หนึ่งปีก่อนหน้า
“โอ๊ย!” เสียงร้องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกเพื่อนผู้หญิงอีกสามคนรุมรังแกด้วยการปาของใส่ร่างกายเธอจนล้มลงไปกองกับพื้น เสร็จแล้วพวกหล่อนต่างก็พากันหัวเราะเยาะ “เหม็นสาบพวกขี้ข้า..ไปกันเถอะพวกเรา” หนึ่งในนั้นเอ่ยออกมา “จะรีบไปไหน?” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยออกมาจากทางด้านหลังที่พวกเธอยืนอยู่ “ธะ ธาม” เสียงของผู้หญิงหนึ่งในนั้นเอ่ยเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยความตกใจ “พวกเธอทำคนของฉัน..อยากลองดีกันมากนักใช่มั้ย?” “พวกเราขอโทษ เราแค่แกล้งยัยฌาเล่นเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก พวกเราแค่เล่นกันเฉยๆ ใช่มั้ย? ยัยฌา เธอบอกธามไปสิ” “เอ่อ..คือ” ฌาริยาอึกอักขึ้นมา “ฉันเห็นกับตาว่าพวกเธอจงใจแกล้งฌา พวกเธอทุกคนต้องขอโทษฌาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” เขาขู่ออกมาเสียงดัง “ก็ได้ ฌา ขอโทษนะ” “ฌา เราขอโทษ” “ขอโทษนะฌา” ทั้งสามคนขอโทษฌาริยาก่อนจะพากันเดินออกไปจากตรงนั้น ธนัทธามช่วยพยุงร่างของเธอขึ้นมานั่งบนโต๊ะหินอ่อน “เมื่อไหร่ฌาจะเลิกอ่อนแอสักที..ตั้งแต่เล็กจนโต ฌาจะให้ฉันมาคอยปกป้องอยู่แบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะ เลิกทำตัวแบบนี้เถอะ ฉันขี้เกียจจะดูแล มันน่าเบื่อเข้าใจปะ?” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ฌาขอโทษค่ะ ต่อไปฌาจะไม่ยอมให้พวกนั้นมารังแกฌาได้อีกแล้วค่ะ ขอบคุณคุณธามมากนะคะ ที่ช่วยฌา” “ฌาเป็นหนี้บุญคุณฉันกับพ่อแม่ของฉันตั้งเท่าไหร่แล้ว..หัดสำนึกบุญคุณบ้าง พ่อกับแม่ฉันให้ฌามาเรียนที่เดียวกับฉันเพื่อให้ฌามาดูแลฉัน ไม่ได้ให้ฉันมาดูแลฌา” เขาต่อว่าเธอแบบนี้อีกแล้ว เขาทวงบุญคุณจากเธออีกแล้ว คนอย่างเธอจะตอบแทนอะไรเขาได้นอกจากทำงานในบ้านและทำทุกอย่างตามที่เขาและบิดามารดาของเขาสั่ง เธอทำได้เท่านี้จริงๆ “คุณธามจะให้ฌาทำอะไรเพื่อตอบแทนบุญคุณ คุณธามสั่งมาได้เลยค่ะ ฌาทำได้ทุกอย่าง” ธนัทธามมองร่างของหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างของเธอผอมบาง ความสูงน่าจะไม่เกินหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้ารูปไข่ เรียวสวย ดวงตากลมโตรับกับขนตางอนยาว จมูกรั้นนิดๆ ปากเล็กได้รูป บวกกับผิวขาวอมชมพู โดยรวมแล้วฌาริยาจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เพื่อนของเขาหลายคนต่างก็เอ่ยชมแต่ไม่มีใครกล้าจีบเธอ เพราะเขาคอยกันท่าอยู่ตลอด มีของดีอยู่ใกล้ตัวเรื่องอะไรจะให้คนอื่นคาบเอาไป “ถ้าฌาอยากตอบแทนบุญคุณของฉัน..งั้นสี่ทุ่มคืนนี้ฌาก็มาหาฉันที่ห้อง ฉันจะบอกว่าจะให้ฌาตอบแทนฉันยังไง” “คุณธามจะให้ฌาทำอะไรเหรอคะ?” ฌาริยาถามด้วยความสงสัย “เอาไว้ฌาไปที่ห้อง..แล้วฉันจะบอก อ้อ! ถ้าไม่มาฉันรับรองว่าฌาได้โดนดีแน่” เขาเอ่ยเสียงเข้มจนเธอรู้สึกกลัว เวลา 22:00 น. ฌาริยาแอบเดินย่องเข้ามาในคฤหาสน์ก่อนจะค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปโดยที่มือของเธอนั้นถือถาดซึ่งในถาดมีนมอยู่หนึ่งแก้ว ถ้าเป็นเวลาปกติเธอสามารถเดินขึ้นไปบนห้องของธนัทธามได้แบบไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็น เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเธอเป็นคนทำความสะอาดห้องของชายหนุ่มยังไงล่ะ..รวมถึงห้องเกือบทุกห้องที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้โดยเธอแบ่งกันทำกับพี่จันทร์ คนรับใช้อีกคนของคฤหาสน์หลังนี้ ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เปิดประตู ทันทีที่ฌาริยาเห็นแผงอกล่ำๆ ที่เกิดจากการออกกำลังกาย ท่อนบนเปลือยเปล่ามีหยดน้ำเกาะกระจายอยู่ส่วนท่อนล่างมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวสอบไว้ บ่งบอกว่าเขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ ลมหายใจของเธอนั้นหอบถี่แรงขึ้นจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอก ดวงตาทั้งสองข้างเบิกโพลง “รีบเข้ามาสิ” เขาสั่งเสียงเข้มก่อนจะดึงมือหญิงสาวเข้ามาในห้องและปิดประตูลงกลอนทันที “ทำไมต้องทำท่าตะลึงขนาดนั้น ไม่เคยเห็นหรือยังไง?” เขายิ้มมุมปากก่อนจะถามออกไป “คะ คือ ฌาเคยเห็นแต่ในทีวีค่ะ ไม่เคยเห็นของจริง” เธอตอบออกไปอย่างตะกุกตะกัก “เห็นของจริงแล้วเป็นยังไงบ้าง ฌารู้สึกยังไง?” “เอ่อ..คือ เอ่อ..คือว่า” “นี่ฌาติดอ่างตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม “คุณธามจะให้ฌาทำอะไรคะ บอกมาได้เลยค่ะ” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่หัวใจของเธอมันจะเต้นแรงจนจะทะลักออกมา “นอนกับฉัน” เขาตอบออกมาแบบไม่ต้องใช้ความคิด “คะ?” ฌาริยาเอ่ยเสียงสูงราวกับว่าไม่เข้าใจความหมาย แต่จริงๆ เธอเข้าใจเพราะวัยที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นอย่างเธอกับเขาเป็นวัยที่กำลังเริ่มมีความรัก เธอเข้าใจว่าการที่คนสองคนจะมีความสัมพันธ์กันได้ คือต้องรักกัน แต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นกับเธอ เพราะเธอเป็นคนที่คอยรับใช้เขาเท่านั้น “ฌาไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ?” “ฌา..ไม่เข้าใจค่ะ” หญิงสาวแสร้งตอบออกไป “จะให้พูดตรงๆ ใช่ไหม ได้! ฉันหมายถึงว่าฉันอยากจะเอากับฌา” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เอ่อ..มันจะดีเหรอคะ? เรายังเรียนกันอยู่เลยนะคะ พึ่งจะมอห้าเอง” เขาและเธออายุเท่ากันแต่ว่าเรียนคนละห้องกัน “ไม่เห็นจะเป็นไรเลย..อีกหน่อยฌาก็ต้องถูกผู้ชายคนอื่นเอา ให้ฉันเอาฌาเป็นคนแรกไม่ดีกว่าเหรอ? ฌาจะได้มีประสบการณ์ไง” “แต่ว่า..” เรื่องแบบนี้มันเร็วเกินไปหรือเปล่า “ไหนฌาบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณฉันไง ฌาบอกเองนะว่าฌาทำได้ทุกอย่าง ฌาจะผิดคำพูดเหรอ?” “คุณธามให้ฌาทำอย่างอื่นแทนได้มั้ยคะ?” “นอกจากร่างกายของฌา..ฌาก็ไม่มีค่าอะไรเลย แล้วฌาจะเล่นตัวไปทำไม?” “ฌาก็อยากจะเก็บความบริสุทธิ์ไว้จนถึงวันแต่งงาน” นี่คือความตั้งใจของเธอ “หึ! สมัยนี้เขาไม่ถือเรื่องแบบนี้กันแล้ว ฌาอย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย..คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยายน้ำเน่าหรือยังไงกัน” เขาหัวเราะอยู่ในลำคอก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำที่บ่งบอกว่าเธอเป็นคนเพ้อฝัน “คุณธามให้ฌาทำอย่างอื่นเถอะนะคะ..เรื่องนี้ฌาทำไม่ได้จริงๆ ค่ะ ฌาไม่อยากกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา” ฌาริยาเอ่ยขอร้องเขาอีกครั้งด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะเห็นใจเธอ เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศกับผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอมา “ถ้าฌาไม่พูด..ฉันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้” “แล้วถ้า..” “ถ้าฌาไม่ทำ..ฉันจะให้คุณแม่ไล่ฌากับป้าภาออกจากบ้าน” “คุณธาม” เธอเรียกชื่อเขาเสียงดัง “ฉันให้เวลาฌาตัดสินใจสองนาที” “….” ฌาริยานิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะตอบออกมา “ตกลงค่ะ” เธอไม่อยากทำให้ผู้เป็นป้าของเธอต้องเดือดร้อน จึงตอบตกลงด้วยความจำใจ “ดีมาก” เขาเอ่ยชมก่อนจะยิ้มออกมาสิ้นเสียงตอบรับ ชายหนุ่มรั้งเอวหญิงสาวเข้ามาประชิดอกแกร่ง เขาได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นแรง คางมนถูกเชยขึ้นมาตามด้วยริมฝีปากแนบประกบ เปลือกตาปิดลงขณะที่ริมฝีปากสัมผัสกัน นิ้วของเขาเลื่อนไล้ไปบนต้นคอระหว่างแนบจูบ เป็นการจูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา ลมหายใจของเธอขาดเป็นห้วงๆ จูบที่ทำให้รู้สึกคล้ายกับถูกกลืนกิน มือข้างหนึ่งของเขาค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดนอนออกจากร่างบาง ไม่เหลือแม้กระทั่งบราเซียร์และแพนตี้ตัวน้อยลายน่ารัก เขาถอนจูบออกมาเพื่อให้เธอได้หายใจ ก่อนจะมองร่างงามตรงหน้า รู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัดขึ้นมาทันที ผิวขาวอมชมพูทั้งตัว ดอกบัวคู่งามที่ใหญ่จนล้นมือ เอวขอดรับกับสะโพกที่กลมกลึงจนน่าขยำ ในขณะที่กายสาวสั่นเทิ้มเพราะความกลัว เขารั้งเธอเข้ามาแนบชิดอย่างแผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลมความหวาดกลัวให้มลายหายสิ้นไป ก่อนจะดันกายสาวเดินถอยหลังไปที่เตียงขนาดใหญ่อย่างช้าๆ เขาโน้มกายแนบริมฝีปากลงมาช้าๆ ราวกับมีแรงดึงดูด หญิงสาวหลับตาพริ้มรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ ก่อนที่ตาจะเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับที่นอนหนานุ่ม แต่เพียงไม่นาน ริมฝีปากหนาบดแนบจูบยิ่งล้ำลึกข
