เสียงเพียะดังอย่างชัดเจน ใบหน้าซีกหนึ่งของเควินก็บวมขึ้น ฟันสองสามซี่ก็ร่วงหลุดเขาโกรธมากและตะโกนใส่อธิการบดีว่า “ถ้าคุณยังไม่ห้ามเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับผม คุณลองไปคิดให้ดีแล้วกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะมีปัญหาหรือไม่”ประเทศจ้านอิงตี้มีอำนาจเหนือกว่ามาโดยตลอดแม้ว่าคนของตัวเองจะเป็นคนก่อเรื่องขึ้นก่อน พวกเขาก็จะปกป้อง ถึงขนาดให้คนของประเทศที่ถูกรังแกต้องมาขอโทษและชดใช้ให้ในประวัติศาสตร์ เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วอธิการบดีรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยและมองไปทางเย่ซิว “นักศึกษา เขาพูดถูกแล้ว หยุดเถอะ หากชกเขาอีกอาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างสองประเทศได้”เมื่อเห็นอธิการบดียอมแพ้ เควินก็หัวเราะเยาะออกมา และมองเย่ซิวอย่างหยิ่งยโส “ได้ยินแล้วใช่ไหม? หากนายกล้าแตะต้องฉันอีก นายจบไม่สวยแน่ ในประเทศจ้านอิงตี้ของฉันยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ใครจะกล้าหาเรื่องฉัน?!”แม้ว่าทุกคนจะโกรธ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าคือสิ่งที่เขาพูดนั้นคือความจริงประเทศจ้านอิงตี้เป็นอันดับหนึ่งของโลกทั้งด้านการทหาร การเงิน วิทยาศาสตร์ และการศึกษา ไม่มีประเทศใดเทียบเคียงได้แน่นอนว่านั่นมันเป็นเรื่อง
“เธอไม่ได้ยั่วฉัน ฉันเห็นว่าเธอสวยมาก เลยจงใจหลอกเธอให้มาที่ห้องพักครู”“ฉันกะจะใช้กำลังบีบบังคับให้เธอยอมจำนน แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอไวมากขนาดนั้น ดึงเวลาลากยาวจนถึงหมดคาบเรียน”“ผู้หญิงคนนี้ยังบันทึกวิดีโอไว้ แต่โชคดีที่มีผู้หญิงโง่ ๆ อย่างเหมยฮวาช่วยแย่งเอาโทรศัพท์ของเธอมาได้”“ไม่เพียงหยุดยั้งความซวยไว้ได้ แต่ยังทำให้ผู้หญิงคนนี้ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยได้อีกต่างหาก”“พอเธอออกจากมหาวิทยาลัย ฉันก็จะโทรหาเพื่อน ๆ ของฉันให้ไปจับตัวเธอเอาไว้ ถึงตอนนั้นเราจะทำอะไรกับเธอก็ได้!”เขาเปิดเผยความคิดที่แท้จริงออกมาอย่างไม่ลังเลทุกคนในสถานที่นั้นตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเพื่อนร่วมชั้นชายบางคนอดไม่ได้ที่จะพุ่งออกไปตบหัวหมอนั่นแววตาของเย่ซิวยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นอีก เขายังคงถามต่อไปว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คุณทำร้ายผู้หญิงไปแล้วกี่คน!”“ไม่รู้สิ อาจมีประมาณสองสามร้อยคนได้ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ!” เขาหัวเราะไม่หยุด “ผู้หญิงในประเทศหลงเถิงง่ายจะตาย พูดหวาน ๆ สักสองสามคำ พวกหล่อนก็ตามนายต้อย ๆ แล้ว”“มีบางคนหัวแข็งไม่เล่นด้วย ฉันก็ใช้แผนเด็ดอย่างถ่ายคลิปเอาไว้ แล้วเอาไปขู่พวกเธอไม่ให้ไปบอกคนอื่น!”
เย่ซิวดึงเข็มเงินออกมาจากทั้งสองคนแล้วโยนทิ้งลงถังขยะทั้งสองทั้งสองค่อยๆ ฟื้นคืนสติ สับสนงุนงงเล็กน้อยเหมยฮวาลุกขึ้นจากพื้น ชี้ไปที่เย่ซิวแล้วตะคอกออกมา “หนุ่มน้อย แกทำอะไรกับฉัน?!”เย่ซิวมองเธออย่างเย็นชาและไม่ตอบอะไร“ถอยไป ถอยไปให้หมด!”“ตำรวจกำลังทำงาน ห้ามทุกคนถ่ายรูป!”เมื่อตำรวจมาถึง เควินและเย่เหมยฮวาก็ยังไม่รู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์จนกระทั่งถูกใส่กุญแจมือแล้วถึงรู้สึกตัวเควินทั้งโกรธและตกใจ “พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ? มาจับผมทำไม? ผมเป็นพลเมืองของประเทศจ้านอิงตี้ พวกคุณมาจับผมแบบนี้ คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างไหม?!”เหมยฮวาตะโกนกรีดร้องไม่หยุด “คุณมาจับฉันทำไม? ควรไปจับนางสารเลวนั่นสิ ฉันเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงนะ พวกคุณจับผิดคนแล้ว!"ไม่มีใครสนใจเสียงตะโกนกรีดร้องของพวกเขา ตำรวจพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ทันทีหลังจากที่พวกเขาออกไป ทุกคนก็ส่งเสียงไชโยหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกตื้นตันใจมากจนไม่สนผู้คนที่อยู่ที่นี่ และรีบวิ่งไปหาเย่ซิวแต่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่มือไวตาไวคว้าตัวเธอมากอดไว้ก่อน “น้องหลิว ดีใจมากที่เธอไม่เป็นไร เมื่อกี้ทำฉันตกใจกลัวแทบตาย”หลิ่วเมิ่งอิ๋นพูดไ
เย่ซิวรีบเข้าไปในห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ทันทีและเห็นว่าเธอถูกผู้หญิงรูปร่างผอมและสูงคนหนึ่งจับเธอเป็นตัวประกันเอาไว้มีมีดสั้นจ่ออยู่ที่คอของเธอท่าทีของเย่ซิวดูเย็นชา “เธอเป็นใคร?”ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ฉันเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือถ้านายอยากช่วยเธอก็กินนี่ซะ!”ผู้หญิงคนนั้นขว้างยาเม็ดสีดำเม็ดหนึ่งมาให้ เย่ซิวก็คว้ามันในมือเดียวเย่ซิวแค่มองดู ก็รู้ว่ามันคืออะไรมันเป็นยาพิษร้ายแรงที่จะฆ่าคนให้ตายได้ภายในครึ่งชั่วโมง หากไม่ได้รับยาถอนพิษหลังจากกินเข้าไปแต่เย่ซิ่วแสร้งทำเป็นไม่รู้จักยาเม็ดดังกล่าวและถามไปว่า “นี่คืออะไร?”“มันเป็นยาที่ถ้านายกินเข้าไปแล้วจะทำให้นายอ่อนแรงเท่านั้น ไม่ต้องห่วง เป้าหมายของฉันไม่ใช่การฆ่านายหรอก”“ถ้าฉันกินยานี่แล้ว ต้องปล่อยเธอซะ”“ไม่มีปัญหา”“อย่ากินนะ!” ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กังวลมาก “ถ้าเธอหลอกนายล่ะ?!”“เงียบซะ!”ผู้หญิงคนนั้นกดมีดสั้นแรงขึ้นเล็กน้อย ทำให้มีรอยเลือดปรากฏบนลำคอขาวของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถ้าออกแรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย คอของเธอก็คงมีเลือดออกมากกว่านี้“อย่าทำร้ายเธอ!” เย่ซิ่วแสร้งทำเป็นตื่นตระหนก “ฉันกิน ฉันกิน!”
เย่ซิวแบกเธอไปที่หน้าต่างและพลางหันบอกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ว่า “ไปเอายามาล้างแผลก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า “ระวังตัวด้วย อย่าทำอะไรผิดกฎหมายล่ะ”เธอกลัวว่าเย่ซิ่วจะหุนหันพลันแล่นทำลงมือทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น“ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”เย่ซิวแบกผู้หญิงคนนั้นกระโดดออกไปนอกหน้าต่างข้างล่างเป็นสนามหญ้า ด้วยความแข็งแกร่งของเย่ซิว เขาย่อมไม่เป็นอะไรแล้วเขาก็แบกเธอตรงไปยังเนินเขาด้านหลังผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยายามจะขอความช่วยเหลือแต่เย่ซิ่วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เธอพูดอะไรไม่ได้แล้วในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงเนินเขาด้านหลังและเย่ซิวบีบคอเธอด้วยแรงมหาศาลมีเสียงกรอบดังขึ้น ผู้หญิงคนนั้นคอหักและเสียชีวิตทันทีลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นจุดอ่อนของเขาและมีความสำคัญมากใครก็ตามที่กล้าคิดร้ายต่อเธอ จะต้องเจอการตอบโต้ที่บ้าคลั่งจากเย่ซิวจากนั้นเย่ซิวก็หยิบขวดออกมา เปิดฝา แล้วเทของเหลวบางอย่างลงบนศพทันใดนั้นเสียงดังซู่ ๆ ก็ดังขึ้น ศพละลายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงสิบวินาทีกว่า ๆ ก็ละลา
“เราไม่ได้จะจัดการแค่หวังเฟย แต่เราจะทำลายตระกูลหวังทั้งหมด!”ตัดต้นไม้อย่าให้เหลือตอ เขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานนี้เขาเพิ่งได้รับข้อความเข้ารหัสจากองค์กรที่เขาควบคุมอยู่ตระกูลหวังในเมืองเจียงเฉิงมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลสำคัญจำนวนมากรั่วไหลและมีการโอนเงินจำนวนมากไปยังกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวด้วยถึงไม่มีหวังเฟย แต่เย่ซิวก็จะไม่ยอมปล่อยตระกูลหวังไป ตอนนี้เขาแค่รวบรวมเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันก็เท่านั้นหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปากสีชมพูจิ้มลิ้มก็อ้าค้างหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ปิดปากและมองไปที่เย่ซิ่วด้วยความกังวล“เพื่อนนักศึกษาเย่ นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”“เรื่องแบบนี้ผมจะล้อเล่นได้ยังไง?”เซี่ยซิ่วซิ่วพูดอย่างจริงจัง “เพื่อนนักศึกษาเย่ ฉันดูก็รู้ว่านายไม่ใช่คนธรรมดา นายแข็งแกร่งมาก แต่นายไม่ควรประมาทตระกูลหวัง”“ประวัติตระกูลหวังไม่ได้ใสสะอาด พวกเขาร่ำรวยจากการขุดถ่านหิน”“ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ผูกมิตรกับลัทธิและกลุ่มกองกำลังต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีอิทธิพลที่ซับซ้อน”“หากลงมือกับพวกเข
จากนั้นเย่ซิวก็ลากเขาเข้าไปในห้องน้ำเซี่ยซิ่วซิ่วเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร? จึงไม่กล้าเข้าไปแม้ว่าเธอจะมีลักษณะเป็นหญิงเก่งในวงการธุรกิจแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอก็ยังไม่กล้าเข้าไปดูเย่ซิวโยนหวังเฟยลงบนพื้นห้องน้ำ แล้วหยิบน้ำยาพิเศษออกมาแล้วเทราดใส่ร่างเขาแล้วก็เปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมาหลักฐานทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็พูดกับเซี่ยซิ่วซิ่วที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ว่า “ไปบ้านตระกูลหวังกันเถอะ”เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งรู้สึกกังวลและคาดหวังในเวลาเดียวกันเย่ซิวไม่ใช่คนบุ่มบ่ามขนาดหลังจากได้ยินเธอประเมินตระกูลหวังให้ฟัง เขาก็ยังดูไม่แยแสนี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขามั่นใจอย่างเต็มที่ทั้งสองออกจากโรงแรม และตรงไปที่บ้านของตระกูลหวังทันทีตระกูลหวังอาศัยอยู่ในพื้นที่คนรวย มีคฤหาสน์ที่หรูหราใหญ่โตมากเมื่อมาถึงนอกคฤหาสน์ ทั้งสองก็ลงจากรถเซี่ยซิ่วซิ่วพูดกับเย่ซิวว่า “ฉันใช้เส้นสายของตระกูลเซี่ยตรวจสอบแล้ว”“หวังหู่ ปู่ของหวังเฟยและหวังห่าวพ่อของเขาจะกลับมาคืนนี้ น่าจะช่วงสองถึงสามทุ่ม”เย่ซิวตรวจสอบเวลา ตอนนี้เพิ่งหกเย็นโมงเอง“ถ้าอย่าง
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิว ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาหน้าต่างในห้องปิดอยู่ หากจะเปิดออกก็ต้องใช้เวลาสักพักเย่ซิวเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นดึงเซี่ยซิ่วซิ่วไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ แต่เก็บเสื้อผ้าไว้จำนวนมากดังนั้นเย่ซิวและเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องแอบในพื้นที่อันคับแคบ ทั้งสองจึงเบียดเสียดกันคนสองคนหันหน้าเข้าหากันบรรยากาศแปลก ๆ ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปในเวลานั้น ประตูด้านนอกถูกเปิดออกได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาคนหนึ่งมั่นคงมีพลัง ส่วนอีกคนหนึ่งฝีเท้าเบานิ่มนวลเห็นได้ชัดว่าคนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิงเย่ซิวมองผ่านรอยแยกออกไปข้างนอกเห็นผู้หญิงสวยสง่าในชุดเดรสสีดำ และชายร่างกำยำในชุดสูทอายุประมาณสี่สิบปีเดินเข้ามาชายคนนั้นปิดประตูอย่างนุ่มนวล แล้วกอดผู้หญิงจากด้านหลัง“ไม่เจอกันนาน คิดถึงผมบ้างรึเปล่า?”“ให้ตายเถอะ หยุดพูดไร้สาระ แล้วมาทำกันเร็วเข้า อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง หวังห่าวและหวังหู่ก็จะกลับมาแล้ว”“หึหึ ถ้าบอกให้พวกเขาสองคนรู้ว่าหวังเฟยเป็นลูกชายของคุณกับผม ผมอยากรู้นักว่าพวกเขาจะโกรธจนกระอักเลือดรึเปล่า?”“แน่อย
จมูกของเซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกแสบร้อน ไม่เจอกันนาน ความเป็นเด็กและความเกลียดชังในตัวของน้องสาวเหมือนจะหายไปแล้ว เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วเซี่ยซิ่วซิ่ววิ่งเหยาะ ๆ ขึ้นไปหาเธอ น้ำเสียงสั่นเครือ "ชิงชิง!"เซี่ยชิงชิงเห็นเซี่ยซิ่วซิ่วตั้งนานแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย ภายในหัวผุดภาพความทรงจำระหว่างพวกเธอพี่น้องสมัยยังเด็กขึ้นมา“พี่คะ ฉันคิดถึงพี่มาก”เธอโผเข้ามากอดเซี่ยซิ่วซิ่วเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็มีน้ำตาคลอเบ้า "พี่ก็เหมือนกัน กลับมาก็ดีแล้ว ต่อไปเราจะไม่แยกจากกันอีกแล้ว"เซี่ยชิงชิงตกใจในทันที "พี่ ความแข็งแกร่งของพี่!!!"ด้วยการกอดนี้ เธอก็สัมผัสถึงกำลังภายในในตัวของเซี่ยซิ่วซิ่วที่ทรงพลังนั้นได้ จึงรู้สึกครั่นคร้ามเป็นอย่างมากเมื่อเซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "เป็นเพราะพี่เขยของเธอ เขาฝีมือร้ายกาจมาก สามารถหลอมโอสถหลายชนิดเพื่อให้พี่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง แล้วยัง..."คำพูดนั้นหยุดไปชั่วขณะ ใบหน้างามขึ้นสีแดงเล็กน้อยยังมีวิธีการบำเพ็ญตนอีกวิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ร่องรอยของความคับแค้นฉายลึกอยู่ในดวงตาของเซี่ยชิงชิง แต่เพียงพริบตาเดียวมันก็ถ
“เดี๋ยวก่อน ฉันตกลง!”ในที่สุด เมื่อหลี่ต้าจ้วงเห็นเย่ซิวเตรียมจะจากไป เขาก็แสดงการเลือกของตัวเองเย่ซิวหยุดฝีเท้า หมุนตัวกลับมา สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความประหลาดใจมากนักแต่ชูตงกลับหันหน้าไปพรวด มองไปที่หลี่ต้าจวงด้วยความไม่เชื่อ "คุณกำลังพูดอะไรน่ะ?"หลี่ต้าจวงวิ่งไปคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเย่ซิว ยืนอยู่ที่ประตู และหัวเราะอย่างดุร้าย“ฉันน่ะเบื่อเธอจะตายอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหุ่นเซ็กซี่ขนาดนี้ ยังแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!อยู่กับเธอมาตั้งนาน แม้แต่มือก็ยังไม่ยอมให้จับในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่สู้ฉันเอาเงินแล้วไปสนุกข้างนอกดีกว่า พวกเราบอกลากันตรงนี้เถอะ!”พูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าเดินทางแล้วจากไปชูตงราวกับถูกสายฟ้าฟาด คนทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ตัวเองคิดจะฝากทั้งชีวิตไว้กับเขา จะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาเพื่อเงินแค่ไม่กี่สิบล้าน ถึงกับกระทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ออกมาน้ำตาไหลลงมาอย่างต่อเนื่องเย่ซิวมองไปที่เธอ "พรุ่งนี้ไปทำงานต่อนะ อย่ามาสายล่ะถ้าคุณกล้าลาออกจากบริษัทโดยพลการ บริษัทจะให้คุณจ่ายค่าผิดสัญญาเป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านทีเดียว”แม้ว่าตอน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เย่ซิวก็ขึ้นราคาต่อไป "ยี่สิบห้าล้าน"แถมยัง วางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เขานำมาไว้บนพื้นแล้วเปิดออกมันเต็มไปด้วยธนบัตรหลงเถิงที่มีมูลค่าฉบับละหนึ่งพันบาท!"ซู้ด!!!"หลี่ต้าจ้วงสูดลมเย็นเข้าปอด จ้องมองไปที่เหรียญหลงเถิงที่ดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ไร้ชีวิต การที่มีเงินสดกว่ายี่สิบห้าล้านมาวางกองตรงหน้า ย่อมส่งผลกระทบมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเย่ซิวเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเขาหวั่นไหวแล้ว จึงพูดอย่างล่อลวงไปว่า “คุณคงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนใช่ไหม?คุณมีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ล่ะ? กะประมาณหนึ่งแสนบาทก็แล้วกันถ้าคุณไม่กินหรือดื่มเลย หนึ่งปีก็จะเก็บเงินได้หนึ่งล้านสองแสนบาท และต้องใช้เวลามากกว่ายี่สิบปีถึงจะสามารถเก็บเงินได้ยี่สิบห้าล้านในความเป็นจริงทุกคนรู้ดีว่านี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยอัตราค่าใช้จ่ายของเมืองหลวง หนึ่งปีเก็บเงินได้สักห้าแสนบาทก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้วหรือก็คือ คุณต้องใช้เวลาถึงสี่สิบปีจึงจะมีเงินยี่สิบห้าล้านตอนนี้ตราบเท่าที่คุณพยักหน้า เงินนี้ก็จะเป็นของคุณด้วยเงิ
ชายคนนั้นเปิดประตู ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นเย่ซิว ความริษยาก็วาบผ่านดวงตาของผู้ชายคนนั้น การมีอยู่ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนยืนอยู่ต่อหน้าเขาย่อมรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ตัวเขาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น“คุณเป็นใคร!”ด้วยเหตุนี้ น้ำเสียงของชายคนนั้นจึงไร้ความเป็นมิตรอย่างมาก แถมด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขามองไปทางห้องครัวโดยไม่รู้ตัวกลัวว่าจู่ ๆ ชูตงจะวิ่งออกมา แล้วตกหลุมรักเย่ซิวทันทีหลังจากที่ได้พบเขานี่คือผู้ชายที่เห็นแก่ตัว เสแสร้ง และขาดความมั่นใจในตนเองอย่างมากเย่ซิวยิ้มและพูดว่า "ชูตงอยู่ที่นี่ใช่ไหม ผมเป็นประธานของบริษัทของเธอ คุณคงเป็นแฟนเธอสินะ"“หืม?!”ชายคนนั้นเริ่มตื่นตัวทันที "คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?"“ไม่เชิญผมเข้าไปนั่งหน่อยเหรอ?” เย่ซิวพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบายได้ “ผมมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมอบความมั่งคั่งให้กับคุณ”"ใครคะ?"ตอนนี้เอง ชูตงที่สวมผ้ากันเปื้อนก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับทัพพีในมือขวาเมื่อเขาเห็นเย่ซิว ม่านตาของเธอก็หดตัวลงเล็กน้อย "ประธาน ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?"ไม่กี่นาทีต่อมา เย่ซ
นี่คือคำสัญญาที่เย่ซิวให้ไว้ต่อเธอลู่เสวี่ยเอ๋อร์หลับตาของเธอลงอย่างมีความสุขวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรมากนัก ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เลยบำเพ็ญตนกับเย่ซิวตลอดลากยาวไปจนถึงห้าโมงเย็นถึงได้หยุดห้าโมงเย็น ก็เลิกงานแล้วเย่ซิวขอให้ลู่เสวี่ยเอ๋อร์กลับไปก่อน เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำเมื่อมาถึงลานจอดรถ หลางต้าก็รออยู่ข้าง ๆ รถของเย่ซิวแล้วมีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่วางอยู่ที่เท้าของเขา“นายน้อย!” หลางต้าโค้งตัวลงแล้วพูด “ทุกสิ่งที่คุณต้องการเตรียมพร้อมหมดแล้วครับ”เย่ซิวพยักหน้า "ได้ นายกลับไปเถอะ"เขาใส่กระเป๋าเดินทางไว้ท้ายรถ จากนั้นขับรถออกไปจุดหมายคือบ้านเช่านอกชานเมืองที่ชูตงอาศัยอยู่เวลาที่ใช้ในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานถึงที่นี่ ทุกวันคือราวสามสิบหรือสี่สิบชั่วโมงเย่ซิวดูเงินเดือนของชูตงซึ่งมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทหลังจากหักภาษีในทุกเดือนแล้วราคาบ้านใกล้บริษัทอยู่ที่ประมาณสองหมื่นห้าพันบาท ซึ่งอิงตามหลักการแล้วเธอน่าจะแบกรับไหวถึงจะถูกเมื่อเขามาถึงบ้านเช่าของชูตง เขาก็จอดรถ ยกกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วเดินไปที่เขตชุมชนด้านหน้าเขตชุมชนแห่งหนึ่ง ในห้องสามศูนย์แปด
"ตอนนี้คุณมีแฟนหรือยัง?"เมื่อได้ยินแบบนี้ ชูตงก็รู้สึกรังเกียจเธอแอบคิดว่าเย่ซิวประธานใหญ่คนนี้ ดูเหมือนจะซื่อตรงและมีเกียรติ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก็เหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆหลายคนเคยถามคำถามนี้กับเธอเธอรู้ตัวดีว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายมากจริง ๆแม้ในใจจะดูแคลน แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกเลยแม้แต่น้อย “เรียนท่านประธานคะ มีแล้วค่ะ เป็นคนที่บ้านแนะนำมา ในอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไปหมั้นกันแล้ว”เย่ซิวขานรับอืมหนึ่งที "อืม ออกไปทำงานเถอะ"ชูตงตกตะลึงไปครู่หนึ่งเธอนึกว่าเย่ซิวจะขอให้เธอเป็นคนรักลับ ๆ ของเขาแต่เป็นแบบนี้ก็ดี ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ยังไม่อยากลาออก อยู่ที่นี่เธอทำงานอย่างมีความสุขมากเซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์บริหารงานเข้มงวด จึงไม่มีความน่ารังเกียจทุกประเภทที่พบในที่ทำงานภายนอกปรากฏขึ้นที่นี่หลังจากที่เธอออกไป เย่ซิวก็นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของเซี่ยซิ่วซิ่ว เปิดรายชื่อพนักงาน และพบข้อมูลของชูตงเธอมาจากชนบทและเพิ่งจะเรียนจบ แต่กลับเปลี่ยนงานมามากกว่าสิบตำแหน่งแล้วในเรซูเม่ระบุว่างานเหล่านั้นทำเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ประธานหรือหัวหน้างาน
ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกต่างด่าบริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นอย่างสาดเสียเทเสียว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ก็เลยใช้ไม้แข็ง ไร้ศีลธรรมมากเกินไปแล้วเมื่อสักครู่นี้เพิ่งมีข่าวส่งมา ว่ามีผู้คนหลายหมื่นคนของประเทศอวี้ไปซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา"เย่ซิวเตือนไปหนึ่งประโยค "ผลกำไรของเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้นทุนที่เพิ่มมาก็ปล่อยให้พวกเขาไปแบกรับแทนอย่างไรเสียพวกเราคือ 'เหยื่อ' และหากมีคำด่าทออะไรก็ให้บริษัทของแต่ละประเทศไปแบกรับกันเอาเอง"เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มอย่างมีความสุขมาก "อืม ฉันรู้แล้วเว้นเสียแต่ประเทศต่าง ๆ จะห้ามไม่ให้ผู้คนเดินทางไปยังประเทศอวี้ ธุรกิจของเราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก"แต่มันไม่สมจริงเลยที่จะห้ามไม่ให้ผู้คนไปที่ประเทศอวี้ประเทศอวี้เป็นประเทศที่เป็นกลางอย่างยิ่ง ได้รับการคุ้มครองจากหลายร้อยประเทศ แถมยังเป็นเขตปลอดภาษีอีกด้วยใครก็ตามที่แบนมัน จะต้องเผชิญการประท้วงอย่างรุนแรงแน่นอน“จริงสิ ชิงชิงจะมาถึงบ่ายวันนี้ ฉันจะไปรับเธอ นายจะไปไหม?”เกี่ยวกับเซี่ยชิงชิง เซี่ยซิ่วซิ่วบอกเขาเมื่อวานนี้ตอนนี้ตัวหมากนี้มีผลต่อเย่ซิวไม่มากแล้วบวกกับหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วติดตามเขาเธอก็ทำง
“นาย...นายท่าน...”ภายใต้การล่อลวงอย่างต่อเนื่องของเย่ซิว น่าหลันเยียนหรานมีเพียง 'ยอมแพ้' ในที่สุดนอกจากความเขินอายที่มีอยู่ น่าหลันเยียนหรานยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่พิเศษมาก ซึ่งมาจากก้นบึ้งของหัวใจ นั่นคือความรู้สึกถูกครอบงำที่แสนประหลาด!หลังจากบำเพ็ญตนจนถึงเที่ยงคืน น่าหลันเยียนหรานก็หลับสนิทไประหว่างที่หลับ ร่างกายของเธอก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วมากถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้หญิงทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาก็จะขึ้นเป็นปรมาจารย์ทั้งหมดแม้ว่าในอนาคตเขาจะไม่ออกหน้า แต่ผู้หญิงข้างกายเขาเหล่านี้ก็สามารถครองยุทธภพเย่ซิวไม่ได้พักผ่อน แต่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้าง ๆ น่าหลันเยียนหราน หยิบสุราวิญญาณออกมาดื่มอึกใหญ่ แล้วใช้วิชายุทธเริ่มปรับแต่งมันอย่างเงียบ ๆตอนนี้เป้าหมายของเขาคือการเข้าสู่ขั้นอมตะให้เร็วที่สุด แบบนี้ถึงจะสามารถรู้ความหมายของคำพูดที่หยางชิงเสวี่ยพูดไว้ว่าถ้าเขาได้เธอ ก็จะได้ครอบครองพลังที่ทรงพลังมากเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อน่าหลันเยียนหรานตื่นขึ้นมา เธอก็รู้สึกว่ามีพลังไหลไปทั่วทั้งร่างกาย หูและสายตาของเธอเฉียบคมขึ้น สภาพดีชนิดที่ว่าเมื่อก่อนเทียบไม่ติด“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณเย่”
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค