หลัวฮ่าวรู้สึกเขินอายมาก เขาพูดกับเย่ซิวว่า “ลูกสาวของฉันตอนนี้อยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่สาม เธออยู่ในช่วงวัยต่อต้าน เรื่องเรียนเธอก็รู้สึกกดดันมาก เธอจึงมีท่าทีแบบนั้น คุณอย่างรังเกียจเลยนะครับ”เย่ซิวยิ้ม “ไม่มีปัญหา ทานข้าวกันเถอะครับ”โดยปกติแล้ว เขาจะไม่โต้เถียงกับเด็กนิสัยเสียเช่นนี้ที่โต๊ะอาหารเย็น แม่ของหลัวฮ่าวตักอาหารให้เย่ซิวอย่างต่อเนื่องด้วยความกระตือรือร้น“นี่ ๆ ลองชิมขาหมูนี่ดู”“เนื้อเผ็ดนี้ก็ค่อนข้างดีเลย”“นี่ น่องไก่ใหญ่ ๆ เลยนะ”……หลังจากนั้นไม่นาน ถ้วยของเย่ซิวก็กองสูงขึ้นเป็นเนินหลัวฮุ่ยหมิ่นทำหน้าบูดบึ้งและพูดอย่างอิจฉาว่า “แม่ ทำไมแม่ต้องตักอาหารให้เขาด้วย แล้วหนูล่ะ? หรือว่าหนูไม่ใช่ลูกของแม่แล้วใช่ไหม?”“ใช่ ฉันไม่รักแกแล้ว แกพาแฟนมาบ้านเมื่อไหร่ แกค่อยมาเป็นลูกของฉัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเลย”“เห็นได้ชัดว่าลูกสาวของฉันประพฤติตนดีและเชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก ขยันเรียน ไม่เคยคบค้าสมาคมกับคนชั้นต่ำ ไม่เคยไปไนต์คลับเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมเด็กผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ถึงหาแฟนไม่ได้?”แววตาคู่นั้นสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งหลัวฮุ่ยหมินหยุดพูดและกินอย่างเชื
สิ่งที่ทำให้หลัวเฟิงและหลัวฮ่าวประหลาดใจก็คือ แม้ว่าเย่ซิวจะดูเด็กมาก แต่ความรู้ของเขาก็กว้างขวางมาก ไม่ว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไรเขาก็ตามทันได้ทุกการสนทนากว่าจะรู้ตัวก็สี่ทุ่มแล้วเย่ซิวเตือนหลัวเฟิง “นายท่าน ถึงเวลาที่คุณจะต้องพักผ่อนแล้วนะครับ”หลัวเฟิงหัวเราะเบา ๆ “ฉันเกือบลืมไปแล้ว คุณจะอยู่ต่ออีกสักสองสามวันก็ได้นะ ยังไงที่บ้านก็มีห้องว่างอยู่แล้ว”เย่ซิวส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่โรงแรมข้างนอกก็ได้”หวังเหม่ยลี่แม่ของหลัวฮ่าวออกมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ไม่ได้ ๆ โรงแรมจะสะอาดเหมือนบ้านได้ยังไง ฉันเตรียมห้องไว้ให้แล้ว คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”หลัวฮ่าวยังกล่าวอีกว่า “ใช่ อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว คิดเสียว่าเป็นบ้านตัวเองเถอะ”“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยนะครับ”อยู่ต่อก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน สำหรับเย่ซิว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันอยู่แล้วหลังจากพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็กลับไปพักผ่อน ส่วนเย่ซิวเองก็กลับเข้าไปในห้องรับรองด้วยเช่นกันและเช่นเคย เขาส่งข้อความถึงหลิ่วเมิ่งอิ๋น เซี่ยซิ่วซิ่วและลู่เสวี่ยเอ๋อร์เดิมทีโทรศัพท์ของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ถูกยึดไปนานแล้ว ต่อมาเย่ซิวก็ได้ซื้อ
“โอเค ได้สิ นายจะพาฉันไปที่ไหนเหรอ?”เธอยังไม่เคยพบเจอกับความรุนแรงของสังคม ดังนั้น เมื่อเธอได้ยินว่า เพื่อนออนไลน์คนนี้ต้องการพาเธอไปที่ไหนสักแห่ง เธอก็ตอบตกลงทันทีโดยไม่ลังเลเลยเย่ซิวส่ายหัวผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป เรียกว่าโง่งมเลยก็ว่าได้ ไม่รู้จักระมัดระวังเลยสักนิดดวงตาของเด็กหนุ่มคนนั้นฉายแววมีเลศนัย เขาพาหลัวอีอีเดินไปตามริมทางเดินของถนนหลังจากเดินไปได้สักพักหนึ่งก็มาถึงหน้าบ้านที่ดูทรุดโทรมพอสมควรหลัวอีอีกะพริบตา “ที่นี่ที่ไหน? มันดูค่อนข้างน่าขนลุกนิดหน่อยนะ”“ที่นี่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียวล่ะ ตามฉันมา รับรองได้เลยว่า อีกประเดี๋ยว เธอจะได้เจอเซอร์ไพรส์ใหญ่แน่นอน"เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มพูดเช่นนี้ ดวงตาของหลัวอีอีก็แสดงความคาดหวังมากขึ้นเล็กน้อย เธอเดินตามเขาเข้าไปข้างในจากนั้น เด็กหนุ่มก็เปิดประตูเหล็กและหันไปด้านข้างพร้อมผายมือเชิญชวนหลัวอีอี“เทพธิดาของฉัน เชิญครับ”“เทพธิดาอะไรของนายเล่า? บ้าแล้ว”หลัวอีอีพูดอย่างมีความสุขขณะที่เธอย่างก้าวเดินเข้าไปด้านในทว่า สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีที่เธอเข้ามามีเด็กหนุ่มวัยรุ่นแปดหรือเก้าคนอยู่ในห้อง คนพวกนั้นสวมเสื้อผ
เด็กหนุ่มรูปร่างแข็งแกร่งคนหนึ่งยื่นมือออกไปเพื่อที่จะคว้าตัวหลัวอีอีปัง!อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มือของเขากำลังจะแตะต้องตัวของหลัวอีอี ก็มีก้อนหินก้อนหนึ่งบินเข้ามาจากหน้าต่างและกระแทกเข้ากับข้อมือของเขาเด็กหนุ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขายกมืออีกข้างจับข้อมือไว้แล้วมองไปรอบ ๆ“ใครมันแอบซุ่มทำร้ายฉัน รีบออกมาสิวะ!”กลุ่มวัยรุ่นต่างก็มองไปรอบ ๆปัง! ปัง! ปัง!จากนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากทุกทิศทางได้เลยหินทุกก้อนกระแทกเข่าอย่างแม่นยำ พวกเขาคุกเข่าลงต่อหน้าหลัวอีอีหลัวอีอีที่แต่เดิมสิ้นหวัง กลับตกตะลึงจนลืมร้องไห้ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าเป็นฝีมือใครจากนั้น เธอก็เบิกตากว้าง เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออก เย่ซิ่วก็เดินเข้ามา“คุณ เป็นไปได้ยังไง!”เพียะ!เย่ซิวก้าวไปข้างหน้าและตบหน้าเธอเสียงที่คมชัดทำให้หลัวอีอีตะลึงค้างไป มือของเธอกุมแก้มที่ถูกตบและจ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา“คุณตบฉันเหรอ? คุณตบฉันทำไม?!”“ตบครั้งนี้ เพื่อสอนบทเรียนแทนพ่อแม่ของคุณ!” น้ำเสียงของเย่ซิวเปลี่ยนเป็นเย็นชา“มันไม่ง่ายเลยที่พ่อแม่เลี้ยงดูคุณมา แทนที่จะตั้งใจเรียนเป็นการตอ
หลังจากรู้ว่าหลัวอีอีเป็นหลานสาวของผู้ว่าราชการหวู่เฉิง วัยรุ่นเหล่านี้ก็แข้งขาอ่อนแรงจนทรุดลงไปกับพื้นโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะต้องตอบทุกสิ่งที่เย่ซิวถามโดยไม่กล้าปิดบังอะไรแม้แต่น้อย“พวกเราติดตามคนที่ชื่อพี่หนาน เขาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย มีลูกน้องหลายร้อยคน พวกเราเป็นแค่ลูกน้องตัวเล็ก ๆ ของเขาเท่านั้น”เย่ซิวลากเก้าอี้มานั่งหลัวอีอียืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างเชื่อฟังมีเพียงการยืนข้างเย่ซิวเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย“เรียกเขามา ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ตาม จำไว้ว่าอย่าให้เขาสงสัยเด็ดขาด”หนึ่งในนั้นกลืนน้ำลาย “ผมโทรเรียกเองครับ ผมโทรเอง”เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกทันที จากนั้นเขาก็เปิดลำโพงเสียงรอสายดัง “ตู๊ด” เป็นครั้งที่สองและสายก็ถูกรับ เสียงที่หยาบกร้านดังมาจากอีกด้านหนึ่ง “ไอ้พวกบ้า แกจะเอาอะไรจากฉัน?”“พี่หนาน ตอนนี้พี่ยุ่งอยู่ไหมครับ? วันนี้น้องชายคนนี้ได้เจอกับสาวสวย ๆ ด้วยนะ ขาวสวยหมวยอึ๋ม เรียวขายาว ไร้เดียงสาสุด ๆ ที่สำคัญกว่านั้น เธอยังบริสุทธิ์อยู่ด้วยนะครับ ผมไม่กล้าสนุกคนเดียวหรอก เลยคิดว่าจะให้เกียรติลูกพี่ก่อนซะหน
“แกเป็นใคร? ไอ้หนู เห็นพี่หนานแล้วยังนั่งนิ่งไม่ขยับอีก รีบลุกขึ้นมาสิวะ!”ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังพี่หนานเห็นเย่ซิวนั่งนิ่งสงบอย่างนั้นก็ตำหนิเขาทันทีเย่ซิวมองไปที่พี่หนานด้วยสายตาที่ล้ำลึก “คุณคงทำเรื่องเลวร้ายมาไม่น้อยเลยสินะ ในที่อย่างหวู่เฉิง คุณทำตัวอวดดีได้ขนาดนี้ แสดงว่าจะต้องมีคนหนุนหลังคุณ”“นี่” พี่หนานเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา เขามองเย่ซิวตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไอ้หนู ดูไม่คุ้นเคยเลยนะ แกมาจากแก๊งไหนล่ะ?”“คุณไม่คู่ควรที่จะรู้หรอก”คำพูดของเย่ซิวทำให้ลูกน้องของพี่หนานมีอารมณ์ขึ้นทีละคน พวกเขาพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาเย่ซิว“ให้ตายเถอะ ไอ้เด็กนี่ แกกล้ามากนะ กล้าดียังไงมาพูดกับพี่หนานแบบนี้วะ!”“คอยดูเถอะ ฉันจะจัดการกับแกด้วยตัวเอง!”…..กลิ่นอายของพวกเขาดุร้าย ดวงตาของพวกเขาฉายแววโหดเหี้ยมหลัวอีอีกรีดร้อง เธอไม่เคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน และใบหน้าของเธอก็ซีดลงด้วยความหวาดกลัวดวงตาของวัยรุ่นสองสามคนเบิกกว้าง พวกเขาอยากจะดูว่า เย่ซิวจะจัดการคนที่แข็งแรงกว่าพวกนี้อย่างไรเย่ซิวนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น เมื่อคนเหล่านี้กำลังจะเข้ามาใกล้ วินาทีนั้น เขาเ
หลัวอีอีส่ายหน้าอย่างรุนแรง “ฉันอยากตามคุณไป ไม่ว่าคุณไปไหนฉันก็จะไปด้วย”เย่ซิวในตอนนี้เหมือนเป็นที่พึ่งพาสำหรับเธอ และมีเพียงการติดตามเขาเท่านั้นที่เธอรู้สึกปลอดภัยเย่ซิวพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ผมจะไปต่อยตีกับคนอื่น คุณยังจะตามมาอีกไหม?”“ฉันอยู่ให้กำลังใจคุณได้ค่ะ” หลัวอีอีมองเย่ซิวด้วยท่าทีน่าสงสารพร้อมสองมือประสานวิงวอน“นะคะ ๆ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ถ้าฉันเกิดเจอเรื่องไม่ดีระหว่างทางกลับบ้านขึ้นมาล่ะ?”“สาวน้อยน่ารักและเป็นที่รักของทุกคนอย่างฉันต้องตกเป็นเป้าพวกวิตถารได้ง่าย ๆ แน่”“ช่างเถอะ ถ้าคุณอยากจะตามมานักก็ตามมา ถ้าฝันร้ายทีหลังก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนแล้วกัน”เนื่องจากเธอยืนกรานที่จะติดตามเขา เย่ซิวจึงไม่ปฏิเสธเพื่อให้เธอมีโอกาสได้เห็นด้านหนึ่งของสังคมที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก และหวังว่าเธอจะตั้งใจเรียนให้มากขึ้นในอนาคตหลังจากที่เย่ซิวยอมให้ไปด้วยแล้ว หลัวอีอีก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจพี่หนานรีบเปิดประตูรถแล้วเชิญทั้งสองเข้าไป จากนั้นก็ขับรถออกไปในรถ หลัวอีอีพูดพล่ามไปเรื่อยและถามคำถามต่าง ๆ กับเย่ซิวมากมาย“คุณแข็งแกร่งมากเลย คุณเป็นยอดฝีมือในยุทธภพอย่างนั้นเ
พี่หนานตะโกนและกำลังจะวิ่งไปหาพี่เฟิงแต่เย่ซิวนั้นเร็วกว่า หมัดเร็วพุ่งชนเข้าที่หน้าท้องของพี่หนานอย่างจังพี่หนานกรีดร้องและขดตัวงอเป็นกุ้งไปแล้ว ใบหน้าของเขาซีดด้วยความกลัว และจ้องมองเย่ซิวอย่างแค้นเคือง “แกทำลายจุดตันเถียน[footnoteRef:0]ของฉัน!” [0: จุดตันเถียน จุดศูนย์กลางของพลังงานภายในร่างกาย ศูนย์รวมพลังลมปราณ] หากตันเถียนของจอมยุทธถูกทำลาย ก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ และจะไม่สามารถฝึกวิทยายุทธได้อีกในชีวิตนี้“ทุกคนต้องได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป และนี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับ”พูดจบเย่ซิวก็เตะเขาออกไปคนผู้นี้ทำร้ายผู้หญิงบริสุทธิ์นับไม่ถ้วน เย่ซิวไม่ฆ่าเขาก็ถือเป็นการแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่แล้วพี่เฟิงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งและไม่รู้สึกโกรธเลย “ขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณเป็นใคร ถ้ามีเรื่องจะพูด ก็นั่งคุยกันดี ๆ จะดีกว่านะ ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเลย”เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะมองเขาอีกครั้งควรจะเป็นบุคลิกของคนที่ทำสิ่งยิ่งใหญ่ เขามีท่าทางที่น่ายกย่อง แต่วันนี้เขาจะได้สัมผัสผลของมันด้วยตัวเอง “ผมได้ยินมาว่าคุณเป็นคนของหวังซง ถูกไหม?”“ใช่แล้ว ผมทำงานให
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม