ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถอดผ้าปิดตาออก เอียงศีรษะแล้วมองไปที่เย่ซิว "เมื่อคืนนี้คือน้องหลิ่วใช่ไหม?"เย่ซิวรู้สึกขบขันอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงจริงจัง "คุณเดาดูสิ"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แค่นเสียงฮึ่ม "ต้องเป็นเธอแน่ ๆ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเดียวในบ้านนี้ที่ใช้น้ำหอมดอกหอมหมื่นลี้คิดไม่ถึง น้องหลิ่วที่ปกติดูจะเป็นผู้หญิงที่ซื่อตรงขนาดนั้นจะ…”เย่ซิวขอโทษหลิ่วเมิ่งอิ๋นในใจอย่างเงียบ ๆ ที่ให้เธอมาแบกรับความผิดแทนหลิวอวิ้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเงียบไม่พูด ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจไปเองแล้วว่านั่นคือหลิ่วเมิ่งอิ๋นจริง ๆหลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จ ก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋น จึงหัวเราะคิกคักและพูดไปว่า "น้องหลิ่ว ฉันดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะ"หลิ่วเมิ่งอิ๋น "???"วันนี้เย่ซิวเองก็จะไปที่บริษัทกับพวกเธอด้วยเซี่ยชิงชิงติดตามไปด้วยเช่นกันเธอนั่งอยู่ในรถ กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้บรรยากาศครึกครื้น รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้า ทำให้ใครเห็นใครก็รักถ้าเย่ซิวไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาก็อาจจะถูกทักษะการแสดงของน้องภรรยาคนนี้หลอกเข้าให้จริง ๆเมื่อมาถึงที่บริษัท เซี่ยชิงชิงก็ถูกพี่สาวพาไปลงทะเบีย
ประเทศหลงเถิง ที่ไหนสักแห่งที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าโบราณทางตอนเหนือ“อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว มื้อเย็นวันนี้เป็นเนื้อกระต่ายแหละ”ณ ส่วนลึกของป่าโบราณมีบ้านไม้หลายหลังตั้งอยู่เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบหกหรือสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง ในมือหิ้วกระต่ายตัวอวบอ้วนมาด้วยหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนโขดหินตะปุ่มตะป่ำขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ดีดตัวเพียงไม่กี่ครั้งก็มาถึงหน้าบ้านไม้เขาชื่อเย่ซิว อาศัยอยู่ที่นี่กับอาจารย์ของเขามาตั้งแต่ยังเด็กแล้วติดตามอาจารย์เพื่อฝึกฝนวรยุทธ เก็บสมุนไพร เรียนการแพทย์ และเรียนรู้ด้านการอ่านเขียนเอี๊ยดเย่ซิวผลักประตูแล้วเดินเข้าไป วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระต่ายในมือถูกทิ้งลงกับพื้นเห็นเพียงชายชราคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ศีรษะตกลงมา ไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว“อาจารย์ อาจารย์ครับ เป็นยังไงบ้าง?!”เย่ซิวตกใจมากรีบรุดขึ้นไปแล้วตรวจชีพจรของเขาก่อน จึงได้พบว่าไม่มีการเต้นของชีพจรแล้วจากนั้นเขาก็รีบหยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังเข็มลงไปไม่มีประโยชน์!เขาถ่ายทอดพลังปราณอันทรงพลังของตัวเองไปให้ แต่ก็ยังคงไร้ผลใด ๆความโศกเศร้าครั้งใหญ่เข้
“ไปให้พ้น แกไอ้คนเถื่อนตัวเหม็น อย่าเข้ามาในรถของฉันนะ และห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันด้วย!”เซี่ยชิงชิงแยกเขี้ยวยิงฟัน กางกรงเล็บของเธอเหมือนกับลูกแมวขี้โมโหเย่ซิวโกรธแล้ว ‘หญิงคนนี้คงไม่ปกติสินะ?!’เขาคว้าข้อมือของเซี่ยชิงชิง ออกแรงแล้วลากเธอออกมาเซี่ยชิงชิงพยายามดิ้นอย่างหนัก "กรี๊ดดด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ไอ้นักเลงตัวเหม็น!"เพียะ เพียะ!เย่ซิวไม่ตามใจเธออยู่แล้ว จับเอวเธอขึ้นมาโดยตรงแล้วตีแรง ๆ สองทีร่างอ้อนแอ้นของเซี่ยชิงชิงชะงักกึก เธอหันไปมองเย่ซิวด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "นาย...นายถึงกับ…!"เย่ซิวโยนเซี่ยชิงชิงลงกับพื้น ขู่เธออย่างดุร้ายว่า "หุบปากไปเลย ไม่งั้นฉันจะจัดการเธอตรงนี้แหละ! ในที่รกร้างห่างไกลแบบนี้ เธอหนีไม่รอดหรอก แม้แต่สัตว์ร้ายก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้ ลองคิดดูเอาเองก็แล้วกัน!"เซี่ยชิงชิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเธออีก เขาหันหลังแล้วกลับเข้าไปในรถเขาตรวจชีพจรของชายชราก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หยิบเข็มเงินออกมา หลังฆ่าเชื้อแล้ว จึงฝังเข็มลงไปบนจุดชีพจรของชายชราอย่างรวดเร็วแต่เดิมชายชรามีอาการหายใจติดขัดแต่หลังจา
เพียะ!หนึ่งฝ่ามือหนัก ๆ ฟาดไปที่หน้าของเซี่ยชิงชิงใบหน้าที่ขาวผ่องและเนียนละเอียดของเธอบวมขึ้นในทันทีนั้นเสียงตบที่คมชัด ดังก้องอยู่ในหูของทุกคน ทำให้เซี่ยเจี๋ยเบิกตากว้าง บอดี้การ์ดทั้งสองคนเองก็ตกตะลึงเช่นกันเซี่ยชิงชิงยกมือขึ้นกุมหน้า ความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุดทำเอาเธอแทบบ้าคลั่งเสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นทันที "กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แกกล้าตบหน้าฉันเหรอ?!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเธอ มองไปที่เซี่ยเจี๋ยแล้วพูด “หลานสาวของคุณกำเริบเสิบสาน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโส ผมก็เลยช่วยสั่งสอนเธอแทนให้ มีปัญหาอะไรไหมครับ?"เซี่ยเจี๋ยยิ้มอย่างขมขื่น "ฉันไม่กล้ามีปัญหาหรอก หลานสาวฉันคนนี้ หยิ่งผยองมากเกินไปแล้วจริง ๆ"“คุณปู่ ฆ่าเขา รีบฆ่าเขาเดี๋ยวนี้เลย!” เซี่ยชิงชิงตีโพยตีพาย คนทั้งคนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกตบหน้า“หุบปาก!”เซี่ยเจี๋ยตะคอก เขาปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธออกมานิดหน่อย “ดูเหมือนว่าปกติปู่จะตามใจหลานจนเสียคนแล้วจริง ๆ รีบขอโทษผู้มีพระคุณเย่เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจนกระทั่งหลานเรียนจบ อย่าคิดว่าจะได้
จ้าวเฉียนเดินเข้ามาพร้อมกับเลขาฯ เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ตะโกนทันที "หยุดเดี๋ยวนี้!"ชายฉกรรจ์หลายสิบคนยั้งมือ“พ่อ?” จ้าวเฟิงตกตะลึง “พ่อมาทำอะไรที่นี่?”จ้าวเฉียนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"จ้าวเฟิงอธิบายเหตุการณ์ให้จ้าวเฉียนฟังด้วยเสียงทุ้มต่ำดวงตาของจ้าวเฉียนเป็นประกาย ความคิดของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็วเขาเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว ๆ แล้ว น่าจะเป็นเย่ซิวคนนี้ที่บังเอิญช่วยเซี่ยเจี๋ย แต่ขณะเดียวกันก็ดันไปทำให้เซี่ยชิงชิงขุ่นเคืองใจ จึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต้องบอกว่าจ้าวเฉียนสมกับที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริง ๆเขาโบกมือ "อย่างนั้นก็ลงมือเถอะ"แต่ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เย่ซิวก็โพล่งขึ้น "คุณคือจ้าวเฉียนงั้นเหรอ?"ที่นี่คืออาคารของบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ป และในพินัยกรรมที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้นั้น ยังได้ทิ้งข้อมูลคร่าว ๆ เกี่ยวกับจ้าวเฉียนเอาไว้ด้วยจ้าวเฟิงโกรธมาก "ชื่อของพ่อฉัน แกอยากจะเรียกก็เรียกได้หรือไง? ไอ้คนเถื่อน!"เย่ซิวเพิกเฉยต่อเขา "เป็นคุณจริง ๆ เยี่ยมเลย ผมมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะ"“โอ้?” จ้าวเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "คนเถื่อนที่เพิ่งลงมาจากเขาอย่างนาย มีธุระอะไรกับฉ
ที่หน้าร้าน หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่เย่ซิวแล้วตะโกนเสียงดังลั่น "ไสหัวไปให้ไกล ๆ เลย อย่ามาขัดขวางธุรกิจของฉัน!"ในความเห็นของเธอ เย่ซิวซึ่งสวมชุดผ้าขี้ริ้วและสะพายถุงผ้าเก่า ๆ ไม่ต่างอะไรจากขอทานเย่ซิวพูดว่า "ผมไม่ใช่ขอทาน ผมมาซื้อเสื้อผ้า ผมมีเงิน"หญิงวัยกลางคนกอดอกและเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอทานอย่างแกจะมีเงินสักเท่าไหร่เชียว สิบหยวนหรือว่ายี่สิบหยวนล่ะ? แกไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าที่นี่ได้หรอกนะ ห้ามเข้ามาในร้านของฉัน อย่าทำให้ร้านของฉันสกปรก"เย่ซิวระงับความโกรธ "ผมบอกคุณไปแล้วนี่ว่าผมมีเงิน ถ้าคุณเปิดร้านทำธุรกิจ ทำไมถึงไม่ให้ผมเข้าไปล่ะ?"หญิงวัยกลางคนโกรธมาก "แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ? ถ้าไม่ไป ฉันจะไม่ยั้งมือแล้วนะ"หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบไม้กวาดข้างประตูขึ้นมาและจ้องเย่ซิวด้วยสีหน้าดุร้าย“พี่ชายคนนี้ อยากจะซื้อเสื้อผ้าเหรอคะ? มาที่ร้านฉันก็ได้นะ”ทันใดนั้นเอง เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งก็ดังมาจากร้านข้าง ๆ เย่ซิวหันกลับไปมอง เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุประมาณสิบแปดหรือสิบเก้าปีกำลังพูดกับเขาอย่างเขินอายเธอดูไร้เดียงสามาก สวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดสีขาวผมถูกถักเป็นเปียสอง
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมดจากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทางทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!""ได้!"คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วหญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้าเย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็วแต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทนเย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้นทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ""ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมา
"หยุดนะ! คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องบ้า ๆ กับคนไข้ของฉัน!" หมอคนสวยโกรธมากจนหน้าขึ้นสีแดง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจหมอชายหลายคนเมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ก็พากันมาล้อมตัวเขาเอาไว้เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนเหล่านี้และมองไปที่หญิงสาว "นี่คือพ่อของเธอ ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจให้ช่วยหรือไม่"ในการรักษาผู้ป่วย ขั้นตอนแรกคือต้องได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อน"ฉัน... พี่ได้โปรดช่วยพ่อด้วยเถอะ อย่างไรเสียผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แล้ว หมออย่าทำให้พี่เขาต้องลำบากใจเลย"หมอคนสวยพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "น้องสาว อย่าไปหลงกลเขานะ เด็กคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี!""หุบปาก!"ทันใดนั้น เย่ซิวก็ตะโกนขึ้นเสียงดังเสียงของเขาดังราวกับเสือคำรามอย่างดุร้ายทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยต่างตกใจ แววตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความกลัว มีเพียงผู้ป่วยที่ไร้สติและหญิงสาว เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา "แม้แต่คนในครอบครัวเขาก็เห็นด้วย พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้?"หลังจากพูดแล้ว เย่ซิวจึงเพิกเฉยต่อคนที่หว่าดกลัว และเขาเริ่มดำเนินการทันทีขั้นแรก เขาฆ่าเชื้อเข็ม
ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถอดผ้าปิดตาออก เอียงศีรษะแล้วมองไปที่เย่ซิว "เมื่อคืนนี้คือน้องหลิ่วใช่ไหม?"เย่ซิวรู้สึกขบขันอยู่ในใจ แต่สีหน้ายังคงจริงจัง "คุณเดาดูสิ"ลู่เสวี่ยเอ๋อร์แค่นเสียงฮึ่ม "ต้องเป็นเธอแน่ ๆ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนเดียวในบ้านนี้ที่ใช้น้ำหอมดอกหอมหมื่นลี้คิดไม่ถึง น้องหลิ่วที่ปกติดูจะเป็นผู้หญิงที่ซื่อตรงขนาดนั้นจะ…”เย่ซิวขอโทษหลิ่วเมิ่งอิ๋นในใจอย่างเงียบ ๆ ที่ให้เธอมาแบกรับความผิดแทนหลิวอวิ้นเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเงียบไม่พูด ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็เข้าใจไปเองแล้วว่านั่นคือหลิ่วเมิ่งอิ๋นจริง ๆหลังจากอาบน้ำทำธุระเสร็จ ก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋น จึงหัวเราะคิกคักและพูดไปว่า "น้องหลิ่ว ฉันดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะ"หลิ่วเมิ่งอิ๋น "???"วันนี้เย่ซิวเองก็จะไปที่บริษัทกับพวกเธอด้วยเซี่ยชิงชิงติดตามไปด้วยเช่นกันเธอนั่งอยู่ในรถ กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้บรรยากาศครึกครื้น รอยยิ้มที่ไร้เดียงสาบนใบหน้า ทำให้ใครเห็นใครก็รักถ้าเย่ซิวไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาก็อาจจะถูกทักษะการแสดงของน้องภรรยาคนนี้หลอกเข้าให้จริง ๆเมื่อมาถึงที่บริษัท เซี่ยชิงชิงก็ถูกพี่สาวพาไปลงทะเบีย
หัวใจของเซี่ยชิงชิงกระตุกวูบ ก่อนที่เธอจะทันได้ทันตอบสนอง มือของเย่ซิวก็วางลงบนจุดตันเถียนของเธอแล้วมือใหญ่ที่มั่นคงและทรงพลังนั้นกดลงไปตรง ๆร่างกายอันละเอียดอ่อนของเซี่ยชิงชิงแข็งทื่อ เธอแทบจะหยุดหายใจแล้ว“โอ้? ไม่เลวเลย ถึงกับมีความสามารถในการฆ่าแมลงพิษที่ฉันฝังไว้” เย่ซิวมองเธอด้วยรอยยิ้มแต่เซี่ยชิงชิงรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของงูพิษร้าย ร่างกายของเธอเย็นเยียบไปหมดเธอพูดขึ้นอย่างยากลำบาก "ใช่...ใช่แล้วค่ะ ฉันพบโอสถหมื่นพิษเม็ดหนึ่งในสำนักเบญจพิษหลังจากกินมัน พลังของฉันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก และฉันก็สามารถกำจัดแมลงพิษได้ ก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเป็นแบบนี้"“โอสถหมื่นพิษ” เย่ซิวเริ่มสนใจแล้วเขาสำรวจเธออย่างรอบคอบเซี่ยชิงชิงกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกถึงความอัปยศอดสูเหมือนที่ได้รับในตอนนั้นอีกครั้งแต่ตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมากในดวงตาไม่มีร่องรอยของความแค้นเคืองอะไร มีเพียงความตื่นตระหนกและความเขินอายหลังจากสำรวจเสร็จแล้ว เย่ซิวก็หยุดมือและหัวเราะเบา ๆ "ช่างเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ คิดไม่ถึงว่าเธอจะขึ้นเป็นจอมยุทธ์ระดับเก้าแล้วงั้นตั้งแต่พร
แต่ในใจกลับค่อนข้างดูถูกดูแคลนที่แท้ผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเย่ซิวล้วนโง่เขลาขนาดนี้ เธอเอาชนะใจพวกเธอได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉากนี้ น้องสาวของเธอโตขึ้นมากกริ๊งประตูอิเล็กทรอนิกส์ของวิลล่าเปิดออก สาว ๆ ทุกคนหันไปมองเมื่อพวกเธอเห็นเย่ซิวกลับมาจากข้างนอก ผู้หญิงหลายคนก็ปรี่ขึ้นไปต้อนรับเขากลิ่นน้ำหอมและกลิ่นกายทุกชนิดผสมผสานกัน ทำให้ฮอร์โมนของคนพลุ่งพล่านรอยยิ้มจากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ซิวนี่ถึงจะเป็นสวรรค์ของเขา ไร้ซึ่งกลอุบาย และไม่มีใครที่คิดจะทำร้ายเขาสุดท้าย สายตาของเขาก็มองไปที่เซี่ยชิงชิงซึ่งยืนอย่างเขินอายห่างออกไปกว่าสิบเมตร เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่กล้ามองเขาเย่ซิวเดินไปพร้อมกับสายตาที่พินิจพิเคราะห์เซี่ยชิงชิงจับมือทั้งสองข้างแน่น หัวใจเต้นเร็วขึ้นนี่ไม่ใช่การแสดง แต่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงของเธอในตอนนี้ผู้ชายคนนี้ น่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก เธอกลัวว่าจะเผยพิรุธออกมาขณะที่เธอหัวใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ชิงชิงสวยขึ้นมาก คุ้นเคยกับที่นี่รึยัง?"“อืม ที่นี่ดีมาก ขอบคุณที
หลังจากที่ตื่นเต้นแล้ว หลี่หยวนก็ถูกกลิ่นเหม็นที่มาจากร่างของตัวเองเกือบทำให้หมดสติไปหลังจากทิ้งคำพูดประโยคหนึ่งไว้ เขาก็วิ่งไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำดวงตากลมโตและระยิบระยับของหลี่หลิงเอ๋อร์เบิกกว้าง "ฉันเอาด้วย ฉันเองก็อยากลองบ้างเหมือนกัน"เย่ซิวพยักหน้า และกดนิ้วลงไปที่หว่างคิ้วของเธอเหมือนกันกระแสพลังวิญญาณถูกส่งเข้าไปในร่างของหลี่หลิงเอ๋อร์และไหลไปทั่วร่างสิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจก็คือ ศักยภาพทางร่างกายของหลี่หลิงเอ๋อร์นั้นแข็งแกร่งกว่าของหลี่หยวนมากในที่สุด พลังวิญญาณของเขาก็ถูกส่งไปเก็บในจุดตันเถียนที่ช่องท้องของหลี่หลิงเอ๋อร์"ว้าว น่าทึ่งมาก"หลี่หลิงเอ๋อร์มองไปที่เย่ซิวด้วยความชื่นชมและนับถือตัวเองนั่งสมาธิและฝึกฝนอย่างหนักที่นี่เป็นเวลาหลายปี ถึงจะประสบความสำเร็จเล็กน้อยแต่ตอนนี้เย่ซิวแค่จิ้มตัวเองเบา ๆ อย่างไม่ใส่ใจ กลับได้รับผลประโยชน์มหาศาลชนิดที่เอาเมื่อก่อนมารวมกันก็ยังเทียบไม่ติดเธอเป็นเหมือนภูตตัวน้อย น่ารักมาก "ทำอีกหลายรอบหน่อยจะได้รึเปล่า?"เย่ซิวรู้สึกตลกและถามไปว่า “คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?”“ปีนี้ฉันอายุยี่สิบแล้ว”เย่ซิวตกใจแล้วจริง ๆ เด็กสาวมีใบ
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด