เย่ซิวเห็นแสงหนึ่งพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงภายในแสงนั้นคือชายหนุ่มที่มีบุคลิกโดดเด่น แต่ในตอนนี้ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยจิตสังหารเย่ซิวขยับตัวเพียงครั้งเดียว ก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ขวางทางชายหนุ่มคนนั้นไว้ พร้อมกล่าวอย่างเรียบเฉย "นายเป็นใคร?""เย่ซิว!" ชายหนุ่มจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับว่าเย่ซิวเคยทำเรื่องเลวร้ายกับเขามาก่อน "ตายซะเถอะ!"เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบลงมือทันทีนิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาแนบชิดกัน แล้ววาดอักขระลงบนอากาศอย่างรวดเร็ว "อักขระสะกดพลัง จงปราบ!"ทันใดนั้นอักขระที่เปล่งแสงก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนจะกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ พุ่งลงมากดทับเย่ซิวอย่างรุนแรงตู้ม!เย่ซิวซัดหมัดเดียวก็ทำลายภูเขาลูกนั้นจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หมัดเล็กน้อย ทำให้ต้องหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยความแปลกใจอีกฝ่ายมีพลังเพียงแค่จินตานขั้นต้นเท่านั้น แต่กลับสามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บได้ นับว่าน่าประทับใจไม่น้อยสถานที่นี้ไม่เหมาะกับการต่อสู้ เย่ซิวจึงหันหลังแล้วพูดขึ้น "ถ้ามีเรื่องอะไรค้างคาใจ เราไปสะสางกันที่ที่ไม่มีคนดีกว่า"ชายหนุ่มรีบไล่ตา
ร่างแยกของชายหนุ่มกลายเป็นช้างยักษ์ ภูเขาไฟ และมังกรทอง พุ่งเข้าใส่เย่ซิวอย่างดุดันพลังทำลายล้างรุนแรง เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างราวกับแผ่นดินแยก ภูเขาถล่มเย่ซิวเริ่มจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นประกบเป็นวิชามือตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!อสนีบาตสีม่วงสามสายปรากฏขึ้นกลางอากาศ และฟาดลงมาอย่างรุนแรงสัตว์อสูรทั้งสามที่ชายหนุ่มปล่อยออกมา ถูกทำลายลงทันทีชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “วิชาอสนีบาตเก้าชั้นฟ้า! นายได้มันมาจากที่ไหน!?”เย่ซิวยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “นายควรห่วงความปลอดภัยของตัวเองก่อนจะดีกว่า”หลังจากพูดจบ สายฟ้านับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาโจมตีชายหนุ่มชายหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบใช้ทุกวิชาที่มีเพื่อหลบหนีแต่วิชาอสนีบาตเก้าชั้นฟ้าทรงพลังเพียงใดกันเมื่อมันถูกใช้ออกมาโดยยอดฝีมืออย่างเย่ซิว พลังที่ระเบิดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่สุดมิได้ชายหนุ่มสามารถหลบการโจมตีได้เพียงไม่กี่สาย ก่อนจะถูกสายฟ้าฟาดเข้าเต็ม ๆแต่โชคดีที่เขาพกสมบัติเวทมนตร์บางอย่างติดตัวมาในช่วงเวลาวิกฤติ มันกางม่านพลังโปร่งแสงออกมาป้องกันพลังทำลายทั้งหมดถึงแม้จะรอดจากการบาดเจ็บ แต่หั
“ไอ้บ้านนอกเอ๊ย คิดว่าโลกนี้เข้าสู่ยุคที่พลังเวทหมดสิ้นแล้วหรือไง?”“ไม่ใช่เหรอ?” เย่ซิวถามกลับ“แน่นอนว่าไม่ใช่ มีแต่พวกบ้านนอกอย่างนายนั่นแหละที่คิดแบบนั้น” ชายหนุ่มแค่นเสียงหึเขาคิดว่าเย่ซิวใกล้ตายเต็มทีแล้วและคู่ต่อสู้แบบนี้ก็ควรจะถูกทรมานให้หนักก่อนตายอีกทั้งการได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของเย่ซิวก็ทำให้เขารู้สึกสะใจไม่น้อยเมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็วาดยันต์สายฟ้าลงบนตัวเย่ซิวจากนั้นก็มีสายฟ้าสายแล้วสายเล่าพุ่งลงมาจากฟ้ากระแทกเข้าใส่เย่ซิวอย่างแม่นยำแต่สายฟ้าเหล่านั้นเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดา ไม่ได้แฝงพลังแห่งฟ้าดินเอาไว้ และมันก็แทบจะไม่สร้างความเสียหายอะไรให้เย่ซิวเลยแถมยังช่วยขัดเกลาร่างกายของเขาอีกต่างหากแต่เพื่อสนองความสะใจของเจ้าหนุ่มโรคจิตตรงหน้า เย่ซิวจึงแสร้งร้องอย่างเจ็บปวดออกมาชายหนุ่มหัวเราะลั่นก่อนจะเอ่ยต่อ“โลกที่นายเห็นจริง ๆ แล้วมันเป็นแค่เศษเสี้ยวของโลกที่แท้จริงต่างหากเหมือนหยดน้ำกลางมหาสมุทรหรือเม็ดทรายในทะเลทรายเท่านั้น”หัวใจของเย่ซิวสะท้านครั้งนี้เขาไม่ได้นายล้งทำเป็นตกใจ แต่รู้สึกตื่นตะลึงจริง ๆ “นายหมายความว่าไง? ฉันไม่เข้าใจ!”ชายหนุ่มแค่นเสีย
“ก็ใช่ ร่างกายฉันขยับไม่ได้ก็จริง แต่…”ยังไม่ทันพูดจบ หน้าผากของเย่ซิวก็เปล่งแสงขึ้นมาทันใดนั้น แสงสีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากหน้าผากของเขาฟันลงมาทางศีรษะของชายหนุ่มตรงหน้ากระบี่หายนะ!กระบี่เล่มนี้สามารถทะลวงการป้องกันทุกประเภทและโจมตีเข้าไปที่ตัวตนโดยตรงความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แต่เข้าไปถึงแก่นพลังของอีกฝ่ายการโจมตีครั้งนี้ทำให้ระดับพลังของชายหนุ่มลดฮวบจากจินตานขั้นต้นเหลือเพียงระดับรากฐานปราณขั้นสมบูรณ์เย่ซิวควบคุมกระบี่ให้ฟันลงไปที่ชายหนุ่มอีกสามครั้งติดกันพลังของชายหนุ่มดิ่งลงเหวในพริบตา เหลือเพียงรากฐานปราณขั้นต้นเท่านั้นพลังที่ลดลงอย่างรุนแรงทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตราประทับเทียนฝูได้อีกต่อไปเย่ซิวกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง ก่อนจะคว้าคอของชายหนุ่มไว้แน่นเขารู้สึกได้เลยว่าตัวเองได้รับพลังของอีกฝ่ายมาไม่น้อยเมื่อเขาลองคำนวณดู อย่างน้อยก็สี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของพลังทั้งหมดล่ะนะสัดส่วนขนาดนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวมากชายหนุ่มที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่บนเมฆ ตอนนี้กลับตกลงมาจากสวรรค์สู่ขุมนรกเสียได้ เขาจ้องเย่ซิวด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ทำไม? เป็น
จากนั้นเย่ซิวก็ได้เห็นชายชราหนวดเคราขาวโพลนคนหนึ่งรอบตัวเขาแผ่กระจายพลังงานลึกล้ำราวกับอยู่เหนือกาลเวลาชายชรามองเย่ซิวก่อนจะเผยรอยยิ้มใจดีออกมาเขากวักมือเรียก “เด็กน้อย การพบกันครั้งนี้คือโชคชะตา เข้ามาสิ”เย่ซิวลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายก็ก้าวเข้าไปหา“ที่นี่คือศูนย์กลางของศาสตร์แห่งวิถีอักขระ การที่เจ้ามาถึงที่นี่ได้แปลว่าพรสวรรค์ของเจ้าไร้เทียมทาน มาเถิด ข้าจะถ่ายทอดสุดยอดวิถีอักขระให้เจ้า”เย่ซิวค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ชายชรายื่นมือขวาออกมาแล้วกดลงบนหน้าผากของเย่ซิวแต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา รอยยิ้มอ่อนโยนของเขาก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“ร่างกายชั้นเลิศ ในที่สุดข้าก็จะได้ออกไปจากที่นี่และสามารถบำเพ็ญได้เหมือนมนุษย์ทั่วไปเสียที!”ร่างของชายชรากลายเป็นลำแสงพุ่งออกจากตำราลับเทียนฝูแล้วพุ่งเข้าสู่สมองของเย่ซิวโดยตรงนี่คืออาวุธวิญญาณเนื่องจากดำรงอยู่มาอย่างยาวนานมากจึงมีความรู้สึกนึกคิดเหมือนมนุษย์แต่เพราะกฎบางอย่างทำให้มันไม่สามารถออกจากพื้นที่นี้เองได้มันต้องรอให้คนนอกเข้ามาแล้วฉวยโอกาสยึดร่างของคนผู้นั้นชายหนุ่มคนก่อนแม้จะมีพรสวรรค์สูง แต่ยังไม่ถึง
ส่วนพวกนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีใครพูดอะไรเพิ่มเติมไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก เย่ซิวเพียงแค่เหินกระบี่ออกไปเท่านั้นด้วยพลังของเขาตอนนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากที่นี่ไปยังประเทศหลงเถิงจึงลดลงไปมากออกเดินทางตอนเที่ยง ถึงเมืองหลวงตอนหกโมงเย็นเมื่อกลับมาถึงประเทศหลงเถิงอีกครั้ง เย่ซิวก็รู้สึกเหมือนตัวเองห่างหายไปนานแสนนานทั้งที่ความจริงแล้วเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นานเท่านั้นเมื่อเทียบกับสำนักโอสถแล้ว