ณ หอพักหอพักนักศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองหลวงซูเสี่ยวเสี่ยวเปิดประตู รูมเมททุกคนไปกินข้าวกันหมดแล้ว จึงไม่มีใครอยู่สักคนเธอวางข้าวของไว้บนเตียงของตัวเอง จากนั้นเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์มือสองที่ซื้อมาในราคาห้าร้อยหยวนล็อกอินเข้าสู่ซอฟต์แวร์ซื้อขายหุ้นอย่างเชี่ยวชาญมีหุ้นสีเขียวอยู่บนนั้นสองสามตัวเธอติดตามหุ้นเหล่านี้มาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีเงินพอที่จะซื้อมันได้ซูเสี่ยวเสี่ยวคลิกที่หุ้นซึ่งอยู่ด้านบนสุด จากนั้นนิ้วทั้งสิบก็รัวลงบนแป้นพิมพ์ เริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็วมากสำหรับคนนอก ภาพลักษณ์เธอในสายตาของพวกเขาก็คือเซ่อ ๆ แต่ตอนนี้ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงถ้าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอจะเป็นนักธุรกิจหญิงที่ปราดเปรียวมากคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยเลยหลังจากดำเนินการไปได้สักพัก เธอก็หยุดและกระซิบกับตัวเอง "ตอนนี้หุ้นนี้อยู่ในจุดต่ำสุด ถ้าซื้อในตอนนี้ มันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าภายในหนึ่งสัปดาห์!"เธอไม่ลังเลเลยที่จะลงทุนไปทั้งหมดสองหมื่นหยวน ซึ่งเท่ากับจำนวนเงินที่เย่ซิวโอนให้เธอ!!……เย่ซิวผลักประตูเข้าไป จากนั้นลงกลอนจากด้านในพนักงานก็ไม่แป
หนึ่งเดือนต่อจากนี้ เขาจะทำให้กิจการของตระกูลเย่ทั้งหมดต้องพังพินาศ!ไม่มีอะไรที่จะทำให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้เร็วเท่ากับการเหยียบซากศพของตระกูลผู้มีอำนาจอีกแล้วหลังจากปลอบใจเธอไปสองสามคำ และบอกให้เธอระวังตัวให้มาก เย่ซิวก็วางสายโทรศัพท์หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที รถก็ไปถึงจุดหมายเย่ซิวลงจากรถพร้อมถุงหลายใบในมือทั้งสองคนดูธรรมดามากจนไม่มีใครสังเกตเห็นเลยเดินเท้าต่อไปอีกไม่กี่กิโลเมตร ดวงตาของเย่ซิวก็ต้องหรี่ลงเขาเห็น 'คนที่คุ้นเคย' ยืนอยู่ข้างหน้านั่น!ผู้หญิงทั้งสี่คนแต่งตัวเหมือนกันหมด!พวกเธอมีรูปร่างสูงโปร่ง ยิ่งเมื่อสวมชุดออกกำลังกาย ก็ยิ่งยากที่จะปกปิดเรือนร่างอันร้อนแรงเหล่านั้นนี่คือแฝดสี่ ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นบอดี้การ์ดของหลี่หรูเฟิง!ในตอนแรกเย่ซิวสนใจพวกเธอมาก และอยากที่จะพิชิตใจพวกเธอให้ได้ต่อมาเพราะมีเรื่องให้จัดการมากเกินไป เขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเห็นแฝดสี่มาปรากฏตัวในเมืองหลวงแบบนี้ เย่ซิวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยหรือว่าหลี่หรูเฟิงเองก็มาที่นี่แล้ว?จำได้ว่าตอนนั้นเขาได้ทำให้อีกฝ่ายพิการไปแล้ว หรือจะมาที่เมืองหลวงเพื่อทำการรักษา…ซึ่งความจริงก็เป็นเช
รูปถ่ายที่ไป๋อวี้เจี๋ยส่งมาให้มีทั้งหมดแปดถึงเก้ารูปทุกรูปช่างเซ็กซี่และร้อนแรงและทุกรูปก็สามารถกระตุ้นความปรารถนาในตัวของผู้ชายออกมาได้ในทันทีแน่นอนว่ารูปถ่ายเหล่านี้ไม่ใช่รูปของเธอ แต่เป็นรูปของเลขาเธอ!ในช่วงสุดท้าย ยังทิ้งข้อความไว้ประโยคหนึ่งด้วยว่า‘เป็นไงบ้าง เลขาฯ ของฉันคนนี้หุ่นดีมากเลยใช่ไหม?’เย่ซิวพูดไม่ออกอยู่นานมาก หลังจากอ่านข้อความจบ เขาก็ส่ายหัวแล้วลบรูปภาพทั้งหมดทิ้งภายในห้อง สองแม่ลูกร้องไห้กันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มคุยกันเบา ๆหลิวอวิ้นถามว่า "ลูกกับเขาไปถึงขั้นไหนแล้ว ได้มี..."ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ส่ายหัวอย่างหน้าแดง “ไม่มีค่ะ เรายังมีความสัมพันธ์แบบชายหญิงที่บริสุทธิ์มาก"เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่รู้ทำไมหลิวอวิ้นถึงได้ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นเธอก็พูดต่อว่า "ลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เบื้องหลังมีขุมอำนาจใดอยู่บ้าง ทรงพลังมากไหม เขาช่วยลูกออกมาจากเงื้อมมือของเย่ขวงได้จริง ๆ หรือ?”ตอนนี้เธออยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเย่ซิวเป็นอย่างมากลู่เสวี่ยเอ๋อร์เม้มริมฝีปากบาง แล้วเล่าทุกอย่างที่เธอรู้และพูดได้ให้กับหลิวอวิ้นฟังแม้ว่าเธอจะพู
“ตอนนี้พวกเธอก็เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสามแล้ว งั้นฉันจะช่วยให้พวกเธอทะลวงระดับขึ้นไปกว่านี้”เมื่อแฝดสี่ได้ยินประโยคนี้ ขณะที่ดีใจ ในใจก็บังเกิดความกังขาขึ้นมาการจะยกระดับพลังยุทธ์ของจอมยุทธ์ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนต้องพึ่งพาตัวเอง เขาจะทำได้จริง ๆ หรือ?ทว่าไม่นานพวกเธอก็รับรู้แฝดสี่แซ่เหมย ชื่อเรียงลำดับจากอายุมากไปน้อยได้แก่ ชุน เซี่ย ชิว และตงเย่ซิวเรียกให้เหมยชุนขึ้นมาก่อนสั่งให้เธอนั่งขัดสมาธิ โดยหันหลังให้เขาเย่ซิววางมือลงบนแผ่นหลังของเธอ จากนั้นปลดปล่อยกำลังภายในออกมาอย่างช้า ๆร่างกายอันบอบบางของเหมยชุนก็สั่นไหว เธอสัมผัสได้ว่าที่หลังมีความร้อนสองสายกำลังแทรกตัวเข้ามา จากนั้นไหลไปทั่วทั้งร่างกายของเธอเส้นลมปราณส่วนน้อยที่ยังถูกปิดกั้นอยู่ในร่างกายเธอถูกเปิดออกใช้เวลาเพียงสิบนาที เธอก็ทะลวงขั้นได้สำเร็จในความเป็นจริง เธอไปถึงคอขวดของระดับพลังแล้วแต่ถ้าไม่มีคนนอกช่วยเหลือ อย่างน้อยพวกเธอก็ต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าที่จะประสบความสำเร็จและในโลกใบนี้ ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีกำลังภายในแข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้พวกเธอทะลวงระดับไปได้อย่างเย่ซิว“ทะลวงระดับแล้วจร
เสวี่ยเหมยรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า "ไม่เอาสิ เมื่อเช้าคุณยังทำแบบนั้นกับฉัน หรือว่าคุณไม่ปวดใจเลย?"น้ำเสียงของเธอฟังดูน้อยใจมาก แต่ในใจจับเย่ซิวกดแล้วหั่นเขาด้วยมีดเป็นพัน ๆ ชิ้นไปแล้วยอดฝีมือที่เธอส่งออกไปเองก็กลับกันมาหมดแล้ว ตอนนี้กำลังดูข้อมูลของเย่ซิวแค่จอมยุทธระดับห้า ในห้องนี้ก็มีมากถึงยี่สิบกว่าคน!เธอยังเรียกตัวยอดฝีมือด้านคอมพิวเตอร์มาด้วยอีกจำนวนมาก เพื่อระบุตำแหน่งปัจจุบันของเย่ซิวด้วยเหตุนี้ เพื่อยืดเวลาถือสายของเย่ซิวให้นานกว่านี้ เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออดอ้อนอย่างไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์แต่เธอคงไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของเย่ซิวนั้น ถูกตั้งรหัสการเข้าใช้งานเป็นพิเศษอย่าว่าแต่ระดมยอดฝีมือด้านคอมพิวเตอร์มาจำนวนมากเลยต่อให้แฮกเกอร์ระดับประเทศเป็นคนลงมือเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถถอดรหัสของเขาได้ในระยะเวลาอันสั้นในขณะนี้ ไฟสีแดงบนโทรศัพท์ของเย่ซิวก็กะพริบไม่หยุดการกะพริบหนึ่งครั้ง นั่นหมายถึงการสกัดกั้นการโจมตีจากศัตรูหนึ่งครั้งเสวี่ยเหมยคิดว่าเขาไม่มีทางรู้เรื่องที่เธอกำลังทำอยู่ แต่จริง ๆ แล้วเย่ซิวค้นพบเรื่องนี้นานแล้วขณะที่เขาเดินกลับ เขาก็ล้อเธอ "ผมยุ่งมา
“นาย...นายท่าน...”คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเสวี่ยเหมยต้องใช้ความพยายามมากเพียงใดในการพูดคำสองคำนี้หลังจากที่เธอพูดจบ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ราวกับว่ามีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ข้างในถ้าให้เหล่าคนหนุ่มมากพรสวรรค์เหล่านั้นที่ไล่ตามเธอมารับรู้เรื่องนี้ แถมยังได้ยินเธอเรียกผู้ชายคนหนึ่งว่า ‘นายท่าน’ ทัศนคติของพวกเขาคงยืนไม่อยู่อย่างแน่นอน!เสวี่ยเหมยฝืนระงับความอัปยศอดสูอันไว้สุดกำลัง และถามไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย "คุณ…ตอนนี้อยู่ที่ไหน...ฉันอยากเจอคุณ"ในใจก็คิดว่า ตัวเองยอมเรียกเขาว่านายท่านแล้ว เย่ซิวก็น่าจะลดการระวังตัวลงบ้างไม่คาดคิด เย่ซิวที่อยู่อีกด้านของสายกลับพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เธอแทบทรุด“เลิกฝันกลางวันเถอะ ผมรู้ว่าคุณจงใจถ่วงเวลาเพื่อให้แฮกเกอร์ทางฝั่งคุณถอดรหัสพิกัดของผม จะได้รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนใช่ไหมล่ะ?”“นอกเสียจากคุณจะเรียกแฮกเกอร์ระดับประเทศมา ไม่อย่างนั้นคุณเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย”“ถ้าไม่มีอะไรอีกแล้ว ก็ไปพักผ่อนซะ สาวใช้ของผม!”เขาเน้นคำว่า ‘สาวใช้’ หนักมากหลังจากพูดจบ เขาก็วางสายและบล็อกเธอเปรี้ยง!เมื่อเสวี่ยเหมยได้ยินสิ่งนี้ เธอ
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติพอได้กินอาหารที่ผมเป็นคนทำ”หนึ่งประโยคที่ทั้งสั้นและเรียบง่าย แต่กลับอหังการ์และทรงอำนาจอย่างไร้ที่เปรียบหัวใจของไป๋อวี้เจี๋ยสั่นไหว ความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ลึกลงไป ณ ก้นบึ้งถูกกระตุกเธอหนีบขาทั้งสองข้างไว้โดยไม่รู้ตัว สายตาเพ่งมองไปที่เย่ซิวอย่างมีความหมายไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกนี้ที่ไม่ชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจ!โดยเฉพาะผู้หญิงแข็งแกร่งอย่างไป๋อวี้เจี๋ยผู้ชายธรรมดา ๆ เธอย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตามีเพียงคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอเท่านั้นที่จะสามารถเอาชนะใจเธอได้ใบหน้าของลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจนี่คือผู้ชายที่เธอเลือกแล้ว!ในขณะนี้ ไป๋อวี้เจี๋ยบังเกิดความปรารถนาที่อยากจะใช้เวลาร่วมกับเย่ซิวมากยิ่งขึ้นทันทีที่เธอเปลี่ยนความคิด ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า "คืนนี้จะมีงานชุมนุมแลกเปลี่ยนอักษรวิจิตรและภาพวาดชั้นสูง ฉันยังมีชื่อเหลืออยู่อีกชื่อหนึ่ง คุณสนใจจะไปไหม?"เย่ซิวส่ายหัว "ผมไม่สนใจ"ไป๋อวี้เจี๋ยไม่อยากจะยอมแพ้ "คืนนี้ยังมีคนที่มีชื่อเสียงในโลกอักษรวิจิตนและภาพวาดไปร่วมงานอีกมาก แถมในครั้งนี้แม้แต่อาจารย์ต้าวจือที่เป็นเจ้าของ
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ถัดจากหยางซิว เมื่อเห็นสายตาของฝ่ายชายแทบจะแนบติดไปกับร่างของไป๋อวี้เจี๋ย เธอก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากเหลือบมองเย่ซิวซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ไป๋อวี้เจี๋ย ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นอย่างกระแนะกระแหนว่า “นี่ใครกันคะช่างแต่งตัวได้ 'เรียบง่าย' มากจริง ๆ หน้าตาก็ดูไม่คุ้นเลย จะใช่คนรักของคุณไป๋หรือเปล่านะ?”เธอเน้นย้ำคำว่า 'เรียบง่าย' อย่างหนักหรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ มันโทรมมากเมื่อหยางซิวได้ยินประโยคนี้ เขาก็มองไปที่เย่ซิวด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรไป๋อวี้เจี๋ยยังไม่เคยถูกเขาลิ้มลองเลย แล้วจะปล่อยให้คนอื่นชิงตัดหน้าไปก่อนได้อย่างไร?สำหรับเย่ซิว เขาคร้านที่จะเสวนากับคนแบบนี้ทว่าความเงียบของเขากลับกลายเป็นการยอมรับในสายตาของผู้หญิงคนนี้เพราะไม่ต้องการที่จะปล่อยเย่ซิวไป เธอจึงพูดเหน็บแนมต่อ "ฉันได้ยินมาว่ามีอาชีพหนึ่งที่คนจะมองหาผู้หญิงที่ร่ำรวยโดยเฉพาะ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าพวกเกาะผู้หญิงกินอยู่ด้วย”“คุณไป๋ คุณต้องระวังไว้ให้ดีนะคะ ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียทั้งเงินเสียทั้งตัว”ประการเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของเย่ซิวเพียงเพราะเขาขี้เกียจเกินกว่าที่จะโต้เถียงกับผู้หญิง ไม่ได้หมายคว
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม
เบื้องหน้าของเย่ซิวปรากฏชายชราผู้มีรูปลักษณ์ประหลาดเขามีอายุกว่าร้อยปีแล้ว ดวงตาฝ้าฟางแทบจะลืมขึ้นไม่ได้เส้นผมยาวหลายสิบเมตรถูกถักเป็นเปียและพันรอบร่างกายของตนใต้ฝ่าเท้าของเขามีการ์กอยล์หินเป็นพาหนะ มือขวาถือไม้กายสิทธิ์อันเก่าแก่เย่ซิวกระตุกบังเหียนให้ม้าหยุดลงพลางหรี่ตามองชายชราเล็กน้อย “มีธุระอะไร?”พลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายชราทำให้เย่ซิวรู้สึกได้ถึงอันตรายแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม“ข้าคือเทพพิทักษ์แห่งประเทศจ้านฉงตี้ ปิดด่านฝึกฝนมาหลายสิบปีแล้วได้ยินว่าประเทศหลงเถิงมีอัจฉริยะที่แข็งแกร่งจึงอยากมาดูให้เห็นกับตา”เย่ซิวไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ “ตอนนี้ก็ได้เห็นแล้ว มีอะไรจะชี้แนะหรือเปล่า?”ดวงตาฝ้าฟางของชายชราเพ่งมองเย่ซิวแน่วแน่ แววตานั้นแฝงไปด้วยอันตรายเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา“ข้าน่ะเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเลยอยากจะประลองกับเจ้าสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะรับคำท้าหรือไม่”เย่ซิวสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ซ่อนเร้นของอีกฝ่ายที่บอกว่าเป็นการประลองคงเป็นแค่ข้ออ้างจุดประสงค์ที่แท้จริงคือก็แค่อยากทดสอบพลังของตนเองกับเขาเท่านั้น“ฉันไม่มีคำว่าประลองอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณคิ
ทั้งคืนผ่านไปด้วยความว้าวุ่นใจและความกระสับกระส่าย เธอแทบไม่ได้หลับเลยเวลาแปดโมงเช้า เย่ซิวยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ภายนอกอากาศสดชื่น เสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายไปทั่ว ที่นี่มีนกยูงเลี้ยงไว้อยู่หลายตัว บรรยากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยอย่างยิ่ง“คุณเย่ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” ลิลิธเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างที่อ่อนช้อยดุจแมวป่าฝ่าเท้าขาวผ่องราวหิมะสัมผัสพื้นเบา ๆ ทีละก้าวก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เย่ซิวเธอจ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวนหลังจากฝึกฝนตลอดทั้งคืน พลังของลิลิธก็พุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลตอนที่เธอมาที่นี่ เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถพัฒนาขึ้นได้เร็วขนาดนี้หากเป็นไปได้ เธอเองก็อยากบำเพ็ญร่วมกับเย่ซิวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทั้งวันทั้งคืนบางทีเธออาจสามารถบรรลุถึงระดับพลังที่ไม่มีใครในประเทศจ้านฉงตี้เคยไปถึงมาก่อนแต่น่าเสียดายที่คงเป็นแค่ความฝันที่เป็นไปไม่ได้เย่ซิวไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขายังคงจ้องไปข้างนอกโดยไม่กะพริบตาจินตานห้าสีของเขาหมุนวนอย่างบ้าคลั่งรัศมีพลังที่ส่องออกมาราวกับพระอาทิตย์ที่สว่างไสวและแข็งแกร่งไ
เคย์ฟี่พาลิลิธกลับมาที่ห้องของเธอเธอกับพูโรแยกกันนอนมานานแล้วหลังจากปิดประตู เธอก็รีบดึงลิลิธเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้นน้ำร้อนถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วจากนั้นเคย์ฟี่ก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปังไม่นานนักก็มีเสียงอุทานของเคย์ฟี่ดังออกมาเป็นระยะด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉาลึก ๆครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็เดินออกมาจากห้องน้ำเคย์ฟี่ช่วยลิลิธแต่งตัวกับมือ จากนั้นก็ลงเครื่องสำอางให้เธอก่อนจะฉีดน้ำหอมสุดหรูราคาแพงเดิมทีลิลิธก็เป็นหญิงงามอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสน่ห์ของเธอกลับเพิ่มขึ้นไปอีกระดับเธอมองเงาตัวเองในกระจกก่อนจะพยักหน้าด้วยความพอใจ ความมั่นใจของเธอเพิ่มขึ้นมาอีกหลายส่วนจากนั้นเคย์ฟี่ก็พาลิลิธไปยังห้องของเย่ซิว เธอเคาะประตูเบา ๆภายในห้อง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่มีความจำเป็นต้องนอนพักเขาเพิ่งกลั่นโอสถไปหลายเตา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เอาไว้ใช้เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญตนแม้ว่าตอนนี้ผลลัพธ์ของมันอาจจะไม่ได้ทรงพลังมากนัก แต่ถ้าปริมาณมากพอก็ยังสามารถช่วยได้ตอนนี้เขามีโอสถกว่าพันเม็ดแล้วก๊อก! ก๊อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก เย่ซิวชะงักเล็กน้อยก่อนจะเก็บเตาหลอมและโอสถท
แต่ลิลิธกลับมีพรสวรรค์ในศาสตร์ด้านนี้สูงมาก จนสามารถฝึกฝนไปถึงระดับที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนผู้ชายทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเลยไม่เช่นนั้น วันรุ่งขึ้นมีหวังกลายเป็นซากศพแห้งตายอย่างแน่นอนแม้ว่าลิลิธจะมีชื่อเสียงด้านความงามโด่งดังไปทั่ว แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับเธอเคย์ฟี่ดวงตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวเลยนะ ลิลิธต้องเจอกับผู้ชายที่แข็งแกร่งระดับเย่ซิวเท่านั้นถึงจะรับมือไหวพอลิลิธทำสำเร็จแล้วเข้าไปอ้อนเย่ซิวอีกหน่อยลองชวนให้เขามาลองพี่น้องสุดเซ็กซี่ บางทีเขาอาจจะไม่ปฏิเสธก็ได้”พรีเอลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบพูดแทรกขึ้นมา “อย่าลืมแม่ลูกสุดแซ่บด้วย”เคย์ฟี่หัวเราะคิกคัก “อันนี้ก็ต้องดูที่ผลงานของลูกในอนาคตแล้วล่ะ”พูทมองด้วยความอิจฉาผู้ชายที่แท้จริงต้องเป็นแบบเย่ซิว ต้องผ่านดงดอกไม้นับไม่ถ้วนโดยไม่ทิ้งร่องรอยน่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะมีฝีมือพอตัว แต่เมื่อเทียบกับเย่ซิวแล้วยังห่างชั้นกันเกินไปแถมสาว ๆ ที่เขาเคยได้มาก็ยังไม่มีคุณภาพดีเท่านี้เลยด้วยซ้ำหลังจากหารือกันเสร็จ เคย์ฟี่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลิลิธด้วยตัวเองณ เมืองระดับแนวหน้าของประเทศจ้านฉงตี้