หนึ่งเดือนผ่านไปธนัทธามเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษได้หนึ่งเดือนแล้ว เขาต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ทำเอาซะหืดขึ้นคอ การไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในต่างแดนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ชายหนุ่มทั้งโทรทั้งส่งข้อความคุยกับฌาริยาทุกวัน มันไม่ง่ายเลยกับการที่ต้องนอนคนเดียวบนเตียงกว้าง เขาอยากกลับไปนอนกับเธอบนเตียงแคบๆ มากกว่าทางด้านฌาริยา ที่ตอนนี้กำลังเตรียมตัวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เธอสอบได้ตามคณะที่เธอต้องการ แต่เมื่อสองวันก่อนเธอก็รู้สึกเวียนหัว พะอืดพะอม อยากจะอาเจียน จนผู้เป็นป้าสงสัยจึงได้เอ่ยถามหลานสาว “ฌา..เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”“น่าจะเป็นโรคกระเพาะจ่ะป้า ช่วงนี้ฌาทานข้าวไม่ค่อยตรงเวลา”“ไม่ใช่ว่าท้องหรอกเหรอ?” “ป้า” หญิงสาวหน้าซีดเมื่อได้ยินคำถามของผู้เป็นป้าทันใดนั้น เสียงของคุณหญิงพิมาลาก็ดังขึ้นมา“ฌา นิภา ไปคุยกับฉันบนตึกหน่อย”“คุณผู้หญิง / คุณหญิง” สองป้าหลานต่างตกใจที่ได้ยินเสียงของคุณหญิงพิมาลา หน้าของฌาริยาซีดเผือดขึ้นกว่าเดิม“ค่ะ / ค่ะ” จากนั้นฌาริยากับนิภาก็เดินตามคุณหญิงพิมาลาไป“เธอท้องเหรอฌา?” เสียงของคุณหญิงพิมาลาเอ่ยถามออกมาอย่างน่ากลัว“เ
หลังจากที่ฌาริยาออกจากโรงพยาบาล นิภาก็พาหลานสาวกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนที่จังหวัดเชียงราย บ้านที่แทบจะเป็นบ้านร้างเพราะไร้คนอยู่อาศัย สองป้าหลานต้องช่วยกันทำความสะอาดใช้เวลากว่าสองวันจึงเสร็จเรียบร้อย“เฮ้อ! เหนื่อยจังเลยป้า”“เอ็งเหนื่อยคนเดียวหรือไง ป้าก็เหนื่อยเหมือนกัน” พูดจบสองป้าหลานก็พากันหัวเราะออกมาโชคดีที่บ้านยังมีสภาพดีอยู่ไม่ต้องซ่อมแซมอะไรมากนัก บ้านเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นปูนส่วนชั้นบนเป็นไม้ จ้างช่างมาทาสีใหม่สักหน่อยก็อยู่ได้สบายๆ “ป้าเห็นแถวนี้มีแต่ร้านขายกับข้าว ไม่มีร้านขายขนมหวาน ป้าว่าเราทำขนมหวานขายหน้าบ้านกันดีมั้ย?” “ก็ดีนะป้า เดี๋ยวฌาช่วยป้าเอง” “แล้วเรื่องเรียนฌาจะเอายังไง” “ก็คงต้องหยุดเรียนไปก่อนพอฌาคลอดลูกแล้ว ฌาว่าจะกลับไปเรียนค่ะ”“อืม..ป้าก็เห็นด้วย ตอนนี้ก็ดูแลตัวเองกับลูกในท้องให้ดี” “ค่ะป้า”“แล้วนี่ฌาไม่คิดจะบอกคุณธามจริงๆ เหรอ?”“ไม่ค่ะ..ป้าก็รู้ว่าคุณผู้หญิงเป็นคนยังไง ฌากลัวว่าลูกของฌาจะไม่ปลอดภัย ถ้าคุณผู้หญิงรู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะตามมาฆ่าฌากับลูกหรือเปล่า” “ไม่คิดเลยนะว่าคุณผู้หญิงจะใจร้ายใจดำได้ขนาดนี้” “ช่างมันเถอะป้า ตอนนี้
สี่ปีผ่านไปฌาริยาเรียนจบในระดับปริญญาตรีสาขาการบัญชี ในขณะที่ลูกสาวของเธอเติบโตขึ้นจนอายุได้ห้าขวบ ลูกสาวของเธอเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ฉลาดตามวัย และที่สำคัญหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา เด็กหญิงเฌอริตาเป็นที่รักและเอ็นดูของชาวบ้านละแวกนี้ รวมถึงลูกค้าขนมหวานด้วย เพราะเด็กหญิงเฌอริตาชอบไปช่วยยายนิภาขายขนม เด็กน้อย ช่างพูดช่างจา จนผู้คนที่พบเห็นต่างก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ แต่ในความโชคดีที่ฌาริยามีลูกสาวที่น่ารัก กลับมีความโชคร้ายเกิดขึ้น นั่นคือ ลูกสาวของเธอถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วเมื่อหนึ่งปีก่อน หัวใจคนเป็นแม่อย่างเธอแทบแตกสลายเมื่อรับรู้ข่าวร้ายนี้ สาเหตุที่ตรวจพบโรคร้ายนี้เนื่องจากลูกสาวของเธอมักจะป่วยบ่อย โดยมีอาการเหนื่อยเร็วขึ้นเมื่อออกแรง เหนื่อยมาก หอบ นอนราบไม่ได้ หายใจลำบาก จากอาการดังกล่าวหมอจึงสงสัยว่าลูกสาวของเธอจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ จึงได้ทำการตรวจอย่างละเอียด และพบว่า เด็กหญิงเฌอริตาเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วทางด้านซ้าย เกิดจากความผิดปกติของหัวใจที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะถ่ายทอดมาจากทางพันธุกรรม ฌาริยาคิดว่าโรคนี้อาจจะถ่ายทอดมาจากฝั่งของธนัทธามเพราะป้านิภาเ
ฌาริยาได้งานในตัวเมืองซึ่งเป็นบริษัทรับทำบัญชีขนาดเล็ก เธอได้เงินเดือนไม่ถึงเก้าพันบาท ทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว เธอเหลือเงินแค่เดือนละหกพันบาท และไหนจะโดนหักในวันที่เธอพาลูกน้อยเดินทางไปหาหมออีก ไม่รู้ว่าเธอต้องทำงานอีกกี่ปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้หลักแสน อาการของเด็กหญิงเฌอริตาก็เหมือนจะแย่ลงทุกวัน“แม่จ๋า..วันนี้น้องเฌอเหนื่อยจังเลยค่ะ คุณครูให้เพื่อนๆ วิ่งแข่งกัน แต่น้องเฌอไม่ได้วิ่งค่ะ น้องเฌอเดินเอาค่ะ แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี” คำบอกเล่าของลูกสาวทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยิน เด็กหญิงเฌอริตากลับมาจากโรงเรียนก็จะมาเล่าให้ผู้เป็นมารดาฟังว่าคุณครูให้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ลูกสาวของฌาริยากำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ในตำบลที่เธออาศัยอยู่“โถ! ลูกสาวของแม่ รอแม่อีกนิดนะคะ แม่กำลังหาเงินมารักษาน้องเฌอให้หายป่วยเร็วๆ นะคะ” ขอบตาของผู้เป็นมารดาร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความสงสารลูกสาวจับใจ “พรุ่งนี้แม่ฌาไปทำงานมั้ยคะ?” “ไปค่ะ แม่หยุดไปสองวันแล้ว เดี๋ยวจะโดนไล่ออกเอา”“น้องเฌออยากให้แม่กลับบ้านไวๆ แม่ไปทำงานทีไร แม่กลับบ้านค่ำทุกวันเล
ฌาริยาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะมีนัดสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งที่เธอสมัครไปนั้นเป็นตำแหน่งพนักงานบัญชี ฌาริยารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในขณะที่นั่งรอสัมภาษณ์ หญิงสาวกำมือแน่น มือทั้งสองข้างเหงื่อชื้นออกมา ฌาริยารอจนกระทั่งถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอและแล้วการสัมภาษณ์งานก็ผ่านพ้นไป เธอได้งานนี้ด้วยเงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาท โดยเริ่มงานสัปดาห์หน้า ฌาริยาดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบโทรบอกข่าวดีกับผู้เป็นป้า ก่อนจะรีบเดินทางกลับเชียงรายในค่ำคืนนั้น“ป้าไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ มั้ยคะ?”“ป้าว่ารออีกสักหน่อยดีกว่านะ..รอให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ส่วนน้องเฌอ ฌาไม่ต้องเป็นห่วงป้าจะดูแลให้ดีที่สุด”“ใจจริงฌาก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไป ตั้งแต่น้องเฌอเกิดมาฌาไม่เคยอยู่ห่างจากลูกเลยสักวัน เอาไว้ถ้าฌาทดลองงานผ่านโปรเมื่อไหร่ ป้ากับน้องเฌอย้ายไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ นะคะ น้องเฌอจะได้ไปโรงพยาบาลได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกล”“ป้าว่าแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” “แม่ฌา จะไปไหนเหรอคะ ให้น้องเฌอไปด้วยได้มั้ย?”“แม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ ค่ะ น้องเฌออยู่กับยายนะคะ”“ไม่เอา..น้องเฌอจะอยู่กับแม่ฌา”“แม่จะไปหาเงินมารักษาน้องเฌอไงคะ น้องเฌ
สามเดือนผ่านไปฌาริยาทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้สามเดือนแล้วเหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเธอก็จะผ่านการทดลองงานแล้ว และในทุกๆ เดือน ฌาริยาจะขอลาเพื่อพาลูกสาวไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเดือนละหนึ่งครั้ง โดยป้านิภาเป็นผู้พาลูกสาวของเธอขึ้นรถทัวร์มาหาเธอ และเธอกับป้านิภาก็พาเด็กหญิงเฌอริตาไปหาหมอ ป้านิภามากรุงเทพฯ ครั้งละสองถึงสามวันเพื่อให้ฌาริยาได้อยู่กับลูกสาวทางด้านธนัทธาม ตอนนี้เขาถูกเรียกตัวให้กลับเมืองไทยด่วน เนื่องจากว่าคุณธีทัช บิดาของชายหนุ่มเกิดป่วยกะทันหันด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คุณหญิงพิมาลาโทรไปร้องห่มร้องไห้จนธนัทธามตัดสินใจกลับเมืองไทย เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้เป็นมารดาต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพังบิดาของธนัทธามกลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงล่างลงไปไม่สามารถเดินได้ และไม่สามารถพูดได้ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล คุณธีทัชก็กลับไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยจ้างพยาบาลส่วนตัวไว้คอยดูแล“ธามอยู่กับแม่ได้ไหมลูก? ธามไม่ต้องกลับไปอังกฤษได้ไหม?” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อสามีของเธอกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว“ได้ครับคุ
เมื่อธนัทธามกลับไปที่ห้องทำงานซึ่งเป็นห้องประจำตำแหน่งประธานบริษัท เขาสั่งให้เลขาของคุณ ณวัตน์ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นเลขาของเขาให้นำประวัติของฝ่ายบัญชีทั้งหมดจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชายหนุ่มโดยให้เหตุผลว่าต้องการตรวจสอบประวัติดูว่ามีใครเคยมีการทุจริตหรือไม่ เพราะฝ่ายบัญชีเป็นฝ่ายที่มีการทุจริตมากที่สุด เมื่อได้ประวัติของพนักงานฝ่ายบัญชีมาหมดแล้ว ธนัทธามรีบเปิดดูประวัติของฌาริยาทันที สถานภาพ โสดภูมิลำเนา จังหวัดเชียงรายจบการศึกษาปริญญาตรี คณะบัญชีปีที่จบการศึกษา ปี xxxxทำไมฌาริยาถึงพึ่งเรียนจบปริญญาตรี ทั้งๆ ที่เธอควรจะเรียนจบตั้งแต่สองปีที่แล้ว ในประวัติการทำงานหลังจากเรียนจบคือบริษัทรับทำบัญชีแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เมื่อบริษัทปิดตัวลง เธอจึงมาสมัครที่บริษัทแห่งนี้และได้งานที่นี่ เท่ากับว่าตอนนี้ฌาริยาทำงานที่นี่มาสามเดือนกว่า ยังไม่ผ่านการทดลองงาน ธนัทธามกดโทรศัพท์โทรหาผู้จัดการฝ่ายบัญชีทันที(สวัสดีค่ะ ท่านประธาน มีอะไรให้ดาริการับใช้หรือเปล่าคะ)“ผมอยากได้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายของบริษัททั้งหมด”(ได้ค่ะ..เดี๋ยวดาเอาขึ้นไปให้นะคะ)“เอ่อ..คุณดาครับ ที่ฝ่ายของคุณดามี
สองปีผ่านไป“น้องฌาร์ม..ไม่วิ่งนะคะ เดี๋ยวล้มค่ะ” ฌาริยาเดินอุ้ยอ้ายตามลูกสาวคนเล็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าข้างบ้านใช่แล้ว! เธอท้องลูกคนที่สามได้ยี่สิบเจ็ดสัปดาห์ หรือเจ็ดเดือนแล้ว ธนัทธามนั่นแหละที่ขอร้องอ้อนเธอว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ตอนแรกเธอปฏิเสธเพราะยังเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้อายุพึ่งจะสามขวบ แต่เธอก็ทนการรบเร้าของสามีไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องตามใจสามีอันเป็นที่รักส่วนเด็กหญิงเฌอริตานั้น ตอนนี้ก็เริ่มโตเป็นสาวช่วยแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว และตอนนี้ก็กำลังช่วยยายภาจัดเตรียมของว่างอยู่ “ป้อ ป้อ” เสียงเรียกพ่อของเด็กหญิงฌาริญญา หรือน้องฌาร์ม ดังขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาหา“ว่าไงคะ..คนเก่งของพ่อ” ธนัทธามยื่นแขนไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวาจนเด็กน้อยหัวเราะ คิกๆ เพราะจั๊กจี้“กลับมาแล้วเหรอคะ? คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ฌาริยาเอ่ยถามสามีเมื่อเห็นว่าเขากลับมาไวกว่าปกติ“ก็เหมือนเดิม คิดถึงลูก คิดถึงเมีย ก็เลยรีบกลับ เหมือนจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวด้วย” ธนัทธามยังคงดูแลทุกอย่าง ทุกคนอยู่เหมือนเดิม“เดี๋ยวคืนนี้ฌานวดให้นะคะ”“นาบด้วยได้มั้ย?”
ห้าเดือนผ่านไปฌาริยาตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สามแล้ว เหลืออีกประมาณสองเดือนเธอก็ใกล้จะคลอดแล้ว เมื่อห้าเดือนก่อนธนัทธามพาฌาริยาไปจดทะเบียนสมรส และไปฝากครรภ์ ตอนนี้เขาและเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมาห้าเดือนแล้ว ชีวิตของฌาริยาในตอนนี้มีความสุขมากๆ ธนัทธามไปรับป้านิภามาอยู่ด้วยกัน และในตอนนี้เขาได้ซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า มีพื้นที่ไว้ให้ลูกๆ เล่นอย่างกว้างขวาง และมีสระว่ายน้ำอยู่ภายในบริเวณบ้านด้วย เรียกได้ว่าชีวิตของเธอตอนนี้สมบูรณ์แบบที่สุด มีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอกับลูก และที่สำคัญสามีของเธอนั้นไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ธนัทธามเองก็ยังกลับไปดูแลบุพการีในวันเสาร์อาทิตย์เช่นเดิม ฌาริยารู้ว่าเขาเหนื่อย ไหนจะต้องทำงานที่บริษัท ไหนจะต้องดูแลบิดามารดา และยังต้องดูแลเธอกับลูกอีก ฌาริยาจึงพยายามแบ่งเบาภาระของเขาให้ได้มากที่สุด เธอไม่อยากให้เขาเหนื่อยจนเกินไป แต่เธอก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะตอนนี้เธอก็ท้องแก่ใกล้จะคลอดแล้ว พวกงานบ้านต่างๆ และการทำอาหารตอนนี้กลายเป็นหน้าที่ของป้านิภาไปแล้ว ส่วนฌาริยาก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ แต่จะดูแลเด็กหญิงเฌอริตาเป็นหลัก และอีกเรื่องที่
สองเดือนผ่านไปอุ๊บ! อุ๊บ! ฌาริยาตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำอย่างไว ก่อนจะอ้วกออกมาจนหมดหรือว่าเราจะท้อง? ต้องเป็นวันนั้นแน่ๆ เลย วันที่เธอโดนธนัทธามฝืนใจ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่สบายจึงลืมกินยาคุมฉุกเฉิน เพราะเธอหยุดกินยาคุมกำเนิดตั้งแต่ที่จบความสัมพันธ์กับเขาแล้วถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไรดี?หลังจากที่ธนัทธามไปส่งเด็กหญิงเฌอริตาที่โรงเรียนและเขาก็เลยไปทำงาน ฌาริยาจึงรีบขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เธอต้องการตรวจให้แน่ใจว่าท้องจริงหรือเปล่า“ยินดีด้วยนะคะ คนไข้ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ” สิ้นเสียงของหมอ โสตประสาทสัมผัสของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปนานหลายวินาที“ดิฉันท้องจริงๆ ใช่มั้ยคะ? คุณหมอ”“ใช่ค่ะ คนไข้จะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ?”“เอ่อ..ยังค่ะ”“ได้ค่ะ.งั้นเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้นะคะ ถ้าคนไข้จะมาฝากครรภ์คราวหน้าให้พาคุณพ่อมาด้วยนะคะ”“อ๋อค่ะ”ฌาริยาออกจากโรงพยาบาลและกลับมาถึงบ้านในสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงนัก เธอนั่งมองภาพอัลตร้าซาวด์ลูกน้อยที่อยู่ในท้องของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีทั้งความดีใจ มีทั้งความกังวลใจ ตอนนี้เ
หลังจากที่ไข้ลดฌาริยาก็ไปทำอาหารเช้า เธอปล่อยให้เขานอนอยู่อย่างนั้น เธอไม่กล้าปลุกเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น เธอไม่รู้ว่าเขาได้นอนตอนไหน“แม่ฌาหายดีแล้วเหรอคะ?” เด็กน้อยที่พึ่งตื่นงัวเงียถามมารดา“แม่ดีขึ้นแล้วค่ะ วันนี้น้องเฌอคงต้องลาอีกหนึ่งวันนะคะ เดี๋ยวแม่โทรบอกคุณครูเองค่ะ” “ได้ค่ะ” “น้องเฌอหิวหรือยังคะ? แม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว”“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ แล้วพ่อธามล่ะคะ?” เด็กน้อยตอบก่อนจะถามหาบิดา“พ่อธามหลับอยู่ค่ะ” “เมื่อวานพ่อธามดูแลแม่ฌาทั้งวันเลยค่ะ เพราะแม่ฌาไม่สบายตัวร้อน แล้วพ่อธามก็ทำอาหารให้น้องเฌอทาน อาบน้ำให้น้องเฌอ แล้วก็พาน้องเฌอเข้านอน เสร็จแล้วพ่อธามก็ไปดูแลแม่ฌาต่อค่ะ” เด็กน้อยอธิบายจนเธอเห็นภาพ“จริงเหรอคะ?” “จริงค่ะ” “งั้นเราปล่อยให้พ่อธามนอนพักผ่อนดีมั้ยคะ?”“ดีค่ะ” จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันเล่นของเล่นอยู่ในห้องรับแขกธนัทธามตื่นมาอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมง ขณะนั้น ฌาริยากำลังทำอาหารกลางวันอยู่“ดีขึ้นแล้วเหรอ? ถึงมาทำอาหารได้” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นหอมเหมือนแกงจืดอะไรสักอย่าง“ไม่มีไข้แล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้ฌาต้องเ
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฌาริยาจึงเดินมาเปิดประตู“คุณธามมีอะไรหรือเปล่าคะ?” “ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่หากเป็นฝ่ายถามเธอกลับ“หลับแล้วค่ะ มีอะไรคะ?” “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาตอบเสียงเรียบ“เรื่องอะไรคะ?” เธอเลิกคิ้วถามออกมา“จะยืนคุยกันตรงประตูนี่หรือไง?” ฌาริยาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบออกไป“งั้นก็ออกไปคุยกันข้างนอกก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลูกจะตื่น” พูดจบเขาและเธอก็เดินออกมาจากห้อง เธอปิดประตูและหมุนตัวมาคุยกับเขา“คุณธามมีอะไรจะคุยกับฌาคะ?” “ฉันไม่ชอบให้ฌาไปคุยหรือสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น” “ฌาจะคุยกับใครหรือสนิทกับใครมันก็สิทธิ์ของฌาหรือเปล่าคะ?” “ฌาไม่มีสิทธิ์คุยกับผู้ชายคนอื่น”“คุณธามก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฌาเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”“ฉันไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ? สงสัยต้องทบทวนหน่อยล่ะมั้งว่าเราเป็นอะไรกัน” พูดจบเขาก็จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาและตรึงเธอไว้กับประตูห้อง“คุณธาม จะทำอะไร?” “ก็ทำแบบนี้ไง” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาก็ประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของเธอ และสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวาน เขาบดจูบเธออย
วันเสาร์วันนี้เด็กหญิงเฌอริตาตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนศิลปะ เด็กน้อยดีใจที่จะได้เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันซึ่งมีอายุเท่ากัน “มาตา มานานแล้วเหรอ?” เด็กหญิงเฌอริตาเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยู่ที่ศูนย์แกลลอรี่ก่อนแล้ว“อืมม เราพึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง นี่คุณพ่อของเรา” เด็กหญิงคนที่ชื่อมาตาแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับบิดาของเธอ“สวัสดีค่ะ คุณลุง” เด็กหญิงเฌอริตายกมือไหว้บิดาของเพื่อน“สวัสดีครับ น้องเฌอใช่มั้ยครับ เห็นมาตาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ” “ใช่ค่ะ ส่วนนี่แม่ของน้องเฌอเองค่ะ” เด็กน้อยหันไปแนะนำมารดา“สวัสดีค่ะ คุณน้า คุณน้าสวยจังเลยค่ะ” เด็กหญิงมาตายกมือไหว้มารดาของเพื่อนพร้อมกับเอ่ยชม“สวัสดีค่ะ น้องมาตา ขอบคุณมากนะคะ” ฌาริยายิ้มออกมา“เอ่อ..สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเอ่อ..” มานพ บิดาของเด็กหญิงมาตากล่าวทักทายหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอสวยเหมือนที่มาตาพูดจริงๆ ด้วย“สวัสดีค่ะ ฌาริยาค่ะ เรียกฌาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” “ผมมานพนะครับ เรียกนพเฉยๆ ก็ได้ครับ” “อ๋อค่ะ คุณนพ”หลังจากนั้นเด็กน้อยสองคนก็เข้าคลาสเรียนศิลปะ ส่วนผู้ปกครองของเด็กหญิงทั้งสองก็ไปนั่งดื่
หลังจากวันนั้น วันที่เด็กหญิงเฌอริตาได้รับรู้ว่าธนัทธามคือพ่อของตนเอง เด็กน้อยก็เหมือนจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น ที่มีทั้งพ่อและแม่ครบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ และในตอนนี้ เด็กหญิงเฌอริตาก็ได้ไปโรงเรียนแล้ว ธนัทธามเลือกโรงเรียนนานาชาติชื่อดังให้ลูก ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้าน และเป็นทางผ่านสำหรับเขาเวลาไปทำงานอีกด้วย เขาบอกกับฌาริยาว่าเขาจะไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนเอง ส่วนฌาริยาก็มีหน้าที่ดูแลบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร และมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูก เขาและเธอแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กหญิงเฌอริตามีความสุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก และในวันเสาร์อาทิตย์ธนัทธามจะกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อกลับไปหาผู้เป็นบิดา และไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาลทุกสัปดาห์ส่วนความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ตามที่ตกลงกันไว้ คือต่างก็ทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้เด็กหญิงเฌอริตาเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น ธนัทธามยอมรับข้อตกลงด้วยความจำใจ เพราะเขาไม่อยากเสียเธอกับลูกไปอีกแล้ว เขาจึงต้องทำตามความต้องการของเธอ“แม่ฌาจ๋า..”“ว่าไงคะ..คนสวย” “วันนี้น้องเฌออยากกินไข่เ
หลังจากที่แผลของธนัทธามหายดีแล้ว เขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ของเขาเพื่อดูแลบิดา ธนัทธามเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้บิดาฟัง บิดาของเขาได้เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ เพราะบิดาของเขาพูดไม่ได้ ส่วนมารดาของเขาตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยจิตเวช เขาไปเยี่ยมมารดาทุกสัปดาห์ แต่ตอนนี้มารดาของเขายังจำอะไรไม่ได้ พอเขาไปเยี่ยม มารดาเขาก็จะเข้ามากอด สักพักก็ไล่เขาออกไป มารดาเขาพร่ำเพ้อหาเรียกแต่ชื่อเขา บางทีก็ร้องไห้ บางทีก็หัวเราะนี่คงเป็นเวรกรรมที่มารดาเขาไว้ทำไว้กับฌาริยาและลูกสาวของเขา มารดาของเขาถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ทางด้านฌาริยากับเด็กหญิงเฌอริตาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของธนัทธามปกติ เธอยังไม่ได้คุยกับธนัทธามถึงเรื่องที่เคยคุยค้างไว้ เธอขอเวลาคิดและตัดสินใจอีกที“แม่ฌาจ๋า..ลุงธามหายไปหลายวันเลย เมื่อไหร่ลุงธามจะกลับมาคะ?” เด็กน้อยถามหาชายหนุ่มที่ไม่เห็นหน้ามาหลายวัน“กลับมาแล้วค้าบบ..คิดถึงน้องเฌอจังเลย” เสียงของธนัทธามเอ่ยขึ้นเมื่อเขากำลังเดินเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินลูกสาวตัวน้อยถามหาเขาพอดี“น้องเฌอก็คิดถึงลุงธามที่สุดเลยค่ะ” เด็กน้อยฉีกยิ้มหวานก่อนจะตอบออกไป“มาให้พะ.. มาให้ลุงธามกอดหน
คำว่า รัก จากปากของเขาไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นเลยสักนิดที่ได้ยินมัน“นั่นแสดงว่าคุณธามไม่ได้รักฌามากพอ ถ้าคุณธามรักฌาจริงๆ คุณธามจะไม่ทำกับฌาแบบที่คุณ ธามทำอยู่เด็ดขาด”“ฉันไปทำอะไรฌา?” เขาไปทำอะไรให้ฌาริยาเจ็บช้ำตอนไหน เรื่องงานเขาก็ช่วยเธอให้มาเป็นเลขาของเขา ฌาริยามีปัญหาเรื่องเงินเขาก็ช่วยเหลือเธอ“ก็ที่คุณธามให้ฌาไปเป็นนางบำเรอของคุณธามไงคะ?”“แล้วถ้าฉันบอกฌาว่าให้มาเป็นเมียตรงๆ ฌาจะยอมมั้ย? จริงๆ แล้วเรื่องเงินฉันไม่เคยสนใจมันเลยด้วยซ้ำ เงินแค่นั้นฉันให้ฌาได้อยู่แล้ว ฉันก็แค่อยากได้ฌากลับคืนมา ฉันก็เลยต้องใช้วิธีนี้” ธนัทธามบอกเหตุผลจริงๆ ออกไป “……” ฌาริยานิ่งงันไปชั่วขณะ“ฉันขอโทษ..ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำให้ฌาต้องเสียใจ ขอโทษแทนคุณแม่ ขอโทษที่ทำให้ฌาต้องเจอแต่เรื่องที่เลวร้าย แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ฌาต้องลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวมาหลายปี” เขาพร่ำขอโทษ ฌาริยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฌาริยาน้ำตารื้นขึ้นมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ชีวิตที่ผ่านมาของเธอเจอแต่เรื่องแย่ๆ เรื่องดีๆ ในชีวิตของเธอก็คงมีแค่ลูกเท่านั้น“ฌายกโทษให้ฉันสักครั้งจะได้มั้ย?” “…