เย่ซิวยังคงชอบบรรยากาศของประเทศหลงเถิงมากกว่าบรรยากาศของชีวิตประจำวันแบบนี้ทำให้เย่ซิวรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากเขารู้ดีว่านี่คือแหละรากฐานอย่างหนึ่งเป็นสิ่งที่สำนักโอสถยังไม่มี และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีหรืออาจเป็นพันปีกว่าที่จะซึมซับเข้าไปในทุกมุมของดินแดนตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเลิกงานของเซี่ยซิ่วซิ่วกับคนอื่น ๆ แล้วเย่ซิวจึงตรงกลับไปที่วิลล่าทันทีระหว่างทางเขาก็แวะซื้อของกินเล่น อาหารว่าง และกับแกล้มเย็น ๆ ติดมือไปด้วยพอถึงหน้าประตูวิลล่า เย่ซิวก็เผยตัวตนออกมาพอบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าประตูเห็นเขาก็ถึงกับตื่นเต้นดีใจอย่างสุดขีดเย่ซิวทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบ ไม่ให้พวกเขา
หลังจากบำเพ็ญและทดสอบฝีมือกันเสร็จ หลิวอวิ้นก็มองเย่ซิวด้วยสายตาคาดหวัง “เป็นไงบ้าง? ฉันพัฒนาไปเยอะเลยใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้า “พัฒนาไปมากเลยล่ะเมื่อก่อนถ้าผมทุ่มสุดตัวคุณจะทนได้แค่ห้านาที แต่ตอนนี้ก็อยู่ได้ตั้งสองนาทีแล้ว”เขาไม่ได้พูดประชดแต่อย่างใดด้วยพลังของเขาที่เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้แต่หลิวอวิ้นยังสามารถรักษาระดับนี้ได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วหลิวอวิ้นย่นจมูก “งั้นลองบอกหน่อยว่าในบรรดาผู้หญิงของนาย ฉันอยู่ลำดับที่เท่าไหร่”เย่ซิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณอยู่อันดับสี่”พอได้ยินอันดับ หลิวอวิ้นก็ไม่พอใจนัก “ทำไมฉันถึงได้แค่อันดับสี่ล่ะ? สามคนแรกคือใคร? ฉันสู้พวกเธอไม่ได้ตรงไหน?”เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ นี่เป็นการแข่งขันแปลก ๆ ระหว่างผู้หญิงหรือเปล่านะ?อันดับหนึ่งในใจของเขาแน่นอนว่าคือพรีเอลล์ผู้หญิงคนนั้นทานทนเกินขอบเขตไปไกลอันดับสองคือหยางชิงเสวี่ยเธอไม่ได้อยู่ที่อันดับนี้เพราะฝีมือดีเป็นพิเศษ แต่เพราะเธอมีพละกำลังมหาศาลในการฝึกซ้อมเธอสู้กับเย่ซิวได้อย่างสูสีอันดับสามคือชูตงเธอได้อันดับนี้มาเพราะพรสวรรค์โดยแท้ส่วนอันดับสี่หลิวอวิ้น เธออาศัยข้อได้เปรียบด้านอายุและความขยั
“ทั้งหมดนี้คือ ‘อาณาจักร’ ที่ฉันสร้างขึ้นมายังไงล่ะ”หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ทุกคนก็สงบสติอารมณ์ลงเย่ซิวมองไปที่เซี่ยชิงชิงที่กำลังย่องเบาหมายจะหนีไป “จะไปไหน อย่าลืมเห่าหนึ่งร้อยทีล่ะ”เซี่ยชิงชิงตัวแข็งทื่อก่อนจะฝืนหมุนตัวกลับมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้มแต่กลับดูแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก“พี่เขย ปล่อยฉันไปเถอะ เมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”“ไม่ได้ หนึ่งร้อยที ต้องครบ ถึงฉันจะยอมแต่คนอื่นก็ไม่ยอมอยู่ดีแหละน่า”“ถูกต้อง เธอต้องเห่านะ ยอมรับผลเดิมพันซะ” คนแรกที่พูดออกมาคือเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยชิงชิงมองเธออย่างขุ่นเคือง “พี่เป็นพี่สาวหนูจริงเหรอ? ไม่เห็นจะช่วยกันเลย”เซี่ยซิ่วซิ่วกะพริบตาปริบ ๆ “น้องรัก พี่ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกนะ แค่อยากฟังเธอทำเสียงหมาเห่าเท่านั้นเอง”จากนั้นคนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะครืนพวกเธอไม่ยอมให้เธอหลบเลี่ยงไปได้แน่ เพราะถ้าเธอถ้าไม่ทำก็คงจะไม่ให้เธอมาร่วมสนุกกับพวกเธออีกเซี่ยชิงชิงไม่มีทางเลือก จึงต้องกลั้นน้ำตาแล้วเอ่ยออกมา “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็ง นี่คงเป็นตราบาปที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิตแน่หลังจากเซี่ยชิงชิงเห่าครบหนึ่งร้อยครั้งแล้ว เย่ซิวก็
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