ส่วนพวกนายกรัฐมนตรีก็ไม่มีใครพูดอะไรเพิ่มเติมไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก เย่ซิวเพียงแค่เหินกระบี่ออกไปเท่านั้นด้วยพลังของเขาตอนนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากที่นี่ไปยังประเทศหลงเถิงจึงลดลงไปมากออกเดินทางตอนเที่ยง ถึงเมืองหลวงตอนหกโมงเย็นเมื่อกลับมาถึงประเทศหลงเถิงอีกครั้ง เย่ซิวก็รู้สึกเหมือนตัวเองห่างหายไปนานแสนนานทั้งที่ความจริงแล้วเขาเพิ่งจากไปได้ไม่นานเท่านั้นเมื่อเทียบกับสำนักโอสถแล้ว เย่ซิวยังคงชอบบรรยากาศของประเทศหลงเถิงมากกว่าบรรยากาศของชีวิตประจำวันแบบนี้ทำให้เย่ซิวรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากเขารู้ดีว่านี่คือแหละรากฐานอย่างหนึ่งเป็นสิ่งที่สำนักโอสถยังไม่มี และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีหรืออาจเป็นพันปีกว่าที่จะซึมซับเข้าไปในทุกมุมของดินแดนตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเลิกงานของเซี่ยซิ่วซิ่วกับคนอื่น ๆ แล้วเย่ซิวจึงตรงกลับไปที่วิลล่าทันทีระหว่างทางเขาก็แวะซื้อของกินเล่น อาหารว่าง และกับแกล้มเย็น ๆ ติดมือไปด้วยพอถึงหน้าประตูวิลล่า เย่ซิวก็เผยตัวตนออกมาพอบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าประตูเห็นเขาก็ถึงกับตื่นเต้นดีใจอย่างสุดขีดเย่ซิวทำมือเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบ ไม่ให้พวกเขา
หลังจากบำเพ็ญและทดสอบฝีมือกันเสร็จ หลิวอวิ้นก็มองเย่ซิวด้วยสายตาคาดหวัง “เป็นไงบ้าง? ฉันพัฒนาไปเยอะเลยใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้า “พัฒนาไปมากเลยล่ะเมื่อก่อนถ้าผมทุ่มสุดตัวคุณจะทนได้แค่ห้านาที แต่ตอนนี้ก็อยู่ได้ตั้งสองนาทีแล้ว”เขาไม่ได้พูดประชดแต่อย่างใดด้วยพลังของเขาที่เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้แต่หลิวอวิ้นยังสามารถรักษาระดับนี้ได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วหลิวอวิ้นย่นจมูก “งั้นลองบอกหน่อยว่าในบรรดาผู้หญิงของนาย ฉันอยู่ลำดับที่เท่าไหร่”เย่ซิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณอยู่อันดับสี่”พอได้ยินอันดับ หลิวอวิ้นก็ไม่พอใจนัก “ทำไมฉันถึงได้แค่อันดับสี่ล่ะ? สามคนแรกคือใคร? ฉันสู้พวกเธอไม่ได้ตรงไหน?”เย่ซิวหัวเราะเบา ๆ นี่เป็นการแข่งขันแปลก ๆ ระหว่างผู้หญิงหรือเปล่านะ?อันดับหนึ่งในใจของเขาแน่นอนว่าคือพรีเอลล์ผู้หญิงคนนั้นทานทนเกินขอบเขตไปไกลอันดับสองคือหยางชิงเสวี่ยเธอไม่ได้อยู่ที่อันดับนี้เพราะฝีมือดีเป็นพิเศษ แต่เพราะเธอมีพละกำลังมหาศาลในการฝึกซ้อมเธอสู้กับเย่ซิวได้อย่างสูสีอันดับสามคือชูตงเธอได้อันดับนี้มาเพราะพรสวรรค์โดยแท้ส่วนอันดับสี่หลิวอวิ้น เธออาศัยข้อได้เปรียบด้านอายุและความขยั
“ทั้งหมดนี้คือ ‘อาณาจักร’ ที่ฉันสร้างขึ้นมายังไงล่ะ”หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ทุกคนก็สงบสติอารมณ์ลงเย่ซิวมองไปที่เซี่ยชิงชิงที่กำลังย่องเบาหมายจะหนีไป “จะไปไหน อย่าลืมเห่าหนึ่งร้อยทีล่ะ”เซี่ยชิงชิงตัวแข็งทื่อก่อนจะฝืนหมุนตัวกลับมาด้วยใบหน้าฝืนยิ้มแต่กลับดูแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก“พี่เขย ปล่อยฉันไปเถอะ เมื่อกี้ฉันแค่พูดเล่นเท่านั้นเอง”“ไม่ได้ หนึ่งร้อยที ต้องครบ ถึงฉันจะยอมแต่คนอื่นก็ไม่ยอมอยู่ดีแหละน่า”“ถูกต้อง เธอต้องเห่านะ ยอมรับผลเดิมพันซะ” คนแรกที่พูดออกมาคือเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยชิงชิงมองเธออย่างขุ่นเคือง “พี่เป็นพี่สาวหนูจริงเหรอ? ไม่เห็นจะช่วยกันเลย”เซี่ยซิ่วซิ่วกะพริบตาปริบ ๆ “น้องรัก พี่ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกนะ แค่อยากฟังเธอทำเสียงหมาเห่าเท่านั้นเอง”จากนั้นคนอื่น ๆ ก็พากันหัวเราะครืนพวกเธอไม่ยอมให้เธอหลบเลี่ยงไปได้แน่ เพราะถ้าเธอถ้าไม่ทำก็คงจะไม่ให้เธอมาร่วมสนุกกับพวกเธออีกเซี่ยชิงชิงไม่มีทางเลือก จึงต้องกลั้นน้ำตาแล้วเอ่ยออกมา “โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง…”ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็ง นี่คงเป็นตราบาปที่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิตแน่หลังจากเซี่ยชิงชิงเห่าครบหนึ่งร้อยครั้งแล้ว เย่ซิวก็
เย่ซิวหันไปมองที่ประตูหน้าวิลล่าในทันทีเขาสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมาที่หน้าประตูเสวี่ยเหมยนั่นเองเธอไม่ได้เดินเข้ามาตรง ๆ แต่ใช้วิธีบางอย่างลอบเข้ามาแทนแต่สิ่งที่ทำให้เย่ซิวรู้สึกแปลกใจก็คือตอนนี้เสวี่ยเหมยบรรลุถึงระดับสร้างรากฐานปราณแล้วจึงสามารถหลบเลี่ยงการรับรู้ของคนที่อยู่ด้านนอกได้เย่ซิวขยับความคิดเล็กน้อยจากนั้นก็ใช้วิชาล่องหน ทำให้ทุกคนที่โต๊ะอาหารหายไปจากสายตาแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเขาอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรก่อนจะเห็นเสวี่ยเหมยกลั้นหายใจ รองเท้าของเธอพันด้วยผ้าเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงแม้แต่นิดเดียวเธอแอบมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวังวันนี้เธอสวมชุดรัดรูปสีดำทั้วตัวเผยให้เห็นรูปร่างอันสวยงามและอวบอิ่มได้รูปของเธออย่างชัดเจนแค่รูปร่างแบบนี้ก็เพียงพอให้สุภาพบุรุษทั้งหลายกลายเป็นสัตว์ร้ายได้แล้วจากนั้นเธอก็เดินไปยังห้องของเย่ซิวอย่างคล่องแคล่วจากนั้นก็รีบเข้าไปข้างในทันทีเย่ซิวขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไรกันแน่จึงเดินตามเข้าไปเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เสวี่ยเหมยก็ดูผ่อนคลายลงหลังจากแน่ใจว่าในห้องไม่มีใคร เธอก็กระโดดพุ่งขึ้นไปบน
เขาแค่แกล้งเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็พอแล้ว ถ้าเย้าแหย่ไปมากกว่านี้ ผู้หญิงคนนี้คงจะอับอายจนไม่กล้าเงยหน้ามองใครอีกแน่เย่ซิวเปลี่ยนเรื่องพูด “ในเมื่อคุณบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณแล้ว งั้นคืนนี้มาบำเพ็ญกับผมดีไหม?”เสวี่ยเหมยพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วแต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด “เอาสิ”ตอนนี้เย่ซิวไม่ใช่ผู้ชายที่ผู้หญิงคนไหนก็สามารถอยู่ข้างกายได้นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลย หากไม่มีสายสัมพันธ์ที่สั่งสมไว้ก่อนหน้านี้เสวี่ยเหมยในตอนนี้อาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าใกล้เย่ซิวด้วยซ้ำเย่ซิวออกจากห้องไปก่อนเพื่อพาผู้หญิงคนอื่นกลับไปยังห้องของตัวเอง จากนั้นจึงกลับมาอีกครั้งเห็นเสวี่ยเหมยที่โผล่พ้นผ้าห่มมาแค่ศีรษะ เย่ซิวก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเริ่มใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนหลังจากบรรลุระดับจินตานขั้นสมบูรณ์แล้วการจะก้าวไปอีกขั้นต้องใช้พลังวิญญาณเป็นสิบเท่าของปริมาณที่ใช้ตั้งแต่ระดับจินตานขั้นต้นจนถึงจินตานขั้นสมบูรณ์ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่น่าตกตะลึงมากแค่ก้าวนี้ก็บอกได้แล้วว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ไม่มีวันได้ก้าวข้ามไปถึงขั้นนั้นได้ตลอดชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่เสวี่ยเหมยฝึกฝนร่วมกับเย่ซิวและ
หลิ่วเมิ่งอิ๋นตกใจจนลืมตาขึ้นทันทีดวงตาใสกระจ่างของเธอแฝงไปด้วยความน่าสงสารไม่ว่าใครเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกอยากปกป้องขึ้นมาในใจอันที่จริงตอนที่เย่ซิวเปิดประตูเข้ามา เธอก็ตื่นแล้ว เพียงแต่แกล้งหลับอยู่เท่านั้นแต่พอโดนเย่ซิวขู่เล่นนิดเดียวก็สะดุ้งลืมตาขึ้นมาทันที“น่ารำคาญที่สุดเลย เอาแต่จะแกล้งฉันอยู่ได้”เย่ซิวนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะใช้มือแตะหน้าผากเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู “ไม่เลวเลย ตอนนี้เธอเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าขั้นสมบูรณ์แล้ว ดูท่าช่วงนี้เธอจะไม่ได้ลืมบำเพ็ญตนนะ”หลิ่วเมิ่งอิ๋นมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าฉันขยันบำเพ็ญตนหรอกนะ เป็นเพราะโอสถของพี่ต่างหากที่มันสุดยอดเกินไป”หากไม่มีทรัพยากรที่เย่ซิวให้ เธอคงไม่มีทางพัฒนาได้รวดเร็วแบบนี้แน่เย่ซิวถาม “เธอเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง?”หลิ่วเมิ่งอิ๋น “หือ? เอ๊ะ!”เวลาเหลือน้อยแล้ว และสิ่งที่ต้องทำก็ยังมีอีกมาก เย่ซิวต้องทำให้พวกเธอทั้งหมดบรรลุระดับสร้างรากฐานปราณให้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปเขาจึงเริ่มเร่งพลังขั้นสูงสุดทันทีจนกระทั่งประมาณสิบโมงเช้า ผู้หญิงในห้องทุกคนยกเว้นหลิวอวิ้นก็บรรลุระดับสร้างรากฐานปราณ
“เงินหนึ่งล้านล้านจะถูกโอนเข้าบัญชีบริษัทภายในสองวัน ”“บอสเป็นผู้ชายที่ใจกว้างและหล่อที่สุดในโลกเลย!”ถังเขอเข่อดีใจจนเต้นไปมา“พอได้แล้ว พาฉันไปดูหน่อย”“ได้เลยค่ะบอส เชิญทางนี้ค่ะ”เย่ซิวเดินไปยังพื้นที่ที่ใช้เก็บเครื่องยนต์ขนาดยักษ์เมื่อเห็นมันอีกครั้ง เย่ซิวก็สังเกตว่าตัวเครื่องยนต์มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเล็กน้อย และสายไฟที่เคยเกะกะภายนอกก็ลดลงมากถังเขอเข่ออธิบาย “ฉันปรับแต่งเครื่องยนต์นิดหน่อย ทำให้มันใช้พลังงานน้อยลงแต่ประสิทธิภาพสูงขึ้น”เย่ซิวพยักหน้าด้วยความรู้สึกพอใจที่เงินที่ลงไปก่อนหน้านี้ไม่ได้เสียเปล่านอกจากเรื่องเครื่องยนต์แล้ว เย่ซิวยังให้ถังเขอเข่อเดินหน้าวิจัยจักรกลมังกรดำรุ่นที่สองต่อไปอีกด้วยถังเขอเข่อยื่นห้านิ้วออกมา “อันนี้ก็ต้องใช้เงิน ห้าแสนล้านถึงจะพอ”เย่ซิวตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลหลังจากอยู่ที่นั่นสักพัก เย่ซิวก็ออกมาเวลาผ่านไปสองวันอย่างรวดเร็วลู่เสวี่ยเอ๋อร์โทรมาหาเขา บอกว่าทุกคนเตรียมพร้อมแล้วและกำลังรออยู่ที่สนามบินเย่ซิวเก็บเตากลั่นยา จากนั้นก็ใช้วิชาล่องหนพุ่งตรงไปยังสนามบินทันทีที่สนามบินคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแค่เฉพาะพนักงานจากบริษั
บนท้องฟ้าสูงเสียดเมฆ มีเครื่องบินทั้งห้าลำกำลังแล่นแหวกผ่านเมฆโดยรอบถูกแรงสั่นสะเทือนจนกระจายตัวออกไปแต่ทันทีที่เครื่องบินออกจากพรมแดนของประเทศหลงเถิงได้ไม่นานกลับมีขีปนาวุธสิบกว่าลูกพุ่งเข้ามาจากด้านหน้าโชคดีที่เย่ซิวมีสัมผัสที่เฉียบคม เขารับรู้ถึงอันตรายได้ทันทีร่างของเขาหายวับไปปรากฏตัวอยู่หน้าสุดของเครื่องบินลำแรกในเวลานี้ ขีปนาวุธอยู่ห่างจากที่นี่เพียงไม่กี่สิบลี้เท่านั้นหากทำลายพวกมันทันที คลื่นพลังที่เกิดขึ้นอาจทำให้เครื่องบินทั้งห้าลำได้รับความเสียหายเย่ซิวจึงไม่มีทางเลือกและใช้โลหิตของตัวเองเป็นสื่อกลางเมื่อแลกกับต้นทุนบางส่วน เขาก็วาดยันต์ป้องกันได้กว่าร้อยแผ่นภายในห้าวินาทีจากนั้นก็ติดไว้บนเครื่องบินแต่ละลำทันทีที่ยันต์ถูกติดตั้งครบ เย่ซิวก็กางโล่พลังขนาดมหึมาที่โปร่งใสขึ้นมาและในวินาทีเดียวกัน ขีปนาวุธสิบกว่าลูกก็พุ่งเข้าปะทะจนเกิดระเบิดลูกใหญ่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินนักบินและลูกเรือบนเครื่องบินทั้งห้าต่างตกตะลึงสุดขีดเบื้องหน้ากลายเป็นความมืดสนิท ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในความตื่นตระหนก เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นในหูพวกเขา
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