เย่ซิวตกอยู่ในสถานที่แห่งความนุ่มนวลและอ่อนโยนจิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่งเซี่ยซิ่วซิ่วพอใจในตัวเย่ซิวมาก ดังนั้นบางสิ่งจึงไม่สามารถซ่อนจากเธอได้อีกต่อไปเขายังเล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลู่เสวี่ยเอ๋อร์กับตัวเขาเองด้วยเย่ซิวมองไปที่เซี่ยซิ่วซิ่วที่กำลังแนบแก้มลงบนหน้าอกของเขา “ผมต้องแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อร์ สถานะของคุณสองคนจะเท่าเทียมกัน คุณเต็มใจไหม?”“เต็มใจสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วตอบเบา ๆ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนาย ตราบใดที่นายมีฉันอยู่ในใจ ฉันก็พอใจแล้ว”เธอยอมรับเรื่องนี้มานานแล้วเย่ซิวโดดเด่นมากจนไม่มีผู้หญิงคนไหนในโลกที่จะสามารถครอบครองเขาแต่ผู้เดียวได้การได้รู้จักเขาก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียง และการที่ได้สร้างความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเช่นนี้นั้นถือเป็นพรอย่างยิ่งแล้วก็ควรจะพอใจแล้วทั้งสองแสดงความรักกันมาพักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลังจะกลับมาแล้วพวกเขารีบก็ลุกขึ้นแต่งตัวเซี่ยซิ่วซิ่วไปทำอาหารไม่นานหลังจากนั้นหลิ่วเมิ่งอิ๋นก็กลับมา“โอ้!”ทันทีที่เธอเห็นเย่ซิว เธอก็สูญเสียความสงบและกรีดร้องพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาเขา“พี่ชาย พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”เธอรู้ส
เธอรู้สึกว่าเธอได้สัมผัสสิ่งต้องห้ามบางอย่าง และร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อยเย่ซิวหยิบผ้าห่มจากด้านข้างขึ้นมาคลุมหลิวอวิ้นแล้วถามว่า “เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ที่ไหน ทำไมผมถึงติดต่อเธอไม่ได้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”หลิวอวิ้นกลับมามีสติอีกครั้งและถอนหายใจ “อย่าถามเรื่องนี้เลย มันจะไม่ช่วยอะไรนายหรอก”เย่ซิวเผยเจตนาสังหารออกมาจาง ๆ พร้อมกับจ้องมองไปที่หลิวอวิ้น “ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย เธอไปอยู่ไหน!”หลิวอวิ้นพลันตัวสั่นในทันใดในขณะนี้ ดูเหมือนว่าเธอกำลังเผชิญหน้ากับเสือดุร้ายที่พร้อมจะเขมือบเธอ และรู้สึกราวกับว่าตัวเธอเองกำลังตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง“เธอ... ไปแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอที่เมืองหลวง”เจตนาสังหารของเขาแผ่กระจายยิ่งขึ้น เขาหรี่ตาลง “ไม่ใช่เวลานี้นี่”หลิวอวิ้นเหลือบมองเย่ซิวอย่างหวาดกลัว เธอส่ายหัวและพูดว่า “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้ จู่ ๆ พวกเขาก็มาพาเสวี่ยเอ๋อร์ออกไป”“ส่วนเรื่องที่นายติดต่อเธอไม่ได้ คงจะเป็นเพราะเธอกลัวว่า นายจะไปตามหาเธอและจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอถึงได้บล็อกการติดต่อนายไป”เย่ซิวถามว่า “ตระกูลไหนในเมืองหลวง?”“ตระกูลชนชั้นสูง ตระกูลเย่ คนที
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที บอดี้การ์ดทั้งหมดในวิลล่าของเธอก็ล้มลงกับพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก“โอ้พระเจ้า นี่เขามีความแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ?” หลิวอวิ้นอุทาน แต่แล้วเธอก็ยังส่ายหัว “เขาค่อนข้างมีฝีมือ แต่เมื่อเทียบกับผู้ชายคนนั้นแล้วก็ยังไม่เพียงพอ เฮ่อ…”“แกนี่เอง!”ลู่เจิ้นเฟิงได้ยินเสียงดังจึงวิ่งออกไป เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเย่ซิว เขาก็ทั้งตกใจและโกรธจัด เขาชี้หน้าเย่ซิวและคำราม “เด็กสารเลว แกอยากตายนักใช่ไหม!”เย่ซิวเดินเข้าไปสองสามก้าว และตบเข้าที่ใบหน้าของเขาเขาควบคุมพลังไว้พอควรมันจะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตของลู่เจิ้นเฟิง ทว่าจะทำให้เขาเจ็บปวดไปอีกนาน“อ๊ากกก!!!”ลู่เจิ้นเฟิงยกมือกุมครึ่งหน้า และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดผลัวะเย่ซิวเตะเขาลงกับพื้น และเหยียบหน้าอกของเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณไม่คู่ควรที่จะเป็นมนุษย์เลยจริง ๆ แม้แต่ลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองคุณยังขายได้!”“คุณควรจะขอบคุณที่คุณเป็นพ่อของเธอ ไม่อย่างนั้นคุณได้เป็นศพไปแล้ว”พูดจบเขาก็ออกแรงที่เท้าเล็กน้อย และซี่โครงหลายซี่ของลู่เจิ้นเฟิงก็แตกหัก จากนั้นก็สลบไปจากความเจ็บปวดเมื่อระบายโทสะออกมาเต็มที่แล้วเย่ซิวก็
เย่ซิวเองก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเดินไปด้านหลังชายสูงอายุนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาซีดผิดธรรมชาติ และดวงตาของเขาลึกโปน“หลีกทางหน่อยค่ะ หลีกทางด้วยค่ะ อย่าล้อมเขา ให้อากาศถ่ายเทก่อนค่ะ”น่าหลันเหยียนหรานตะโกนให้ทุกคนที่ล้อมอยู่ถอยออกไป เธอนั่งยอง ๆ ตรวจอาหารให้แก่ชายชรา จากนั้นก็เริ่มกดที่หัวใจของเขาอย่างไรก็ตาม อาการของชายชราเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และหัวใจของเขาก็เต้นช้าลงน่าหลันเหยียนหรานตื่นตระหนก เธอสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของชายชราที่จางหายไปอย่างรวดเร็วเธอเพิ่มแรงมากขึ้นแต่ก็ยังไร้ผล“จะทำยังไงดี? ถ้าไม่มีอุปกรณ์การแพทย์ฉันก็ช่วยเขาไม่ได้!”ดวงตาของน่าหลันเหยียนหรานแดงก่ำ และรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์มาก“ฉันจัดการเอง”ในขณะที่เธอรู้สึกสิ้นหวัง เสียงที่สงบและทรงพลังก็ดังขึ้น ทำให้เธอรู้สึกสงบลงได้ในทันทีเมื่อหันกลับมา เธอก็เห็นเย่ซิวที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ดวงตาของน่าหลันเหยียนหรานสว่างขึ้น เธอจำได้ว่าเย่ซิวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์“คุณชายเย่ รีบช่วยเขาทีเถอะค่ะ”เย่ซิวตรวจสอบชีพจรของชายชรา จากนั้นก็รีบหยิบเข็มเงินออกมา และเตรียมที่จะฝังเข็มแต่ทันใดนั้น ชาย
“พวกคุณดูสิ ชายชราฟื้นแล้ว!”……เมื่อเย่ซิวฝังเข็มเล่มสุดท้าย ชายชราก็ฟื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ และมีอาการมึนงงเล็กน้อยน่าหลันเยียนหรานมองไปที่เย่ซิวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส และหัวใจที่เต้นรัวเธอยอมรับว่า ในแง่ของทักษะการแพทย์ ระหว่างคนทั้งสองมีความแตกต่างกันมากขณะนี้ เย่ซิวดูเหมือนว่าได้ส่องแสงอยู่ในดวงตาของน่าหลันเยียนหรานแต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเย่ซิวเงยหน้าขึ้นมอง และแก้มัดให้เขาชายหนุ่มสามารถขยับร่างกายได้แล้ว เขานั่งยอง ๆ ลงทันที และแสดงสีหน้านึกกลัวในภายหลัง "ปู่ ดีใจที่ปู่ไม่เป็นอะไร เมื่อสักครู่นี้ทำหลานตกใจหมดเลย"ชายชราขมวดคิ้ว พร้อมเปล่งเสียงแหบเล็กน้อย "โรคหัวใจของปู่อาการกำเริบ เมื่อสักครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?"ชายหนุ่มพูดว่า "ไม่มีอะไร หลานแค่ป้อนยาโรคหัวใจที่ออกฤทธิ์เร็วให้ปู่ทาน แล้วปู่ก็ตื่น"ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป น่าหลันเยียนหรานก็โมโหทันที และพูดด้วยความโกรธว่า "นี่คุณ คุณพูดแบบนี้จะมากเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพื่อนของฉันที่ช่วยปู่ของคุณไว้ พูดบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ยังไง?"ชายหนุ่มตะคอก
“คุณเย่ ช่วยทิ้งเบอร์โทรศัพท์คุณไว้ให้ฉันได้ไหม?”ใบหน้าของน่าหลันเยียนหรานร้อนผ่าว เธอรู้สึกเขินอายมากโตมาขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอขอเบอร์ติดต่อของผู้ชายเพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นคนสวยและโดดเด่นที่สุดในชั้นเรียนมีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่พยายามเข้าหาเธอและใช้ทุกวิถีทางเพื่อขอเบอร์ติดต่อจากเธอหัวใจของเธอเต้นแรง กลัวว่าเย่ซิวจะเข้าใจผิด ดังนั้นเธอจึงกล่าวเสริมไปอีกประโยค“ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น แค่คิดว่าหากหลังจากนี้มีอะไรที่ฉันไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องทางการแพทย์ ฉันจะได้สามารถถามคุณเย่ได้”เย่ซิวพยักหน้าเล็กน้อยและให้เบอร์โทรศัพท์ของเขาแก่เธอหากเธอกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ เย่ซิวก็ไม่รังเกียจที่จะมอบความรู้ให้เธอท้ายที่สุดแล้ว การมีคนที่มีความรู้ความสามารถทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งในโลกนี้ ก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อผู้คนหลายสิบ หลายร้อย หรือมากกว่านั้น“อ้า เยี่ยมไปเลย ขอบคุณนะ!”น่าหลันเยียนหรานมีความสุขมาก แต่แล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าตนเองเสียมารยาทเล็กน้อย จึงแลบลิ้นออกมาด้วยความเขินอายเย่ซิวโบกมือลาแล้วเดินออกไปข้างนอกนอกสนามบินมีคนเรียกผู้โดยสารม
คนอื่น ๆ เพิ่งจะรู้สึกตัว จึงพากันปล่อยหมัดและอาวุธสารพัด เข้าโจมตีเย่ซิวซึ่ง ๆ หน้าเย่ซิวเตะชายหนุ่มคนนั้นทรุดไปกองที่พื้น จากนั้นจึงลงมือเตะต่อย ทุกการเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าหนึ่งนาทีต่อมา ทุกคนต่างก็ลงไปกองที่พื้น ร้องครวญครางระงมมีร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏอยู่ในดวงตาของชายหนุ่ม เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเย่ซิวจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้แต่ไม่นานเขาก็คิดอะไรบางอย่างได้ ท่าท่างของเขากลับมาเย่อหยิ่งอีกครั้ง“แกเสร็จแน่ แกไม่รอดแน่ แกรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร!”เย่ซิวไม่สนใจเสียงร้องโหยหวนของมดปลวกเช่นนี้ตอนนี้เขาแค่ต้องการตามหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์โดยเร็วที่สุดจึงหันหลังเดินไปทางแท็กซี่เมื่อชายหนุ่มเห็นเย่ซิวเพิกเฉยต่อเขา เขาก็โกรธจัดและตะโกนไปว่า "แกตายแน่ ฉันเป็นคนของตระกูลเย่ แม้ว่าแกจะหนีไปสุดขอบโลกก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากความตายได้!"เย่ซิวที่กำลังจะก้าวขึ้นรถชะงักกึก เขาเดินกลับไปหาอีกฝ่ายอีกครั้งชายหนุ่มคิดว่าเย่ซิวหวาดกลัว เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มที่ดุร้ายว่า "แกกลัวแล้วล่ะสิ คุกเข่าขอโทษข้าเดี๋ยวนี้ บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตแก...อ๊าก!"เย่ซิวเหยียบมือขวาของเขาจนกระดูกแหลกละเอีย
สาวสวยสองคนทั้งพูดและหัวเราะเดินจูงมือกันเข้ามาคนทางซ้ายอายุประมาณสามสิบปีผิวขาวมาก ราวกับน้ำนมเส้นผมยาวตรงสีดำเงางามเสื้อผ้าที่สวมใส่นั้นดูมีราคาแพงตั้งแต่แรกเห็น แสดงออกถึงความมีฐานะที่ไม่เหมือนใครอีกคนเมื่อเทียบกับเธอแล้ว มีความสง่างามด้อยกว่าเล็กน้อยแต่ข้อดีคืออายุน้อยกว่า ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเธอสวมชุดสูททำงานรัดรูปสีน้ำเงินภายใต้กระโปรงยังสวมถุงน่องสีดำ สวมแว่นตา ย่างเดินด้วยท่าทางของผู้หญิงวัยทำงานที่มีอำนาจสาวสวยทั้งสองคนพูดไปพลางหัวเราะไปพลางแล้วเดินเข้ามา จากนั้นทั้งคู่ก็มองไปที่เย่ซิวเมื่อสาวสวยในชุดสูททำงานเห็นเขา เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "คุณนั่นเอง!"เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นเธอที่นี่คนสวยนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลินโหรวเย่ซิวยังจำได้ว่าตอนที่เขาช่วยอวี่เฟยเฟยในห้องน้ำหญิง และเมื่อออกมาก็ถูกเธอบังเอิญเห็นเข้าดังนั้นหลินโหรวจึงเข้าใจผิดว่าเขาและอวี่เฟยเฟยกำลังทำเรื่องสกปรกกันอยู่ข้างในเพราะเหตุนี้หลินโหรวจึงไม่ต้องการเห็นหน้าเขาอีกสตรีสูงศักดิ์ที่อยู่ข้าง ๆ หลินโหรวถามอย่างสงสัย "เสี่ยวโหรว นี่เพื่อนของเธอเหรอ?"สีหน้ารังเกียจของหลินโหรวเห็น
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