ในขณะที่เธอรีบวิ่งเข้ามา หวังซงเหลือบไปเห็นเธอพอดีเขาหัวเราะดังลั่นพร้อมตะโกนสั่งเธอว่า “คุกเข่าลงซะ!”สีหน้าของเลขาสาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ท่านประธานคะ! เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ!”เนื่องจากเสียงเพลงภายในวิลล่าดังเกินไป หวังซงจึงไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมคุกเข่าตามที่เขาสั่ง เขาจึงยกมือขึ้นตบเข้าที่ใบหน้าของเธอหนึ่งฉาดหญิงสาวตาแดงก่ำ เธอรู้สึกเสียใจมากแต่เธอก็ไม่อาจทำให้เสียเวลาได้ จึงรีบวิ่งไปปิดเครื่องเสียงทุกคนตกตะลึง ในขณะที่หวังซงโกรธเธอมากยิ่งขึ้น “นี่เธออยากตายหรือไง? กล้าดียังไงมาขัดจังหวะความสุขของฉัน!”เลขาสาวรู้สึกเสียใจ แต่ก็ยังต้องรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นเธอรีบเดินเข้าไปข้าง ๆ หวังซงแล้วกระซิบที่ข้างหูเขาว่า “ท่านประธานคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ…”หวังซงที่เดิมทีรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของเลขาสาว ทันใดนั้น ดวงตาของเขากลับเปล่งประกายด้วยความเยือกเย็นและดูน่ากลัวราวกับงูพิษ“ฉันประเมินไอเด็กนั่นต่ำไปจริง ๆ!” เขามองเธอด้วยแววตาที่เยือกเย็น “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอยังจัดการมันไม่ได้ แล้วต่อไปฉันจะเชื่อใจอะไรเธอได้อีก?”เขาส
ภายในคลับส่วนตัวแห่งหนึ่ง“ผู้ว่าจาง แก้วนี้ผมดื่มให้กับท่านครับ! นับวันท่านยิ่งดูเด็กลงนะครับ”หวังซงยกแก้วไวน์เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ชายคนหนึ่งที่มีอายุราว ๆ สี่สิบปี เขาสวมแว่นตาและดูสุภาพผู้ชายคนนั้นคือจางต้งเหลียงจางต้งเหลียงยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับหวังซงและดื่มไปหนึ่งอึกก่อนจะหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “คุณก็พูดเกินไป ผมเป็นแค่รองผู้ว่า คุณควรจะระมัดระวังคำพูดด้วยนะครับ”หวังซงทำสีหน้าจริงจังแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านนี่ช่างชอบพูดเล่นซะจริงนะครับ ท่านก็รู้ว่าสุขภาพของเขาแย่ลงทุกวัน ผมได้ยินมาว่าปีนี้เขาคงจะต้องเกษียณแล้วทั้งเมืองหวู่เฉิง นอกจากท่านแล้ว ยังมีใครที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับท่านอีกเหรอครับ? เพราะฉะนั้น ถ้าตอนนี้ผมจะเรียกท่านว่าผู้ว่า ก็คงไม่มีปัญหาหรอกครับ”จางต้งเหลียงเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงทันทีพร้อมพูดว่า “ต่อไปห้ามพูดแบบนี้อีกนะครับ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่ยกโทษให้คุณ!”แม้จะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มในดวงตาของเขากลับเผยความคิดที่แท้จริงของเขาออกมาหวังซงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ตามที่ท่านว่าก็ได้ครับ”“อ้อ! จริงสิครับ” หวังซงทำท่าราวกับว่าเขานึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบกล่องที
ใบหน้ารูปไข่ที่มีเสน่ห์เล็กน้อยและผมดำเงางามที่นุ่มลื่นดวงตาใสราวกับน้ำพุธรรมชาติเธอคืออวี่เฟยเฟยเย่ซิวเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “บังเอิญจังเลย เจอกันอีกแล้วนะครับ”เฟยเฟยรู้สึกดีใจมากที่วันนี้เธอได้พบเย่ซิวอีกครั้ง “ว่าแต่คุณเย่กำลังจะไปที่ไหนเหรอคะ?”เย่ซิวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ไฟท์นี้กำลังจะไปหวู่เฉิงไม่ใช่เหรอครับ? คุณว่าผมจะไปที่ไหนล่ะ?”ใบหน้าของอวี่เฟยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย “ฉันนี่ซื่อบื้อจริง ๆ พอเห็นคุณเย่แล้ว ฉันก็เลยรู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยน่ะค่ะ“เย่ซิวยิ้มพร้อมกับส่ายศรีษะเบา ๆอวี่เฟยเฟยพูดต่อ “ว่าแต่คุณเย่อยากจะดื่มเครื่องดื่มอะไรดีคะ? หรืออยากทานอะไรหรือเปล่า? ฉันจะได้ไปเตรียมมาให้คุณ”“ผมขอผัดหมี่หนึ่งที่กับน้ำส้มหนึ่งแก้วก็พอครับ”“บ้านนอกจริง ๆ!”