สองพี่น้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการอาบน้ำปกติแล้วพวกเธอจะอาบน้ำอย่างน้อยชั่วโมงหนึ่ง แต่ครั้งนี้พวกเธอไม่กล้าปล่อยให้เย่ซิวรอนานอีกอย่าง ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้พวกเธอก็เพิ่งแช่น้ำกันมาแล้วเมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้องน้ำ เย่ซิวก็ถึงกับตะลึงหญิงสาวสองคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ดูแล้วช่างสะกดสายตาเหลือเกินพวกเธอใช้ผ้าขนหนูพันกายไว้ แม้แต่ผ้าขนหนูผืนใหญ่ก็ยังไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่สมบูรณ์แบบเกินไปของพวกเธอได้หมดยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าพวกเธอจะไม่ได้สวมอะไรไว้ข้างในเลย…ทั้งคู่เดินตรงมายังเย่ซิวอย่างมั่นใจโดยไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของทั้งสองคนลอยเข้ามาแตะจมูกถ้าจะเปรียบเทียบ พี่สาวมีกลิ่นหอมที่คล้ายเหล้าเก่า แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มส่วนน้องสาวคล้ายกับสุราที่ร้อนแรง ทั้งนิสัยและรูปร่างของเธอก็เร่าร้อนดั่งเปลวไฟแน่นอนว่าภาพนี้เกิดขึ้นเฉพาะตรงหน้าเย่ซิวเท่านั้นหากอยู่ข้างนอก พวกเธอคือเทพธิดาที่ใครก็ไม่กล้าล่วงเกินหนานกงเสวี่ยเม้มริมฝีปากอวบอิ่มเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “คุณต้องการทำที่ห้องรับแขก หรือว่า…”“ไปที่ห้องผมดีกว่า”สองพี่น้องพยักหน
แต่ไม่นานพวกเธอก็เริ่มเสียใจครั้งนี้การฝึกฝนของเย่ซิวหนักหน่วงกว่าเดิมจนในตอนท้ายทั้งสองแทบจะรับไม่ไหวหนึ่งชั่วโมงต่อมา สองพี่น้องก็เดินออกมาจากห้องของเย่ซิวพร้อมสีหน้าที่ดูแปลก ๆ และท่าทางที่…เหล่าทูตจากประเทศปิงจือที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็พอจะเดาได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต่างอิจฉาเย่ซิวจนแทบระเบิดกุหลาบทองคำที่ผู้ชายมากมายใฝ่ฝัน ตอนนี้กลับถูกชายคนเดียวเก็บเกี่ยวไปพร้อมกันเสียนี่หลังจากสองสาวกลับไปแล้ว เย่ซิวก็เรียกหวังซวง เฉินหลาน และฉีฉูฉู่มาพบเพื่อบอกความตั้งใจที่จะเดินทางกลับฉีฉูฉู่ลอบยิ้มด้วยความโล่งใจ ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็จะไปเสียที เธอจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าเขาทุกวันอีกส่วนหวังซวงกับเฉินหลานกลับแสดงความอาลัยและพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจอยู่ต่อเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ผมไม่ได้จะไปแล้วไปเลยเสียหน่อย โดยเฉพาะเธอ”เขาหันไปทางหวังซวง “เธอเป็นศิษย์คนเดียวของฉัน เธอต้องตั้งใจบำเพ็ญตนให้ดีถ้าครั้งหน้าที่เจอกันแล้วพลังเธอยังไม่พัฒนาไปไหนฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่”หวังซวงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อาจารย์ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะพยายามบำเพ็ญตนอย่างเต็มที่ และจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดห
ไป๋อวี้เจี๋ยไม่สนใจว่าจะมีคนรอบตัวมากแค่ไหน เธอกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเย่ซิวทันที“คุณไปนานมากขนาดนี้ฉันคิดถึงคุณจะแย่แล้วเนี่ย”เสียงนุ่มนวลของไป๋อวี้เจี๋ยที่แฝงความออดอ้อนผสมกับสัมผัสอ่อนนุ่มของเธอทำให้เย่ซิวรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเขาลูบศีรษะเธอเบา ๆ พลางสูดกลิ่นหอมของแชมพูจากเส้นผมของเธอก่อนจะยิ้ม “เดี๋ยวคืนนี้ไปหานะ”“ค่ะ” ไป๋อวี้เจี๋ยยิ้มหวาน ก่อนจะคลายอ้อมกอดออกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหญิงผู้แข็งแกร่งในเมืองหลวงกลับแสดงท่าทีเหมือนลูกแมวเชื่อง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ซิว“ไม่เจอกันนานนะคะคุณเย่” เสวี่ยเหมยเอ่ยพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความนอบน้อมจากเรื่องราวที่เธอได้ฟังจากปากเพื่อนสนิทว่าเดือนที่แล้วเย่ซิวได้ทำอะไรไปบ้างทำให้เธอยิ่งเคารพเขามากขึ้นและเพราะการกลับมาของเขาครั้งนี้ นั่นหมายความว่า…เธอลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เสวี่ยเหมยจะเอ่ยถามแทน “คุณเย่คะ ตอนนี้หกตระกูลใหญ่ก็…”เย่ซิวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกเขาไม่อยู่แล้ว”คำพูดธรรมดาของเขากลับทำให้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทำให้เสวี่ยเหมยถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอมองเย่ซิวด้วยสายตาที่ผสมผ
