เมื่อฉีฉูฉู่เห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “นายกลับมาทำไมอีก!”เธอหมุนตัวตั้งใจจะเดินหนีทันทีเพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้แต่ความเร็วของเธอคงไม่เท่ากับความเร็วในการพูดของเย่ซิว“มานี่”ร่างกายของฉีฉูฉู่สะดุ้งหยุดกึก ถึงแม้ในใจจะต่อต้านเพียงใด แต่ร่างกายกลับเดินเข้าไปหาเย่ซิวอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคืองเย่ซิวจับปลายคางเรียบเนียนของเธอเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนพลังของคุณจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ”ตอนนี้ฉีฉูฉู่เข้าใกล้ขั้นกลางของการสร้างรากฐานปราณเต็มที คงเพราะช่วงนี้เธอหลอมรวมกับยีนนาคราชมากขึ้นฉีฉูฉู่แค่นเสียงหึ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่อยากสบตากับชายคนนี้“ไปเตรียมอาหารกับน้ำร้อนให้ผมหน่อย”ฉีฉูฉู่ก้าวขาเรียวยาวออกไปอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อเดินเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่แห่งสำนักโอสถ หวังซวงกับเฉินหลานที่ได้ข่าวก็รีบมาพบทันที“ท่านอาจารย์!”“นายท่าน กลับมาโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“เรื่องมันยาวน่ะ” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะชี้ไปที่กระทิงคลั่งด้านข้าง “นี่คือกระทิงคลั่ง ต่อจากนี้เขาจ
“นายจะทำอะไร…”ตามมาด้วยเสียงน้ำกระจายตัวดังสนั่นหลังจากบทเรียนอันแสนลึกซึ้ง ฉีฉูฉู่ก็สงบลงชั่วคราวถึงแม้สายตาที่มองเย่ซิวจะยังเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรที่จะทำให้เขาโมโหอีกหลังจากที่เธอช่วยเย่ซิวสวมเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกมาข้างนอก พอดีกับที่เฉินหลานกำลังเคาะประตูและรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน “นายท่าน แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”เย่ซิวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ๆ พลางจิบไวน์แดงที่ฉีฉูฉู่ยื่นให้ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ค่อย ๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน”“พึ่งได้รับข่าวล่าสุดมาค่ะว่าประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้างฉงตี้ร่วมมือกับประเทศบริวารออกมาตรการคว่ำบาตรครีมผิวหยกของเราพวกเขาสั่งห้ามไม่ให้เราขายครีมผิวหยกในสำนักโอสถ แถมยังแบนสินค้าเราไปทั่วโลกอีกด้วยถึงขั้นขู่ว่าใครก็ตามที่กล้าซื้อสินค้าของเราจะถูกขึ้นบัญชีดำในการลอบสังหารค่ะ”สีหน้าของเย่ซิวไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะเขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ผลิตต่อไปตามปกติ พวกนั้นคว่ำบาตรเราไม่ได้หรอก”เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพราะยังไงฝั่งประเทศหลงเถิงจะช่วยจัดการให้อยู่ดีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ป
“เมื่อวานนี้กษัตริย์เสด็จมาด้วยพระองค์เองและบอกเล่าถึงผลงานที่พระองค์ได้ทำเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกทั้งเรายังทราบมาว่าพระองค์ได้ระงับอาวุธที่ตั้งใจจะขายให้กับสำนักโอสถไว้อีกด้วยคุณก็น่าจะเดาได้ว่าพระองค์จะรายงานเรื่องสำนักโอสถไปยังประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้านฉงตี้แน่นอนแต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พระองค์ยังไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น เพราะเราได้จับกุมพระองค์ไว้แล้ว”ข่าวที่กษัตริย์ของประเทศปิงจือได้รับ คือเย่ซิวอาศัยความเร็วหลบหนีจากการปิดล้อมของกองทัพห้าล้านนายแต่สถานการณ์ที่แท้จริงนั้นคือเย่ซิวต่อสู้ฝ่ากองทัพจนเปิดเส้นทางหนีออกมาเองประเทศที่เข้าร่วมสงครามเหล่านั้นไม่มีทางเปิดเผยความจริง เพราะไม่ใช่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองเหรอหากกษัตริย์ของประเทศปิงจือรู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งเพียงนี้ พระองค์คงไม่กล้าเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้"หลังจากที่คำพูดนี้จบลง เย่ซิวก็ถึงกับชะงักไป มองไปที่สองพี่น้องแล้วพูดว่า “อย่าบอกผมนะว่าพวกคุณชอบผมเข้าแล้ว?”แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก แต่เย่ซิวก็ไม่คิดว่าสองสาวจะทรยศประเทศของตัวเองเพื่อตนหนานกงอวี่ผู้เป็นน้องสาวยิ้มขื่นและพูดว่า
เขาเปิดโอกาสให้สองสาวได้ตัดสินใจจะเลือกถูกปราบด้วยกำลัง หรือจะเลือกสันติและหลอมรวมมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเธอในชั่วขณะนั้นขณะนี้กษัตริย์ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ทั้งสองสาวจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศตอนนี้ด้วยอิทธิพลของพวกเธอ ตราบเท่าที่ใครสักคนในสองคนนี้อยากจะขึ้นครองบัลลังก์ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสองพี่น้องตกอยู่ในความขัดแย้งภายในใจด้วยพลังที่เย่ซิวแสดงออกมาให้เห็น ทั้งสองสาวไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถกวาดล้างผู้นำระดับสูงและกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้ได้ในเวลาอันสั้นต่อให้พวกเธอจะระดมกำลังต่อต้าน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม และจะมีแต่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์หนานกงเสวี่ยผู้เป็นพี่สาวไม่ได้ลังเลนานนัก กัดฟันแล้วพูดกับเย่ซิวว่า “ได้ ฉันตกลง”หนานกงอวี่เองก็พยักหน้ารับเช่นกันเย่ซิวยิ้มเล็กน้อย นั่งลงบนโซฟาแล้วไขว่ห้างอย่างสบายใจ “งั้นก็รีบไปจัดการเถอะ ผมให้เวลาพวกคุณสองวันในการขึ้นสู่อำนาจ พอไหม?”หนานกงเสวี่ยพูดว่า “พอแล้ว คุณพักผ่อนที่นี่ก่อน เราจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที”เย่ซิวพยักหน้า เขาไม่ได้ก
เย่ซิวเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของสองพี่น้องอย่างเต็มที่บางทีอาจเป็นเพราะสถานะของหนานกงเสวี่ยในตอนนี้ที่เปลี่ยนไปแล้ว เลยทำให้เย่ซิวรู้สึกแปลกใหม่ในใจบนโลกนี้ นอกจากเขาที่สามารถสั่งให้ราชินีมาปรนนิบัติรับใช้ได้ ยังมีใครอีกที่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้หากเป็นคนที่ชอบโอ้อวด ป่านนี้คงจะโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วแล้วในระหว่างกระบวนการนี้ สองพี่น้องก็ก้าวเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานได้สำเร็จราบรื่นพวกเธอนั่งขัดสมาธิบนเตียง มีพลังมหาศาลแผ่กระจายออกมารอบตัวกำลังภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ กลายเป็นพลังวิญญาณระดับสูงซึ่งเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่า พวกเธอถึงทำให้พลังของตนเองเสถียรขึ้นจากนั้นเย่ซิวก็เริ่มเปิดฉากรุกสองพี่น้องรอบใหม่จุดประสงค์หลักยังคงเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของเขาฝังลึกแน่นในใจของพวกเธอดังที่คำโบราณว่าไว้ การจะพิชิตผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่พิชิตหัวใจของเธอ ก็ต้องพิชิต...ของเธอเย่ซิวไม่มีเวลามากพอที่จะมาพิชิตหัวใจพวกเธอ ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีหลังซึ่งผลลัพธ์ก็ชัดเจนมากสายตาที่สองพี่น้องมองเย่ซิวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ความคิด
หวังลี่ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหยุดไม่อยู่ "จะเป็นไปได้ยังไง! พวกคุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมคะ? บนโลกนี้จะมีผู้ชายคนไหนที่คู่ควรกับพวกคุณ?"ในสายตาของเธอ หนานกงเสวี่ยและหนานกงอวี่เปรียบเสมือนเทพเซียนบนสวรรค์ แล้วคนธรรมดาทั่วไปจะมีสิทธิ์คู่ควรกับพวกเธอได้อย่างไร?นานกงเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่พอใจต่อปฏิกิริยาของหวังลี่ "ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบมาคารวะคุณเย่เดี๋ยวนี้!"“ฉันไม่เชื่อว่าไอ้หน้าละอ่อนคนนี้จะได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์และอาจารย์อา เขาไม่คู่ควร!” หวังลี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นพลังปราณสั่นสะเทือน ร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเย่ซิวดั่งเสือดาว ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาต “ไอ้หน้าอ่อน ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่านายใช้เล่ห์กลอะไรถึงหลอกพวกเธอได้!”สองพี่น้องหนานกงทั้งตกใจและโกรธจัด พวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าหวังลี่จะไร้เหตุผลถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ทันที่พวกเธอจะลงมือ เย่ซิวก็ชิงลงมือก่อนแล้วเพียงเห็นเขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นอย่างช้า ๆ พลังที่มองไม่เห็นก็กระทบเข้ากับร่างของหวังลี่ร่างของเธอที่พุ่งเข้ามาจู่ ๆ ก็หยุดค้างกลางอากาศ เวลาราวกับหยุดนิ่งในชั่วพริบตาทั้งสามคนในสถานที่นั้นล้วนแสดงสีหน
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโหเย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมาเซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"เพียะ เพียะ!เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองทีร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถเขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็วแต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัดแต่หลังจา
หวังลี่ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างหยุดไม่อยู่ "จะเป็นไปได้ยังไง! พวกคุณกำลังล้อฉันเล่นอยู่ใช่ไหมคะ? บนโลกนี้จะมีผู้ชายคนไหนที่คู่ควรกับพวกคุณ?"ในสายตาของเธอ หนานกงเสวี่ยและหนานกงอวี่เปรียบเสมือนเทพเซียนบนสวรรค์ แล้วคนธรรมดาทั่วไปจะมีสิทธิ์คู่ควรกับพวกเธอได้อย่างไร?นานกงเสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่พอใจต่อปฏิกิริยาของหวังลี่ "ยังยืนอึ้งอะไรอยู่อีก? รีบมาคารวะคุณเย่เดี๋ยวนี้!"“ฉันไม่เชื่อว่าไอ้หน้าละอ่อนคนนี้จะได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์และอาจารย์อา เขาไม่คู่ควร!” หวังลี่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นพลังปราณสั่นสะเทือน ร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเย่ซิวดั่งเสือดาว ดวงตาของเธอฉายแววอาฆาต “ไอ้หน้าอ่อน ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่านายใช้เล่ห์กลอะไรถึงหลอกพวกเธอได้!”สองพี่น้องหนานกงทั้งตกใจและโกรธจัด พวกเธอไม่คาดคิดเลยว่าหวังลี่จะไร้เหตุผลถึงเพียงนี้แต่ยังไม่ทันที่พวกเธอจะลงมือ เย่ซิวก็ชิงลงมือก่อนแล้วเพียงเห็นเขาค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นอย่างช้า ๆ พลังที่มองไม่เห็นก็กระทบเข้ากับร่างของหวังลี่ร่างของเธอที่พุ่งเข้ามาจู่ ๆ ก็หยุดค้างกลางอากาศ เวลาราวกับหยุดนิ่งในชั่วพริบตาทั้งสามคนในสถานที่นั้นล้วนแสดงสีหน
เย่ซิวเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของสองพี่น้องอย่างเต็มที่บางทีอาจเป็นเพราะสถานะของหนานกงเสวี่ยในตอนนี้ที่เปลี่ยนไปแล้ว เลยทำให้เย่ซิวรู้สึกแปลกใหม่ในใจบนโลกนี้ นอกจากเขาที่สามารถสั่งให้ราชินีมาปรนนิบัติรับใช้ได้ ยังมีใครอีกที่ได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้หากเป็นคนที่ชอบโอ้อวด ป่านนี้คงจะโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วแล้วในระหว่างกระบวนการนี้ สองพี่น้องก็ก้าวเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานได้สำเร็จราบรื่นพวกเธอนั่งขัดสมาธิบนเตียง มีพลังมหาศาลแผ่กระจายออกมารอบตัวกำลังภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ กลายเป็นพลังวิญญาณระดับสูงซึ่งเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกาย ใช้เวลาหนึ่งชั่วยามกว่า พวกเธอถึงทำให้พลังของตนเองเสถียรขึ้นจากนั้นเย่ซิวก็เริ่มเปิดฉากรุกสองพี่น้องรอบใหม่จุดประสงค์หลักยังคงเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของเขาฝังลึกแน่นในใจของพวกเธอดังที่คำโบราณว่าไว้ การจะพิชิตผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่พิชิตหัวใจของเธอ ก็ต้องพิชิต...ของเธอเย่ซิวไม่มีเวลามากพอที่จะมาพิชิตหัวใจพวกเธอ ดังนั้นเขาจึงเลือกวิธีหลังซึ่งผลลัพธ์ก็ชัดเจนมากสายตาที่สองพี่น้องมองเย่ซิวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ความคิด
เขาเปิดโอกาสให้สองสาวได้ตัดสินใจจะเลือกถูกปราบด้วยกำลัง หรือจะเลือกสันติและหลอมรวมมาเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเธอในชั่วขณะนั้นขณะนี้กษัตริย์ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ทั้งสองสาวจึงเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศตอนนี้ด้วยอิทธิพลของพวกเธอ ตราบเท่าที่ใครสักคนในสองคนนี้อยากจะขึ้นครองบัลลังก์ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยสองพี่น้องตกอยู่ในความขัดแย้งภายในใจด้วยพลังที่เย่ซิวแสดงออกมาให้เห็น ทั้งสองสาวไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาจะสามารถกวาดล้างผู้นำระดับสูงและกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศนี้ได้ในเวลาอันสั้นต่อให้พวกเธอจะระดมกำลังต่อต้าน ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม และจะมีแต่ทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์หนานกงเสวี่ยผู้เป็นพี่สาวไม่ได้ลังเลนานนัก กัดฟันแล้วพูดกับเย่ซิวว่า “ได้ ฉันตกลง”หนานกงอวี่เองก็พยักหน้ารับเช่นกันเย่ซิวยิ้มเล็กน้อย นั่งลงบนโซฟาแล้วไขว่ห้างอย่างสบายใจ “งั้นก็รีบไปจัดการเถอะ ผมให้เวลาพวกคุณสองวันในการขึ้นสู่อำนาจ พอไหม?”หนานกงเสวี่ยพูดว่า “พอแล้ว คุณพักผ่อนที่นี่ก่อน เราจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที”เย่ซิวพยักหน้า เขาไม่ได้ก
“เมื่อวานนี้กษัตริย์เสด็จมาด้วยพระองค์เองและบอกเล่าถึงผลงานที่พระองค์ได้ทำเมื่อไม่กี่วันก่อนอีกทั้งเรายังทราบมาว่าพระองค์ได้ระงับอาวุธที่ตั้งใจจะขายให้กับสำนักโอสถไว้อีกด้วยคุณก็น่าจะเดาได้ว่าพระองค์จะรายงานเรื่องสำนักโอสถไปยังประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้านฉงตี้แน่นอนแต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พระองค์ยังไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น เพราะเราได้จับกุมพระองค์ไว้แล้ว”ข่าวที่กษัตริย์ของประเทศปิงจือได้รับ คือเย่ซิวอาศัยความเร็วหลบหนีจากการปิดล้อมของกองทัพห้าล้านนายแต่สถานการณ์ที่แท้จริงนั้นคือเย่ซิวต่อสู้ฝ่ากองทัพจนเปิดเส้นทางหนีออกมาเองประเทศที่เข้าร่วมสงครามเหล่านั้นไม่มีทางเปิดเผยความจริง เพราะไม่ใช่เท่ากับเป็นการตบหน้าตนเองเหรอหากกษัตริย์ของประเทศปิงจือรู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งเพียงนี้ พระองค์คงไม่กล้าเล่นลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้"หลังจากที่คำพูดนี้จบลง เย่ซิวก็ถึงกับชะงักไป มองไปที่สองพี่น้องแล้วพูดว่า “อย่าบอกผมนะว่าพวกคุณชอบผมเข้าแล้ว?”แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก แต่เย่ซิวก็ไม่คิดว่าสองสาวจะทรยศประเทศของตัวเองเพื่อตนหนานกงอวี่ผู้เป็นน้องสาวยิ้มขื่นและพูดว่า
“นายจะทำอะไร…”ตามมาด้วยเสียงน้ำกระจายตัวดังสนั่นหลังจากบทเรียนอันแสนลึกซึ้ง ฉีฉูฉู่ก็สงบลงชั่วคราวถึงแม้สายตาที่มองเย่ซิวจะยังเต็มไปด้วยความโกรธ แต่เธอก็ไม่พูดอะไรที่จะทำให้เขาโมโหอีกหลังจากที่เธอช่วยเย่ซิวสวมเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งคู่ก็เดินออกมาข้างนอก พอดีกับที่เฉินหลานกำลังเคาะประตูและรีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน “นายท่าน แย่แล้วค่ะ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว”เย่ซิวนั่งลงบนโซฟานุ่ม ๆ พลางจิบไวน์แดงที่ฉีฉูฉู่ยื่นให้ ก่อนจะเอ่ยอย่างใจเย็น “ค่อย ๆ พูดก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อน”“พึ่งได้รับข่าวล่าสุดมาค่ะว่าประเทศจ้านอิงตี้และประเทศจ้างฉงตี้ร่วมมือกับประเทศบริวารออกมาตรการคว่ำบาตรครีมผิวหยกของเราพวกเขาสั่งห้ามไม่ให้เราขายครีมผิวหยกในสำนักโอสถ แถมยังแบนสินค้าเราไปทั่วโลกอีกด้วยถึงขั้นขู่ว่าใครก็ตามที่กล้าซื้อสินค้าของเราจะถูกขึ้นบัญชีดำในการลอบสังหารค่ะ”สีหน้าของเย่ซิวไม่เปลี่ยนไปเลย เพราะเขาคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว“ไม่ต้องห่วง ผลิตต่อไปตามปกติ พวกนั้นคว่ำบาตรเราไม่ได้หรอก”เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพราะยังไงฝั่งประเทศหลงเถิงจะช่วยจัดการให้อยู่ดีไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ป
เมื่อฉีฉูฉู่เห็นเย่ซิว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน “นายกลับมาทำไมอีก!”เธอหมุนตัวตั้งใจจะเดินหนีทันทีเพราะไม่อยากเห็นผู้ชายคนนี้แต่ความเร็วของเธอคงไม่เท่ากับความเร็วในการพูดของเย่ซิว“มานี่”ร่างกายของฉีฉูฉู่สะดุ้งหยุดกึก ถึงแม้ในใจจะต่อต้านเพียงใด แต่ร่างกายกลับเดินเข้าไปหาเย่ซิวอย่างไม่อาจควบคุมได้เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาแค้นเคืองเย่ซิวจับปลายคางเรียบเนียนของเธอเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนพลังของคุณจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยนะ”ตอนนี้ฉีฉูฉู่เข้าใกล้ขั้นกลางของการสร้างรากฐานปราณเต็มที คงเพราะช่วงนี้เธอหลอมรวมกับยีนนาคราชมากขึ้นฉีฉูฉู่แค่นเสียงหึ ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่อยากสบตากับชายคนนี้“ไปเตรียมอาหารกับน้ำร้อนให้ผมหน่อย”ฉีฉูฉู่ก้าวขาเรียวยาวออกไปอย่างไม่เต็มใจนักเมื่อเดินเข้าไปใกล้สำนักงานใหญ่แห่งสำนักโอสถ หวังซวงกับเฉินหลานที่ได้ข่าวก็รีบมาพบทันที“ท่านอาจารย์!”“นายท่าน กลับมาโดยไม่บอกกล่าวแบบนี้เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”“เรื่องมันยาวน่ะ” เย่ซิวเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะชี้ไปที่กระทิงคลั่งด้านข้าง “นี่คือกระทิงคลั่ง ต่อจากนี้เขาจ
