“เทย่าก็แค่...” เธอกำลังจะเถียงต่อทว่าเขาแทรกขึ้นเสียก่อน
“ผมจ่ายเงินคุณ คุณสิต้องเมคเลิฟให้ผมถึงจะถูก หรือว่าไม่เอา หืม” “เอาค่ะ เอาเงินแล้วเอาคุณด้วย” พูดจาตรงไปตรงมาเสียเหลือเกิน เขาคิด “คืนนี้ยกให้ แต่ห้ามขอมาก เพราะเราตกลงกันแล้ว” เขาบอกเสียงเรียบอีกครั้ง “เท่านี้ก็ปลื้มจะแย่ที่เทย่าเป็นคนที่คุณเลือก” เธอยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเขา และขบที่ติ่งหูเบาๆ ก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งคร่อมเขาบนสะโพกอีกครั้ง พลางมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาแพรวพราวใต้เงาสลัว แต่เขามองเห็นชัดเจนว่าเธอกำลังมีความต้องการ จากนั้นเธอก็ขยับตัวลงไปแทรกกายอยู่ระหว่างขาของเขาพลางเอื้อมมือลงไปลูบไล้กายแกร่งที่เพิ่งจะหลับไหลหวังจะกระตุ้นให้มันตื่นตัวอีกครั้ง คาเมรอนมองหญิงสาวด้วยแววตาวาวโรจน์และหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่มือเรียวสวยกำลังกอบกุมกายชายเอาไว้แน่น ก่อนจะขยับรูดขึ้นลงอย่างช้าๆ ดวงตาแสนเย้ายวนตวัดมองเขาอย่างมีชั้นเชิง เพื่อสังเกตอาการตอบรับ แต่เมื่อเห็นว่าเขายังนิ่งอยู่เธอจึงเร่งความเร็วเพิ่มมากขึ้น กระทั่งความปรารถนาที่เพิ่งหลับก็ตื่นตัวสู้มืออีกครั้ง คาเมรอนพยายามกัดฟันแน่นเพื่ออารมณ์เสียวซ่าน จนต้องขมวดคิ้วเป็นเลขแปด พร้อมกับผ่อนลมหายใจเข้าออกเบาๆ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวเมื่อมือสวยสุดช่ำชองรุกเร้าอย่างหนักจนต้องขยับสะโพกรับ แต่ก็ยังกัดฟันกรอดๆ กระทั่งหมดความอดทนจนเผลอครางออกมาเบาๆ “อืม อ่า เยี่ยม” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าแผ่วเบา ขณะที่มือเรียวสวยก็จับกายแกร่งขยับขึ้นลงระรัวเร่ง จากนั้นเธอจึงก้มใบหน้าลงอย่างช้าๆ สายตาตวัดช้อนมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาซึ่งกำลังลุกโชนพอๆ กัน “ฉันจะทำให้สุดความสามารถ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงยั่วยวนที่สุดทว่าเขากลับหัวเราะในลำคอเบาๆ “หึๆ งั้นก็จัดการซะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พลางเอื้อมมือไปกดศีรษะเธอ ลงชิดกับสะโพก จากนั้นริมฝีปากเอิบอิ่มจึงได้เผยอ้าครอบครองกายชายที่ขึงขัง อลังการเสียจนเต็มล้น แล้วขยับริมฝีปากรูดเข้าออกช้าๆ “อ่า... อืม” เขาครางออกมาอย่างสุดจะกลั้นพลางกัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ “อืม” เธอครางงึมงำในคำคอด้วยความพอใจเช่นกัน พร้อมกับการครอบครองดูดดื่มความเป็นชายชาตรีของคาเมรอนที่สาวๆ หลายคนก็อยากจะครอบครอง เสียงดูดดื่มเร่าร้อนระเร่งรัวเข้าออกมาอย่างรวดเร็ว ศีรษะของเธอขยับขึ้นลงราวกับไม่เหน็ดเหนื่อยพร้อมกับมือที่ช่วยจับเอาไว้ “อ่า เยี่ยม เทย่า คุณสุดยอด” เขาออกปากชมน้ำเสียงแหบพร่าแผ่วเบา แต่สะโพกกลับขยับยกขึ้นลงเป็นจังหวะพลางเอื้อมมือไปจับศีรษะเธอเอาไว้เพื่อควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ต้องการ “อืม เร่งอีกสิคนเก่ง” เขาสั่งอีกครั้งพร้อมกับหลับตาแต่พยายามกัดฟันเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เสียงครางเล็ดลอดออกมามากนัก และเมื่อร่างกายสุดจะทนเขาจึงดันเธอออกและรั้งให้ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่บนเตียง จากนั้นใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ๆ กระซิบแผ่วเบา สั่งให้เธอทำในสิ่งที่เขาปรารถนา “หันหลังมา” เมื่อได้รับคำสั่งใหม่เทย่าไม่รอช้า รีบขยับไปทางหัวเตียงก่อนจะโน้มตัวลงไปข้างหน้า ศีรษะแทบจะแนบลงไปกับหมอน ขณะที่เขาขยับมาอยู่ทางบั้นท้ายสวยๆ มือหนาเอื้อมไปจับสะโพกกลมกลึงแล้วขยับให้ยกขึ้น เสมอกับสะโพกของเขา “โอ้ว! รุนแรงจังค่ะ” ปากเธอบอกว่าเขารุนแรงทว่ากลับชอบเพราะมันเร่าร้อน และสนองด้วยการแอ่นสะโพกเพื่อให้เขาแทรกตัวเข้ามาหา “แล้วชอบแบบนี้หรือเปล่า หืม” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ทว่าผู้หญิงที่ช่ำชองเชิงรักแบบนี้ ได้ทุกท่วงท่าแบบไม่ต้องถามอยู่แล้ว “อืม ค่ะ เร็วสิคะคาเมล ได้โปรด” เธอหันหน้ามาบอกก่อนจะซบหน้าลงไปกับหมอน เขาไม่รอช้าแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอื้อมมือไปหยิบเอาถุงยางอนามัยที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอนออกมาสวมใส่อีกครั้ง เสร็จแล้วจึงรีบเบียดสะโพกเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะจับกายแกร่งกดแทรกผ่านทางสวาทแสนเร่าร้อนทางใหม่ “อ๊ะ! อืม อา!” เธอครางลั่นเมื่ออาวุธลับขนาดอลังการคับแน่นอยู่บริเวณบั้นท้ายสวยๆ และจมดิ่งลึกล้ำกระทั่งสุดทาง จนสะโพกแกร่งเบียดแน่นกับบั้นท้ายเต่งตึงก่อนจะขยับเข้าออกช้าๆ เพื่อทำให้เส้นทางดูง่าย เมื่อทุกอย่างโล่งสะโพกแกร่งจึงขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว “อ๊ะ! คาเมล อืม! อืม! โอ้ว!” เธอร้องครางอย่างไม่อายเมื่อกายแกร่งเสียดสีเข้าออกทางสวาทสายที่สองอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านทำให้เธอถึงกับเอื้อมมือลงไปปรนเปรอตัวเองด้วยการเค้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างก็ขยับลงไปบดเบียดเนินนุ่มเพื่อกระตุ้นความปรารถนาให้ลุกโชนรุนแรงมากขึ้น “อืม” ด้วยความเสียวซ่านสุดจะทน เขาครางออกมาเบาๆ ก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้เพื่อข่มอารมณ์และหลับตาพริ้มอย่างพอใจ “คุณเร่าร้อนเหลือเกิน คาเมล” เธอชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะที่บั้นท้ายถูกสะโพกแกร่งกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงจนแทบจะได้ยินเสียงเนื้อบดเบียดกระทบกัน “ใช่ ผมเร่าร้อนกว่าใคร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่แฝงไว้ด้วยความเฉยชา พร้อมกับเสียงข่มคำรามในลำคอเบาๆ “อืม เร็วอีกนิดสินะ” เธอเริ่มขอร้องให้เขาเร่งเร้า ทั้งที่ก็หนักหน่วงจะแย่อยู่แล้ว “คุณได้สมใจแน่ อืม! อา” พูดจบเขาก็ขยับสะโพกเข้าออกหนักๆ จนเรือนร่างสั่นไหว หน้าอกอวบขยับยวบไปมาอย่างไร้การควบคุม “โอ้ย! คาเมล อืม! อ่า... ฉัน... ไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอร้องลั่นเมื่อรู้ว่าร่างกายกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมที่จะกำเส้นขอบฟ้าเอาไว้อีกครั้ง “ไม่ไหวก็ต้องไหว เพราะผมยังไม่พอใจ” เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปกับความบ้าคลั่งเพราะอยากจะดื่มด่ำกับมันนานๆ “ไม่! อ๊ะ! อืม ไม่ไหว จะ... โอ้ว! คาเมล” ยิ่งเขากระแทกกระทั้นสะโพกหนักหน่วงเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกรีดร้องครวญครางราวกับจะขาดใจหรือเจ็บปวด ทั้งที่มีคือความเสียวซ่านทั้งสิ้น “อืม” เมื่อกดกลั้นไม่ไหวเขาก็จึงครางออกมา เหมือนเสียงข่มคำรามพร้อมกับผ่อนลมหายใจเข้าออก จนกระทั่งได้ยินเสียงหอบกระชั้น ก่อนจะขยับสะโพกระรัวเร่งเพื่อพาตัวเองไปสู่จุดหมาย “อ๊ะ! คาเมล ใกล้ ใกล้ค่ะ อีกนิด”“โอ้ว อ่า...” เขาไม่ได้ฟังว่าเธอพูดอะไร แต่กลับขยับเร่งตัวเองอย่างรวดเร็ว ทว่าเทย่าก็กรีดร้องลั่นเมื่อกายแกร่งทะยานพาเธอมาถึงจุดหมาย สองมือกุมขยับทรวงอกตัวเองอย่างผ่อนคลายและล่องลอย ขณะที่คาเมรอนยังรุกเร้าโรมรันไม่ยอมหยุด จนกระทั่งเขากดสะโพกให้แนบแน่นกับบั้นท้ายกลมกลึง พร้อมกับกายแกร่งกระตุกหนักๆ และปลดปล่อยลาวาอุ่นๆ ไหลอยู่ภายในปราการณ์เช่นเดิม ร่างของเทย่าฟุบลงกับที่นอนและซบใบหน้าลงกับหมอน แต่เขาคุกเข่ามองร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับรอให้ตัวเองผ่อนคลายก่อนจะเอื้อมมือลูบไล้แผ่นหลังและสะโพกสวยเพื่อเมคเลิฟเบาๆ แต่ถ้าจะให้ลงไปคลอเคลียเขากลับไม่มีอารมณ์แบบนั้น“อืม คาเมล ฉันไม่เคยเจอใครที่เร่าร้อนเท่าคุณมาก่อน” หญิงสาวปากชมเปราะด้วยน้ำเสียงพร่าแผ่วเบาแต่นั่นมันบอกให้เขารู้ว่าเธอผ่านมานักต่อนัก“หึ ลืมไม่ลงเลยหรือเปล่า” คาเมรอนหัวเราะเบาๆ กับความหมายที่ว่าเร่าร้อนกว่าใครๆ ก่อนจะจัดการกับปราการณ์ที่ห่อหุ้มกายแกร่งเอาไว้แล้วโยนทิ้งถังขยะเช่นเดิม“ใครจะลืมคุณลง ฉันชอบคุณนะคะ” ชอบอย่างนั้นหรือ ชอบคืออะไร หรือว่าเธออยากจะจริงจ
“เอาน่าสู้ๆ อย่าลืมนะฝากอ่อยประธานบริษัทคนใหม่ให้เมย์ด้วย ฮ่าๆ” เมษายังเล่นมุขไม่เลิก ทั้งที่รู้ว่าเวียงพิงค์เป็นคนขี้อายพอสมควร“มันง่ายอย่างนั้นก็ดีสิ จะได้อ่อยเอาไว้เอง แต่หางตาเขาจะแลเราหรือเปล่า”“ฮั่นแน่แสดงว่าสนใจ อยากอ่อยเองใช่ไหมล่ะ ถ้าเขาโสดก็น่าสนใจนะ”“เลอะเทอะแล้วเมย์น่ะ เราเป็นใครเขาเป็นใคร คนระดับนั้นไม่มาคลุกคลี่กับพนักงานตัวเล็กๆ หรอกที่สำคัญผู้หญิงของเขา พิ้งค์ว่าต้องระดับดารานางแบบโน่น”“ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าตาบ้างเหรอ เตี้ยๆ อย่างนี้อาจจะตรงสเปค” เมษาแซวยิ้มๆ“ไม่จ้ะ เลิกคิดไปได้เลย เพ้อฝันมาก” เวียงพิงค์ปฏิเสธทันควัน“แหมอย่างน้อยคนเราก็มีสิทธิ์เพ้อฝันเพื่อความสุขของตัวเองเหมือนกันแหละน่า”“จ้า แม่คนเพ้อฝัน ตั้งใจขับรถไปเลย เดี๋ยวพิ้งค์จะไปทำงานสาย” เวียงพิงค์บอกและยิ้มบางๆ จากนั้นเมษาจึงได้ตั้งใจขับรถต่อไปจนกระทั่งถึงบริษัทอัญมณียักษ์ใหญ่ของเมืองไทย บริษัทดูใหญ่โต หรูหรา สูงหลายสิบชั้น ทางขึ้นคล้ายกับโรงแรมมี
อให้ความคิดเห็นกันอยู่ตลอดเกือบจะทุกเวลา ฉะนั้นทั้งสองฝ่ายอยู่ในชั้นเดียวกัน แบ่งโซนให้อยู่กันอย่างชัดเจน ซึ่งก็ไม่ต่างกับออฟฟิตทั่วไปสักเท่าไหร่ เมื่อการมาเยือนของรสสุคันธ์ พร้อมกับพนักงานคนใหม่ พนักงานคนอื่นๆ จึงพากันหันมามองเป็นตาเดียว และแน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าเวียงพิงค์เป็นใคร เพราะได้ไปร่วมงานประกวดพร้อมกันหมด เสียงซุบซิบนินทาจึงเกิดขึ้น แต่เป็นแง่ดี นั่นคือความสวยน่ารักของเวียงพิงค์นั่นเอง“สาวๆ ผู้จัดการทั้งสองอยู่ในห้องใช่ไหม” รสสุคนธ์เอ่ยถามกับพนักงานที่กำลังจับกลุ่มกันคุยงานพอดี“ผู้จัดการอยู่ในห้องค่ะ” พนักงานสาวคนหนึ่งตอบ“โอเคขอบใจจ้ะ ปะพิ้งค์ไปหาผู้จัดการของพิ้งค์กัน” พูดจบรสสุคนธ์จึงเดินนำหน้าอีกครั้งกระทั่งถึงห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายออกแบบก่อน เพราะเวียงพิงค์ต้องเป็นดีไซเนอร์ฝ่ายนี้นั่นเองก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! รสสุคนธ์เคาะประตูอย่างมีมารยาทและรอกระทั่งได้รับอนุญาต“เชิญค่ะ” น้ำเสียงของผู้จัดการดูเหมือนผู้ชาย แต่คล้ายไปทางผู้หญิง คิดว่าคงเข้าใจไม่ผิดแน่ เวียงพิงค์หวาดหวั่นอยู่ไม่น้อ
“เหรอคะ พูดถึงท่าน แล้วท่านดุหรือเปล่าคะ ดูเหมือนที่พิ้งค์เห็นจากระยะไกลการ์ดท่านเยอะมาก”“ดุ แต่ก็ใจดีเหมือนกัน เพียงแต่ท่านไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่น่ะ ไม่ต้องคิดมาก ท่านไม่เรียกพนักงานพบหรอก เวลางานมีปัญหาหรือบกพร่องท่านเรียกหัวหน้านี่แหละไป”“ความน่ากลัวก็มาตกอยู่กับหัวหน้าใช่ไหมคะ”“ฮ่าๆ ไม่หรอกจ้ะ ไม่น่ากลัวขนาดนั้นเสียหน่อย เอาล่ะไปดูโต๊ะทำงานกัน” พิรัชหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ทำให้เวียงพิงค์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยทีเดียว“ได้ค่ะ” เมื่อเวียงพิงค์รับคำแล้วจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูให้พิรัชก่อน ตามลำดับหัวหน้ากับลูกน้อง แล้วเธอจึงออกไปทีหลัง พิรัชเดินนำมาถึงโต๊ะทำงานที่เป็นของเวียงพิงค์ ซึ่งโต๊ะทำงานของเธอก็มีฉากกั้นเช่นกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ มีโต๊ะทำงานโต๊ะเดียวเท่านั้น คิดว่าคงจัดไว้สำหรับดีไซเนอร์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ จากนั้นพิรัชจึงได้พาเวียงพิงค์ไปแนะนำตัวกับเพื่อนร่วมงานและฝ่ายการตลาดตามลำดับต
ขณะเดียวกันเมื่อเวียงพิงค์เรียนจบ ก็รับจ๊อบทำงานกลางคืนรอการสมัครงาน จากนั้นก็ทยอยส่งเงินไปให้มารดา ถึงจะไม่มากแต่เธอก็ส่งเงินกลับบ้านทุกเดือน นี่คือประวัติที่เวียงพิงค์กรอกเอาไว้ และเท่าที่คาเมรอนอ่านคร่าวๆ ก็รู้ว่าตอนเรียนหนังสือเวียงพิงค์ทำงานทุกอย่างที่สุจริต เพื่อให้ได้เงินส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ“ทำงานทุกอย่างเลยเหรอ” คาเมรอนเอ่ยลอยๆ พลางยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ราวกับมีแผนการอยู่ในใจ แน่นอนว่าผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินนั้นเขาชอบอยู่แล้ว หากมีโอกาสที่ได้ทำงานแลกเงิน ไม่ว่างานแบบไหนก็รับทำอยู่แล้วกระมัง แม้แต่งานอย่างว่า เขาคิดอย่างเหยียดหยัน รู้สึกไม่พอใจเมื่อคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าเวียงพิงค์ต้องเป็นผู้หญิงแบบนั้นแน่ๆ เหมือนแม่นางแบบที่เขาสอยมานอนกก“อีกไม่นานเราจะได้รู้จักกันเวียงพิงค์” เวลานี้สำหรับคาเมรอนแล้วเวียงพิงค์เป็นผู้หญิงที่เขาอยากจะใช้เวลาดูเธอให้นานกว่าคนอื่น เพราะความรู้สึกหลายๆ อย่างที่ตอบตัวเองไม่ได้ รู้เพียงแต่ว่าอยากจะได้เธอ แต่ไม่อยากแสดงตัวให้ไก่ตื่น เพราะอย่างนี้เองเขาถึงซุ่มเงียบอยู่เช่นนี้และ ได้แ
“ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยจ้ะ แต่ก็ไม่แน่ถ้ามีใครทำอะไรไม่เหมาะมากๆ เข้าท่านอาจจะเรียกเข้าพบเป็นการส่วนตัว”“งั้นพิ้งค์จะพยายามเป็นเด็กดีอยู่ในกฎระเบียบดีกว่าค่ะ ไม่งั้นแย่แน่เลย ฟังเท่านี้ยังน่ากลัว” เธออยากจะบอกเหลือเกินว่าท่านประธานอาจจะมีดีแค่ความหล่อ นอกนั้นไม่น่าเข้าใกล้เลย“ดีแล้วจ้ะ” อมิตาบอกยิ้มๆ อีกครั้ง แต่ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั่นๆ เสียงของผู้จัดการก็ดังขึ้น“อะแฮ่ม!” พิรัชกระแอมเพื่อให้สองสาวได้รู้ตัว และทันทีที่ได้ยินเสียงทั้งคู่ก็สะดุ้งพร้อมกับหยุดคุยกัน“อุ้ย! เอ่อพี่รัช มาเมื่อไหร่คะ ตาไม่เห็นได้ยินเลย” อมิตาแสร้งถามและยิ้มแห้งๆ เพราะกลัวความผิด“มาทันได้ยินเราสองคนกำลังนินทาเจ้านาย” พิรัชบอกเสียงปกติแต่แกล้งทำตาขึงขัง“พิ้งค์ขอโทษค่ะ พอดีพิ้งค์กำลังสอบถามเรื่องงานก็เลย...”“ก็เลยถามยาวถึงคนให้งานด้วย พี่ไม่ว่าหรอกนะ เพราะได้ยินที่พิ้งค์ถาม รู้
“อุ้ย! ไม่เอาหรอก เดี๋ยวพิ้งค์จัดการเองนั่นแหละ ไม่ต้องยุ่งเลย รออยู่ตรงนี้จะไปใส่ออกมาให้ดู” พูดจบเวียงพิงค์ก็รับชุดและรองเท้าจากเมษาทันทีก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลองชุด เมษาได้แต่ยิ้มตามอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะถ้าไม่ขู่ว่าจะจ่ายให้ไม่มีทางรับแน่ๆเวียงพิงค์เข้าไปในห้องลองชุดเพียงห้านาทีเท่านั้นเธอก็เปิดประตูออกมา พร้อมกับชุดใหม่สีชมพูเกาะอก สั้นเหนือหัวเข่าจริงๆ ส่วนรองเท้าก็เข้ากับชุดและเท้าขาวๆ เลือกเก่งไม่เบาเลย เมษาคิดชมตัวเอง ขณะที่มองเพื่อนรักแบบทึ่งๆ และอึ้งในความสวยน่ารัก“พิ้งค์ใส่มันโอเคไหมอ่ะเมย์” เวียงพิงค์ถามด้วยความไม่มั่นใจ“มันโอเคมากพิ้งค์ โอเคกว่าชุดก่อน ที่เมย์ให้ยืมเสียอีก”“จริงเหรอ พิ้งค์ว่ามันโป๊ไหมอ่ะ กลัวเกาะอกจะหลุดด้วย”“ไม่โป๊เลยต่างหาก เรียบๆ แต่ดูดี ขับผิวมากๆ คอว่างๆ โล่งๆ เอาไว้ใส่เครื่องประดับ เอาชุดนี้แหละ ไปถอดแล้วจ่ายเงินเลย” ดูเหมือนว่าเมษาจะเป็นคนจัดแจงทุกอย่างให้เวียงพิงค์ แม้จะไม่อยากรับก็ต้องรับเพราะมันคือความหวังดี หากไม่มีเมษา เวียงพิงค์ก็ไม่รู
แต่ถึงแม้ว่าจะทำห้องให้ดูอบอุ่นน่าอยู่เพียงใด ความเหงาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องอยู่ดี ทั้งเหงาและคิดถึงบ้าน คิดถึงมารดาและน้าสาวที่อยู่ด้วยกันสองคน เธอเองก็กลับบ้านปีละครั้ง ทว่าตั้งแต่เรียนจบยังไม่มีโอกาสได้กลับ นอกจากโทรศัพท์ไปแจ้งข่าวดีเรื่องที่เธอประกวดชนะเลิศพร้อมเงินรางวัล จากนั้นจึงได้ส่งเงินไปให้ เท่านี้มันก็ทำให้เธอมีความสุขมากแล้วการทำงานก้าวแรกมันไม่ได้ทำให้เวียงพิงค์หนักใจ เท่ากับตอนนี้ที่กำลังจะเตรียมตัว เพื่องานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เป็นอีกครั้งที่จะต้องขึ้นพรีเซนต์ผลงานด้วยตัวเองโดยไม่ใช้พิธีกร เธอไม่ได้กลัวต่อการทำงานอยู่แล้ว แต่กลัวอย่างอื่น คือการได้เห็นหน้าผู้ชายในฝัน ที่เธอแอบเก็บซ่อนชายหนุ่มเอาไว้ในหัวใจตลอดระยะเวลาที่ทำงาน“ทำไมต้องตื่นเต้น เขาไม่ได้สนใจเราเสียหน่อย” เธอว่าให้ตัวเองอย่างหงุดหงิดใจก่อนจะเหลือบมองชุดราตรีที่ซื้อมาพร้อมกับรองเท้า แล้วจึงลุกขึ้นไปหยิบชุดราตรีแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้า“แปลงร่างเป็นนางซินอย่างนั้นเหรอ เจ้าชายที่ไหนจะสนใจ ยัยเตี้ย” เธอว่าให้ตัวเองพล