ผู้หญิงคนนี้รู้ดีว่าต้องทำยังไงถึงจะชนะใจผู้ชาย สมแล้วที่เขาได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษไป๋อวี้เจี๋ยมีสถานะพิเศษในใจของเย่ซิว ความรู้สึกที่เธอมอบให้เขานั้นไม่ได้ต่างจากพี่สาวที่รักและห่วงใยมื้ออาหารนี้จึงเต็มไปด้วยความสุขและอบอุ่นไป๋อวี้เจี๋ยแกล้งมองโทรศัพท์ก่อนทำเสียงตกใจ “โอ๊ะ จะทุ่มหนึ่งแล้วนี่ พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไกลไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้ยังไม่รีบกลับไปเตรียมตัวพักผ่อนให้เพียงพอ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่มีแรงนะ”เสวี่ยเหมยได้แต่แอบด่าในใจ ยัยเพื่อนทรยศ ฉันไม่รู้เลยมั้งว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่?เธอรู้ดีว่าไป๋อวี้เจี๋ยตั้งใจไล่เธอกลับเพื่อที่จะได้ใช้เวลาส่วนตัวกับเย่ซิวสองต่อสองแต่ถึงจะหงุดหงิดแค่ไหน เธอก็จำเป็นต้องกลับไปเตรียมตัวจริง ๆ จึงลุกขึ้นเอ่ยลายเย่ซิวก่อนออกจากห้อง เธอจงใจส่งสายตาดุ ๆ ไปให้ไป๋อวี้เจี๋ยสายตานั้นราวกับจะบอกว่า ระวังพรุ่งนี้จะลุกไม่ขึ้นล่ะเสวี่ยเหมยทั้งขำและหงุดหงิดไปพร้อมกันเมื่อเสวี่ยเหมยจากไปแล้ว ไป๋อวี้เจี๋ยก็รีบจับมือเย่ซิวพาไปที่ห้องข้าง ๆ ทันทีเธอผลักเขาเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะขยิบตาให้เขา “คุณไปอาบน้ำก่อนนะ ฉันมีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้คุณด้วยแหละ”
ความคิดแบบนี้สำหรับผู้ชายหลายคนอาจเป็นเพียงจินตนาการ แต่สำหรับเย่ซิวมันคือความจริงที่เกิดขึ้นเขาเองก็ไม่คาดคิดว่าเซอร์ไพรส์จากไป๋อวี้เจี๋ยจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนค่ำคืนนี้จึงกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เขาได้สัมผัสอย่างเต็มที่สายตาของเขาถูกดึงดูดด้วยเรียวขาขาวเนียนที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าทั้งคืนประสบการณ์ที่เขาได้รับในค่ำคืนนี้เป็นสิ่งที่หลายคนไม่กล้าฝันถึงด้วยซ้ำหลังจากบำเพ็ญตนเสร็จ เย่ซิวก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกแห่งการบำเพ็ญให้พวกเธอฟังตอนนี้เขามีศักยภาพเพียงพอที่จะช่วยให้ผู้หญิงรอบตัวก้าวสู่ช่วงสร้างพื้นฐานได้เขาแทบจะจินตนาการถึงวันที่ผู้หญิงรอบตัวเขาก้าวสู่ช่วงสร้างพื้นฐานทั้งหมด เมื่อออร่าพลังถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด ศัตรูคงไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้หลังจากฟังสิ่งที่เย่ซิวเล่า หญิงสาวทั้งสี่คนต่างก็ตกตะลึงทันที พวกเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่เคยได้ยินในตำนานหรือเทพนิยายจะเป็นเรื่องจริงเย่ซิวเอ่ยกระตุ้นพวกเธอ “ผมอยากให้พวกคุณขยันบำเพ็ญตนมากขึ้น เรื่องที่ไม่สำคัญก็ให้คนอื่นจัดการแทนก่อนได้รู้ไว้ว่าถ้าคุณถึงช่วงสร้างพื้นฐาน คุณจะมีอายุยื
เสวี่ยเหมยตกใจจนแทบกระโดดเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นเย่ซิวอยู่ที่ไหนเลย“เขาทำยังไงถึงส่งเสียงมาถึงข้างหูฉันได้อย่างแม่นยำขนาดนี้นะ?”เธอพยายามตั้งสติและสูดหายใจลึก ๆ หลายครั้งเพื่อกดความตื่นเต้นในใจให้สงบ ก่อนจะก้าวขายาว ๆ ไปยังด้านในโรงแรมเมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนสุด เธอก็สังเกตเห็นห้องหนึ่งที่ประตูแง้มอยู่ ดูแล้วน่าจะเป็นห้องนี้เสวี่ยเหมยผลักประตูเข้าไปแล้วต้องชะงักในห้องนั้นนอกจากเย่ซิวแล้วยังมีผู้หญิงอีกสี่คนที่แต่ละคนมีรูปร่าง หน้าตา และบุคลิกที่โดดเด่นแตกต่างกันไป แต่ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงามระดับยอดเยี่ยมบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนจนแม้แต่เสวี่ยเหมยเองก็อดอิจฉาไม่ได้เย่ซิวหันมามองเธอแล้วยิ้ม “กินอะไรมารึยัง?”เสวี่ยเหมยพยักหน้า “กินแล้วค่ะ งั้นเราไปสนามบินเลยไหมคุณเย่?”“สนามบินเหรอ?” เย่ซิวยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่ต้องไปสนามบินหรอก เอ้า ดูนี่”ปิ๊ง!!เสียงดังกังวานของกระบี่ดังขึ้นในห้องกระบี่หงส์โบยบินพุ่งออกมาจากปากของเย่ซิว ก่อนจะขยายตัวจนมีความยาวสามเมตรและกว้างครึ่งเมตรผู้หญิงอีกสี่คนในห้องไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรเพราะก่อนหน้านี
เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเย่ซิว เสวี่ยเหมยก็ก้มหน้าลงและไม่กล้าสบตากับเขาใบหน้าของเธอขึ้นสีแดงระเรื่อ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยินว่า “ตกลง ฉันยอม”เธอทำใจไว้แล้วสำหรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดหากเมื่อถึงเวลาที่เธอพบท่านอาจารย์ และท่านยังยืนกรานให้เธอแต่งงานกับหลิวคุน เธอก็คงต้องจำใจทำตามแต่ถ้าเธอจะต้องเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตให้กับใครสักคน เธอยอมยกมันให้เย่ซิวดีกว่าให้ผู้ชายคนนั้นเย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง “ผมยังไม่ได้บอกเงื่อนไข คุณก็ตอบตกลงแล้วเหรอ?”คราวนี้เสวี่ยเหมยเป็นฝ่ายชะงัก เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความสับสนก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองอาจเข้าใจผิดด้วยความเขิน เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “งั้นเงื่อนไขของคุณคืออะไรคะ!”“ผมต้องการถือหุ้นในบริษัทของคุณอย่างน้อยสามสิบเปอร์เซ็นต์” คำขอของเขาเรียกได้ว่าเหมือนสิงโตอ้าปากกว้างทรัพย์สินในเครือของเสวี่ยเหมยครอบคลุมกว่าหนึ่งร้อยอุตสาหกรรม และทุกอย่างยังดำเนินการไปได้สวยเย่ซิวรู้ว่าเขายังไม่มีทรัพยากรมากพอ และต้องการเงินทุนจำนวนมากโดยเฉพาะเมื่อเขาต้องการให้ผู้หญิงรอบตัวทะลวงเข้าสู่ช่วงสร้างพื้นฐานตามที่เล่าขานกันมาในสมัยโ
แต่กระบวนการนี้กลับไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์นักพลังที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายของเธอขับสารตกค้างและสิ่งสกปรกออกมาจำนวนมากสิ่งสกปรกสีดำไหลออกมาจากรูขุมขนทั่วร่างกาย แถมยังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาอีกยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางเธอยังผายลมออกมาเป็นระยะจนเธอรู้สึกอับอายและอยากจะหาที่ซ่อนตัวในตอนนี้ พวกเขาได้ออกจากเมืองหลวงมาอยู่ในป่าลึกกลางภูเขาแล้วเย่ซิวที่สังเกตเห็นว่าด้านล่างมีน้ำตกขนาดเล็กพอดี จึงปรับทิศทางกระบี่หงส์โบยบินแล้วลงจอดที่ข้างน้ำตกเขามองเสวี่ยเหมยที่ใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ย “ลงไปล้างตัวเถอะ”เสวี่ยเหมยไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอวางกระเป๋าสะพายลงข้าง ๆ ก่อนจะกระโดดลงน้ำไปทันทีจนเกิดเสียงดังตูมร่างของเธอเหมือนปลาที่ว่ายไปใต้ก้นแม่น้ำอย่างคล่องแคล่ว เธอไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้า เพียงใช้แรงน้ำจากน้ำตกก็เพียงพอที่จะชะล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายแล้วจากนั้นเย่ซิวใช้โอกาสนี้เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณของตัวเองไม่กี่นาทีต่อมา เสวี่ยเหมยก็ขึ้นจากน้ำมาที่ฝั่ง ร่างของเธอเปียกชุ่มไปหมด เสื้อผ้าที่สวมใส่แนบติดกับตัวทุกส่วนเนื่องจากเธอสวมชุดกีฬาเนื้อบางสีขาวที่ระบายอากาศได้ดี เมื่
เสวี่ยเหมยหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา นิ้วของเธอพิมพ์ข้อความลงบนหน้าจออย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งข้อความไปให้หลิวคุนเนื้อหาข้อความเขียนว่า ‘ฉันอยู่กับผู้ชายที่พี่เจอเมื่อวานและตอนนี้ฉันกำลังจะมีอะไรกับเขาแล้ว’เธอกดส่งข้อความแล้วปิดโทรศัพท์ทันทีหัวใจของเธอเต้นรัว ขณะจ้องมองไปที่เย่ซิวด้วยความลังเล ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณเย่คะ ฉันอยากบำเพ็ญตนคู่กับคุณ”ในสถานที่อันเงียบสงบและห่างไกลผู้คนเช่นนี้ กับชายหญิงสองคนที่อยู่ด้วยกัน ท่ามกลางแอลกอฮอล์และบรรยากาศที่พาให้จิตใจไขว้เขว สิ่งที่จะเกิดขึ้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้บรรยากาศเริ่มเต็มไปด้วยความโรแมนติกและยั่วยวนแต่เย่ซิวกลับส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่ได้”คำตอบของเขาทำให้เสวี่ยเหมยตกตะลึงจนพูดไม่ออกสร้างบรรยากาศมาถึงขนาดนี้แล้ว และเธอเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างกายเย่ซิวเลย เธอจึงถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะคะ?”เย่ซิวมีเหตุผลของเขาเองด้วยลักษณะพิเศษของพลังที่เสวี่ยเหมยฝึกฝนมา ทำให้เธอต้องได้รับการดูแลแตกต่างจากคนอื่นพูดกันตามตรง กำลังภายในของเธอตอนนี้แทบไม่ได้มีประโยชน์กับระดับ
แม้ว่าเย่ซิวจะดูดซับพลังวิญญาณจากที่นี่ทั้งหมด แต่ปริมาณที่ได้ยังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของพลังที่เขามีอยู่“ศิษพี่ทุกคน ฉันกลับมาแล้ว!”เสวี่ยเหมยตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น เสียงของเธอถูกส่งผ่านด้วยพลังภายใน ทำให้กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็วเสียงนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ทันทีประตูบ้านไม้แต่ละหลังเปิดออกทันที ชายหนุ่มที่ดูเหมือนชาวบ้านธรรมดารีบวิ่งออกมา เมื่อพวกเขาเห็นเสวี่ยเหมย ต่างก็แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง“ศิษย์น้อง เธอกลับมาทำไมตอนนี้?”“หลิวคุนไม่ได้ไปหาเธอเหรอ? หรือเขาไม่ได้บอกความปรารถนาสุดท้ายของอาจารย์เราให้เธอเหรอ?”“ไม่สิ เพียงเวลาสั้น ๆ แบบนี้เธอกลับมาได้ยังไงแบบนี้?”“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”คำถามมากมายถูกโยนใส่เสวี่ยเหมยจนเธอไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเธอจึงตอบเลี่ยง ๆ ไป และเอ่ยด้วยความร้อนใจ “อาจารย์อยู่ที่ไหน ฉันต้องพบท่านก่อน!”“ท่านกำลังนอนพักอยู่ ช่วงนี้ท่านหลับบ่อยมาก วันหนึ่งนอนอย่างน้อยสิบสามถึงสิบสี่ชั่วโมง ดูเหมือนว่าท่านอาจจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์แล้ว”คนที่ตอบเธอคือศิษย์พี่
ศิษย์พี่ชายไม่กี่คนของเสวี่ยเหมยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นทุกคนก็หัวเราะฮ่า ๆ“ศิษย์น้องหญิง ไม่ได้เจอหน้ามาสักพัก ดูเหมือนเธอจะมีอารมณ์ขันขึ้นมากทีเดียว”“ต้นขาของไอ้หนูนี่ยังบางไม่เท่าแขนของฉันด้วยซ้ำ บนตัวเองก็ไม่มีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งเล็ดลอดออกมา เขาจะสามารถสู้ชนะพวกเราได้?”“ศิษย์น้องหญิง เธอคงไม่ใช่ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของไอ้หนูนี่หลอกแล้วหรอกนะ? โชคดีที่เธอกลับมาหาเรา อย่างน้อยเราก็สามารถช่วยเธอแก้ไขข้อผิดพลาดได้”…… เสวี่ยเหมยตบหน้าผาก รู้เลยว่าเรื่องไม่ดีแล้วเธอรู้ถึงอุปนิสัยของศิษย์พี่ชายเหล่านี้ดี แต่ละคนดื้อรั้นเหมือนวัวไม่ว่าตัวเองจะอธิบายยังไง พวกเขาก็ล้วนไม่เชื่อวิธีเดียวคือปล่อยให้พวกเขาได้รับบทเรียนสักหน่อย เมื่อรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านี้น่ากลัวแค่ไหนก็จะว่าง่ายแล้วคิดได้แบบนี้ เธอก็โค้งคำนับไปทางเย่ซิวอย่างลึกซึ้ง พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจว่า "ศิษย์พี่ชายไม่กี่คนนี้ของฉันไม่ใช่คนเลว ขอคุณโปรดยั้งมือ สั่งสอนบทเรียนพวกเขาเล็กน้อยก็พอแล้ว"เย่ซิวพยักหน้า สาวน้อยคนนี้รู้ความกว่าแต่ก่อนมาก ฝ่ามือใหญ่ตบลงไปร่างบอบบางของเสวี่ยเหมยสั่นสะท้าน ใบหน้าของเธอแดงไปห
หยางถิงถิงนอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เพราะท่านี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้เมื่อเห็นเย่ซิวเดินออกมาพร้อมกับถังอวิ้น เธอก็เตรียมตัวจะลุกขึ้นแต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปเพราะเธอเห็นเย่ซิวเดินเข้าไปในห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถึงกับกระโดดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ทำให้แผลเจ็บจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว แม้แต่รองเท้าก็ไม่ทันใส่ รีบวิ่งตรงไปที่ห้องของถังอวิ้นหยางถิงถิงถือว่าถังอวิ้นเป็นเหมือนพี่สาวของตัวเอง แล้วเธอจะปล่อยให้ถังอวิ้น ‘เป็นเนื้อเข้าปากเสือ’ ไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร?ขณะที่ถังอวิ้นกำลังจะปิดประตู หยางถิงถิงก็พุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “พี่คะ พี่กำลังจะทำอะไร? ทำไมถึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าลามกตัวนี้เข้ามาได้!”ถังอวิ้นหัวเราะและตอบว่า “ฉันกับคุณคนนี้มีเรื่องต้องพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก”หยางถิงถิงยังคงไม่เชื่อ “จะคุยเรื่องอะไรถึงคุยกันข้างนอกไม่ได้ จำเป็นต้องเข้ามาในห้องพี่ ฉันบอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรเขาคงเห็นว่าพี่ทั้งสวยทั้งหุ่นดีเหมือนฉัน เลยใช้วิธีการบางอย่างหลอกล
เมื่อถังอวิ้นได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเย่ซิว เธอถึงกับรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยเธอไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาที่ไม่เคยเจออะไรเลยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้พบเห็นชายหนุ่มรูปงามมากมาย รวมถึงเจ้าชายจากต่างประเทศด้วยแต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปลักษณ์หรือออร่าของพวกเขา ก็ไม่มีใครเทียบกับเย่ซิวได้เลยที่สำคัญเธอรู้สึกว่าเย่ซิวดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ในตอนนั้นกลับคิดไม่ออกว่าเคยเห็นเขาที่ไหนถึงแม้ถังอวิ้นจะเป็นเพียงหัวหน้าแม่บ้าน แต่เพราะความสามารถที่โดดเด่น ทำให้หยางเฟิงเปิดเผยความลับหลายอย่างให้เธอรับรู้แม้กระทั่งภาพการต่อสู้ในตอนนั้น เธอก็เคยได้ดูหลังจากได้ดูภาพการต่อสู้นั้น ถังอวิ้นก็ถึงกับตื่นเต้นจนใจเต้นแรง แม้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอจะเติบโตในประเทศจ้านอิงตี้แต่เธอก็ยังคงคิดว่าตัวเองเป็นคนของประเทศหลงเถิง และฝันว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิด“คุณผู้ชาย คุณดูคุ้นหน้ามากเลยนะคะ”หยางเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นว่า “แน่นอนว่าต้องคุ้นอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ฉันไม่ได้เอาภาพการต่อสู้นั้นให้เธอดูหรอกหรือ?”ร่างของถังอวิ้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้าง ในที่สุดเธอก็นึกอ
เย่ซิวลูบคาง พลางพินิจมองหยางถิงถิงถึงแม้ว่านิสัยจะเอาแต่ใจและมีนิสัยคุณหนูหนักอยู่สักหน่อย แต่พรสวรรค์ของเธอก็ถือว่าโดดเด่นไม่น้อยแม้ว่าจะเทียบกับเย่ซิวไม่ได้เลย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนธรรมดา เธอก็จัดว่าเป็นอัจฉริยะหากได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม เธออาจจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง"นาย... นายมองอะไร" ภายใต้สายตาของเย่ซิว หยางถิงถิงรู้สึกไม่สบายใจ เธอบิดตัวด้วยความกระสับกระส่าย เย่ซิวยิ้มเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร และยังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอรู้ในตอนนี้รอให้มีเวลา เขาค่อยหาวิธีฝึกฝนเธอให้ดีเสียก่อนไม่นานถังอวิ้นก็กลับมา และหยางเฟิงก็กลับมาด้วยเช่นกันเย่ซิวพูดขึ้นก่อนที่หยางเฟิงจะทันได้เอ่ยปากว่า "ไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณเถอะ"หยางเฟิงพยักหน้า "เชิญตามฉันมา"ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องทำงาน หยางเฟิงล็อกประตู แล้วหยิบแฟ้มเอกสารหนาเตอะออกมาจากตู้เซฟ ยื่นให้เย่ซิว"นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อฉัน ตอนนี้มีมูลค่ารวมประมาณสองล้านหกแสนล้านบาท ผมจะขายทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เร็วที่สุดและจะเปลี่ยนมันเป็นทองคำ"เย่ซิวเปิดอ่านเอกสารเมื่ออ่านจบ เ
เย่ซิวเดิมทีก็แค่พูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เล่น ๆ เท่านั้นแต่เมื่อได้รู้ว่าเธอเรียนสาขาอะไร และไม่มีคนในครอบครัวอีก เขาจึงคิดจะดึงตัวเธอไปทำงานด้วยถังอวิ้นนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการที่เขาต้องการในทุก ๆ ด้านเธอเองก็เป็นคนจากประเทศหลงเถิงเหมือนกัน ซึ่งสถานะที่ไร้พันธะใด ๆ ของเธอนั้นดูสะอาดสะอ้านในระดับหนึ่ง เย่ซิวจึงคิดจะพาเธอกลับไปที่สำนักโอสถตอนนี้ที่นั่นกำลังขาดบุคลากรที่มีความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ จึงขาดแคลนทรัพยากรบุคคลระดับสูงเมื่อพูดออกไปเช่นนี้ ทั้งอลิสและถังอวิ้นต่างก็หันมามองเย่ซิวเป็นตาเดียวถังอวิ้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ขอโทษค่ะคุณผู้ชาย ฉันทำงานที่นี่มีความสุขมากแล้วท่านประธานและครอบครัวของพวกเขาก็ดีกับฉันมาก ตอนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะย้ายออกไปค่ะ”“ผมให้เงินเดือนปีละห้าสิบล้านบาท” เย่ซิวพูดอย่างตรงไปตรงมา “และยังจะมอบบางสิ่งที่คุณคาดไม่ถึงให้อีกด้วย”ถังอวิ้นเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ดูจากรูปลักษณ์ของเธอแล้ว เธอน่าจะออกกำลังกายเป็นประจำเย่ซิวสามารถช่วยเธอปรับปรุงสมรรถภาพทางกาย ให้เปลี่
“นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” หยางถิงถิงรู้สึกไม่เชื่อในตอนแรกแต่ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นฉากตรงหน้าและตกตะลึงจนแทบอาเจียน พลางปิดปากตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ?!” หยางเฟิงส่ายศีรษะ พร้อมสั่งกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ตอนนี้...หลานพาเขากลับบ้านเราไปก่อน รอให้ปู่จัดการเรื่องตรงนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”“อะไรนะ?!” หยางถิงถิงถึงไม่พอใจในทันที “คุณปู่ล้อเล่นหรือเปล่าคะ? ให้หนูพาเขากลับบ้านเนี่ยนะ! นี่มันเหมือนเอาหมาป่าเข้าบ้านเลยนะคะ! คุณปู่ไม่กลัวเหรอว่าหลานสาวของคุณจะโดนไอ้หมอนี่รังแกหรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง?” หยางเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้ามีเรื่องแบบนั้นจริง ก็ดีสิ” หยางถิงถิง “???” สุดท้ายหยางถิงถิงก็ถูกบังคับให้พาเย่ซิวกลับบ้าน หยางเฟิงให้เธอเลือกสองทาง คือจะพาเย่ซิวกลับบ้าน หรือจะอยู่ช่วยกันยกศพอยู่ที่นี่ หยางถิงถิงตัดสินใจเลือกทางแรกทันที เธอขับรถเอสยูวีสุดหรู โดยมีเย่ซิวกับอลิสนั่งอยู่ด้านหลัง หยางถิงถิงเงียบไปตลอดทาง ไม่หยิ่งยโสเหมือนตอนที่อยู่กับหยางเฟิงก่อนหน้านี้เลย แถมเธอยังขับรถเร็วมากด้วยเหตุผลก็มีเพียงข้อเดียว เพราะจุดที่โด
ในขณะที่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหลจากทุกอณูของร่างกายตนเองหลังจากการปลดปล่อยพลังออกมา หยางถิงถิงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที เธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองอีกครั้ง สิ่งแรกที่เธอทำคือพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว โดยหวังจะสั่งสอนเขาให้เข็ดหลาบที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจมานานหยางเฟิงที่เห็นแบบนั้นถึงกับหน้าซีด รีบตะโกนห้ามปรามทันที “ถิงถิง หยุดนะ!”แต่หยางถิงถิงนอกจากจะไม่สนใจคำห้ามปรามแล้ว เธอยังเร่งความเร็วขึ้นอีก “คุณปู่ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูก็แค่จะสั่งสอนเขานิดหน่อย จะไม่ทำให้ถึงตายหรอก!”หยางเฟิงได้แต่ยกมือขึ้นกุมหน้า เขาไม่อยากมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหยางถิงถิงยกมือขึ้นหมายจะตบใบหน้าเย่ซิวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมแต่ก่อนที่มือของเธอจะฟาดถึงใบหน้าเขา อยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกว่าเอวของเธอถูกเย่ซิวจับไว้แน่นแล้วร่างของเธอก็หมุนเคว้ง ก่อนตัวเธอจะถูกเย่ซิวหนีบไว้ใต้แขน“เพียะ!”เสียงฝ่ามือกระทบชัดเจนดังขึ้นในห้องหยางถิงถิงตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำราวกับสีตับหมูทันที พลันกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น พร้อมดิ้นรนสุดชีวิต “ไอ้บ้า! นายกล้าตีฉันเหรอ! ฉันจะสับนายเป็นพัน ๆ ชิ้น!”หยางถิง
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะสู้ชนะ แต่ก่อนหน้านั้นที่ถูกลอบโจมตี เขาก็สูญเสียคนไปถึงเกือบหนึ่งในสามเดิมทีในห้องโถงมีผู้มีพลังวิเศษมากกว่าหนึ่งพันคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองร้อยกว่าคนเท่านั้น และแต่ละคนก็ล้วนบาดเจ็บทั้งสิ้นเย่ซิวปรบมือเบา ๆ ดึงดูดสายตาของทุกคน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ต่อไปนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะพูดตามผม ใครที่ไม่พูด ก็จะลงเอยเหมือนกับศพที่กองอยู่บนพื้นตรงนี้”ทุกคนรู้สึกหนาวสั่นไปถึงหัวใจ หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ซิว ก็ไม่กล้าขัดขืนแม้แต่น้อย พากันพูดตามอย่างว่าง่ายหยางถิงถิงในตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพปิดกั้นตัวเอง ไม่มีสติรับรู้ จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเย่ซิวตั้งใจให้พวกเขาสาบานด้วยพันธสัญญาที่ร้ายแรงที่สุดตราบเท่าที่พวกเขาคิดจะเปิดเผยสิ่งใดเกี่ยวกับวันนี้ พวกเขาจะถูกกลืนกินทันทีและเสียชีวิต ณ ที่ตรงนั้นแม้แต่หยางเฟิงก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เย่ซิวไม่เชื่อใจพวกเขา หากไม่สาบาน เขายอมฆ่าทิ้งทั้งหมดเสียดีกว่าหลังจากที่พวกเขากล่าวคำสาบานกันครบแล้ว ใบหน้าของเย่ซิวจึงปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับสลายจิตสังหารที่แผ่ออกมาก่อนหน้าหยางเฟิงถอนหายใจโล่งอกทันที และรีบสั่งคนให้เริ่มเก
สีหน้าของแคสซี่ย์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เธอพบว่าตัวเองไม่อาจประเมินความแข็งแกร่งของเย่ซิวได้เลยเมื่อนึกถึงตอนก่อนหน้านี้ที่เย่ซิวแทบไม่ต้องขยับตัว แต่กลับทำลายการโจมตีของเธอได้อย่างง่ายดาย ความคิดหนึ่งพลันก็ผุดขึ้นมาในหัว"หรือว่าคนที่ถูกทั่วทั้งเมืองตามล่าเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือนาย!"เย่ซิวไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ปล่อยหยางเฟิงไป แล้วผมจะให้คุณได้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี"แคสซี่ย์หัวเราะเย้ยหยัน "ถึงนายจะเป็นคนคนนั้น แต่แล้วจะยังไงล่ะ? ที่นี่คือสมาคมผู้มีพลังวิเศษ!อีกอย่างหยางเฟิงยังอยู่ในมือฉัน ถ้านายไม่อยากให้เขาตาย ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเฉย ๆ แล้วอย่าขยับตัว!"เย่ซิวหยุดอยู่ห่างจากเธอสามเมตร พร้อมเผยรอยยิ้มเย้ยหยันตรงมุมปาก "คุณลองเดาดูสิว่าทำไมผมถึงพล่ามเรื่องไร้สาระกับคุณมากมายขนาดนี้?""แย่แล้ว..."แคสซี่ย์เกิดความระแวดระวังขึ้นทันที โดยไม่ต้องหยุดคิดอีก เธอก็ชักมีดที่เสียบอยู่ในท้องของหยางเฟิงออกมา จากนั้นกระหน่ำแทงไปที่หัวใจของเขาอย่างแรง"พรวด!"เลือดพุ่งกระฉูดออกมาร่างของแคสซี่ย์ก็แข็งค้างอยู่ตรงนั้น เธอก้มลงมองช้า ๆ ก็พบว่าร่างกายของเธอถู
แคสซี่ย์ยกมือขวาขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะกดลงอย่างแรงพร้อมพูดว่า “ลงมือซะ! ฆ่าทุกคนที่เป็นคนของหยางเฟิง อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”"ฉึก ฉึก ฉึก!"เลือดพลันก็สาดกระเซ็น บางคนถูกโจมตีจากคนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างไม่ทันตั้งตัวและเสียชีวิตในทันทีหยางเฟิงตกตะลึงและโกรธจัด เขาอยากจะต่อต้าน แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงมองดูพี่น้องร่วมชาติของเขาถูกฆ่าไปทีละคนด้วยสายตาเจ็บปวดเขาหลั่งน้ำตาเลือด เสียใจภายหลังเหลือจะกล่าวไม่เคยคาดคิดเลยว่าแคสซี่ย์จะโหดเหี้ยมและไร้ความปรานีถึงเพียงนี้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลในพริบตา“ไปเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องแสดงบ้างขึ้นเวทีแล้ว”เย่ซิวจับมือของอลิส เดินไปข้างหน้าอย่างใจเย็นและมั่นคง พลังไร้รูปปกคลุมรอบตัวเขาในระยะสองเมตร ทำให้ทุกสิ่งที่เข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือพลังวิเศษต่างๆ ล้วนถูกสะท้อนออกไปดวงตาของอลิสเปล่งประกายเจิดจ้า เธอหลงรักชายตรงหน้าอย่างหัวปักหัวปำเย่ซิวเดินไปถึงหน้าเวทีสำคัญ จับเชือกเส้นหนึ่งไว้ และส่งพลังวิญญาณอันทรงพลังและดุดันของเขาเข้าไปอย่างรุนแรงพลังนั้นเหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ไหลทะลักอย่างไม่หยุดยั้ง สร