“เอ้อ...แม่คะ...หนูกำลังจะเก็บไว้แล้วล่ะค่ะ...เอ้อ...” น้ำเสียงหวานปนแหบเมื่อเงยหน้าขึ้น
“ถึงป่านนี้แล้วลูกยังไม่ลืมเขาอีกหรือ ยะหยา”
คำถามของมารดาทำให้มษยาที่พูดอึกอักชะงักกึก เธอมองสิ่งที่มารดาเอาไปจากมือตัวเองพลางยิ้มจาง ๆ
“หนูแค่เอาของที่เขาเคยให้ออกมาดูก็เท่านั้นล่ะค่ะ”
“ลืมเขาได้แล้วล่ะ” ทิพย์ธารากล่าวพลางวางของสองสิ่งนั้นลงบนโต๊ะด้านบนลิ้นชักที่ชั้นล่างถูกเปิดค้างไว้ “ป่านนี้เขาคงเป็นเจ้าของกิจการและมีครอบครัวไปแล้ว ผู้ชายรวย ๆ ไม่เคยคอยใคร คนมีเงินเลือกที่จะทำอะไรก็ได้โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง”
“หนูทราบค่ะ”
เสียงตอบนั้นเบาหวิว มษยาพยายามเก็บกลั้นน้ำริ้นที่เริ่มซึมออกมารอบ ๆ ขอบตาเอาไว้ หลายครั้งที่นึกถึงแล้วเจ็บปวดหากหญิงสาวก็ต้องเก็บมันไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ยะหยา...”
หญิงวัยเกือบห้าสิบขานเรียกบุตรสาวเบา ๆ พลางเกลี่ยผมปอยผมที่เรี่ยลงมาบนใบหน้าสวยหวานของมษยา
“แม่อยากให้ลูกเข้าใจว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไร เราเป็นแค่คนธรรมดาในอเมริกาที่ต้องทำงานหาเงินมาประทังชีวิตแค่ได้มีกินและอยู่ภายใต้สวัสดิการของรัฐ เรามีชีวิตได้แค่นี้เท่านั้น แม่เข้าใจว่าลูกจะต้องมีความรักในวันหนึ่ง ลูกจะต้องมีครอบครัวแต่แม่อยากให้ลูกมองหาคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน คนที่สามารถปกป้องลูกได้แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ไกลเกินฝัน ความฝันของเราสวยงามเสมอ แต่...เมื่อลูกตื่นขึ้นมาทุกอย่างต้องอยู่กับความเป็นจริงเท่านั้น ความจริงที่ว่าเขาคงไม่ได้นึกถึงผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขา และถึงวันนี้ลูก...ก็ควรจะลืมผู้ชายคนนั้นไปได้แล้ว”
“หนูเข้าใจค่ะแม่”
มษยาหรุบตามองต่ำ เธอเป็นคนเช่นนี้ ว่าง่ายเสมอและไม่เคยบิดพลิ้วต่อคำสั่งสอนของมารดา เพราะสิ่งใดที่จะทำให้ทิพย์ธาราสบายใจได้เธอก็ไม่รีรอที่จะกระทำเพราะรู้ดีว่ามารดามีโรคประจำตัวและครอบครัวซึ่งมีเพียงแม่และลูกต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ส่วนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสวัสดิการของรัฐ
“แล้วนี่ลูกได้งานอะไรเหรอ แม่ยังไม่รู้เลย?” ทิพย์ธาราถามขึ้นในความเงียบ
“พนักงานบัญชีค่ะ”
“ของบริษัทอะไรเหรอ ใหญ่มากมั้ย?”
“นอร์ธเทิร์นซี อิงค์ค่ะแม่”
“นอร์ธเทิร์นซีอย่างนั้นเหรอ...อืม...เป็นบริษัทใหม่เหรอจ๊ะ”
“ค่ะแม่...เป็นบริษัทรับต่อเรือและมีระบบโลจิสติกที่ใหญ่มาก...เขาให้หนูไปเริ่มงานวันนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็แต่งตัวซะสิจ๊ะ มีชุดหรือยัง”
“มีแล้วค่ะแม่ เอ้อ...หนูยืมของเพื่อนมาน่ะค่ะเพราะยังไม่มีชุดสูทดี ๆ ใส่เลย แต่คิดว่าได้เงินเดือนแล้วค่อยซื้อสักชุดสองชุด”
“บริษัทใหญ่ ๆ น่าจะมีชุดฟอร์มให้พนักงานนะ บางทีลูกอาจไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ก็ได้”
“คิดว่าอย่างนั้นกระมังคะ”
“และบางที...ลูกอาจเจอคนดี ๆ หรือคนที่ถูกใจที่ทำงานใหม่ก็ได้นะ”
มษยาเงียบไปชั่วครู่ ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่คิดถึงใคร นอกจาก เขาคนนั้น หากแต่เธอกลับไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเรื่องนี้ให้ทิพย์ธารารับรู้ เธอยิ้มกับมารดา
“อาจจะ...ก็ได้ค่ะ...หนูไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็เดินออกไปจากห้องนั้น ทิพย์ธารามองตามก่อนหันกลับไปที่ตุ๊กตาบลายธ์กับรูปถ่ายใบเล็กซึ่งบุตรสาวลืมเก็บไว้ในลิ้นชัก เธอหยิบภาพถ่ายของเด็กหนุ่มใบน้าคมคายขึ้นมาดู น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงบนแก้มที่มีริ้วรอยและซีดหมอง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกอ่อนระริกเล็กน้อยขณะจ้องมองภาพในมือที่กำลังกดเกร็ง
“ยะหยา...แม่ขอโทษ แม่อาจจะทำให้ลูกผิดหวัง แต่แม่รู้ดี แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องพบกับความผิดหวังเหมือนอย่างที่แม่ต้องประสบมาแล้วในอดีต ถึงลูกของแม่จะไม่มีพ่อ แต่แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องกลายเป็นของเล่นของมหาเศรษฐีพวกนี้อย่างเด็ดขาด!”
บทที่ 2 ความหลังฝังใจ
มษยาเดินทางมาถึงนอร์ธเทิร์นซี อิงค์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทที่รับเธอเข้าทำงานก่อนเวลาที่ได้รับแจ้งทางจดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางอยู่ในชุดกระโปรงสีหวานสวมทับด้วยเสื้อสูทเพื่อให้ดูเรียบร้อยสะพายกระเป๋าพร้อมถือซองเอกสารก้าวเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ที่มีพนักงานเดินขวักไขว่ไปมา เธอรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ก้าวขึ้นรถแท็กซี่กระทั่งมาถึงและก้าวเข้ามาภายในตึกสูงกว่าแปดสิบชั้นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครนางฟ้า เธอเงยหน้าขึ้นมองการตกแต่งอย่างอลังการภายในตึกขนาดใหญ่และยังนึกดีใจที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในบริษัทใหญ่โตถึงขนาดนี้ ร่างบอบบางยืนหันซ้ายหันขวาสักครู่ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“เอ้อ...สวัสดีค่ะ”
มษยากล่าวทักพนักงานสาวสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ?”
“คือว่า...ฉันได้รับการติดต่อจากบริษัทให้มารายงานตัวเพื่อทำงานที่นี่วันนี้น่ะค่ะ”
“มีเอกสารมาด้วยหรือเปล่าคะ”
“นี่ค่ะ”
หญิงสาวยื่นซองเอกสารให้พนักงานสาวรับไปเปิดดูสักครู่ก่อนจะยื่นกลับมาให้พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นว่า
“เชิญที่แผนกบุคคล ชั้นที่สามสิบนะคะ...ลิฟท์อยู่ทางด้านนั้นนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวชาวไทยรับเอกสารเอาไว้ก่อนจะเดินไปอีกด้านเพื่อขึ้นลิฟท์ตามที่พนักงานประชาสัมพันธ์บอก มษยากุมสายสะพายกระเป๋าไว้แน่นและก้มลงมองซองเอกสารที่เธอกดมันไว้แนบอกกับความรู้สึกตื่นเต้นมากเกินบรรยาย แม้ตำแหน่งที่เธอได้เข้าทำงานที่นี่จะไม่ใหญ่โตอะไร เป็นเพียงพนักงานบัญชีเล็ก ๆ แต่การได้รับเลือกให้มาทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนี้ก็ทำให้หญิงสาวทั้งภูมิใจและตื่นเต้นไม่ใช่น้อย หญิงสาวยิ้มกับตัวเองก่อนจะเงยหน้าและต้องหยุดชะงักพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่คลี่ออกเป็นรอยยิ้มคลายลงจนเป็นราบเรียบเมื่อสายตาคู่นั้นเลื่อนไปหยุดที่ด้านหน้าของลิฟท์และเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่น มษยาหยุดนิ่งอยู่กับที่และจ้องมองร่างสูงใหญ่กว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรที่แม้ตอนนี้จะอยู่ในชุดสูทสีเทาควันบุหรี่คัตติ้งเนี๊ยบกริบซึ่งแตกต่างจากวันวานที่เธอเคยเห็น เขา หากทว่าแม้เพียงเสี้ยวหน้าอันคมคายหล่อเหลานั้นหญิงสาวก็ยังคงจดจำได้ดี “เคน...” เสียงเบาหวิวลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มสั่นระริกพร้อมจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วรัว และเมื่อเขาหันกลับมาหญิงสาวก็รีบหลบเข้าไปแอบที่ด้านหลังแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ มษยายืนช
“พบเป็นการส่วนตัว...บอสหมายถึงพนักงานใหม่ที่เป็นผู้หญิงเอเชียตัวเล็กเมื่อกี๊นี้นะเหรอคะ”“อืม...ใช่...ฉันดูจากโปรไฟล์ส่วนตัวของเธอก็ไม่เห็นมีอะไรเป็นพิเศษแถมยังเป็นตำแหน่งเล็ก ๆ ถ้าเป็นระดับผู้บริหารก็ว่าไปอย่าง ที่สำคัญท่านประธานก็พึ่งกลับมาจากการประชุมที่สวีเดนและพึ่งเข้ามาสำนักงานใหญ่วันนี้ ฉันแค่แปลกใจว่าเธอมีอะไรพิเศษถึงได้ทำให้ท่านประธานอยากพบ”“บอสก็รู้นะคะว่าท่านประธานน่ะเป็นคนที่ทำอะไรค่อนข้างจะเดายากสักหน่อย ท่านอาจอยากเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่างในที่ทำงานก็ได้นะคะ”“ฉันจะคิดในแง่บวกเหมือนเธอนะลิลลี่”ผู้ช่วยสาวยิ้มให้โดโรธีซึ่งยังนั่งจ้องมองเอกสารบนโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิดแม้จะยังรู้สึกตงิด ๆ กับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในที่ทำงานก็ตาม“เชิญด้านในเลยนะคะ มิสดารินทรา”พนักงานสาวสวยของบริษัทหันมาเอ่ยกับมษยาเมื่อพาหญิงสาวชาวไทยซึ่งมีฐานะเป็นพนักงานใหม่มาหยุดที่หน้าบานประตูห้องหนึ่งบนชั้นที่หกสิบของตึกนอร์ธเทิร์นซี งหญิงสาวชาวไทยยิ้มให้อย่างประหม่าก่อนผลักประตูห้องเข้าไปเบา ๆ และก้าวเข้าไปภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เธอถึงกับตกตะลึงในความโอ่โถงและอลังการของการตกแต่งสมกับเป็นห้องของท่านป
เขาไม่เคยลืมเลือนว่าเคยมีความสัมพันธ์งดงามกับหญิงสาววัยสิบแปดคนหนึ่งที่ฐานะแตกต่างจากเขาแม้มากเพียงใดหากก็ไม่ใช่อุปสรรคขวางกั้นความตั้งใจจริงที่เขาจะ รัก เธอได้ กระทั่งถึงวันที่เขาต้องเดินทางไปเรียนต่อแดนไกล เคนรู้สึกได้ถึงความห่างเหินระหว่างกันแม้เขาพยายามที่จะสานความสัมพันธ์นั้นไว้ให้ยืนยาวมากที่สุด เรียกได้ว่านั่นเป็นรักครั้งแรกและฝังใจสำหรับเขา เป็นความทรงจำปวดร้าวของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกคนรักหักหลังอย่างเลือดเย็น“คุณไปเรียนต่อเถอะนะคะเคน และคงไม่ต้องติดต่อกลับมาหาลูกสาวของฉันอีกแล้ว”“ทำไมล่ะครับ ผมแค่อยากพบญาญ่าอีกสักครั้ง”“เธอไม่อยากพบคุณอีกแล้วล่ะค่ะ เพราะมันอาจไม่เหมาะสม”“มีอะไรที่ไม่เหมาะสมอย่างนั้นหรือครับ ในเมื่อก่อนหน้านี้เราก็คบกันแล้ว”“ฟังนะคะ คุณเคน คลีฟตัน...ฉันอยากจะบอกคุณว่ายะหยาเขาคบกับคุณไม่ได้ เพราะเขากำลังจะหมั้นกับคนที่จะเลี้ยงดูเขาได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ใหญ่และมีเงินมากพอจะเลี้ยงดูให้ลูกสาวฉันสบาย”“ผู้ใหญ่เหรอครับ เขาเป็นใคร?”“ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องมารับรู้หรอกนะคะ เพราะอีกไม่กี่วันเขาก็จะมาหมั้นกับลูกสาวฉันแล้ว กลับไปซะเถอะนะคะ ฉันได้ยินว่าคุณกำลังจะไปเรีย
ภายใต้ภาพฝันของชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ร่ำรวยและแสนอบอุ่น เขาเคยทุ่มชีวิตให้ผู้หญิงคนหนึ่ง และเมื่อเธอจากไปโดยไม่ทิ้งอะไรไว้ให้ นอกจากบาดแผลที่รอวันเยียวยาด้วยความแค้นและเกลียดชัง และเมื่อเขาพบเธออีกครั้ง เขาทำให้เธอรักเขา และค่อย ๆ เฉือนหัวใจของเธออย่างเลือดเย็นเธอไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากปลดปล่อยคนที่เธอรักให้เขาพบกับอนาคตอันสดใส ครั้งนั้นที่เธอตัดสินใจออกจากเส้นทางเดินของผู้ชายที่เธอรักเขามากกว่าชีวิต และเมื่อได้พบเขาอีกครั้ง เธอปรารถนาที่จะได้แก้ตัวโดยไม่รู้เลยว่า เขา กำลังใช้ความผูกพันที่ยังฝังลึกเป็นเสมือนโซ่สวาทพันธนาการเธอไว้เป็นทาสเสน่หาเพื่อฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น “เคนคะ...ยะหยาไปหาหมอมาค่ะ...เอ้อ...หมอบอกว่ายะหยาท้องได้เดือนกว่า ๆ แล้วค่ะ”“คุณแน่ใจเหรอว่าเด็กในท้องของคุณ...เป็นลูกของผม ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะญาญ่า ที่ผมจำเป็นต้องบอกว่าคุณไม่สามารถเป็นอะไรได้มากไปกว่า...ผู้หญิงที่ผมแค่อยากนอนด้วยโดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ก็เท่านั้น!”กริ๊ง!!! เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นภายในบ้านหลังเล็กตั้งอยู่ในรั้วไม้เขตชานเมืองลอสแองเจลิสใกล้ย่านที่พักเบล แอร์อันหรูหราทำให้มษยาต้องรีบรั