“ทั้งหมดนี้คือ ‘อาณาจักร’ ที่ฉันสร้างขึ้นมายังไงล่ะ”หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ทุกคนก็สงบสติอารมณ์ลงเย่ซิวมองไปที่เซี่ยชิงชิงที่กำลังย่องเบาหมายจะหนีไป “จะไปไหน อย่าลืมเห่าหนึ่งร้อยทีล่ะ”เซี่ยชิงชิงตัวแข็งทื่อก่อนจะฝืนหมุนตัวกลับมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้มแต่กลับดูแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก“พี่เขย ปล่อยฉันไปเถอะ เมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”“ไม่ได้ หนึ่งร้อยที ต้องครบ ถึงฉันจะยอมแต่คนอื่นก็ไม่ยอมอยู่ดีแหละน่า”“ถูกต้อง เธอต้องเห่านะ ยอมรับผลเดิมพันซะ” คนแรกที่พูดออกมาคือเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยชิงชิงมองเธออย่างขุ่นเคือง “พี่เป็นพี่สาวหนูจริงเหรอ? ไม่เห็นจะช่วยกันเลย”เซี่ยซิ่วซิ่วกะพริบตาปริบ ๆ “น้องรัก พี่ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกนะ แค่อยากฟังเธอทำเสียงหมาเห่าเท่านั้นเอง”จากนั้นคนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะครืนพวกเธอไม่ยอมให้เธอหลบเลี่ยงไปได้แน่ เพราะถ้าเธอถ้าไม่ทำก็คงจะไม่ให้เธอมาร่วมสนุกกับพวกเธออีกเซี่ยชิงชิงไม่มีทางเลือก จึงต้องกลั้นน้ำตาแล้วเอ่ยออกมา “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็ง นี่คงเป็นตราบาปที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิตแน่หลังจากเซี่ยชิงชิงเห่าครบหนึ่งร้อยครั้งแล้ว เย่ซิวก็
เย่ซิวหันไปมองที่ประตูหน้าวิลล่าในทันทีเขาสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมาที่หน้าประตูเสวี่ยเหมยนั่นเองเธอไม่ได้เดินเข้ามาตรง ๆ แต่ใช้วิธีบางอย่างลอบเข้ามาแทนแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวรู้สึกแปลกใจก็คือตอนนี้เสวี่ยเหมยบรรลุถึงระดับสร้างรากฐานปราณแล้วจึงสามารถหลบเลี่ยงการรับรู้ของคนที่อยู่ด้านนอกได้เย่ซิวขยับความคิดเล็กน้อยจากนั้นก็ใช้วิชาล่องหน ทำให้ทุกคนที่โต๊ะอาหารหายไปจากสายตาแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเขาอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรก่อนจะเห็นเสวี่ยเหมยกลั้นหายใจ รองเท้าของเธอพันด้วยผ้าเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงแม้แต่นิดเดียวเธอแอบมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังวันนี้เธอสวมชุดรัดรูปสีดำทั้วตัวเผยให้เห็นรูปร่างอันสวยงามและอวบอิ่มได้รูปของเธออย่างชัดเจนแค่รูปร่างแบบนี้ก็เพียงพอให้สุภาพบุรุษทั้งหลายกลายเป็นสัตว์ร้ายได้แล้วจากนั้นเธอก็เดินไปยังห้องของเย่ซิวอย่างคล่องแคล่วจากนั้นก็รีบเข้าไปข้างในทันทีเย่ซิวขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่จึงเดินตามเข้าไปเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เสวี่ยเหมยก็ดูผ่อนคลายลงหลังจากแน่ใจว่าในห้องไม่มีใคร เธอก็กระโดดพุ่งขึ้นไปบน
เขาแค่แกล้งเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอแล้ว ถ้าเย้าแหย่ไปมากกว่านี้ ผู้หญิงคนนี้คงจะอับอายจนไม่กล้าเงยหน้ามองใครอีกแน่เย่ซิวเปลี่ยนเรื่องพูด “ในเมื่อคุณบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณแล้ว งั้นคืนนี้มาบำเพ็ญกับผมดีไหม?”เสวี่ยเหมยพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วแต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด “เอาสิ”ตอนนี้เย่ซิวไม่ใช่ผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนก็สามารถอยู่ข้างกายได้นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย หากไม่มีสายสัมพันธ์ที่สั่งสมไว้ก่อนหน้านี้เสวี่ยเหมยในตอนนี้อาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าใกล้เย่ซิวด้วยซ้ำเย่ซิวออกจากห้องไปก่อนเพื่อพาผู้หญิงคนอื่นกลับไปยังห้องของตัวเอง จากนั้นจึงกลับมาอีกครั้งเห็นเสวี่ยเหมยที่โผล่พ้นผ้าห่มมาแค่ศีรษะ เย่ซิวก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเริ่มใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนหลังจากบรรลุระดับจินตานขั้นสมบูรณ์แล้วการจะก้าวไปอีกขั้นต้องใช้พลังวิญญาณเป็นสิบเท่าของปริมาณที่ใช้ตั้งแต่ระดับจินตานขั้นต้นจนถึงจินตานขั้นสมบูรณ์ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่าตกตะลึงมากแค่ก้าวนี้ก็บอกได้แล้วว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ไม่มีวันได้ก้าวข้ามไปถึงขั้นนั้นได้ตลอดชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่เสวี่ยเหมยฝึกฝนร่วมกับเย่ซิวและ
หลิ่วเมิ่งอิ๋นตกใจจนลืมตาขึ้นทันทีดวงตาใสกระจ่างของเธอแฝงไปด้วยความน่าสงสารไม่ว่าใครเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมาในใจอันที่จริงตอนที่เย่ซิวเปิดประตูเข้ามา เธอก็ตื่นแล้ว เพียงแต่แกล้งหลับอยู่เท่านั้นแต่พอโดนเย่ซิวขู่เล่นนิดเดียวก็สะดุ้งลืมตาขึ้นมาทันที“น่ารำคาญที่สุดเลย เอาแต่จะแกล้งฉันอยู่ได้”เย่ซิวนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะใช้มือแตะหน้าผากเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ไม่เลวเลย ตอนนี้เธอเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสมบูรณ์แล้ว ดูท่าช่วงนี้เธอจะไม่ได้ลืมบำเพ็ญตนนะ”หลิ่วเมิ่งอิ๋นมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าฉันขยันบำเพ็ญตนหรอกนะ เป็นเพราะโอสถของพี่ต่างหากที่มันสุดยอดเกินไป”หากไม่มีทรัพยากรที่เย่ซิวให้ เธอคงไม่มีทางพัฒนาได้รวดเร็วแบบนี้แน่เย่ซิวถาม “เธอเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?”หลิ่วเมิ่งอิ๋น “หือ? เอ๊ะ!”เวลาเหลือน้อยแล้ว และสิ่งที่ต้องทำก็ยังมีอีกมาก เย่ซิวต้องทำให้พวกเธอทั้งหมดบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณให้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปเขาจึงเริ่มเร่งพลังขั้นสูงสุดทันทีจนกระทั่งประมาณสิบโมงเช้า ผู้หญิงในห้องทุกคนยกเว้นหลิวอวิ้นก็บรรลุระดับสร้างรากฐานปราณ
“เงินหนึ่งล้านล้านจะถูกโอนเข้าบัญชีบริษัทภายในสองวัน ”“บอสเป็นผู้ชายที่ใจกว้างและหล่อที่สุดในโลกเลย!”ถังเขอเข่อดีใจจนเต้นไปมา“พอได้แล้ว พาฉันไปดูหน่อย”“ได้เลยค่ะบอส เชิญทางนี้ค่ะ”เย่ซิวเดินไปยังพื้นที่ที่ใช้เก็บเครื่องยนต์ขนาดยักษ์เมื่อเห็นมันอีกครั้ง เย่ซิวก็สังเกตว่าตัวเครื่องยนต์มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย และสายไฟที่เคยเกะกะภายนอกก็ลดลงมากถังเขอเข่ออธิบาย “ฉันปรับแต่งเครื่องยนต์นิดหน่อย ทำให้มันใช้พลังงานน้อยลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น”เย่ซิวพยักหน้าด้วยความรู้สึกพอใจที่เงินที่ลงไปก่อนหน้านี้ไม่ได้เสียเปล่านอกจากเรื่องเครื่องยนต์แล้ว เย่ซิวยังให้ถังเขอเข่อเดินหน้าวิจัยจักรกลมังกรดำรุ่นที่สองต่อไปอีกด้วยถังเขอเข่อยื่นห้านิ้วออกมา “อันนี้ก็ต้องใช้เงิน ห้าแสนล้านถึงจะพอ”เย่ซิวตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลหลังจากอยู่ที่นั่นสักพัก เย่ซิวก็ออกมาเวลาผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็วลู่เสวี่ยเอ๋อร์โทรมาหาเขา บอกว่าทุกคนเตรียมพร้อมแล้วและกำลังรออยู่ที่สนามบินเย่ซิวเก็บเตากลั่นยา จากนั้นก็ใช้วิชาล่องหนพุ่งตรงไปยังสนามบินทันทีที่สนามบินคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแค่เฉพาะพนักงานจากบริษั
บนท้องฟ้าสูงเสียดเมฆ มีเครื่องบินทั้งห้าลำกำลังแล่นแหวกผ่านเมฆโดยรอบถูกแรงสั่นสะเทือนจนกระจายตัวออกไปแต่ทันทีที่เครื่องบินออกจากพรมแดนของประเทศหลงเถิงได้ไม่นานกลับมีขีปนาวุธสิบกว่าลูกพุ่งเข้ามาจากด้านหน้าโชคดีที่เย่ซิวมีสัมผัสที่เฉียบคม เขารับรู้ถึงอันตรายได้ทันทีร่างของเขาหายวับไปปรากฏตัวอยู่หน้าสุดของเครื่องบินลำแรกในเวลานี้ ขีปนาวุธอยู่ห่างจากที่นี่เพียงไม่กี่สิบลี้เท่านั้นหากทำลายพวกมันทันที คลื่นพลังที่เกิดขึ้นอาจทำให้เครื่องบินทั้งห้าลำได้รับความเสียหายเย่ซิวจึงไม่มีทางเลือกและใช้โลหิตของตัวเองเป็นสื่อกลางเมื่อแลกกับต้นทุนบางส่วน เขาก็วาดยันต์ป้องกันได้กว่าร้อยแผ่นภายในห้าวินาทีจากนั้นก็ติดไว้บนเครื่องบินแต่ละลำทันทีที่ยันต์ถูกติดตั้งครบ เย่ซิวก็กางโล่พลังขนาดมหึมาที่โปร่งใสขึ้นมาและในวินาทีเดียวกัน ขีปนาวุธสิบกว่าลูกก็พุ่งเข้าปะทะจนเกิดระเบิดลูกใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินนักบินและลูกเรือบนเครื่องบินทั้งห้าต่างตกตะลึงสุดขีดเบื้องหน้ากลายเป็นความมืดสนิท ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนก เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นในหูพวกเขา
ท่าทีเย็นชาของเธอตัดกับใบหน้าที่งดงามอย่างสิ้นเชิง แต่กลับยิ่งกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในใจของผู้คน“เย่ซิวแข็งแกร่งเกินไป ความระมัดระวังของเขาก็สูงมาก ถ้าฉันเข้าไปใกล้อาจทำให้เขาสงสัยได้”ชายชรายิ้มเย็น “เราเฝ้าสังเกตเย่ซิวมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว”ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขาหลายคนตอนแรกเป็นศัตรูกับเขา แต่สุดท้ายก็ต้องยอมสยบให้ดังนั้นเวลาที่เธอเข้าไปใกล้เขา จงแสดงตัวเป็นศัตรูไปเลยบอกเขาว่าเธอมาเพื่อท้าทายเขา เขาจะไม่ฆ่าเธอแน่ แต่นั่นกลับจะยิ่งกระตุ้นความต้องการเอาชนะของเขาหลังจากอยู่กับเขาสักระยะ เธอก็แสร้งทำเป็นหลงใหลและยอมศิโรราบต่อเขา จากนั้นก็ลงมือได้ตราบใดที่เธอทำภารกิจนี้สำเร็จ ตำแหน่งนักบุญหญิงแห่งประเทศวูคนต่อไปก็จะเป็นของเธอ”ดวงตาของน่าอีส่องประกายวาวโรจน์นักบุญหญิงแห่งประเทศวูเป็นตำแหน่งที่ทรงอำนาจที่สุดรองจากราชาแห่งประเทศวูเธอจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรล้ำค่าและความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศวูได้เป็นตำแหน่งที่หญิงสาวทุกคนในประเทศวูใฝ่ฝันถึงนี่คือข้อเสนอที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ จากนั้นเธอก็พยักหน้า “ตกลง ฉันจะรับภารกิจนี้ แล้วฉันต้องออกเดินทางเมื่อไหร่”“แน่นอนว่า
สิ่งที่เย่ซิวหมายถึงก็คือสำนักเยียนอวี่อาจารย์ของเขาทิ้งมรดกให้เป็นหน่วยข่าวกรองที่แผ่ขยายไปกว่าร้อยประเทศทั่วโลกกระทั่งตอนนี้ เย่ซิวก็ยังไม่เคยใช้งานมันเลยพอดีกับที่ในประเทศอวี้เจียวก็มีคนของสำนักเยียนอวี่อยู่เย่ซิวจึงติดต่อไปยังหัวหน้าฝ่ายที่นั่นโดยตรงหลังจากออกคำสั่งเสร็จ เขาก็กลับมาบำเพ็ญต่อทันทีสิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการทะลวงขีดจำกัดให้ได้โดยเร็วเวลาไหลผ่านไปห้าวันในที่สุด ข่าวจากทางนั้นก็มาถึง ทุกอย่างถูกตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้วนายพลของประเทศอวี้เจียวที่ออกคำสั่งโจมตีขีปนาวุธมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับประเทศวูศักยภาพของสำนักเยียนอวี่นับว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างที่รายงานข่าวให้เย่ซิว พวกเขายังแนบข้อมูลของประเทศวูมาให้ด้วยแววตาของเย่ซิวทอประกายประชากรของประเทศนี้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์อย่างมากในยุคบรรพกาล เวทมนตร์เคยเป็นศาสตร์แห่งการบำเพ็ญที่รุ่งเรืองที่สุดสง่างามยิ่งใหญ่แต่มันกลับเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ในภายหลังด้วยเหตุผลบางอย่างจนสืบทอดมาถึงปัจจุบัน มันกลับกลายเป็นศาสตร์ที่มุ่งเน้นไปที่คำสาปเป็นหลักนั่นเท่ากับว่าพวกเขากำลัง
ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งที่เคยดูทรงพลังและน่าเกรงขาม ตอนนี้กลับดูซูบเซียวและอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดมันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ดันไปหาเรื่องกับเย่ซิวซึ่งเป็นตัวอันตรายเข้าหากรู้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ มันคงเลือกที่จะเงียบและทำตัวเป็นม้าโปร่งแสงไปเสียตั้งแต่ต้นวิชาแปรมังกรขั้นที่สามต้องบำเพ็ญให้เกิดกรงเล็บมังกร หางมังกร และเขามังกรขึ้นมาเย่ซิวไม่มีทางหยุดแน่นอน โอกาสแบบนี้ถ้าพลาดไปก็คงไม่มีวันหาได้อีกหนึ่งวันผ่านไป เขาก็ฝึกขั้นที่สามสำเร็จตอนนี้เขากลายเป็นมังกรทองในร่างมนุษย์ไปแล้วกรงเล็บมังกรสีทองแหลมคมราวกับสุดยอดศาสตราวุธ สามารถฉีกกระชากทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเขามังกรทั้งสองเส้นชี้ขึ้นฟ้า และมันไม่ได้มีไว้แค่ประดับเท่านั้นแต่มันช่วยเพิ่มการรับรู้และเร่งการดูดซับพลังจากฟ้าดินอีกด้วยส่วนหางมังกรก็มีประโยชน์ไม่น้อยมันเปรียบเสมือนแขนที่สามของเขา สามารถใช้เป็นอาวุธลับในสถานการณ์สำคัญได้และพอจะก้าวไปสู่ขั้นที่สี่ เขาก็ต้องใช้พลังงานมากกว่าขั้นที่สามถึงสิบเท่าเย่ซิวก้มลงมองม้าศึกเพลิงน้ำแข็งและพบว่าตอนนี้มันผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก คงใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแ
เย่ซิวค้นพบว่าภายในเสาทั้งสิบสามต้นนี้ฝังอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ อาจเป็นค่ายกลหรืออย่างอื่นที่ซับซ้อนกว่านั้นพวกมันเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใต้ดินและคอยดูดซับพลังจากร่างของมันจากนั้นก็ใช้พลังเหล่านั้นกดมันเอาไว้มันคล้ายกับเครื่องสูบน้ำที่ดูดน้ำจากบ่อขึ้นมาแล้วเทกลับลงไป วนเวียนเป็นวงจรซ้ำไปซ้ำมาจากนั้นเย่ซิวก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างหนึ่งแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถแอบขโมยพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งได้หรือเปล่าหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจลองดูเจ้าแก่นี่เกือบทำให้เขาตกอยู่ใต้อำนาจมัน ถ้าไม่เอาคืนบ้างก็คงรู้สึกขัดใจไม่น้อยคิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็วางมือลงบนเสาต้นหนึ่งก่อนจะเร่งพลังวิชาแปรมังกรทันทีศาสตร์นี้สามารถกลั่นพลังงานทุกประเภทในโลกให้เป็นของตนเองได้ทันทีที่เริ่มใช้งาน ฝ่ามือของเขาก็เกิดแรงดูดอันทรงพลังและดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จำนวนมากจากเสาศิลาวิญญาณเสาเองก็ตอบสนองโดยการเร่งดูดพลังจากม้าศึกเพลิงน้ำแข็งมากขึ้นดวงตาของเย่ซิวเปล่งประกายขึ้น พร้อมกับที่เขาพยายามรักษาสมดุลเอาไว้ในขณะที่ม้าศึกเพลิงน้ำแข็งถึงกับสบถออกมา พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นเต
แค่เสาทั้งสิบสามต้นนี้ก็มีมูลค่ามหาศาลแล้วเทียบได้กับทรัพย์สินทั้งหมดของเย่ซิวก่อนที่เขาจะเริ่มบำเพ็ญวิชาเก้าวัจนะลึกลับเลยทีเดียว“นั่นคืออะไรน่ะ? ฉันรู้สึกได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในร่างกายเลย” พรีเอลล์จ้องมองเสาศิลาวิญญาณเหล่านั้นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสนจากนั้นเธอก็ก้าวเดินไปข้างหน้าแต่ถูกเย่ซิวขวางเอาไว้สีหน้าของสองพี่น้องดูแปลกไปเหมือนถูกอะไรบางอย่างครอบงำในขณะที่โซเฟียกลับไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น“จงตื่น!”เสียงของเย่ซิวดังขึ้นเบา ๆ สองพี่น้องได้สติทันที พร้อมกับเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นเต็มตัว“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”“เมื่อกี้เหมือนฉันถูกควบคุมเลย”เย่ซิวใช้พลังเนตร มองทะลุผ่านพื้นลงไปสายตาของเขาค่อย ๆ เจาะลึกลงไปนับพันเมตร จนกระทั่งพบว่าที่ใต้ดินลึกลงไปมีค่ายกลขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ภายในค่ายกลนั้นขังบางสิ่งเอาไว้มันคือม้าศึกตัวหนึ่งที่สูงเกือบสองเมตร ทั้งร่างขาวโพลนราวหิมะบนหัวมีเขาเกลียวชี้ขึ้นด้านบนกีบเท้าทั้งสี่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีขาวดวงตาของมันลึกลับดุจห้วงเหวลึกทันใดนั้นเอง ม้าศึกตัวนั้นก็เงยหน้าขึ้นสบตากับเย่ซิวเข้าเต็ม ๆโครม!เย่ซิวรู้สึกเ
“ข้างในมีของสำคัญสำหรับฉันมาก ฉันเข้าไปด้วยได้ไหม?”เสียงของโซเฟียไพเราะจับใจเหมือนกับเสียงน้ำพุใสกระทบหิน มีความลึกซึ้งและก้องกังวานแค่เสียงของเธอก็ทำให้ผู้ชายมากมายหัวใจเต้นแรงได้แล้วเย่ซิวมองหญิงสาวที่สวยจนดูราวกับภาพลวงตาตรงหน้า “ถ้าปล่อยให้เธอเข้าไปแล้วฉันจะได้อะไร?”“บนตัวนายมีป้ายอันหนึ่งที่เต็มไปด้วยรอยร้าว เอามาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิม”เย่ซิวมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากแหวนผนึกของมันเป็นของที่ตกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นตอนที่เขาช่วยเธอเอาไว้ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตว่ามันมีค่าอะไรเลยเก็บมันไว้ก่อนจากนั้นเขาก็ยื่นมันให้โซเฟียเธอวางมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะกดมือทั้งสองข้างเข้าหากันแสงสีขาวสว่างออกมาจากรอยต่อของมือและคงอยู่เช่นนั้นต่อเนื่องเป็นสิบกว่าวินาทีพอเธอคลายมือออกก็มีแผ่นหยกเรืองแสงอ่อน ๆ ปรากฏอยู่ในฝ่ามือเย่ซิวรับแผ่นหยกนั้นมาแนบไว้ที่หว่างคิ้วจากนั้นก็มีข้อมูลมากมายก็ไหลทะลักเข้าสู่สมองของเขาก่อนจะปรากฏเป็นเคล็ดวิชาหนึ่งขึ้นมาในหัวเขาทันทีวิชาแปรมังกร!เป็นศาสตร์ฝึกฝนที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่งตามเนื้อหาที่บันทึกไว
แค่กระบี่นี้ หากเล็งไปที่เมืองสักแห่ง เมืองนั้นคงถูกทำลายจนสิ้นในพริบตาหากฟันกระบี่นี้ออกไปอีกไม่กี่ครั้ง ประเทศจ้านฉงตี้คงได้รับความเสียหายอย่างหนักจนยากจะฟื้นตัวหรือไม่แน่ อาจถูกประเทศจ้านอิงตี้ฉวยโอกาสเข้ายึดครองไปเลยก็ได้อย่าดูแค่ภายนอกว่าทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงจุดอ่อนขึ้นมา อีกฝ่ายจะต้องฉวยโอกาสกลืนกินอย่างแน่นอนเย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยซากโบราณสถานแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาจริง ๆเขาใช้วิชาอัดปราณกระบี่ไปถึงเก้าครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้เย่ซิวเก็บกระบี่หงส์โบยบิน โดยไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเขาประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีทองสว่างไสวเหมือนเปลวเพลิง ก่อนที่ร่างขนาดมหึมาจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาตู้ม!ตู้ม!ตู้ม!เมื่อร่างที่ทรงพลังและครอบงำทุกสิ่งจนแทบไร้เทียมทานปรากฏขึ้นท้องฟ้าอันแจ่มใสพันลี้พลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมืดในทันทีไม่ต้องพูดถึงคนรอบข้างที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่จักรพรรดิหมีเหล็ก ที่อยู่ห่างออกไปกว่าหลายมันไมล์ และกำลังชมวิดีโออยู่ ยังสัมผัสได้ถึงพลังอันหนักอึ้งและกดดันมหาศ
ร่างกายของโซเฟียเย็นเล็กน้อยสัมผัสคล้ายกับการบีบเยลลี่เมื่อเผชิญกับสายตาแข็งกร้าวของเย่ซิว เธอกลับแสดงออกอย่างสงบนิ่ง“คุณเป็นคนของโลกนี้หรือเปล่า”โซเฟียไม่ได้ตอบอะไรเธอเพียงแค่มองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกเคย์ฟี่ที่เห็นฉากนี้ เกิดความอิจฉาขึ้นมาเป็นครั้งแรกทำไมตัวเธอพยายามสารพัด แต่เย่ซิวกลับไม่ยอมมองเธอแม้แต่แวบเดียวขณะที่โซเฟียเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับได้รับความสนใจจากทุกคน“ไม่พูดสินะ?” เย่ซิวเพิ่มแรงบีบที่ปลายคางของเธอเล็กน้อยผิวของเธอบอบบางเกินไป เพียงบีบเบา ๆ ก็เกิดรอยช้ำขึ้นมาแล้ว“ถ้าไม่พูดก็ถือว่ายอมรับ ผมจะฆ่าคุณ”เย่ซิวไม่ได้ขู่เธอในขณะนั้น ความกระหายสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของเขาแต่ทันทีที่ความคิดฆ่าฟันเกิดขึ้น เขากลับสัมผัสได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากตัวหญิงสาวภายในร่างกายของเธอ มีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่หากเธอเผชิญกับอันตรายจริง ๆ สิ่งนั้นจะถูกกระตุ้นออกมาเองเย่ซิวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากเธอ ความตั้งใจจะฆ่าที่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ หายไปเขาไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเธอ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องฆ่าเธอทันทีที่เจอหน้าเย่ซิวเดินผ
ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวสุดขีด พลังของอ็อคก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครั้งแรงกดดันจากร่างกายของเขารุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้สนับสนุนอ็อคหลายคนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อีกครั้งภายใต้ความโกรธในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาจากอ็อคเทียบเท่ากับระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ ตัวเขาเองก็เต็มไปด้วยความดีใจสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง อ็อคเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอยู่เหนือทุกสิ่งอีกครั้งสองข้าวิ่งทะยาน ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุกำแพงเสียงในพริบตาร่างของเขาพุ่งเข้าหาเย่ซิวราวกับอุกกาบาตที่ลุกไหม้เต็มไปด้วยพลังแห่งความบ้าคลั่งและไร้เทียมทานแต่แม้จะต้องเผชิญกับการโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เย่ซิวก็ยังคงยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะขยับจนกระทั่งอ็อคใกล้เข้ามา เขาถึงได้เอ่ยออกมาเพียงคำเดียว“หยุด!”วาจาศักดิ์สิทธิ์!อ็อคที่กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดก็พลันหยุดนิ่ง ถูกพลังบางอย่างตรึงร่างไว้โดยสมบูรณ์ เขาหยุดอยู่ห่างจากเย่ซิวเพียงครึ่งเมตรเท่านั้นในดวงตาของอ็อคเต็มไปด้วยความมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเย่ซิวยื่นมื
พลังแห่งปฐพี!พลังแห่งปฐพีในรัศมีร้อยลี้ถูกอ็อคควบคุมและรวบรวมเข้าสู่ร่างกายของเขาทำให้หมัดที่ปล่อยออกมาทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุดผู้คนรอบข้างพากันยกมือขึ้นปิดหูโดยสัญชาตญาณบางคนที่พลังอ่อนแอกว่าถึงกับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ร่างกายสั่นสะท้านจนควบคุมตัวเองไม่ได้มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!ให้ความรู้สึกราวกับมีระเบิดเอชระเบิดขึ้นข้าง ๆดวงตาของอ็อคเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและความกระหายในเลือดเขาเชื่อมั่นว่าหมัดนี้ ต่อให้เย่ซิวแข็งแกร่งแค่ไหนก็คงรับไว้ไม่ได้ และต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอนเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเย่ซิว หวังจะเห็นความหวาดกลัวแต่เขากลับต้องผิดหวังดวงตาของเย่ซิวลึกดั่งบ่อน้ำเย็นยะเยือกที่ไม่มีจุดสิ้นสุดไม่ว่าโลกภายนอกจะโหมกระหน่ำเพียงใด ก็ไม่อาจทำให้เกิดระลอกคลื่นใด ๆ ได้เย่ซิวขยับแล้วมือขวากำหมัดแน่นเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถทำลายท้องฟ้าของอ็อค เขาใช้พลังเพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้นตู้ม!สองหมัดปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าดินจากนั้นก็เห็นว่าเย่ซิวไม่ได้ขยับแม้แต่น้อยแต่อ็อคกลับเริ่มแตกสลายจากหมัดของตัวเอง และรอยแตกนั้นลามขึ้นไปทั
เมื่ออ็อคเข้าใกล้ แรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พูท พรีเอลล์ และเคย์ฟี่ถึงกับสะดุ้ง หายใจติดขัดราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูร้าย!"เย่ซิว! นายมาที่นี่ทำไม? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรมา!"เสียงของอ็อคดังกึกก้อง ราวกับฟ้าร้อง"หลีกไป อย่ามาขวางทางฉัน"เย่ซิวพูดอย่างไม่ไว้หน้า ขณะที่ยังคงจับจ้องไปที่โซเฟียเขากำลังคาดเดาว่าเธออาจจะมาจากโลกภายนอกนี่เป็นความเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุด"อวดดีนัก! อยากตายรึไง!""เย่ซิว! ที่นี่ไม่ใช่สำนักโอสถ และไม่ใช่ประเทศหลงเถิงด้วย! นายมาคนเดียว อย่าทำตัวอวดดีให้มากนัก!""ใช่! ไม่งั้นนายอาจจะไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่!"……เหล่าผู้ติดตามของอ็อคต่างพากันล้อมเย่ซิว สีหน้าของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตรและความเย็นชาถ้าเป็นเมื่อสัปดาห์ก่อน พวกเขาคงไม่กล้าพูดจาแบบนี้กับเย่ซิวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วการปรากฏตัวของอ็อคทำให้พวกเขามั่นใจและกล้าแสดงออกมากขึ้นเพราะพวกเขาเคยเห็นฝีมือของอ็อคมาก่อน จึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขามั่นใจ แม้แต่เย่ซิวมาเอง อย่างมากก็คงทำได้เพียงเสมอกันยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่