แชร์

บทที่ 55

ผู้เขียน: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เย่ซิวแบกเธอไปที่หน้าต่างและพลางหันบอกลู่เสวี่ยเอ๋อร์ว่า “ไปเอายามาล้างแผลก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์พยักหน้า “ระวังตัวด้วย อย่าทำอะไรผิดกฎหมายล่ะ”

เธอกลัวว่าเย่ซิ่วจะหุนหันพลันแล่นทำลงมือทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น

“ไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”

เย่ซิวแบกผู้หญิงคนนั้นกระโดดออกไปนอกหน้าต่าง

ข้างล่างเป็นสนามหญ้า ด้วยความแข็งแกร่งของเย่ซิว เขาย่อมไม่เป็นอะไร

แล้วเขาก็แบกเธอตรงไปยังเนินเขาด้านหลัง

ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น ดวงตาเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พยายามจะขอความช่วยเหลือ

แต่เย่ซิ่วออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เธอพูดอะไรไม่ได้แล้ว

ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงเนินเขาด้านหลังและเย่ซิวบีบคอเธอด้วยแรงมหาศาล

มีเสียงกรอบดังขึ้น ผู้หญิงคนนั้นคอหักและเสียชีวิตทันที

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นจุดอ่อนของเขาและมีความสำคัญมาก

ใครก็ตามที่กล้าคิดร้ายต่อเธอ จะต้องเจอการตอบโต้ที่บ้าคลั่งจากเย่ซิว

จากนั้นเย่ซิวก็หยิบขวดออกมา เปิดฝา แล้วเทของเหลวบางอย่างลงบนศพ

ทันใดนั้นเสียงดังซู่ ๆ ก็ดังขึ้น ศพละลายด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพียงสิบวินาทีกว่า ๆ ก็ละลา
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 56

    “เราไม่ได้จะจัดการแค่หวังเฟย แต่เราจะทำลายตระกูลหวังทั้งหมด!”ตัดต้นไม้อย่าให้เหลือตอ เขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานนี้เขาเพิ่งได้รับข้อความเข้ารหัสจากองค์กรที่เขาควบคุมอยู่ตระกูลหวังในเมืองเจียงเฉิงมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลสำคัญจำนวนมากรั่วไหลและมีการโอนเงินจำนวนมากไปยังกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวด้วยถึงไม่มีหวังเฟย แต่เย่ซิวก็จะไม่ยอมปล่อยตระกูลหวังไป ตอนนี้เขาแค่รวบรวมเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันก็เท่านั้นหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปากสีชมพูจิ้มลิ้มก็อ้าค้างหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ปิดปากและมองไปที่เย่ซิ่วด้วยความกังวล“เพื่อนนักศึกษาเย่ นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”“เรื่องแบบนี้ผมจะล้อเล่นได้ยังไง?”เซี่ยซิ่วซิ่วพูดอย่างจริงจัง “เพื่อนนักศึกษาเย่ ฉันดูก็รู้ว่านายไม่ใช่คนธรรมดา นายแข็งแกร่งมาก แต่นายไม่ควรประมาทตระกูลหวัง”“ประวัติตระกูลหวังไม่ได้ใสสะอาด พวกเขาร่ำรวยจากการขุดถ่านหิน”“ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ผูกมิตรกับลัทธิและกลุ่มกองกำลังต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีอิทธิพลที่ซับซ้อน”“หากลงมือกับพวกเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 57

    จากนั้นเย่ซิวก็ลากเขาเข้าไปในห้องน้ำเซี่ยซิ่วซิ่วเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร? จึงไม่กล้าเข้าไปแม้ว่าเธอจะมีลักษณะเป็นหญิงเก่งในวงการธุรกิจแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอก็ยังไม่กล้าเข้าไปดูเย่ซิวโยนหวังเฟยลงบนพื้นห้องน้ำ แล้วหยิบน้ำยาพิเศษออกมาแล้วเทราดใส่ร่างเขาแล้วก็เปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมาหลักฐานทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็พูดกับเซี่ยซิ่วซิ่วที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ว่า “ไปบ้านตระกูลหวังกันเถอะ”เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งรู้สึกกังวลและคาดหวังในเวลาเดียวกันเย่ซิวไม่ใช่คนบุ่มบ่ามขนาดหลังจากได้ยินเธอประเมินตระกูลหวังให้ฟัง เขาก็ยังดูไม่แยแสนี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขามั่นใจอย่างเต็มที่ทั้งสองออกจากโรงแรม และตรงไปที่บ้านของตระกูลหวังทันทีตระกูลหวังอาศัยอยู่ในพื้นที่คนรวย มีคฤหาสน์ที่หรูหราใหญ่โตมากเมื่อมาถึงนอกคฤหาสน์ ทั้งสองก็ลงจากรถเซี่ยซิ่วซิ่วพูดกับเย่ซิวว่า “ฉันใช้เส้นสายของตระกูลเซี่ยตรวจสอบแล้ว”“หวังหู่ ปู่ของหวังเฟยและหวังห่าวพ่อของเขาจะกลับมาคืนนี้ น่าจะช่วงสองถึงสามทุ่ม”เย่ซิวตรวจสอบเวลา ตอนนี้เพิ่งหกเย็นโมงเอง“ถ้าอย่าง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 58

    หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิว ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาหน้าต่างในห้องปิดอยู่ หากจะเปิดออกก็ต้องใช้เวลาสักพักเย่ซิวเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นดึงเซี่ยซิ่วซิ่วไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ แต่เก็บเสื้อผ้าไว้จำนวนมากดังนั้นเย่ซิวและเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องแอบในพื้นที่อันคับแคบ ทั้งสองจึงเบียดเสียดกันคนสองคนหันหน้าเข้าหากันบรรยากาศแปลก ๆ ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปในเวลานั้น ประตูด้านนอกถูกเปิดออกได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาคนหนึ่งมั่นคงมีพลัง ส่วนอีกคนหนึ่งฝีเท้าเบานิ่มนวลเห็นได้ชัดว่าคนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิงเย่ซิวมองผ่านรอยแยกออกไปข้างนอกเห็นผู้หญิงสวยสง่าในชุดเดรสสีดำ และชายร่างกำยำในชุดสูทอายุประมาณสี่สิบปีเดินเข้ามาชายคนนั้นปิดประตูอย่างนุ่มนวล แล้วกอดผู้หญิงจากด้านหลัง“ไม่เจอกันนาน คิดถึงผมบ้างรึเปล่า?”“ให้ตายเถอะ หยุดพูดไร้สาระ แล้วมาทำกันเร็วเข้า อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง หวังห่าวและหวังหู่ก็จะกลับมาแล้ว”“หึหึ ถ้าบอกให้พวกเขาสองคนรู้ว่าหวังเฟยเป็นลูกชายของคุณกับผม ผมอยากรู้นักว่าพวกเขาจะโกรธจนกระอักเลือดรึเปล่า?”“แน่อย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 59

    บอดี้การ์ดกำลังเปิดปากตะโกนเย่ซิวลงมืออย่างรวดเร็ว พุ่งไปถึงตัวอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงจะหลุดออกมาเขาใช้มือหนึ่งปิดปาก มืออีกข้างสับลงไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างแรงเขาหมดสติลงตรงนั้นทันทีรีบลากเขาไปที่ห้องข้าง ๆ แล้วปิดประตูสำหรับบอดี้การ์ดเหล่านี้ เย่ซิวจะทำให้พวกเขาหมดสติ ไม่ฆ่าพวกเขาจากนั้นเขาก็หยิบผงแป้งบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ผสมกับน้ำและเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของบอดี้การ์ดหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผงนั้นก่อเป็นรูปใบหน้าของมนุษย์จากนั้นก็หน้ากากหน้ามนุษย์นั้นมาแปะที่ใบหน้าของตัวเองจากนั้นเขาก็ถอดชุดสูทของอีกฝ่ายออกแล้วสวมมันเข้าไปจากนั้นกระดูกในร่างกายของเขาก็ปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเสียงกรอบแกรบจบลง ความสูงและรูปร่างหน้าตาของเขาก็เหมือนกับของบอดี้การ์ดคนนั้นทุกประการนี่เป็นทักษะการปลอมตัวขั้นสูง เป็นหนึ่งในวิชานอกรีตในตอนนี้มีคนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้มีน้อยมากจากนั้นเขาก็ลากบอดี้การ์ดไปซ่อนไว้ที่มุมหนึ่ง แล้วเดินออกไปอย่างผึ่งผายหลังจากเดินไปได้สองสามก้าว บอดี้การ์ดอีกสองคนเดินเข้ามาเย่ซิ่วพยักหน้าให้ทางพวกเขาก่อน แต่อีกฝ่ายไม่เห็นความผิดปกติใด ๆจากนั้นเย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 60

    “คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”“พูดจาเหลวไหล ตระกูลหวังของฉันจะทำสิ่งที่ทรยศต่อประเทศชาติแบบนั้นได้ยังไง?”เย่ซิวมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา “ผมขอแนะนำให้คุณบอกความจริงมาจะดีกว่า”หวังหู่เป็นจอมยุทธ์ขั้นต้นระดับสาม หวังห่าวเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสองแล้วในระดับนี้ การใช้วิธีการสะกดจิตเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาเปิดเผยความลับอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของตนออกมาเพื่อความปลอดภัย ควรปล่อยให้พวกเขาบอกความลับนี้ออกมาด้วยความเต็มใจจะดีกว่า“ถ้าคุณบอกผมมาตรง ๆ ผมก็จะปล่อยให้ตระกูลหวังของคุณเหลือทายาทไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นเชื้อสายของตระกูลหวังจะถูกขุดรากถอนโคนในวันนี้”พ่อลูกตระกูลหวังไม่พูดอะไรพวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาพูดอะไรออกไป จะเป็นการตกลงไปในหลุมลึกไร้ก้นบึ้งหากไม่พูดอะไร ก็ยังพอมีโอกาสรอดได้บ้างเย่ซิวย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่เขาเลยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ “ผมฆ่าหวังเฟยตายไปแล้ว!”“อะไรนะ?!”คนสามคนในห้องตกใจไปพร้อมกัน“ไอ้สารเลว ทำไมแกถึงทำแบบนี้? ไม่กลัวถูกลงโทษตามกฎหมายเหรอ?!” หวังหู่ทั้งโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้าเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว ทุกสิ่งที่เขาลงทุนลงแรงทำงานอย่างหนัก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 61

    ความแค้นครั้งใหญ่ได้รับการสะสางแล้ว หวังห่าวมองไปทางเย่ซิ่ว “คุณจะรักษาคำพูดรึเปล่า?”“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ฆ่าคุณ”“ดี ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”หวังหู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หลับตาลงด้วยความจำใจเย่ซิวจัดการพวกเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้แผนสำรองได้มาถึงจุดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้ตระกูลของเขาได้สืบสายเลือดต่อไปเย่ซิ่วกดติดต่อหมายเลขที่เข้ารหัสไม่มีเสียงตอบรับจากอีกด้านหนึ่ง มีแต่ความเงียบที่ฟังหวังห่าวพูดรหัสลับบางอย่างเกี่ยวกับการติดต่อกับกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติหวังห่าวพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหามากมาย ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในระหว่างขั้นตอนนี้ เย่ซิวยังคงจับตามองตาของพวกเขาตลอดเวลาจึงยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้โกหกข้อมูลที่หวังห่าวเปิดเผย ถ้าใช้ให้ดี มีโอกาสสูงที่จะกำจัดกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติได้ทั้งหมดด้วยวิธีนี้ แรงกดดันที่มีต่อประเทศหลงเถิงก็จะน้อยลงมากหลังจากที่เขาพูดจบ เย่ซิวก็พูดเข้าไปทางปลายสายว่า “ระดมกำลังพลจากทั้งสี่หน่วยของเรา ใครที่ไม่มีภารกิจต้องเข้าร่วมด้วย เราจะต้องขุดรากถอนโคนศัตรูออกไปในคราวเดียว!”เสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 62

    งานแกะสลักไดละเอียดประณีตมาก มีสวิตช์อยู่ข้างในด้วยหลังจากเปิดแล้วจะมีชิปขนาดเท่าเล็บอยู่ผู้หญิงคนนั้นบอกเย่ซิวว่า ทีมยอดฝีมือนี้มีชื่อว่า กองกำลังหมาป่าราตรีแต่ละคนมีชิปฝังอยู่ในร่างกายด้วยตราบใดที่ถือตราประทับชิ้นนี้ไว้ ก็จะสามารถควบคุมพวกเขาได้เพราะชิปถูกฝังเข้าไปในตัวพวกเขาตั้งแต่ยังแบเบาะหลังจากผ่านไปกว่าสิบปี มันถูกหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของพวกเขาแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชิปออกไปเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าพวกเขาจะอยู่ในกำมือ ไม่อาจดิ้นหลุดไปไหนได้เย่ซิ่วหยิบชิปออกมาและติดตั้งลงในโทรศัพท์ของเขาโทรศัพท์มือถือของเขาได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ มีฟังก์ชันมากมาย ไม่สามารถถูกติดตามหรือระบุตำแหน่งได้โดยซอฟต์แวร์ใด ๆเย่ซิวพูดกับผู้หญิงคนนั้น “ให้บอดี้การ์ดข้างนอกเข้ามา ให้พวกเขาพาบอดี้การ์ดที่หมดสติในห้องหมายเลขหกออกไป”“แล้วใช้เงินส่วนตัวของคุณจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาแต่ละคน แล้วให้พวกเขาทั้งหมดออกไปจากที่นี่”“หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว คุณก็ไปได้ จำไว้ ถ้าคุณกล้าเปิดเผยเรื่องราวในวันนี้แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก คุณต้องตายสถานเดียว”ในประโยคสุดท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 63

    ทั้งสองออกจากคฤหาสน์เรื่องหลังจากนี้จะมีคนจัดการต่ออย่างเหมาะสมเซี่ยซิ่วซิ่วกลับไปยังตระกูลเซี่ยงานที่ต้องทำต่อจากนี้จะหนักมาก เธอบอกเย่ซิวว่าเธอคงไปมหาวิทยาลัยไม่ได้อีกหลายวัน และกลับไปที่บ้านเช่าก็ไม่ได้ด้วยเพื่อจำแนกธุรกิจต่างๆ ของตระกูลหวังจำเป็นต้องเตรียมการมากมายก่อนอื่นต้องหาพันธมิตรมาเพิ่มมิฉะนั้นเย่ซิวผู้เป็นมือใหม่ และมีทรัพย์สินมหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ จะต้องถูกคนนอกหมายปองจ้องเอาเปรียบแน่นอนบริษัททั้งเล็กและใหญ่ ย่อมเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่นอนมีคำกล่าวที่ว่า ปัญหายิ่งเล็ก ยิ่งยากจะป้องกันเย่ซิวไม่อาจทำทุกเรื่องด้วยตัวเองได้ดังนั้นการหาพันธมิตรจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากนอกจากตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยซิ่วซิ่วยังบอกเย่ซิวว่าเธอรู้จักพี่ใหญ่คนหนึ่งด้วยอีกฝ่ายทำธุรกิจคลับหรูเธอผูกขาดธุรกิจทั้งหมดในเมืองเจียงเฉิงเอาไว้เซี่ยซิ่วซิ่วแนะนำว่าทางที่ดีให้ร่วมมือกับอีกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์มากกว่าอีกฝ่ายอยากรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาโดยตลอด แต่ไม่มีช่องทางดี ๆ สักทีเย่ซิวเห็นด้วยแล้วโทรหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์ และถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเธอในตอนนี้

บทล่าสุด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 962

    เย่ซิวกำหนดเงื่อนไขให้พวกเขาส่งคนมาได้เพียงแค่หนึ่งร้อยคน และอีกฝ่ายก็ตอบตกลง หลังจากจบการสนทนา เย่ซิวกลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิม พลางจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ความบาดหมางระหว่างเขากับประเทศจ้านคงไม่จบลงง่าย ๆ แน่นอน เขารู้ดีว่าประเทศนี้เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น เขาตบหน้าพวกนั้นอย่างรุนแรงขนาดนี้ อีกฝ่ายจะต้องหาทางเอาคืนแน่นอน ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้สายการผลิตเร่งสร้างจักรกลมังกรดำอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากสายการผลิตเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด ขอแค่เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม ส่วนที่เหลือก็ให้ระบบจัดการได้เลยด้วยประสิทธิภาพการผลิตในปัจจุบัน สามารถสร้างจักรกลมังกรดำได้วันละสองตัว ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ ต้องเสริมแนวป้องกันบริเวณพรมแดนทุกจุด และต้องรับสมัครผู้ควบคุมหุ่นยนต์เพิ่มอีก ยังต้องเตรียมรับมือกับมาตรการทางทหารจากอำนาจอื่น ๆ รอบตัว แต่โชคดีที่ตอนนี้เขามีคนเก่งอยู่ในทีมเยอะขึ้นแล้ว ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงแค่ออกคำสั่งก็พอ หลังจากนั้นเขาก็ออกจากที่นี่และตรงไปหาหยางถิงถิงที่กำลังทำงานสร้างถนน สาวน้อยคนนี้ดูอารมณ์เสีย หงุดหงิดไม่น้อย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 961

    "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เทคโนโลยีของหุ่นยนต์ก็ไม่ใช่ว่าจะถ่ายโอนไม่ได้""แต่เรื่องแบบนี้ พวกเราควรมานั่งคุยกันให้ละเอียดเสียก่อน""อีกสองวันเป็นวันดี ผมขอเชิญทุกท่านมาหารืออย่างจริงจังดีไหม?"แน่นอนว่าเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ไม่มีทางถูกส่งมอบให้พวกเขา นี่เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ถ่วงเวลาเท่านั้นตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเย่ซิวหรือประเทศหลงเถิง ต่างก็ต้องการเวลาเย่ซิวต้องการเวลาเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดประเทศหลงเถิงเองก็ต้องการเวลาในการผลิตหุ่นยนต์ในปริมาณมากเช่นกันเมื่อถึงตอนนั้น หากพวกเขาเปิดตัวหุ่นยนต์เป็นพัน ๆ ตัว พวกโจรเหล่านี้ก็จะถอยไปเองผู้นำแต่ละประเทศที่เข้าร่วมประชุมเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น มีไม่น้อยที่ถึงกับแสดงรอยยิ้มออกมาประเทศหลงเถิงเป็นที่รู้กันดีว่ามักจะแข็งกร้าวเมื่อพูดถึงผลประโยชน์หลักของตนเองแต่ตอนนี้พวกเขากลับยอมผ่อนปรน ทุกคนจึงคิดว่ามีโอกาสที่ข้อตกลงนี้จะเป็นไปได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตอบตกลงกันทั้งหมดหลังจากนั้น การประชุมทางวิดีโอที่ทั่วโลกจับตามองก็สิ้นสุดลงด้านของเย่ซิว ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศจ้านชายผู้นั้นเป็นชายร่างใหญ่ มีหนวด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 960

    คำพูดดูเหมือนจะเต็มไปด้วยหลักการอันสูงส่ง แต่ความจริงแล้วมันเป็นการปล้นดี ๆ นี่เอง ผู้นำประเทศหลงเถิงตั้งแต่ต้นจนจบยังคงรักษาท่าทีนิ่งสงบไม่มีแม้แต่แววความไม่พอใจบนใบหน้า จนกระทั่งพวกเขาพูดจบ เขาถึงได้พูดขึ้นมาช้า ๆ ว่า "ทุกท่านคิดว่าตอนนี้ประเทศหลงเถิงของเราผลิตหุ่นยนต์ไปแล้วกี่ตัว?" ทันทีที่คำพูดนี้ถูกกล่าวออกมาทั้งที่ประชุมก็เงียบกริบ ใช่สิ พวกเขามัวแต่รีบร้อนเกินไป ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องรีบช่วงชิงเทคโนโลยีของจักรกลมังกรดำมาให้ได้เร็วที่สุด แต่พวกเขากลับไม่เคยคิดถึงประเด็นนี้เลย เมื่อถูกเตือนขึ้นมาแบบนี้ หลายคนรู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลังเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาไม่หยุด ประเทศหลงเถิงสามารถมอบจักรกลมังกรดำถึงสิบสามตัวให้เย่ซิว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะต้องมีสต๊อกอีกจำนวนมากเท่าไหร่?พวกเขาต่างก็เห็นพลังของจักรกลมังกรดำกันหมดแล้ว เพียงแค่สิบสามตัวก็สามารถทำลายล้างกองกำลังหลักของมหาอำนาจได้ ถ้าหากประเทศหลงเถิงมีจำนวนมากกว่านี้ ประเทศขนาดกลางและขนาดเล็กบางประเทศอาจถูกกวาดล้างจนหายไปจากแผนที่ได้เลย!เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศเล็กคนหนึ่งปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วถามขึ้น

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 959

    เย่ซิวรู้สึกพูดไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางของหนานกงเสวี่ยเขาจึงฟาดฝ่ามือลงไปหนัก ๆ หนึ่งที "เวลานี้แล้วยังมาคิดเรื่องพวกนี้อีก แถมเธอยังเป็นกษัตริย์ด้วยระวังภาพลักษณ์ของตัวเองหน่อยสิ" หนานกงเสวี่ยมองเขาด้วยดวงตาที่เปล่งประกายราวกับน้ำใส "แล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะ? ยังไงทุกคนที่นี่ก็เป็นพวกเดียวกัน อีกอย่างก็ฉันดีใจนี่นา" ตอนนี้เธออยู่ในอารมณ์ที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอลอบดีใจที่ตอนนั้นตัดสินใจยอมรับเย่ซิวซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุดในชีวิต เธอสามารถมองเห็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศปิงจือได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากประชาชนของประเทศปิงจือได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขาทำตัวแบบนี้กับเย่ซิว เกรงว่าหลายคนคงรับไม่ได้ เฉินหลานกลับไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะในสายตาของเธอเย่ซิวคือบุคคลในตำนาน เป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง ท้ายที่สุด เย่ซิวก็ไม่ได้ทำตามที่หนานกงเสวี่ยคาดหวัง เขาให้เธอกลับไปประจำการก่อนเพื่อไม่ให้ทางนั้นเกิดปัญหา หนานกงเสวี่ยเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย แต่พอเย่ซิวบอกกับเธอว่า"เดี๋ยวฉันจัดการธุระเสร็จแล้วจะไปหาเธอ" หญิงสาวก็กลับมายิ้มดีใจอีกครั้งหุ่นยนต์ทั้งสิบสามต

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 958

    เครื่องบินห้าลำพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง การยิงถล่มอย่างรุนแรงทำให้เครื่องบินรบถูกสอยร่วงลงทีละลำ ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องไม่ขาดสาย เพลิงไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทั่วแนวชายแดน กองทัพอัคคีแดงซึ่งเคยเป็นที่ขนานนามว่าเป็นกองทัพไร้เทียมทาน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง พากันล่าถอยอย่างอลหม่าน ทว่าระหว่างการล่าถอย พวกเขากลับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล กระทิงคลั่งคำรามเสียงดัง ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันมหึมายิ่งขยายใหญ่ขึ้น เขาคำรามพลางพุ่งเข้าไปในห้องบัญชาการ สกัดกั้นแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่กำลังคิดจะหลบหนี การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น แม้ว่าแม่ทัพพยัคฆ์ขาวจะมีพลังแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับกระทิงคลั่งแล้ว ยังถือว่าอ่อนด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพียงไม่กี่นาที เขาก็ถูกกระทิงคลั่งจับตัวได้ อย่างไรก็ตาม กระทิงคลั่งไม่ได้สังหารเขา แต่คว้าตัวแม่ทัพพยัคฆ์ขาวเอาไว้ หลบหลีกการโจมตีจากปืนใหญ่และระเบิด ก่อนจะพากลับไปยังค่ายของฝ่ายตน เพราะหมอนี่ถือเป็นตัวประกันที่มีค่ามาก และจะเป็นหม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 957

    กระทิงคลั่งคำรามเสียงต่ำ กล้ามเนื้อทั่วร่างพองตัวขึ้น ก่อนพุ่งทะยานอยู่แนวหน้า ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากสีดำ ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงได้ หมัดของเขาซัดออกไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราด ทำลายทหารกองทัพอัคคีแดงกว่าสิบคนที่ขวางหน้าให้แหลกเป็นจุณ เขาโจมตีไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุดของกองทัพอัคคีแดง กระแทกเปิดเส้นทางด้วยพลังอันมหาศาล ผู้ติดตามด้านหลังของเขาต่างขว้างระเบิดออกไปอย่างไม่เสียดาย ส่งผลให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ รูปขบวนที่ยากลำบากนักกว่าจะจัดเรียงขึ้นมาได้ กลับถูกทำลายลงอีกครั้ง แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจำต้องแบ่งกำลังบางส่วนออกไปเพื่อกดดันกระทิงคลั่ง ใบหน้าของเขามืดมนพลางเอ่ยถามรองแม่ทัพที่อยู่ข้างกาย “สถานการณ์ความสูญเสียเป็นอย่างไร?” “เรียนแม่ทัพ จนถึงตอนนี้เราสูญเสียไปกว่าหนึ่งหมื่นนายแล้ว” “อะไรนะ?!” แม่ทัพพยัคฆ์ขาวหน้าถอดสี “เราเสียทหารไปมากขนาดนี้ได้ยังไง?” การรบเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นานแท้ ๆ แต่กลับมีความสูญเสียร้ายแรงเช่นนี้ต้องรู้ไว้ว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กองทัพอัคคีแดงเปิดฉากการรบกับศัตรูมากกว่าร้อยครั้ง แต่ยอดผู้เสียชีวิตยังไม่เกินแปดถึงเก้าพันนาย

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 956

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหุ่นยนต์สามตัวปรากฏขึ้น สมาชิกตระกูลหลายคนต่างก็หัวใจเต้นแรง ราวกับถูกค้อนเหล็กที่มองไม่เห็นกระแทกเข้าอย่างจัง ผู้นำตระกูลเฒ่าออกแรงบีบที่วางแขนของเก้าอี้จนแตกละเอียด เส้นเลือดที่คอโป่งขึ้นอย่างชัดเจน "หุ่นยนต์ในตำนาน! พวกเขาจะมีมันได้อย่างไร? ต้องเป็นฝีมือของประเทศหลงเถิงแน่ ๆ!" ในขณะนั้น ทุกสายตาทั่วโลกจับจ้องมายังที่แห่งนี้ เพียงแค่หุ่นยนต์สามตัว ก็สามารถต้านกองทัพอัคคีแดงที่มีกำลังพลห้าหมื่นนายเอาไว้ได้ พวกเขาใช้การโจมตีระยะไกลทุกรูปแบบ แม้แต่รถถังก็ถูกนำมาใช้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายหุ่นยนต์ทั้งสามตัวนี้ได้ กลับกัน กองทัพอัคคีแดงกลับถูกโจมตีจนสูญเสียกำลังพลไปกว่าสองพันนาย แม้แต่กองทัพอัคคีแดงที่ไม่เคยพ่ายแพ้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้จะสู้ต่อไปได้อย่างไร? แต่ไม่นานพวกเขาก็เห็นแสงแห่งความหวัง เพราะกระสุนและอาวุธทั้งหมดของหุ่นยนต์ทั้งสามตัวถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว แม่ทัพพยัคฆ์ขาวจับโอกาสนี้ได้ทันที และออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร "กระจายกำลังออกไป แล้วโจมตีจากระยะไกล!เจ้ายักษ์พวกนี้ไม่มีทางมีพลังงานเหลือมากนัก รอให้พวกมันขยับไม่ไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 955

    จักรกลมังกรดำทั้งสามตัวก็เตรียมพร้อมเสร็จสิ้น และพุ่งตรงสู่สนามรบทันทีภายใต้คำสั่งของเย่ซิวเปลวไฟที่พ่นออกจากใต้ฝ่าเท้าของหุ่นยนต์สร้างแรงขับมหาศาล ทำให้พวกมันพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่แนวหน้าของสนามรบในขณะที่หลายประเทศที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ต่างเชื่อมั่นว่าสำนักโอสถกำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า และพวกเขาก็เตรียมชมความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ด้วยท่าทีสนุกสนานแม่ทัพพยัคฆ์ขาวที่อยู่ในแนวหลังของกองทัพกำลังนั่งคิดวางแผนว่าจะจัดการสิ่งต่าง ๆ อย่างไรหลังจากบุกยึดสำนักโอสถได้สำเร็จรายงานสถานการณ์จากแนวหน้าถูกส่งมายังเขาอย่างต่อเนื่อง“รุกหน้าไปอีกสามสิบไมล์”“รุกหน้าอีกสี่สิบเจ็ดไมล์”“รุกหน้าไปอีกหกสิบแปดไมล์แล้ว”……“แย่แล้ว นั่นมันอะไรกัน?!”ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างราบรื่น จู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังผ่านวิทยุสื่อสารและทำลายสมาธิของแม่ทัพพยัคฆ์ขาวในทันทีเขาเงยหน้าขึ้นมองจอภาพโดยอัตโนมัติเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เขาก็เบิกตากว้างทันทีจู่ ๆ ก็ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาสามตัวในสนามรบพวกมันสูงกว่าสิบเมตร มีโครงสร้างที่โค้งมนและดุดัน ทำให้แผ่แรงกดดันม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 954

    ในตอนแรกมีเครื่องบินรบหลายลำพยายามจะเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สำนักโอสถก่อนแต่ยังไม่ทันจะเข้าใกล้ก็โดนขีปนาวุธสอยร่วงไปหกลำจนต้องถอยหนีกันแทบไม่ทันเมื่อไม่สามารถใช้การโจมตีทางอากาศได้สำเร็จ จึงต้องอาศัยการปะทะทางภาคพื้นดินแทนกองทัพอัคคีแดงจำนวนห้าหมื่นนายข้ามแนวเทือกเขามา ก่อนจะเผชิญกับการโจมตีด้วยอาวุธหนักจากสำนักโอสถอย่างรุนแรงแม่ทัพพยัคฆ์ขาวผู้มีร่างกายสูงใหญ่ทรงพลัง หนวดเครายาว และดวงตาโตเหมือนระฆังทองแดง เขามองไปยังแนวการยิงจากฝั่งสำนักโอสถด้วยสีหน้าดูแคลน “อาวุธพวกนี้มันแค่อุปกรณ์ตกยุคตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนที่เราทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำระยะยิงก็สั้น แรงทำลายก็ต่ำ ส่งคำสั่งออกไปให้โต้กลับซะ ให้พวกมันได้รู้ว่าการทำสงครามสมัยใหม่มันเป็นยังไง”คำสั่งถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองทัพอัคคีแดงก็เปิดฉากยิงถล่มใส่แนวป้องกันของสำนักโอสถทันทีสำนักโอสถต้องเผชิญกับความเสียหายอย่างหนักภายใต้เสียงระเบิดที่ดังสนั่น การโจมตีเพียงระลอกเดียวก็ทำให้คนของสำนักโอสถล้มตายไปสี่ถึงห้าร้อยคนที่แนวป้องกันของสำนักโอสถมีกำลังพลเพียงประมาณหมื่นนายเท่านั้นหากยังคงเสียกำลังคนในอัตรานี้ พวกเขาคงไม่สา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status