สี่ปีผ่านไป
ฌาริยาเรียนจบในระดับปริญญาตรีสาขาการบัญชี ในขณะที่ลูกสาวของเธอเติบโตขึ้นจนอายุได้ห้าขวบ ลูกสาวของเธอเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ฉลาดตามวัย และที่สำคัญหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา เด็กหญิงเฌอริตาเป็นที่รักและเอ็นดูของชาวบ้านละแวกนี้ รวมถึงลูกค้าขนมหวานด้วย เพราะเด็กหญิงเฌอริตาชอบไปช่วยยายนิภาขายขนม เด็กน้อย ช่างพูดช่างจา จนผู้คนที่พบเห็นต่างก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ แต่ในความโชคดีที่ฌาริยามีลูกสาวที่น่ารัก กลับมีความโชคร้ายเกิดขึ้น นั่นคือ ลูกสาวของเธอถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วเมื่อหนึ่งปีก่อน หัวใจคนเป็นแม่อย่างเธอแทบแตกสลายเมื่อรับรู้ข่าวร้ายนี้ สาเหตุที่ตรวจพบโรคร้ายนี้เนื่องจากลูกสาวของเธอมักจะป่วยบ่อย โดยมีอาการเหนื่อยเร็วขึ้นเมื่อออกแรง เหนื่อยมาก หอบ นอนราบไม่ได้ หายใจลำบาก จากอาการดังกล่าวหมอจึงสงสัยว่าลูกสาวของเธอจะเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ จึงได้ทำการตรวจอย่างละเอียด และพบว่า เด็กหญิงเฌอริตาเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วทางด้านซ้าย เกิดจากความผิดปกติของหัวใจที่มีความบกพร่องตั้งแต่กำเนิด ซึ่งอาจจะถ่ายทอดมาจากทางพันธุกรรม ฌาริยาคิดว่าโรคนี้อาจจะถ่ายทอดมาจากฝั่งของธนัทธามเพราะป้านิภาเคยบอกว่าคุณหญิงพิมาลามีลูกชายสองคนแต่เสียชีวิตไปหนึ่งคนเพราะเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เด็กหญิงเฌอริตาถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสำหรับเด็กโดยเฉพาะที่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งฌาริยาต้องพาลูกสาวไปพบหมอตามนัดทุกเดือน และค่าใช้จ่ายในการรักษาและการเดินทางก็มากพอสมควร ฌาริยาจึงจำเป็นต้องนำเงินที่คุณหญิง พิมาลาให้มาหนึ่งล้านบาท นำมาใช้จ่ายในส่วนตรงนี้ เพราะในตอนนั้นเธอเองก็ยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีงานทำ ส่วนรายได้จากการขายขนมหวานก็แค่พออยู่พอกิน ส่งผลให้เงินเก็บที่มีอยู่เหลือน้อยลง และในอนาคตอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจหากว่าเด็กหญิงเฌอริตามีอาการแย่ลง ตอนนี้ฌาริยายังไม่ได้หางานทำหลังจากเรียนจบเพราะต้องดูแลลูกสาวที่กำลังป่วยและต้องการกำลังใจเป็นอย่างมาก และอีกสองวันก็จะถึงวันนัดตรวจอาการของเด็กหญิงเฌอริตาแล้ว ฌาริยากำลังเตรียมตัวพาลูกสาวตัวน้อยเดินทางไปกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ในวันพรุ่งนี้ “แม่ฌาจ๋า พรุ่งนี้เราจะไปหาคุณหมอกันอีกแล้วเหรอคะ?” “ใช่ค่ะ..ทำไมเหรอคะ?” “น้องเฌอไม่อยากไปเลยค่ะ..น้องเฌอไม่อยากป่วย เมื่อไหร่น้องเฌอจะหายคะ?” คำถามของลูกน้อยทำให้หัวใจของคนเป็นแม่อย่างเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าเธอเป็นแทนลูกได้เธอก็อยากจะเป็น ฌาริยารู้สึกสงสารลูกสาวจับใจ ทำไมโลกนี้ช่างใจร้ายกับลูกของเธอนัก.. โลกนี้ส่งลูกสาวตัวน้อยมาให้เธอแล้วทำไมต้องส่งโรคร้ายมาให้ด้วย “เดี๋ยวน้องเฌอก็หายนะคะ..คนเก่งของแม่” ฌาริยาดึงลูกสาวเข้ามากอดแนบอก “น้องเฌออยากวิ่งเล่นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ บ้าง” “โถ่! ลูกแม่ เอาไว้น้องเฌอหายป่วย แม่จะพาน้องเฌอไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ นะคะ” เธอลูบศีรษะของลูกสาวตัวน้อยเบาๆ “จริงๆ นะคะ” “จริงค่ะ” “เย้ๆ น้องเฌอจะไปหาคุณหมอค่ะ น้องเฌอจะได้หายไวๆ” เด็กหญิงเฌอริตาดีใจกอดผู้เป็นมารดาจนแน่น ขอบตาของฌาริยารื้นขึ้นมาด้วยความสงสารลูก ก่อนที่เธอจะรีบปาดทิ้งไปเพราะไม่อยากให้ลูกเห็นความอ่อนแอของเธอ เธอต้องเข้มแข็งต่อหน้าลูกเพื่อที่ลูกจะได้มีกำลังใจในการรักษาตัว โรงพยาบาลเด็กxxx “จากการตรวจของหมอ..หมอคิดว่าอาการของน้องดูแย่ลงนะครับ” “จริงเหรอคะ? คุณหมอ” “หมอว่าอีกไม่นานเราอาจจะต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เพราะตอนนี้น้องก็เริ่มโตพอที่จะเข้ารับการรักษาได้แล้ว” “ค่ะคุณหมอ” “หมออยากให้คุณแม่เตรียมเรื่องค่าใช้จ่ายซึ่งอาจจะเยอะพอสมควร ตอนนี้ยังพอมีเวลา หมอคิดว่าอาจจะหนึ่งถึงสองปี น้องคงต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ แต่ถ้าอาการของน้องแย่ลงเรื่อยๆ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจไวกว่านั้น” “ค่ะคุณหมอ ดิฉันจะพยายามหาเงินมารักษาลูกให้ได้ค่ะ” หลังจากที่ฌาริยาพาลูกสาวมาตรวจตามที่หมอนัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงพาลูกเดินทางกลับเชียงรายด้วยรถทัวร์ในตอนกลางคืน เพื่อที่จะได้ไปถึงเชียงรายในตอนเช้าพอดี เงินเก็บที่มีอยู่ก็ร่อยหรอลงทุกวัน เธอคงต้องไปหางานทำเพื่อจะได้หาเงินมารักษาลูกของเธอ “ป้าคะ..ฌาคิดว่าฌาจะไปหางานทำ หมอบอกว่าอาการของน้องเฌอแย่ลง อาจจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ต้องใช้เงินเยอะ ตอนนี้เงินเก็บที่มีก็เหลือไม่เยอะแล้ว” ฌาริยาปรึกษาผู้เป็นป้าหลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว “แล้วฌาจะไปหางานทำที่ไหนล่ะ?” “ฌาว่าจะไปลองหาแถวๆ ในเมืองดูก่อนค่ะ” “เงินเดือนแถวต่างจังหวัดมันไม่เยอะเหมือนในกรุงเทพฯ หรอกนะ” “ฌารู้ค่ะป้า แต่ฌาก็ไม่อยากจะอยู่ห่างจากลูก ฌาอยากจะดูแลลูกด้วยตัวของฌาเอง” “ว่าไงก็ว่าตามกันลูก..น้องเฌอป้าจะดูแลให้เองในช่วงที่ฌาไปทำงาน” “ขอบคุณป้ามากๆ นะคะ ถ้าชีวิตนี้ของฌาไม่มีป้า ไม่รู้ว่าป่านนี้ฌาจะเป็นอย่างไร” “ตอนนี้เราก็เหลือกันแค่นี้..แม่เอ็งก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เราจะไม่ทิ้งกันนะลูก” “ขอบคุณค่ะป้า” ทางด้านธนัทธาม หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาตรี ชายหนุ่มก็เรียนปริญญาโทต่ออีกสองปี และในตอนนี้เขาเรียนจบแล้วพร้อมกับใบปริญญาบัตรสองใบ แต่ชายหนุ่มยังไม่ยอมกลับเมืองไทย เพราะต้องการทำงานหาประสบการณ์ก่อน ครืด! ครืด! “สวัสดีครับคุณแม่” (ธาม..ไม่กลับจริงๆ เหรอลูก) “ผมขอทำงานหาประสบการณ์ก่อนนะครับคุณแม่” (นานแค่ไหน?) “อาจจะปีหรือสองปีครับ” (แล้วธามไม่คิดจะกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างเหรอลูก ธามไปตั้งหกปีแล้วนะ) “คุณแม่เป็นคนอยากให้ผมมาเองนะครับ” (งั้นก็ตามใจธามเถอะลูก..ตอนนี้ธามคงไม่เชื่อฟังแม่อีกแล้ว) “ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณแม่ ผมรักและคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่นะครับ แต่ผมอยากหาประสบการณ์การทำงานที่นี่จริงๆ ครับ” (เอาเถอะๆ ตามใจธามก็แล้วกันนะลูก แม่แค่คิดถึงธาม แม่อยากเจอธาม) “เดี๋ยวผมต้องวางสายก่อนนะครับคุณแม่ ผมต้องไปทำงานแล้วครับ” (จ่ะลูก ดูแลตัวเองด้วยนะ แม่เป็นห่วง) “ครับคุณแม่ สวัสดีครับ” หลังจากวางสายมารดา ธนัทธามพ่นลมหายใจออกมา เขายังไม่อยากกลับเมืองไทยเขาอยากประสบความสำเร็จให้ถึงขีดสุดก่อน ตอนนี้เขาลงทุนกับเพื่อนเปิดบริษัทเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ซึ่งกำลังไปได้ดี เขาต้องอยู่ช่วยเพื่อนของเขาจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเสียก่อน เขาจึงจะกลับเมืองไทยได้ นอกจากเขาจะเรียนจบบริหารแล้ว เขายังเรียนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอที อีกด้วยฌาริยาได้งานในตัวเมืองซึ่งเป็นบริษัทรับทำบัญชีขนาดเล็ก เธอได้เงินเดือนไม่ถึงเก้าพันบาท ทำงานวันจันทร์ถึงวันศุกร์ หลังจากหักค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว เธอเหลือเงินแค่เดือนละหกพันบาท และไหนจะโดนหักในวันที่เธอพาลูกน้อยเดินทางไปหาหมออีก ไม่รู้ว่าเธอต้องทำงานอีกกี่ปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้หลักแสน อาการของเด็กหญิงเฌอริตาก็เหมือนจะแย่ลงทุกวัน“แม่จ๋า..วันนี้น้องเฌอเหนื่อยจังเลยค่ะ คุณครูให้เพื่อนๆ วิ่งแข่งกัน แต่น้องเฌอไม่ได้วิ่งค่ะ น้องเฌอเดินเอาค่ะ แต่ก็ยังเหนื่อยอยู่ดี” คำบอกเล่าของลูกสาวทำให้เธอเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยิน เด็กหญิงเฌอริตากลับมาจากโรงเรียนก็จะมาเล่าให้ผู้เป็นมารดาฟังว่าคุณครูให้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ลูกสาวของฌาริยากำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาลหนึ่งที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ในตำบลที่เธออาศัยอยู่“โถ! ลูกสาวของแม่ รอแม่อีกนิดนะคะ แม่กำลังหาเงินมารักษาน้องเฌอให้หายป่วยเร็วๆ นะคะ” ขอบตาของผู้เป็นมารดาร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความสงสารลูกสาวจับใจ “พรุ่งนี้แม่ฌาไปทำงานมั้ยคะ?” “ไปค่ะ แม่หยุดไปสองวันแล้ว เดี๋ยวจะโดนไล่ออกเอา”“น้องเฌออยากให้แม่กลับบ้านไวๆ แม่ไปทำงานทีไร แม่กลับบ้านค่ำทุกวันเล
ฌาริยาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะมีนัดสัมภาษณ์งาน ตำแหน่งที่เธอสมัครไปนั้นเป็นตำแหน่งพนักงานบัญชี ฌาริยารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในขณะที่นั่งรอสัมภาษณ์ หญิงสาวกำมือแน่น มือทั้งสองข้างเหงื่อชื้นออกมา ฌาริยารอจนกระทั่งถึงคิวสัมภาษณ์ของเธอและแล้วการสัมภาษณ์งานก็ผ่านพ้นไป เธอได้งานนี้ด้วยเงินเดือนสองหมื่นห้าพันบาท โดยเริ่มงานสัปดาห์หน้า ฌาริยาดีใจเป็นอย่างมาก เธอรีบโทรบอกข่าวดีกับผู้เป็นป้า ก่อนจะรีบเดินทางกลับเชียงรายในค่ำคืนนั้น“ป้าไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ มั้ยคะ?”“ป้าว่ารออีกสักหน่อยดีกว่านะ..รอให้อะไรมันเข้าที่เข้าทางเสียก่อน ส่วนน้องเฌอ ฌาไม่ต้องเป็นห่วงป้าจะดูแลให้ดีที่สุด”“ใจจริงฌาก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไป ตั้งแต่น้องเฌอเกิดมาฌาไม่เคยอยู่ห่างจากลูกเลยสักวัน เอาไว้ถ้าฌาทดลองงานผ่านโปรเมื่อไหร่ ป้ากับน้องเฌอย้ายไปอยู่กับฌาที่กรุงเทพฯ นะคะ น้องเฌอจะได้ไปโรงพยาบาลได้สะดวก ไม่ต้องเดินทางไกล”“ป้าว่าแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” “แม่ฌา จะไปไหนเหรอคะ ให้น้องเฌอไปด้วยได้มั้ย?”“แม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ ค่ะ น้องเฌออยู่กับยายนะคะ”“ไม่เอา..น้องเฌอจะอยู่กับแม่ฌา”“แม่จะไปหาเงินมารักษาน้องเฌอไงคะ น้องเฌ
สามเดือนผ่านไปฌาริยาทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้สามเดือนแล้วเหลืออีกแค่หนึ่งเดือนเธอก็จะผ่านการทดลองงานแล้ว และในทุกๆ เดือน ฌาริยาจะขอลาเพื่อพาลูกสาวไปโรงพยาบาลตามที่หมอนัดเดือนละหนึ่งครั้ง โดยป้านิภาเป็นผู้พาลูกสาวของเธอขึ้นรถทัวร์มาหาเธอ และเธอกับป้านิภาก็พาเด็กหญิงเฌอริตาไปหาหมอ ป้านิภามากรุงเทพฯ ครั้งละสองถึงสามวันเพื่อให้ฌาริยาได้อยู่กับลูกสาวทางด้านธนัทธาม ตอนนี้เขาถูกเรียกตัวให้กลับเมืองไทยด่วน เนื่องจากว่าคุณธีทัช บิดาของชายหนุ่มเกิดป่วยกะทันหันด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง คุณหญิงพิมาลาโทรไปร้องห่มร้องไห้จนธนัทธามตัดสินใจกลับเมืองไทย เขาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูที่ปล่อยให้ผู้เป็นมารดาต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพังบิดาของธนัทธามกลายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงล่างลงไปไม่สามารถเดินได้ และไม่สามารถพูดได้ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล คุณธีทัชก็กลับไปรักษาตัวอยู่ที่บ้านโดยจ้างพยาบาลส่วนตัวไว้คอยดูแล“ธามอยู่กับแม่ได้ไหมลูก? ธามไม่ต้องกลับไปอังกฤษได้ไหม?” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อสามีของเธอกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว“ได้ครับคุ
เมื่อธนัทธามกลับไปที่ห้องทำงานซึ่งเป็นห้องประจำตำแหน่งประธานบริษัท เขาสั่งให้เลขาของคุณ ณวัตน์ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นเลขาของเขาให้นำประวัติของฝ่ายบัญชีทั้งหมดจากฝ่ายทรัพยากรบุคคลมาให้ชายหนุ่มโดยให้เหตุผลว่าต้องการตรวจสอบประวัติดูว่ามีใครเคยมีการทุจริตหรือไม่ เพราะฝ่ายบัญชีเป็นฝ่ายที่มีการทุจริตมากที่สุด เมื่อได้ประวัติของพนักงานฝ่ายบัญชีมาหมดแล้ว ธนัทธามรีบเปิดดูประวัติของฌาริยาทันที สถานภาพ โสดภูมิลำเนา จังหวัดเชียงรายจบการศึกษาปริญญาตรี คณะบัญชีปีที่จบการศึกษา ปี xxxxทำไมฌาริยาถึงพึ่งเรียนจบปริญญาตรี ทั้งๆ ที่เธอควรจะเรียนจบตั้งแต่สองปีที่แล้ว ในประวัติการทำงานหลังจากเรียนจบคือบริษัทรับทำบัญชีแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เมื่อบริษัทปิดตัวลง เธอจึงมาสมัครที่บริษัทแห่งนี้และได้งานที่นี่ เท่ากับว่าตอนนี้ฌาริยาทำงานที่นี่มาสามเดือนกว่า ยังไม่ผ่านการทดลองงาน ธนัทธามกดโทรศัพท์โทรหาผู้จัดการฝ่ายบัญชีทันที(สวัสดีค่ะ ท่านประธาน มีอะไรให้ดาริการับใช้หรือเปล่าคะ)“ผมอยากได้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายของบริษัททั้งหมด”(ได้ค่ะ..เดี๋ยวดาเอาขึ้นไปให้นะคะ)“เอ่อ..คุณดาครับ ที่ฝ่ายของคุณดามี
หลังจากที่ฌาริยากลับมาจากห้องของท่านประธาน เพื่อนๆ ในฝ่ายต่างก็มารุมถามคำถามใส่เธอจนเธอไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีท่านประธานดุหรือเปล่า?ท่านประธานใจดีมั้ย?ท่านประธานว่าอะไรเธอหรือเปล่า?ท่านประธานหล่อมากมั้ย?เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ฌาริยาเข้าไปคุยกับดาริกา ผู้จัดการฝ่ายบัญชี เรื่องที่ท่านประธานคนใหม่จะให้เธอไปเป็นเลขาของเขาชั่วคราว“พี่ว่าลองดูก็ไม่เสียหายนะฌา ดีกว่าถูกไล่ออก หรือว่าไม่ผ่านโปร”“แต่ฌากลัวว่าฌาจะทำไม่ได้ค่ะ”“ฌาเป็นคนเก่ง เรียนรู้ไว พี่ว่าฌาทำได้ เชื่อพี่สิ”“แล้วคนอื่นๆ จะไม่ว่าฌาเอาเหรอคะ?”“ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ ถ้าใครมันว่าเดี๋ยวพี่จัดการเอง”“ค่ะ”“ฌาต้องใช้เงินเพื่อไปรักษาลูกไม่ใช่เหรอ? ถ้าฌาตกงานตอนนี้ ฌาจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาลูกของฌาล่ะ”“พี่ดารู้เรื่องนี้เหรอคะ?” ฌาริยาเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย หรือว่าแพรวาจะเล่าให้ผู้จัดการฟัง“ใช่ บังเอิญพี่ได้ยินที่ฌาพูดกับแพรที่ร้านอาหารตามสั่ง”“อ้าว! วันนั้นพี่ดาอยู่ในร้านด้วยเหรอคะ? ฌาไม่ทันได้มอง”“ใช่ พี่นั่งหันหลังน่ะ ฌากับแพรก็เลยไม่เห็นพี่”“อ่อค่ะ”“ฌาไปเป็นเลขาให้ท่านประธานเถอะ เดี๋ยวพี่อธิบายให้ทุกคนเข้าใจ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาในขณะที่ฌาริยานั่งทำรายงานการประชุมอยู่ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็สั่น หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูพบว่าเป็นสายจากป้านิภา เธอรีบรับสายทันทีด้วยกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี เพราะปกติป้านิภาจะไม่โทรหาเธอเวลาทำงาน“ค่ะป้า” (ฌา ครูประจำชั้นโทรมาบอกว่าน้องเฌอเหนื่อยและหอบหนักมาก ตอนนี้กำลังส่งไปโรงพยาบาล)“จริงเหรอคะป้า”(อืม นี่ป้าก็กำลังจะตามไป เลยโทรมาบอกฌาก่อน)“ฝากป้าด้วยนะคะ เดี๋ยวฌาจะรีบกลับไปให้ไวที่สุดค่ะ”หลังจากวางสายสีหน้าของฌาริยาไม่สู้ดีนัก เช้านี้ธนัทธามยังไม่เข้าบริษัท เธอรีบเคลียร์งานให้เสร็จ ก่อนจะไปขอใบลาที่ฝ่ายบุคคล เธอเขียนลากิจสามวันก่อนที่จะนำไปวางไว้บนโต๊ะของท่านประธาน และเดินทางกลับห้องไปเก็บกระเป๋า เธอต้องนั่งเครื่องบินไปเพราะถึงไวกว่าถึงแม้ว่าจะราคาแพงกว่าแต่ในเวลานี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เธอเป็นห่วงลูก เธออยากไปหาลูกให้ไวที่สุดฌาริยาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดเชียงรายในช่วงเย็นพอดี“ป้าคะ..น้องเฌอเป็นยังไงบ้างคะ? ถึงขั้นต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเลยเหรอคะ?” “น้องเฌอหอบเยอะ หายใจเองไม่ได้ หมอก็เลยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ” “โถ่! ลูกสาวของแม่” ฌาริยาน้ำตาไหล
หลังจากเลิกงาน ฌาริยากลับมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก เธอไปยังสถานที่ที่อยู่ในใบปลิว ฌาริยาสมัครงานในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟในไนต์คลับแห่งหนึ่ง ด้วยความที่ฌาริยาหน้าตาสวย ผิวพรรณดี ผู้จัดการไน์คลับจึงรับไว้และให้เธอเริ่มงานเลย หน้าที่ของเธอคือเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเธอสามารถทำได้สบายมาก เพราะเธอเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านคนรวยมาก่อน เธอทำงานจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน นั่นคือตีสอง กว่าเธอจะกลับถึงห้องก็เกือบตีสาม ฌาริยามีเวลานอนแค่สามถึงสี่ชั่วโมง โชคดีที่บริษัทอยู่ใกล้กับที่พัก เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้า ฌาริยาจึงตั้งนาฬิกาปลุกตอนหกโมงเช้า เธอลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันและรีบแต่งตัวไปทำงาน โดยที่เธอไม่ทันได้ทานอาหารเช้า จึงกลายเป็นว่าฌาริยาอดอาหารเช้าไปโดยปริยาย“ฌา..ดูหน้าตาเพลียๆ นะ เหมือนคนไม่ได้นอน” เสียงของแพรวาเอ่ยถามเมื่อทั้งสองไปทานอาหารกลางวันด้วยกัน“เอ่อ..พอดีฌาไปทำงานพิเศษตอนกลางคืนมาน่ะ กว่าจะเลิกงานก็ตีสอง กว่าจะถึงห้องก็เกือบตีสาม สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”“พักผ่อนบ้างนะฌา..อย่าหักโหมจนเกินไปเดี๋ยวร่างกายมันจะแย่เอา”“ฌาต้องรีบใช้เงิน ตอนนี้ลูกของฌาอาการแย่ลงทุกวันถ
เช้าวันต่อมาฌาริยามาทำงานปกติ เมื่อธนัทธามเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอ เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ“ผมขอกาแฟหน่อย”“ค่ะ”ไม่นานนัก ฌาริยาก็นำกาแฟเข้าไปเสิร์ฟให้ท่านประธานในห้อง“กาแฟได้แล้วค่ะ ท่านประธานจะรับอะไรอีกมั้ยคะ?”“คุณมีความจำเป็นต้องใช้เงินถึงขนาดที่ต้องไปทำงานแบบนั้นเลยเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่กลับเป็นฝ่ายถามเธอกลับไปแทน“…..” ฌาริยาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะตอบรับออกไป“ค่ะ”“คุณจะเอาเงินไปทำอะไร?”“ธุระส่วนตัวค่ะ” ฌาริยาพูดพร้อมกับเสมองไปอีกทาง“เท่าไหร่?” ธนัทธามถอนหายใจออกมาอย่างแรง เขาเบื่อคำตอบที่บอกว่าธุระส่วนตัวของเธอที่สุด มันจะเป็นความลับอะไรนักหนาถึงบอกไม่ได้“คะ?” ฌาริยาถามด้วยความไม่เข้าใจในคำถามของเขา“ผมถามว่าคุณต้องการเงินเท่าไหร่?”“…..” ฌาริยากัดปากตัวเองจนรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลซิบออกมา“หนึ่งล้านบาทค่ะ” สิ้นเสียงของฌาริยา ธนัทธามแทบจะสำลักกาแฟที่พึ่งดื่มเข้าไป“หนึ่งล้าน งั้นผมขอถามคุณหน่อย ว่าอีกกี่ปีคุณถึงจะเก็บเงินได้หนึ่งล้าน ทั้งๆ ที่คุณก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้” เขารู้ว่านอกจากงานที่ไนต์คลับแล้ว เสาร์อาทิตย์หญิงสาวยังไปทำงานที่ร้านขายอาหารตามสั่งอีกด้วย“ดิฉัน
สองปีผ่านไป“น้องฌาร์ม..ไม่วิ่งนะคะ เดี๋ยวล้มค่ะ” ฌาริยาเดินอุ้ยอ้ายตามลูกสาวคนเล็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าข้างบ้านใช่แล้ว! เธอท้องลูกคนที่สามได้ยี่สิบเจ็ดสัปดาห์ หรือเจ็ดเดือนแล้ว ธนัทธามนั่นแหละที่ขอร้องอ้อนเธอว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ตอนแรกเธอปฏิเสธเพราะยังเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกสาวคนเล็กที่ตอนนี้อายุพึ่งจะสามขวบ แต่เธอก็ทนการรบเร้าของสามีไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องตามใจสามีอันเป็นที่รักส่วนเด็กหญิงเฌอริตานั้น ตอนนี้ก็เริ่มโตเป็นสาวช่วยแม่เลี้ยงน้องได้แล้ว และตอนนี้ก็กำลังช่วยยายภาจัดเตรียมของว่างอยู่ “ป้อ ป้อ” เสียงเรียกพ่อของเด็กหญิงฌาริญญา หรือน้องฌาร์ม ดังขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาหา“ว่าไงคะ..คนเก่งของพ่อ” ธนัทธามยื่นแขนไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวาจนเด็กน้อยหัวเราะ คิกๆ เพราะจั๊กจี้“กลับมาแล้วเหรอคะ? คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ?” ฌาริยาเอ่ยถามสามีเมื่อเห็นว่าเขากลับมาไวกว่าปกติ“ก็เหมือนเดิม คิดถึงลูก คิดถึงเมีย ก็เลยรีบกลับ เหมือนจะเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวด้วย” ธนัทธามยังคงดูแลทุกอย่าง ทุกคนอยู่เหมือนเดิม“เดี๋ยวคืนนี้ฌานวดให้นะคะ”“นาบด้วยได้มั้ย?”
