พนักงานสาวไม่ค่อยเชื่อใจเย่ซิวสักเท่าไหร่ และเธอก็ไม่กล้าพาเขาไปเจอหลานสาวของตัวเองด้วยเย่ซิวเองก็ขี้เกียจอธิบายอะไรให้มากความจึงใช้พลังจิตควบคุมร่างกายของเธอแล้วเริ่มขับรถต่อพนักงานสาวตกใจจนแทบสิ้นสติ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามขัดขืนแค่ไหนก็ไม่อาจหลุดพ้นจากการควบคุมของเย่ซิวได้ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งคู่ก็มาถึงโครงการก่อสร้างร้างที่นั่นมีคนอยู่แล้วและกำลังขนถ่ายสินค้าออกจากรถทีละคันเย่ซิวก้าวลงจากรถ ส่วนพนักงานสาวก็มีความคิดอยากจะหนีไปจากที่นี่ทันทีแต่เมื่อคิดไปคิดมาเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะหนี แล้วยอมลงจากรถอย่างว่าง่ายเย่ซิวพูดคุยกับหัวหน้าผู้ดูแลจากฝั่งโรงงานเพื่อยืนยันจำนวนสินค้าให้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็สั่งให้พวกนั้นออกไปจากนั้นเขาก็เก็บรถทั้งหมดเข้าไปในช่องมิติของแหวนผนึกของการกระทำนี้ทำให้พนักงานสาวถึงกับตกตะลึงราวกับโลกทั้งใบของเธอถูกสั่นสะเทือนหลังจากจัดการเก็บรถเสร็จ เย่ซิวก็เอ่ยโดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของเธอเลยแม้แต่น้อย “ไปบ้านคุณก่อนผมจะช่วยแก้ปัญหาหลานสาวคุณให้ แล้วหลังจากนั้นคุณค่อยพาผมไปที่ห้องทดลองนั่น”เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะเสริม “ผมมีวิธีมากมายที่จะบังคับให้คุ
เย่ซิวจับชีพจรของเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวเยวี่ยไม่นานนักคิ้วของเขาก็ขมวดแน่นพนักงานสาวเห็นสีหน้าของเย่ซิว ใจเธอก็พลันหล่นวูบ “เสี่ยวเยวี่ยเป็นอะไร? คุณอย่าทำให้ฉันกลัวสิ”“ร่างกายของเธอไม่ใช่อาการกล้ามเนื้อฝ่อลีบ แต่ถูกพิษ”“อะไรนะ? พิษเหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้!”เย่ซิวหันไปเอ่ยกับพนักงานสาว “ไปเอาแก้วน้ำพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งมาหน่อย”เธอรีบวิ่งออกไปทันที ส่วนเย่ซิวก็หยิบเข็มเงินออกมาเมื่อเธอเอาแก้วน้ำมาให้ เย่ซิวก็ใช้เข็มเงินเจาะนิ้วมือของเสี่ยวเยวี่ยเบา ๆ แล้วกดลงเล็กน้อยหยดเลือดสีดำไหลออกมาหยดหนึ่งพร้อมกับกลิ่นเหม็นรุนแรงที่แผ่ออกมาสีหน้าของเย่ซิวจริงจังมาก “นี่เป็นพิษร้ายแรงและมันได้ฝังลึกถึงกระดูกและระบบไหลเวียนโลหิตแล้ว”พนักงานสาวโกรธจนตัวสั่น “ใครกันที่ใจร้ายขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นพวกเขา? ทำไมต้องทำร้ายเสี่ยวเยวี่ยด้วย? ถ้ามีปัญหาก็มาเล่นงานฉันสิ!”เย่ซิวลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องครัวพิษในตัวเสี่ยวเยวี่ยนั้นเป็นพิษสะสม นั่นหมายความว่ามีคนคอยลอบวางยาพิษเธออย่างต่อเนื่องปริมาณพิษที่ให้แต่ละครั้งน้อยมากจนไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิตในทันทีเย่ซิวเดินไปที่ห้องครัวและตักน้
ไม่อย่างนั้นข้อมูลที่เขาได้คัดลอกมาจากหลี่อวี่ถงครั้งก่อนก็คงเสียเปล่าเส้นทางที่สำนักโอสถจะเดินในอนาคตจะไม่เหมือนกับประเทศจ้านอิงตี้ที่สร้างสิ่งประหลาดและไร้มนุษยธรรมแต่เป้าหมายคือการพัฒนายาดัดแปลงพันธุกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์ เมื่อผสานกับวรยุทธ์และพลังภายในจะสามารถสร้างยอดฝีมือจำนวนมากขึ้นมาได้ยอดฝีมือเหล่านี้จะมีศักยภาพสูงกว่า ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ทำลายความสมดุลของธรรมชาติเย่ซิวมองไปที่พนักงานสาว “ตอนนี้เสี่ยวเยวี่ยต้องการสารอาหารเยอะ ๆ แต่จำไว้ว่าต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมากเกินไปหลังจากกินอะไรเสร็จแล้วก็ให้ไปพักผ่อน ผมจะค้างที่นี่คืนนี้ดูว่าคนที่วางยาพิษจะปรากฏตัวหรือเปล่า”พนักงานสาวรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเย่ซิวจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่และกล่าวขอบคุณเขาซ้ำไปซ้ำมาเธอวุ่นอยู่กับการดูแลจนกระทั่งถึงช่วงค่ำหลังจากเสี่ยวเยวี่ยทานอาหารเสร็จแล้วก็ล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเข้าไปพักผ่อนในห้องสำหรับคนที่เพิ่งหายจากอาการป่วยหนัก การนอนหลับให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเมื่อจัดการดูแลให้เสี่ยวเยวี่ยนอนหลับอย่างเรียบร้อยแล้ว พนักงานสาวก็หยิบชุดเปล
เย่ซิวเห็นเธอสวมชุดนอนบางเบาโปร่งใส เผยให้เห็นเรือนร่างiาง ๆ ชวนให้ใจสั่นส่วนชุดที่เธอสวมอยู่ภายใต้ชุดนอนนั้นเป็นแบบที่พบเห็นได้ในภาพยนตร์บางเรื่องเท่านั้น…ถ้าคนที่หัวใจไม่แข็งแรงมาเห็นคงเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นได้ง่าย ๆ แน่ดูเหมือนว่าพนักงานสาวคนนี้เองก็เพิ่งเคยสวมชุดแบบนี้เป็นครั้งแรกเธอดูไม่กล้าสบตาเย่ซิวตรง ๆ แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าเดินเข้ามาและนั่งลงข้าง ๆ เขากลิ่นน้ำหอมที่ผสมผสานกับกลิ่นกายของเธอลอยมากระทบจมูกของเย่ซิว ปลุกประสาทบางเส้นของเขาให้ตื่นตัวขึ้นอย่างห้ามไม่ได้พนักงานสาวเอ่ยขึ้น “ขอบคุณที่ช่วยเสี่ยวเยวี่ยนะคะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดีสิ่งที่ฉันพอจะมอบให้ได้ก็คือความบริสุทธิ์ที่รักษามานานกว่าสามสิบปีค่ะ”เย่ซิวมองเธอแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย “คืนนี้ไม่ได้ คุณกลับไปพักผ่อนในห้องเถอะ ผมต้องดูว่าคืนนี้จะมีใครมาวางยาอีกหรือเปล่า”เธอเองก็รู้ว่าสิ่งสำคัญต้องมาก่อนจึงไม่เซ้าซี้อีก เธอลุกขึ้นเดินกลับไปที่ห้องพร้อมกับบิดสะโพกเล็กน้อยเย่ซิวนั่งหลับตาบนโซฟาอย่างสงบ ก่อนจะเริ่มบำเพ็ญอย่างเงียบ ๆเวลาผ่านไปทีละนิดจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงราว ๆ ตีหนึ่งกว่าเย่ซิวลืมตาขึ้
เย่ซิวเทน้ำลงบนมือเล็กน้อยแล้วตบใบหน้าของเธอเบา ๆ ไม่นานนัก เธอก็ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นด้วยความมึนงงเมื่อเห็นใบหน้าของเย่ซิวและสภาพแวดล้อมรอบตัว เธอก็ยิ้มออกมา “คุณคงอดใจไม่ไหวแล้วสินะ? ฉันพร้อมให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”เธอคิดว่าเย่ซิวเป็นคนพาเธอออกมาเองเย่ซิวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฟังทั้งหมดหลังจากที่ฟังจบ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตกใจ หวาดกลัว และรู้สึกผิดจากนั้นเย่ซิวจึงเอ่ยต่อ “ผมมีวิชาหนึ่งที่สามารถช่วยให้คุณควบคุมบุคลิกที่สองได้ บุคลิกนั้นจะไม่ปรากฏออกมาอีกหากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณเอง แต่ต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง”พนักงานสาวมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “ถ้ามันช่วยรักษาอาการนี้ได้ ฉันยอมรับทุกเงื่อนไขค่ะ”“เงื่อนไขข้อแรก คุณต้องสาบานว่าจะซื่อสัตย์กับผมตลอดไปข้อที่สอง อีกไม่กี่วันผมจะให้คุณพาเสี่ยวเยวี่ยไปจากประเทศจ้านอิงตี้ไปอยู่ที่อื่นกับผม และตอนนั้นผมจะตั้งห้องทดลองวิจัยชีววิทยาใหม่ขึ้นมาให้คุณเป็นผู้ดูแล”พนักงานสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอคิดว่าเงื่อนไขจะยากกว่านี้ จากนั้นเธอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเย่ซิวให้เธอสาบานด้วยคำสาบานเลือด จากนั
ภายในฐานทดลองลับแห่งหนึ่งกำลังเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้น หรือจะเรียกว่าเป็นการสังหารอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ผิดนักชายผู้มีรูปลักษณ์แปลกประหลาดกำลังสังหารเหล่านักวิทยาศาสตร์อย่างบ้าคลั่งร่างกายของเขากว่าครึ่งถูกปกคลุมด้วยบางสิ่งที่ดูคล้ายเหล็กดูราวกับว่าเหล็กหลอมเหลวถูกเทลงมาหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาส่วนที่ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยเหล็กกลับเป็นผิวหนังที่เน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงออกมาแม้ว่าการโจมตีมากมายจะพุ่งเข้าใส่เขา แต่กลับไม่สามารถสร้างบาดแผลร้ายแรงได้เลยแม้แต่น้อยบางครั้งอาวุธที่ทรงพลังพอจะทำให้เกิดโพรงบนร่างของเขาได้ แต่เนื้อเยื่อที่…เอาเป็นว่าเรียกว่ากล้ามเนื้อก็แล้วกัน กลับเริ่มบิดตัวไปมาอย่างรวดเร็วและในชั่วพริบตาก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติเสียงกรีดร้อง เสียงต่อสู้ และกลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่วห้องทดลองแห่งนี้มีหลายคนที่ทนไม่ไหวจนสติแตกพยายามวิ่งหนีออกไปสุดชีวิตโฮกกก!!ร่างทดลองตัวนี้แหงนหน้าคำรามเสียงแหลมเสียดแทงหูในขณะเดียวกัน ร่างทดลองในห้องอื่น ๆ ที่ถูกขังไว้ในแคปซูลทดลองก็เริ่มคลุ้มคลั่ง พวกมันพุ่งกระแทกกระจกอย่างบ้าคลั่งจนในที่สุดก็แหกออกมาได้ก่อนจะเข้า
อาวุธปืนทั่วไปไม่มีทางทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อยคนอื่น ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนร่างเช่นกัน แม้ว่าสีของพวกเขาจะเข้มไม่เท่าชายคนแรก แต่พลังของพวกเขาก็แข็งแกร่งพอสมควรเย่ซิวถามพวกเขาว่าต้องการติดตามเขาหรือไม่ทุกคนตอบตกลงอย่างเด็ดขาดโดยไม่ลังเลเย่ซิวคือผู้ที่ให้ชีวิตใหม่สำหรับพวกเขายิ่งไปกว่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีพันธะผูกพันกับใครต่อให้หนีออกไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปที่ไหน แถมอาจต้องเผชิญกับการไล่ล่าอย่างไม่รู้จบด้วยหลังจากนั้น เย่ซิวก็เก็บข้าวของที่มีประโยชน์ภายในห้องทดลองก่อนจะจุดไฟเผาที่นี่จนวอดวายเขาใช้วิชาดำดินระดับสูงและพาทุกคนมุ่งหน้าออกจากที่นี่เมื่อเฉินน่ามองเห็นผู้คนหลายร้อยคนปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า เธอก็ถึงกับตกใจสุดขีดยังไม่ทันที่เธอจะตั้งตัวได้ เย่ซิวก็คว้าตัวเธอแล้วใช้วิชาดำดินอีกครั้งเขาใช้พลังวิญญาณไปจนเกือบหมด นำทุกคนเคลื่อนย้ายไปไกลนับร้อยกิโลเมตรมายังอาคารร้างที่เคยมาเยือนก่อนหน้านี้เย่ซิวหยิบอาหารจำนวนมากออกมาจากแหวนผนึกของแล้วกำชับพวกเขาว่า“พวกนายพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันก่อน จำไว้ว่าห้ามเปิดเผยตัวตน ถ้ามีใครผ่านมาให้รีบซ่อนตัวไว้ อีกไม
เอี๊ยด!รถจอดสนิทแล้ว จากนั้นหยางเฟิงจึงมองไปที่เย่ซิว “เกิดอะไรขึ้น?”เย่ซิวหลับตารับรู้สักพักก่อนจะพูดขึ้นว่า “ห่างจากตรงนี้ไปมีการต่อสู้เกิดขึ้น”หยางเฟิงก็หลับตารับรู้บ้าง แต่ผ่านไปนานก็ยังไม่รู้สึกถึงอะไรเลย เขาลืมตาขึ้นด้วยความแปลกใจ “ทำไมฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย?”เย่ซิวส่ายหน้าแล้วบอกให้เขารออยู่ตรงนี้จากนั้นเขาก็ลงจากรถแล้วเดินไปทางพุ่มหญ้าที่อยู่ไม่ไกลเมื่อเดินไปได้ประมาณหนึ่งพันกว่าเมตร ร่างของเย่ซิวก็ทะลุผ่านม่านพลังที่มองไม่เห็นไปราวกับว่าได้โยนก้อนหินลงไปในผืนน้ำอันสงบนิ่ง ก่อให้เกิดระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆทันใดนั้นภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาลมีแวมไพร์ยอดฝีมือนับสิบกำลังรุมโจมตีหญิงสาวร่างอวบอิ่มอยู่เธอพยายามฝ่าออกไปทั้งซ้ายและขวาแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงล้อมได้แต่กลับกลายเป็นว่าการต่อสู้ที่ยืดเยื้อรวมถึงบาดแผลมากมายที่ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุดนั้นทำให้ใบหน้าของเธอซีดเผือดจนน่ากลัว และการเคลื่อนไหวของเธอก็ช้าลงไปมาก“เถียนเถียน เธอยังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ”“ถ้ายอมจำนนแล้วยอมกลับไปพบราชินีกับพวกเรา เธอก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตนะ”“อย่าทำตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