เย่ซิวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรศัพท์ของเขามีระบบระบุตำแหน่งที่ทรงพลัง ไม่นานก็รู้ตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองทันทีตอนนี้เขาอยู่ไกลจากประเทศหลงเถิงมากแล้ว แต่กลับอยู่ไม่ไกลจากสำนักโอสถหนึ่งวันหลังจากนั้น เย่ซิวก็กลับมาถึงสำนักโอสถอีกครั้งสิ่งแรกที่เขาทำคือโทรหาผู้หญิงรอบตัวและแจ้งให้พวกเธอรู้ว่าเขาปลอดภัยดีเขากำชับให้พวกเธอใช้เวลาให้เต็มที่ในการบำเพ็ญตนเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตจากนั้นเย่ซิวหันไปเอ่ยกับกระทิงคลั่ง “ตอนนี้นายคิดจะทำยังไงต่อ จะไปตามทางของตัวเองหรือ…”“ตุบ!”ยังพูดไม่ทันจบ กระทิงคลั่งก็คุกเข่าลงทันที พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ความแค้นของผมได้รับการชำระแล้ว ต่อจากนี้ผมขอสาบานว่าจะติดตามคุณไปจนตาย”“ดี งั้นก็ตามฉันมา”เย่ซิวพาเขากลับไปยังสำนักงานใหญ่ของสำนักโอสถเขาไม่ได้แจ้งให้หวังซวงและเฉินหลานรู้ว่าเขากลับมาเพราะต้องการแอบตรวจสอบแบบลับ ๆ ว่าสำนักโอสถมีการบริหารอย่างไรในช่วงที่เขาไม่อยู่เย่ซิวกับกระทิงคลั่งเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อเดินสำรวจพื้นที่ของสำนักโอสถตอนนี้ถนนคอนกรีตและทางด่วนลาดยางถูกสร้างขึ้นแล้วอาคารทันสมัยใหม่เอี่ยมหลา
เย่ซิวไม่เคยประมาทพวกอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้เลยตัวอย่างเช่นตอนนี้ เมื่อสองประเทศนั้นตั้งใจแน่วแน่ที่จะล้อมปราบเขา การล่องหนของเขาก็ไม่อาจใช้ได้อีกต่อไปเพราะพวกเขาได้ระดมอุปกรณ์ตรวจจับชีพจรชีวิตจำนวนมาก ซึ่งสามารถจับสัญญาณสิ่งมีชีวิตได้ในระยะหลายร้อยไมล์ขณะนี้พลังวิญญาณของเย่ซิวเหลืออยู่น้อยเต็มที ทำให้ไม่สามารถซ่อนตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อเผชิญหน้ากับเรือดำน้ำหลายลำที่กำลังล้อมเข้ามา เขาไม่มีทางถอยหนีอีกต่อไปแล้วในเรือดำน้ำแต่ละลำ บรรดาผู้นำระดับสูงของทั้งสองประเทศที่รับผิดชอบการไล่ล่าเย่ซิวต่างมีรอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏบนใบหน้า“ดูเหมือนหมอนี่จะสูญเสียพลังไปมาก”“เขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว”“อีกนิดเดียวก็จะฆ่ามันได้ ถึงตอนนั้นพอพวกเรากลับไปก็ได้เลื่อนตำแหน่งกันหมด”“ไอ้เวรนี่แข็งแกร่งเกินไป ทำให้พวกเราสูญเสียอย่างหนัก แถมยังขายหน้าสุด ๆ คราวนี้ต้องระเบิดมันให้แหลกเป็นจุณ!”กระบี่ดาวตกอยู่ในมือเขาพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยที่เหลืออยู่ถูกส่งเข้าไปในกระบี่นั้น ทำให้จุดแสงทั้งเจ็ดบนกระบี่ส่องสว่างขึ้นทีละจุด จากนั้นมันก็เชื่อมต่อกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ตูม! ตูม! ตูม!เสาแสงดาวขนาดมหึ
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงการทุ่มกำลังคนและอาวุธมากมายขนาดนี้ นอกจากจะไม่สามารถจับตัวเย่ซิวได้ แต่ผู้บัญชาการสูงสุดยังถูกสังหารอีก เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างยับเยินเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ก็จะง่ายขึ้นแล้วผู้อาวุโสมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่กล้าทิ้งกำลังทหารไว้ที่ชายแดนอีกต่อไปและต่อให้พวกเขากล้า ผู้อาวุโสเพียงขู่พวกเขาก็เพียงพอแล้วเช่นการพูดว่า ถ้าในบรรดาผู้นำระดับสูงของพวกแกมีคนที่จะต้านทานการลอบสังหารของเย่ซิวได้ก็จงอยู่ต่อไปเถอะเย่ซิวมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดไหน ไม่จำเป็นต้องอธิบาย ทุกคนก็ได้เห็นกับตาแล้วดังนั้น วิกฤตครั้งนี้นอกจากจะถูกคลี่คลาย แต่ยังทำให้แต่ละประเทศเกรงกลัวประเทศหลงเถิงมากยิ่งขึ้นอย่างน้อยที่สุด ก่อนที่จะจัดการกับภัยแฝงที่ชื่อว่าเย่ซิวได้สำเร็จ คงไม่มีใครกล้าลงมือกับประเทศหลงเถิงง่าย ๆ แน่ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคงจะร้ายแรงมาก“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ผู้อาวุโสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่งลูกน้องข้างกายว่า “เอาภาพเหตุการณ์ตอนเย่ซิวต่อสู้เมื่อกี้ไปจัดเรียง แล้วเผยแพร่ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต”ลูกน้องตกใจ “จะไ