ห้าเดือนผ่านไปฌาริยาตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สามแล้ว เหลืออีกประมาณสองเดือนเธอก็ใกล้จะคลอดแล้ว เมื่อห้าเดือนก่อนธนัทธามพาฌาริยาไปจดทะเบียนสมรส และไปฝากครรภ์ ตอนนี้เขาและเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายมาห้าเดือนแล้ว ชีวิตของฌาริยาในตอนนี้มีความสุขมากๆ ธนัทธามไปรับป้านิภามาอยู่ด้วยกัน และในตอนนี้เขาได้ซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า มีพื้นที่ไว้ให้ลูกๆ เล่นอย่างกว้างขวาง และมีสระว่ายน้ำอยู่ภายในบริเวณบ้านด้วย เรียกได้ว่าชีวิตของเธอตอนนี้สมบูรณ์แบบที่สุด มีสามีที่รักและเอาใจใส่เธอกับลูก และที่สำคัญสามีของเธอนั้นไม่เคยนอกลู่นอกทางเลย ธนัทธามเองก็ยังกลับไปดูแลบุพการีในวันเสาร์อาทิตย์เช่นเดิม ฌาริยารู้ว่าเขาเหนื่อย ไหนจะต้องทำงานที่บริษัท ไหนจะต้องดูแลบิดามารดา และยังต้องดูแลเธอกับลูกอีก ฌาริยาจึงพยายามแบ่งเบาภาระของเขาให้ได้มากที่สุด เธอไม่อยากให้เขาเหนื่อยจนเกินไป แต่เธอก็ทำอะไรได้ไม่มากเพราะตอนนี้เธอก็ท้องแก่ใกล้จะคลอดแล้ว พวกงานบ้านต่างๆ และการทำอาหารตอนนี้กลายเป็นหน้าที่ของป้านิภาไปแล้ว ส่วนฌาริยาก็ช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ แต่จะดูแลเด็กหญิงเฌอริตาเป็นหลัก และอีกเรื่องที่
สองเดือนผ่านไปอุ๊บ! อุ๊บ! ฌาริยาตื่นมาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะอาเจียน เธอรีบพุ่งตัวไปที่ห้องน้ำอย่างไว ก่อนจะอ้วกออกมาจนหมดหรือว่าเราจะท้อง? ต้องเป็นวันนั้นแน่ๆ เลย วันที่เธอโดนธนัทธามฝืนใจ และหลังจากนั้นเธอก็ไม่สบายจึงลืมกินยาคุมฉุกเฉิน เพราะเธอหยุดกินยาคุมกำเนิดตั้งแต่ที่จบความสัมพันธ์กับเขาแล้วถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ เธอจะทำอย่างไรดี?หลังจากที่ธนัทธามไปส่งเด็กหญิงเฌอริตาที่โรงเรียนและเขาก็เลยไปทำงาน ฌาริยาจึงรีบขึ้นแท็กซี่ไปโรงพยาบาล เธอต้องการตรวจให้แน่ใจว่าท้องจริงหรือเปล่า“ยินดีด้วยนะคะ คนไข้ตั้งครรภ์ได้แปดสัปดาห์แล้วค่ะ” สิ้นเสียงของหมอ โสตประสาทสัมผัสของเธอหยุดทำงานไปชั่วขณะ กว่าจะตั้งสติได้ก็ผ่านไปนานหลายวินาที“ดิฉันท้องจริงๆ ใช่มั้ยคะ? คุณหมอ”“ใช่ค่ะ คนไข้จะฝากครรภ์เลยมั้ยคะ?”“เอ่อ..ยังค่ะ”“ได้ค่ะ.งั้นเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงครรภ์ให้นะคะ ถ้าคนไข้จะมาฝากครรภ์คราวหน้าให้พาคุณพ่อมาด้วยนะคะ”“อ๋อค่ะ”ฌาริยาออกจากโรงพยาบาลและกลับมาถึงบ้านในสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงนัก เธอนั่งมองภาพอัลตร้าซาวด์ลูกน้อยที่อยู่ในท้องของเธอด้วยความรู้สึกหลากหลาย มีทั้งความดีใจ มีทั้งความกังวลใจ ตอนนี้เ
หลังจากที่ไข้ลดฌาริยาก็ไปทำอาหารเช้า เธอปล่อยให้เขานอนอยู่อย่างนั้น เธอไม่กล้าปลุกเพราะกลัวว่าเขาจะตื่น เธอไม่รู้ว่าเขาได้นอนตอนไหน“แม่ฌาหายดีแล้วเหรอคะ?” เด็กน้อยที่พึ่งตื่นงัวเงียถามมารดา“แม่ดีขึ้นแล้วค่ะ วันนี้น้องเฌอคงต้องลาอีกหนึ่งวันนะคะ เดี๋ยวแม่โทรบอกคุณครูเองค่ะ” “ได้ค่ะ” “น้องเฌอหิวหรือยังคะ? แม่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว”“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ค่ะ แล้วพ่อธามล่ะคะ?” เด็กน้อยตอบก่อนจะถามหาบิดา“พ่อธามหลับอยู่ค่ะ” “เมื่อวานพ่อธามดูแลแม่ฌาทั้งวันเลยค่ะ เพราะแม่ฌาไม่สบายตัวร้อน แล้วพ่อธามก็ทำอาหารให้น้องเฌอทาน อาบน้ำให้น้องเฌอ แล้วก็พาน้องเฌอเข้านอน เสร็จแล้วพ่อธามก็ไปดูแลแม่ฌาต่อค่ะ” เด็กน้อยอธิบายจนเธอเห็นภาพ“จริงเหรอคะ?” “จริงค่ะ” “งั้นเราปล่อยให้พ่อธามนอนพักผ่อนดีมั้ยคะ?”“ดีค่ะ” จากนั้นสองแม่ลูกก็พากันเล่นของเล่นอยู่ในห้องรับแขกธนัทธามตื่นมาอีกทีเกือบสิบเอ็ดโมง ขณะนั้น ฌาริยากำลังทำอาหารกลางวันอยู่“ดีขึ้นแล้วเหรอ? ถึงมาทำอาหารได้” เขาเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในครัวเพราะได้กลิ่นหอมเหมือนแกงจืดอะไรสักอย่าง“ไม่มีไข้แล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ“ฉันขอโทษนะที่ทำให้ฌาต้องเ
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฌาริยาจึงเดินมาเปิดประตู“คุณธามมีอะไรหรือเปล่าคะ?” “ลูกหลับแล้วเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่หากเป็นฝ่ายถามเธอกลับ“หลับแล้วค่ะ มีอะไรคะ?” “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาตอบเสียงเรียบ“เรื่องอะไรคะ?” เธอเลิกคิ้วถามออกมา“จะยืนคุยกันตรงประตูนี่หรือไง?” ฌาริยาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะตอบออกไป“งั้นก็ออกไปคุยกันข้างนอกก็ได้ค่ะ เดี๋ยวลูกจะตื่น” พูดจบเขาและเธอก็เดินออกมาจากห้อง เธอปิดประตูและหมุนตัวมาคุยกับเขา“คุณธามมีอะไรจะคุยกับฌาคะ?” “ฉันไม่ชอบให้ฌาไปคุยหรือสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นแบบนั้น” “ฌาจะคุยกับใครหรือสนิทกับใครมันก็สิทธิ์ของฌาหรือเปล่าคะ?” “ฌาไม่มีสิทธิ์คุยกับผู้ชายคนอื่น”“คุณธามก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งฌาเหมือนกัน เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”“ฉันไม่มีสิทธิ์อย่างนั้นเหรอ? ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ? สงสัยต้องทบทวนหน่อยล่ะมั้งว่าเราเป็นอะไรกัน” พูดจบเขาก็จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาและตรึงเธอไว้กับประตูห้อง“คุณธาม จะทำอะไร?” “ก็ทำแบบนี้ไง” สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เขาก็ประกบริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของเธอ และสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวาน เขาบดจูบเธออย
วันเสาร์วันนี้เด็กหญิงเฌอริตาตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเรียนศิลปะ เด็กน้อยดีใจที่จะได้เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันซึ่งมีอายุเท่ากัน “มาตา มานานแล้วเหรอ?” เด็กหญิงเฌอริตาเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนอยู่ที่ศูนย์แกลลอรี่ก่อนแล้ว“อืมม เราพึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง นี่คุณพ่อของเรา” เด็กหญิงคนที่ชื่อมาตาแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับบิดาของเธอ“สวัสดีค่ะ คุณลุง” เด็กหญิงเฌอริตายกมือไหว้บิดาของเพื่อน“สวัสดีครับ น้องเฌอใช่มั้ยครับ เห็นมาตาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ” “ใช่ค่ะ ส่วนนี่แม่ของน้องเฌอเองค่ะ” เด็กน้อยหันไปแนะนำมารดา“สวัสดีค่ะ คุณน้า คุณน้าสวยจังเลยค่ะ” เด็กหญิงมาตายกมือไหว้มารดาของเพื่อนพร้อมกับเอ่ยชม“สวัสดีค่ะ น้องมาตา ขอบคุณมากนะคะ” ฌาริยายิ้มออกมา“เอ่อ..สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณเอ่อ..” มานพ บิดาของเด็กหญิงมาตากล่าวทักทายหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอสวยเหมือนที่มาตาพูดจริงๆ ด้วย“สวัสดีค่ะ ฌาริยาค่ะ เรียกฌาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” “ผมมานพนะครับ เรียกนพเฉยๆ ก็ได้ครับ” “อ๋อค่ะ คุณนพ”หลังจากนั้นเด็กน้อยสองคนก็เข้าคลาสเรียนศิลปะ ส่วนผู้ปกครองของเด็กหญิงทั้งสองก็ไปนั่งดื่
หลังจากวันนั้น วันที่เด็กหญิงเฌอริตาได้รับรู้ว่าธนัทธามคือพ่อของตนเอง เด็กน้อยก็เหมือนจะมีความสุขมากยิ่งขึ้น ที่มีทั้งพ่อและแม่ครบเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ และในตอนนี้ เด็กหญิงเฌอริตาก็ได้ไปโรงเรียนแล้ว ธนัทธามเลือกโรงเรียนนานาชาติชื่อดังให้ลูก ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับบ้าน และเป็นทางผ่านสำหรับเขาเวลาไปทำงานอีกด้วย เขาบอกกับฌาริยาว่าเขาจะไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนเอง ส่วนฌาริยาก็มีหน้าที่ดูแลบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร และมีหน้าที่ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูก เขาและเธอแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทั้งสองคนต่างก็ทำหน้าที่พ่อและแม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้เด็กหญิงเฌอริตามีความสุขที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก และในวันเสาร์อาทิตย์ธนัทธามจะกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อกลับไปหาผู้เป็นบิดา และไปเยี่ยมมารดาที่โรงพยาบาลทุกสัปดาห์ส่วนความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ตามที่ตกลงกันไว้ คือต่างก็ทำหน้าที่พ่อกับแม่ให้เด็กหญิงเฌอริตาเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางกายเกิดขึ้น ธนัทธามยอมรับข้อตกลงด้วยความจำใจ เพราะเขาไม่อยากเสียเธอกับลูกไปอีกแล้ว เขาจึงต้องทำตามความต้องการของเธอ“แม่ฌาจ๋า..”“ว่าไงคะ..คนสวย” “วันนี้น้องเฌออยากกินไข่เ
หลังจากที่แผลของธนัทธามหายดีแล้ว เขาก็กลับไปที่คฤหาสน์ของเขาเพื่อดูแลบิดา ธนัทธามเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้บิดาฟัง บิดาของเขาได้เพียงแค่พยักหน้ารับรู้ เพราะบิดาของเขาพูดไม่ได้ ส่วนมารดาของเขาตอนนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยจิตเวช เขาไปเยี่ยมมารดาทุกสัปดาห์ แต่ตอนนี้มารดาของเขายังจำอะไรไม่ได้ พอเขาไปเยี่ยม มารดาเขาก็จะเข้ามากอด สักพักก็ไล่เขาออกไป มารดาเขาพร่ำเพ้อหาเรียกแต่ชื่อเขา บางทีก็ร้องไห้ บางทีก็หัวเราะนี่คงเป็นเวรกรรมที่มารดาเขาไว้ทำไว้กับฌาริยาและลูกสาวของเขา มารดาของเขาถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ทางด้านฌาริยากับเด็กหญิงเฌอริตาก็ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านของธนัทธามปกติ เธอยังไม่ได้คุยกับธนัทธามถึงเรื่องที่เคยคุยค้างไว้ เธอขอเวลาคิดและตัดสินใจอีกที“แม่ฌาจ๋า..ลุงธามหายไปหลายวันเลย เมื่อไหร่ลุงธามจะกลับมาคะ?” เด็กน้อยถามหาชายหนุ่มที่ไม่เห็นหน้ามาหลายวัน“กลับมาแล้วค้าบบ..คิดถึงน้องเฌอจังเลย” เสียงของธนัทธามเอ่ยขึ้นเมื่อเขากำลังเดินเข้ามาในบ้านแล้วได้ยินลูกสาวตัวน้อยถามหาเขาพอดี“น้องเฌอก็คิดถึงลุงธามที่สุดเลยค่ะ” เด็กน้อยฉีกยิ้มหวานก่อนจะตอบออกไป“มาให้พะ.. มาให้ลุงธามกอดหน
คำว่า รัก จากปากของเขาไม่ได้ทำให้เธอตื่นเต้นเลยสักนิดที่ได้ยินมัน“นั่นแสดงว่าคุณธามไม่ได้รักฌามากพอ ถ้าคุณธามรักฌาจริงๆ คุณธามจะไม่ทำกับฌาแบบที่คุณ ธามทำอยู่เด็ดขาด”“ฉันไปทำอะไรฌา?” เขาไปทำอะไรให้ฌาริยาเจ็บช้ำตอนไหน เรื่องงานเขาก็ช่วยเธอให้มาเป็นเลขาของเขา ฌาริยามีปัญหาเรื่องเงินเขาก็ช่วยเหลือเธอ“ก็ที่คุณธามให้ฌาไปเป็นนางบำเรอของคุณธามไงคะ?”“แล้วถ้าฉันบอกฌาว่าให้มาเป็นเมียตรงๆ ฌาจะยอมมั้ย? จริงๆ แล้วเรื่องเงินฉันไม่เคยสนใจมันเลยด้วยซ้ำ เงินแค่นั้นฉันให้ฌาได้อยู่แล้ว ฉันก็แค่อยากได้ฌากลับคืนมา ฉันก็เลยต้องใช้วิธีนี้” ธนัทธามบอกเหตุผลจริงๆ ออกไป “……” ฌาริยานิ่งงันไปชั่วขณะ“ฉันขอโทษ..ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำให้ฌาต้องเสียใจ ขอโทษแทนคุณแม่ ขอโทษที่ทำให้ฌาต้องเจอแต่เรื่องที่เลวร้าย แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ฌาต้องลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวมาหลายปี” เขาพร่ำขอโทษ ฌาริยาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฌาริยาน้ำตารื้นขึ้นมา เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา ชีวิตที่ผ่านมาของเธอเจอแต่เรื่องแย่ๆ เรื่องดีๆ ในชีวิตของเธอก็คงมีแค่ลูกเท่านั้น“ฌายกโทษให้ฉันสักครั้งจะได้มั้ย?” “…