เสวี่ยเหมยอยากจะเถียงกลับแต่เธอก็ไม่รู้จะพูดยังไงดีเธอกับหลิวคุนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กจริงในอดีตเธอยอมรับว่าพวกเธอเคยสนิทกันเหมือนพี่น้อง และเธอก็เคยมีความรู้สึกดี ๆ ต่อรุ่นพี่คนนี้ด้วยแต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นเธอค้นพบว่าแม้ภายนอกเขาจะดูเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความสกปรก และเขายังเคยทำเรื่องน่ารังเกียจหลายอย่างนี่คือเหตุผลที่เธอเลือกที่จะตีตัวออกห่างจากเขาแต่ใครจะคิดว่าหลิวคุนจะกลับมาหาเธออีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนแม้เขาจะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่เสวี่ยเหมยก็รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาต้องการตามจีบเธอนั่นเองเย่ซิวมองผู้ชายที่ดูดีแค่ภายนอก แต่ภายในกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณคิดว่าตัวเองคู่ควรจะจับมือกับผมเหรอ?”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะเสแสร้งต่อหน้าคนที่เขาไม่ชอบอยู่แล้วเมื่อเขารับรู้ถึงความเป็นศัตรูจากชายคนนี้ เย่ซิวจึงไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอีกต่อไปและด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของใครแววตาของหลิวคุนฉายความไม่พอใจออกมา ก่อนที่เขาจะคิดในใจว่าหมอนี่ช่างอวดดีจริง ๆ ไม่รู้จักกลัวตาย
“ตอนนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยดีนัก การที่ท่านส่งพี่มาหาน้องครั้งนี้มีจุดประสงค์เดียวคือหวังว่าน้องจะยอมแต่งงานกับพี่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของท่าน”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเสวี่ยเหมยก็ซีดเผือดทันที เธอถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมส่ายหน้าสุดแรง “เป็นไปไม่ได้ ท่านอาจารย์ไม่มีทางพูดแบบนี้แน่!”หลิวคุนทำหน้าเศร้า ก่อนจะหยิบซองจดหมายจากกระเป๋าเสื้อส่งให้เธอ “นี่คือจดหมายที่ท่านอาจารย์เขียนด้วยลายมือตัวเอง น้องลองอ่านดูเองเถอะ”เสวี่ยเหมยคว้าจดหมายมาเปิดอ่านอย่างรีบร้อนเมื่ออ่านจบ ร่างกายของเธอก็เย็นเฉียบไปทั้งตัวนี่คือลายมือของท่านอาจารย์จริง ๆ และยังมีตราประทับของท่านกำกับไว้อีกด้วยเนื้อหาในจดหมายบอกว่าท่านอาจารย์เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว และปรารถนาที่จะได้เห็นศิษย์รักแต่งงานก่อนสิ้นลมในใจของหลิวคุนเต็มไปด้วยความยินดี แต่เขายังคงแสร้งทำหน้าเศร้าและเอ่ยต่อ “ท่านอาจารย์รักน้องมาตั้งแต่ยังเด็กมีอะไรดี ๆ ท่านอาจารย์ก็นึกถึงน้องก่อนเสมอตอนนี้น้องก็ประสบความสำเร็จแล้ว แต่น้องก็ยังต้องฟังท่านอาจารย์อยู่ เพราะนี่คือความปรารถนาสุดท้ายของท่าน เราจะฝ่าฝืนไม่ได้”เสวี่ยเหมยกัดฟันแน่
แต่ใครจะคิดว่าการปรากฏตัวของเย่ซิวจะทำให้หลิวคุนพลาดโอกาสที่จะได้สมหวังในสิ่งที่หวังไว้เมื่อเรื่องราวถูกเปิดโปงหมดแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไปไป๋อวี้เจี๋ยมองหลิวคุนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ผู้ชายคนนี้น่าขยะแขยงที่สุดในขณะที่เสวี่ยเหมยกลับรู้สึกมีความหวังขึ้นมาแม้ว่าเธอจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่ซิวมากนัก แต่เขาเคยทำสิ่งที่เกินคาดหลายครั้ง เธอจึงคิดว่าเขาอาจจะช่วยเธอได้จึงรีบถามด้วยความหวัง “จริงเหรอ?”เย่ซิวพยักหน้าด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากบินเป็นเส้นตรงในระยะทางหมื่นแปดพันไมล์ บวกกับบินด้วยกระบี่ก็น่าจะใช้เวลาเพียงสองวันถึงเมื่อเห็นเย่ซิวพยักหน้า เสวี่ยเหมยก็ตื่นเต้นจนลืมตัว “คุณเย่ งั้นเราออกเดินทางกันตอนนี้เลยได้ไหม”“ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น” เย่ซิวส่ายหน้า “คุณกลับไปเตรียมตัวก่อน พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้ามาหาผม เดี๋ยวผมพาคุณไปเอง ใช้เวลาสองวันก็ถึง”นี่เป็นเวลาที่เขาคำนวณรวมช่วงพักผ่อนไว้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเสวี่ยเหมยค่อย ๆ จางหายไป เธอรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เธอแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา “คุณเย่จะใช้เฮลิคอปเตอร์พาฉันไปใช่ไหม?ช่วงแรก ๆ
เสวี่ยเหมยขับรถตู้แบบที่มีพื้นที่ด้านหลังเป็นห้องส่วนตัวกระจกหน้าต่างทั้งสองด้านเป็นแบบทึบจากภายนอก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรภายในได้นอกจากนี้ยังมีแผ่นกั้นระหว่างโซนผู้โดยสารกับโซนคนขับ พร้อมระบบเก็บเสียงที่ยอดเยี่ยมช่วงแรกไป๋อวี้เจี๋ยถามไถ่เย่ซิวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่างจริงจังแต่ไม่นานมือของเธอก็เริ่มอยู่ไม่สุขเย่ซิวจับมือเธอไว้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “คุณคิดจะทำอะไร?”ไป๋อวี้เจี๋ยส่งสายตาออดอ้อนพร้อมเอ่ยเสียงหวาน “ก็เห็นคุณเหนื่อยมาก ก็เลยอยากช่วยให้คุณผ่อนคลายน่ะสิ”เสวี่ยเหมยที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็เดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เธอแทบจะถลึงตาในใจ ‘นี่พวกเขากล้าทำอะไรกันในรถเนี่ยนะ…’เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ทั้งโกรธทั้งขำในเวลาเดียวกันแต่ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่?โชคดีที่ระบบเก็บเสียงของรถดีมาก ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องอึดอัดกว่านี้รถใช้เวลาประมาณห้าสิบนาทีจึงถึงจุดหมายเสวี่ยเหมยจอดรถเรียบร้อย แต่ไม่ได้เร่งรีบจะลงไปผ่านไปไม่กี่นาที ไป๋อวี้เจี๋ยก็เปิดประตูลงมาก่อน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเล็กน้อยพร้อมจัดเสื้อผ้า
ผู้หญิงคนนี้รู้ดีว่าต้องทำยังไงถึงจะชนะใจผู้ชาย สมแล้วที่เขาได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษไป๋อวี้เจี๋ยมีสถานะพิเศษในใจของเย่ซิว ความรู้สึกที่เธอมอบให้เขานั้นไม่ได้ต่างจากพี่สาวที่รักและห่วงใยมื้ออาหารนี้จึงเต็มไปด้วยความสุขและอบอุ่นไป๋อวี้เจี๋ยแกล้งมองโทรศัพท์ก่อนทำเสียงตกใจ “โอ๊ะ จะทุ่มหนึ่งแล้วนี่ พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไกลไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้ยังไม่รีบกลับไปเตรียมตัวพักผ่อนให้เพียงพอ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงนะ”เสวี่ยเหมยได้แต่แอบด่าในใจ ยัยเพื่อนทรยศ ฉันไม่รู้เลยมั้งว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?เธอรู้ดีว่าไป๋อวี้เจี๋ยตั้งใจไล่เธอกลับเพื่อที่จะได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเย่ซิวสองต่อสองแต่ถึงจะหงุดหงิดแค่ไหน เธอก็จำเป็นต้องกลับไปเตรียมตัวจริง ๆ จึงลุกขึ้นเอ่ยลายเย่ซิวก่อนออกจากห้อง เธอจงใจส่งสายตาดุ ๆ ไปให้ไป๋อวี้เจี๋ยสายตานั้นราวกับจะบอกว่า ระวังพรุ่งนี้จะลุกไม่ขึ้นล่ะเสวี่ยเหมยทั้งขำและหงุดหงิดไปพร้อมกันเมื่อเสวี่ยเหมยจากไปแล้ว ไป๋อวี้เจี๋ยก็รีบจับมือเย่ซิวพาไปที่ห้องข้าง ๆ ทันทีเธอผลักเขาเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะขยิบตาให้เขา “คุณไปอาบน้ำก่อนนะ ฉันมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้คุณด้วยแหละ”
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