขภาพของฮูหยินดีขึ้นบ้

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 110

    บางครั้งหรงจือจือก็นับถือนางถานมาก นี่มันเวลาใดแล้วยังจะนึกถึงเงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงสำหรับงานเลี้ยงชมดอกไม้อีก!เกรงว่ามุดเข้ารูเงินแล้วคงไม่ออกมาแล้วนางถางยังเอ่ยต่อ “เจ้าอย่าคิดจะเอาสินเดิมร้อยหาบของอวี่เยียนมาพูด ให้เจ้าออกเงินทีไร เป็นต้องเอาเรื่องนี้มาทำให้ข้าอารมณ์เสียทุกที!”“ค่าใช้จ่ายในวันนี้ เจ้าจะจ่ายก็จ่าย ไม่จ่ายก็ต้องจ่าย ถ้าเจ้าไม่มีจริง ๆ ก็กลับไปขอจากบ้านมารดาเจ้า! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจวนมหาราชครูจะให้เงินหนึ่งพันกว่าตำลึงไม่ได้!”แม้หรงจือจือจะรู้มานานว่านางถานหน้าด้าน แต่เวลานี้ก็ยังประหลาดใจผู้ใดก็ตามที่รักในศักดิ์ศรีจะรู้ว่าการใช้สินเดิมของลูกสะใภ้เป็นเรื่องน่าอายนางถานนอกจากจะหมายตาสินเดิมของนาง ยังจะให้นางมอบสินเดิม กลับไปขอเงินจากบ้านมารดา เรื่องไร้อายยางเช่นนี้ ทั่วเมืองหลวงคงมีสตรีสูงศักดิ์ตระกูลใหญ่ไม่กี่แห่งที่กล่าวออกมาได้หรงจือจือตอบราบเรียบ “ท่านแม่ เรื่องในวันนี้คือความผิดของผู้ใดกันแน่ คนที่ฉลาดสักหน่อยล้วนมองออก หากท่านจะให้ลูกสะใภ้รับผิดชอบ เช่นนั้นต่อให้ตายลูกสะใภ้ก็ไม่รับ!”นางถานพูดเสียงแข็ง “เจ้าจะรับหรือไม่ก็คือความผิดของเจ้า!”เพิ่ง

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 111

    ฉีจื่อเสียนกล่าวอย่างเห็นต่าง “ท่านคือผู้หญิงคนหนึ่ง เหตุใดเอาแต่พูดเรื่องอยากจะแต่งงานให้เร็ว ๆ อย่างไร้ยางอายเช่นนี้? ก็แค่การแต่งงาน วันนี้เจรจาไม่สำเร็จ พรุ่งนี้ค่อยเจรจามิได้หรือ? มีอันใดต้องโวยวายกัน?”เมื่อเขากล่าวจบ ซิ่นหยางโหวก็ฟาดฝ่ามือไปอย่างจัง ตบเขาจนล้มลงกับพื้น “เจ้ามันสารเลว! บุกเข้ามาในงานของแขกเหรื่อสตรี ลงมือกับมารดาเจ้าต่อหน้าทุกคน ทำลายการแต่งงานของพี่สาวเจ้า แล้วเจ้ายังกล้าพูดออกมาหน้าด้าน ๆ อีก!”ฉีจื่อเสียนหน้าบวมทันทีหรงจือจือได้ยินคำพูดของซิ่นหยางโหวแล้วก็อยากหัวเราะ ฉีจื่อเสียนมีความผิดแค่นี้หรือ? เขายังลบหลู่ด่าทอพี่สะใภ้อย่างนางต่อหน้าผู้คน ใช้คำศัพท์ที่ต่ำตมที่สุดแต่ตอนซิ่นหยางโหวสั่งสอนฉีจื่อเสียนกลับไม่เอ่ยถึงสักคำไม่ใช่อื่นใด เพราะซิ่นหยางโหวไม่สนใจว่านางที่เป็นลูกสะใภ้คนนี้จะถูกลบหลู่อย่างไรก็เท่านั้นแต่...ตอนนี้นางไม่ต้องการความสนใจจากซิ่นหยางโหว ในสายตาของนาง ซิ่นหยางโหวก็เป็นแค่เครื่องมือที่จะสร้างจุดจบไม่ดีเท่านั้นนางถานเห็นบุตรชายถูกตบก็สงสารจับใจ แต่นึกถึงหน้าผากของตัวเองที่กว่าจะห้ามเลือดได้ ก็ข่มความสงสารนี้อย่างยากลำบากฉีอวี่เยีย

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 326

    ทว่าฮูหยินหลี่กลับไม่รู้วิธีปฏิบัติและกฎของสกุลดังในเมืองหลวงเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังคิดว่าตนจัดงานเลี้ยงได้ดีอย่างยิ่งอีกฉีกยิ้มพร้อมกล่าวกับหรงเจียวเจียวว่า “ข้ายังต้องออกไปรับแขก พวกเจ้าเข้าไปเล่นกันก่อน พวกฮูหยิน พวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ จากแต่ละจวนรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไปสนุกกันเองเถอะ”ส่วนพวกผู้ใหญ่ พวกบัณฑิต ย่อมอ่านกวีแต่งบทกลอน พูดคุยเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองอยู่อีกที่หนึ่งอยู่แล้ว ไม่มีทางอยู่รวมกับพวกเด็ก ๆ เหล่านี้งานเลี้ยงเขียนกวีของแคว้นต้าฉี แต่ไหนแต่ไรมาก็จัดเช่นนี้หรงเจียวเจียวฉีกยิ้มหวานพลางตอบกลับ “ท่านป้าไปเถิด พวกข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”ฮูหยินหลี่เรียกหลี่เซียงเหยาบุตรสาวของตนมา “เหยาเหยา เจ้าอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงสามของเจ้าให้ดี อย่าให้คนมาล่วงเกิน จำขึ้นใจหรือยัง?”หลี่เซียงเหยามองหรงจือจือทีหนึ่ง ในตอนนี้ถึงกล่าวว่า “จำเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”ครั้นสิ้นเสียง ก็เดินฉีกยิ้มไปกอดแขนของหรงเจียวเจียว ทำทีท่าสนิทกันเป็นอย่างมากตอนหลี่เซียงเหยายังไม่มาเมืองหลวง ก็ได้ยินว่าพี่หญิงใหญ่ของตนโดดเด่นอย่างไร ในใจของนางโหยหาเป็นอย่างมากแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อตนมา

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 325

    เหวินหมัวมัว “นี่...เจ้าค่ะ! บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”นางหวังยังรีบไปกำชับข้างหูนางอีกว่า “ถ้าไม่สะดวกจะเรียกกลับมา ก็อย่าให้พวกนางพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไปเป็นอันขาด”เหวินหมัวมัว “เจ้าค่ะ”นางลุกลี้ลุกลนออกไปจากจวน นางหวังร้อนใจกระวนกระวายดั่งด้ายพันกัน หากไม่ใช่เพราะนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังไว้ทุกข์อยู่ ไม่สะดวกจะไปงานเลี้ยงเขียนกวี นางแทบอยากจะรุดหน้าไปด้วยตัวเองแล้ว...ในขณะนี้ จวนสกุลหลี่จวนสกุลหลี่แม้จะเป็นจวนที่ซื้อมาใหม่ ทว่าในหลายวันนี้ก็ซ่อมแซมอย่างดีไปยกหนึ่ง ฮูหยินหลี่เสียแรงตกแต่งไปอย่างมากครั้นเห็นพวกเด็ก ๆ จากสกุลหรงมาถึงท่านลุง ท่านป้าสะใภ้สกุลหลี่ ก็ฉีกยิ้มออกมารับหน้า “ท่านพี่มีใจแล้วจริง ๆ ถึงให้พวกเจ้ามา นับเป็นเกียรติกับเราจริง ๆ”หรงจือจือในฐานะพี่สาวคนโต ย่อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เป็นสิ่งสมควรเจ้าค่ะ งานเลี้ยงเขียนกวีของจวนท่านป้าสะใภ้ ก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้ว”ฮูหยินหลี่มองนางทีหนึ่ง ทว่าในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อยหากไม่ใช่เพราะนางหวังส่งจดหมายมา บอกให้นางให้ความร่วมมือพูดฉีกหน้าหรงจือจือสักครา ทำให้ต่อไปนางไม่กล้าทำตัวบ้าคลั่งต่อหน้า

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 324

    “ครั้งนี้เจ้าจะได้พูดกับนางให้เข้าใจด้วยพอดี ให้นางพิจารณาตัวเองเสีย เหตุใดเป็นลูกสาวของข้าเช่นกัน พี่สาวนางแต่งงานครั้งที่สองแล้ว อัครมหาเสนาบดีเฉินมาสู่ขอแล้ว แต่นางกลับยังทำให้ข้าไม่รู้จะเอาหน้าเหี่ยว ๆ ไปซุกไว้ที่ไหน!”ครั้นนางหวังได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกเพียงราวกับบนหน้าตนถูกคนฟาดสองฉาด เจ็บปวดแสบปวดร้อนไปหมดสิ่งเดียวที่เจียวเจียวกับจือจือแตกต่างกัน ก็คือคนหนึ่งตนอบรมสั่งสอนมาเองกับมือ ส่วนอีกคนฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนอบรมสั่งสอนมานี่ไม่เท่ากับกำลังว่าตนสั่งสอนลูกสาวได้ไม่ดีเท่ายายแก่ที่ตายไปแล้วนั่นหรอกหรือ?มหาราชครูหรงพูดจบ ก็ยังกล่าวต่อทั้งสายตาเคร่งขรึมว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะแต่งงานกับท่านเสนาบดี สินเดิมจะน้อยไม่ได้ ไม่รวมกับสินติดตัวเจ้าสาวที่ท่านแม่ให้จือจือในก่อนหน้านี้ เจ้าก็เตรียมเพิ่มให้นางอีกหน่อยแล้วกัน”นางหวังเดือดดาลจนเสียงหาย “ท่านพี่! การแต่งงานดี ๆ ของเจียวเจียวถูกจือจือแย่งไป ท่านยังให้ข้าเตรียมสินเดิมให้จือจือเพิ่มอีก ท่านอยากบีบเจียวเจียวให้ตายหรืออย่างไร?”มหาราชครูหรง “พอได้แล้ว! พูดจาเพ้อเจ้อแย่งงานแต่งอะไรกัน เจ้าอย่าได้พูดอีกเชียวนะ ลูกสาวท

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 323

    เห็นนางหวังดีอกดีใจ และพูดจามั่นอกมั่นใจเช่นนี้คำพูดที่มหาราชครูหรงอยากจะกล่าว แทบจะติดอยู่ที่คอหอยพูดไม่ออกนางหวังยังพูดเป็นต่อยหอย “ท่านพี่ ข้าว่า เราต้องให้สินเดิมเจียวเจียวเพิ่มอีกหน่อย จะให้น้อยกว่าจือจือไม่ได้ อย่างไรก็แต่งงานกับท่านเสนาบดี จะให้คนดูถูกได้อย่างไร...”มหาราชครูหรงอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ “พอได้แล้ว”นางหวังอึ้งไป ครั้นเห็นว่าสีหน้าของมหาราชครูหรงไม่ดีจริง ๆ ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่ มีอะไรหรือ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ในตอนนี้มหาราชครูหรงถึงตอบกลับว่า “จับคู่ผิดแล้ว! คนที่อัครมหาเสนาบดีเฉินอยากแต่งงานด้วย ไม่ใช่เจียวเจียว!”นางหวังฉงนไปเลย “ฮะ? ท่านพี่ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร ไม่ใช่เจียวเจียวแล้วจะเป็นผู้ใดได้? หรือว่าในใต้หล้านี้ยังมีสตรีที่ดีกว่าเจียวเจียวของเราอีกหรือ?”นางหวังยิ่งกล่าว ก็ยิ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็คลี่ยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ท่านพี่ ท่านพี่กำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่หรือไม่?”มหาราชครูหรงลูบหว่างคิ้วพลางตอบกลับ “ข้าไม่มีทางเอาเรื่องใหญ่เช่นนี้มาล้อเล่นเป็นอันขาด! คนที่ท่านเสนาบดีต้องการคือจือจือ ไม่

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 322

    เฉินเยี่ยนซูแทบจะเดือดดาลจนโพล่งขำ “เช่นนั้นท่านมหาราชครูเคยคิดหรือไม่ เป็นบุตรสาวของท่านเหมือนกันแท้ ๆ เหตุใดคนหนึ่งไร้เดียงสาใสซื่อได้ แต่อีกคนกลับไม่เข้มแข็งไม่ได้?”“ท่านหญิงก็เป็นเพียงแม่นางน้อยอายุยี่สิบปีผู้หนึ่ง ผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมายขนาดนี้ ลำบากมามากมายขนาดนี้ มหาราชครูยังคิดจะให้นางเข้มแข็งอย่างไร?”มหาราชครูหรงพูดไม่ออก ได้แต่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่องว่า “ที่จริงก็เป็นเพราะข้าหวังดีกับท่านเสนาบดี อย่างไรจือจือก็เคยผ่านการหย่ามาก่อน สู้สตรีบริสุทธิ์อย่างเจียวเจียวได้เสียที่ไหน? นี่ถึงได้...”เฉินเยี่ยนซูพูดแทรกขึ้นมา “ท่านมหาราชครู นายหญิงผู้เฒ่าหรงให้ท่านดูแลท่านหญิงให้ดี ข้าคิดว่าที่เรียกว่าดูแล นอกจากเป็นห่วงในด้านการใช้ชีวิตแล้ว ก็น่าจะมีเรื่องการเคารพในด้านตัวตนด้วย”“ในในของท่านดูถูกท่านหญิงแล้ว คิดว่านางสู้คุณหนูสามของจวนท่านไม่ได้ หรือว่านี่ไม่ใช่ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับนาง?”“นางก็แค่แต่งงานผิดคน ไม่ได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวงอะไร ตามที่ข้ารู้ การแต่งงานในตอนแรกนั้นนางไม่ได้เป็นคนเลือกด้วยตัวเอง”“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่นางเป็นเหยื่อ และยิ่งเป็นค

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 321

    เฉินเยี่ยนซูราวกับเดือดดาลจนขำ เขาวางจอกชาในมือลง “เยี่ยมจริง ๆ มหาราชครูหรงยกบุตรสาวให้หมั้นหมายกับข้า แล้วก็คิดจะให้นางแต่งงานกับคนอื่นอีกด้วย”“ที่ข้ามาเพราะอยากขอคำอธิบาย มหาราชครูไม่มีเจตนาจะขอโทษไม่พูดถึง แต่ยังจะยัดเยียดบุตรสาวให้ข้าอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้เราไปตัดสินกันต่อหน้าฝ่าบาทเถอะ!”ครั้นมหาราชครูหรงได้ยินเช่นนั้น ก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “จะเรียกว่ายัดเยียดบุตรสาวตามอำเภอใจได้อย่างไร? หรือว่าหากเปลี่ยนเจียวเจียว ท่านเสนาบดีก็ไม่พอใจอีก?”เฉินเยี่ยนซูมองเขาทีหนึ่ง “คนที่ข้าอยากแต่งงานด้วย มีเพียงท่านหญิงแห่งหนานหยางผู้เดียวเท่านั้น”มหาราชครูหรงเริ่มรู้สึกว่า ตนถูกคำของนางหวังหลอกเข้าแล้ว บางทีผู้ที่เฉินเยี่ยนซูต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ ล้วนเป็นสตรีที่เขาชื่นชม แต่มิใช่สตรีที่มุ่งแต่จะแต่งงานกับเขามหาราชครูหรงที่รู้สึกว่าตนคล้ายตัวตลก ฉีกยิ้มอย่างขมขื่นออกมาทีหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว”เฉินเยี่ยนซูเอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อเข้าใจแล้ว คิดว่าท่านพ่อตาก็คงจะไม่ถอนหมั้นใช่หรือไม่?”การเรียกท่านพ่อตานี้ แสดงถึงความเคารพออกมาอีกสองสามส่วน ทำให้ในใจของมหาราช

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 320

    เขาจงใจพูดไล่หลังหรงจือจือด้วยเสียงดังเพื่อให้นางได้ยินหรงเจียวเจียวหน้าแดงด้วยความเขินอายโดยพลัน นางกระทืบเท้าว่า “ท่านพี่!”แต่หรงจือจือราวกับไม่ได้ยินที่เขาพูด นางไม่แม้แต่จะหันมามองนี่ทำให้หรงซื่อเจ๋อโมโหหนักกว่าเดิม เขากัดฟันว่า “นางมีนิสัยแบบนี้ ไม่แปลกเลยที่สกุลฉีจะรังเกียจ! คงมีแต่ต้องแต่งงานไปอยู่ตระกูลเล็กๆ และพึ่งพาการปกป้องจากท่านพ่อไปจนตาย ข้ารู้สึกสงสารว่าที่พี่เขยในอนาคตด้วยซ้ำ!”แต่พูดถึงตรงนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ต้องสำลักคำพูดตัวเองนั่นเพราะนึกถึงเรื่องที่หรงจือจือบอกให้เขาแต่งงานไปอยู่สกุลฉีเมื่อคราก่อน หากนางได้ยินว่าเขาสงสารฉีจื่อฟู่ เกรงว่าคงพูดแบบนั้นให้ตัวเองสะอิดสะเอียนอีก เขารีบปิดปากเงียบหรงเจียวเจียว “พอแล้วๆ ท่านรีบขึ้นรถม้าเถิด! หากไปสาย ท่านพ่อคงตำหนิว่าพวกเราไม่รู้กฎเกณฑ์”หรงซื่อเจ๋อจำใจต้องขึ้นรถม้าเป็นเพราะแผลที่หลังเขายังไม่หายดีและกลัวว่าท่านพ่อจะโบยตีอีกรอบหรอกนะ มิเช่นนั้นเขาจะด่าหรงจือจือชุดใหญ่……รถม้าของพวกเขาเพิ่งจะออกจากสกุลหรงได้ไม่นานรถม้าของจวนราชเลขาธิการก็มาถึงหน้าจวนสกุลหรง มหาราชครูหรงทราบเรื่องแล้วยังคงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 319

    หรงจือจือสะกดกลั้นความโมโหในใจ ตอนนี้นางได้ลิ้มรสความรู้สึกที่มีเพียงคนตรงไปตรงมาแบบเจาซีที่จะมีได้!หากไม่ใช่เพราะยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ มันก็มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่นางอยากไปที่จวนราชเลขาธิการเดี๋ยวนี้ ไปบอกว่าตัวเองยินดีแต่งงานกับเฉินเยี่ยนซู หรงเจียวเจียวจะได้เลิกเห่าเสียทีนางยกยิ้มมุมปากมองหรงเจียวเจียว “ได้ เช่นนั้นข้าจะรอดูวันที่เจ้าได้แต่งเข้าจวนราชเลขาธิการ น้องสามต้องพยายามเข้าล่ะ อย่าได้พลาดเด็ดขาด”นางอยากรู้เหมือนกันว่าหรงเจียวเจียวจะมีสีหน้าเช่นไรเมื่อทราบเรื่องราวทั้งหมดหรงเจียวเจียวแค่นเสียงเบาและวางท่ามั่นอกมั่นใจ “เช่นนั้นเชิญพี่หญิงเบิกตาดูให้ดีได้เลย!”“ถึงเวลานั้นก็อย่าอิจฉาจนร้องไห้ล่ะ ข้าได้ยินว่าบุรุษที่ท่านพ่อหาให้ท่านเป็นแค่เสมียนกรมเล็กๆ นี่ต่างหากที่น่าขัน!”หรงจือจือพูดอย่างราบเรียบ “หวังว่าพรุ่งนี้ เจ้าจะยังยิ้มออกนะ”ฟังจากที่เฉินเยี่ยนซูพูด เขาจะมาคุยกับท่านพ่อให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ หลังจากผ่านพรุ่งนี้ไป หรงเจียวเจียวคงทำหน้าเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่ได้อีกหรงเจียวเจียวมีหรือจะรู้ว่าหรงจือจือคิดอะไรอยู่?นางพูดด้วยความดูถูก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้จะยิ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 318

    “แต่ราชเลขาธิการเฉินผู้นี้ เขาเป็นคนประเภทที่ข้ารู้สึกชื่นชมตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ข้ากลัวว่าหากแต่งงานกับเขาจริงๆ เมื่อได้ใช้เวลาร่วมกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ตัวข้าจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีต่อเขาได้”“ความจริงแล้วเขาเป็นตัวเลือกที่อันตรายสำหรับข้า”“หลังจากที่ท่านย่าจากไป ข้าก็ชอบคิดอยู่เสมอ หากข้าไม่สามารถปกป้องอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเอง ห้ามให้ผู้ใดมีโอกาสกรีดแทงหัวใจข้าเด็ดขาด ข้าไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไปกว่านี้”ในการพบกันเมื่อสี่ปีก่อน ความจริงแล้วหรงจือจือเคยตะลึงงันกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเฉินเยี่ยนซู หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันสองสามวัน บทสนทนาที่มีร่วมกับเขาก็ทำให้นางประทับใจเช่นกันแต่ตอนนั้นนางรู้ตัวว่าตัวเองมีการหมั้นหมาย ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดนอกเหนือจากนี้ทว่าบัดนี้นางเป็นอิสระแล้ว ส่วนเขาก็มีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน มีบางครั้งที่นางเผลอมองนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนวันนี้ก็มีอาการหน้าแดง จะไม่ให้เป็นกังวลได้อย่างไร?เคราะห์ดีที่เฉินเยี่ยนซูต้องการแต่งงานกับนางเพื่อให้ช่วยดูแลอาการป่วย ไม่ใช่เพราะพึงใจในตัวนาง มิเช่นนั้น นาง

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status