ทันทีที่เย่ซิวพูดจบ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เบ้ปากแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“มานั่งถึงชั้นเฟิร์สคลาสแต่ดันสั่งแค่ผัดหมี่ ฉันว่าคุณคงเก็บเงินเดือนมาหลายเดือนเพื่อที่จะมานั่งชั้นเฟิร์สคลาสละสิ อุตส่าห์ดันทุรังมานั่งถึงชั้นนี้เพราะอยากจะมาจีบสาวใช่ไหมล่ะ?”เย่ซิวหันไปมองผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบป
“คุณเป็นคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ไหน?”คำถามที่ไม่คาดคิดจากเย่ซิว ทำให้คนตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามปกปิดมันเอาไว้แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูกเย่ซิวจับได้อยู่ดีเดิมทีเขายังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขามั่นใจอย่างเต็มที่แล้วเพราะเย่ซิวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคนตรงหน้ามาก่อน เพราะถ้าเป็นคนปกติก็คงไม่กล้าทำให้ตัวเองเสื่อมเสียถึงขนาดนี้ดังนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวคือฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาที่จะทำแบบนี้เพื่อต้องการที่จะกักตัวเขาไว้ หรืออย่างน้อยก็พยายามถ่วงเวลาเย่ซิวเอาไว้ให้มากที่สุดแม้ฝ่ายตรงข้ามอาจจะไม่รู้ว่าเย่ซิวจะไปที่ไหน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การถ่วงเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องทำคนที่มีเจตนาและจุดประสงค์เช่นนี้ นอกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้ว เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นใครอื่นไปได้อีก หญิงสาวพูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดอะไร แต่ตอนนี้แกอย่าคิดหนีไปไหนเด็ดขาด!”ยิ่งเธอเอะอะโวยวายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกกระวนกระวายมากเท่านั้นเย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไหนส่งมา เพราะถึงอย่างไร เขาก็กำลังจะสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อยอ
กัปตันเดินนำทุกคนไปที่ห้องพักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกคุณทุกคนจะต้องเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต!”ใครบางคนเอ่ยถามขึ้น “กัปตันครับ รู้ไหมครับว่าเขามีภูมิหลังยังไง?”กัปตันมีสีหน้าบึ้งตึงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม!อย่าหาว่าผมไม่เตือนพวกคุณก็แล้วกัน ถ้าเรื่องวันนี้รั่วไหลออกไปแม้แต่นิดเดียว พวกคุณทุกคนอาจจะต้องติดคุกอย่างน้อยห้าถึงหกปี!”เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างก็มีท่าทีตกใจ พวกเขาปิดปากเงียบและไม่กล้าถามอะไรอีก……ในเขตที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างเก่าแก่ในหวู่เฉิง มีครอบครัวของหลัวเฟิงอาศัยอยู่นอกเขตที่อยู่อาศัย มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้กับที่พักของหลัวเฟิงตลอดเวลาภายในห้อง หลัวเฟิงนอนอยู่บนเก้าอี้โดยมีลูกชายของเขากำลังป้อนข้าวให้เขาช่วงนี้สุขภาพของเขาแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่การเคลื่อนไหวก็เริ่มจะลำบากมากขึ้นหลังจากทานโจ๊กไปหนึ่งถ้วย หลัวเฟิงจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและเอ่ยถามลูกชายของเขาว่า “ช่วงนี้พฤติกรรมของจางต้งเหลียงแปลกไปบ้างหรือเปล่า?”เสียงของเขาแหบแห้งจนฟังดูไร้เรี่ยวแรงเขามีอายุราว ๆ หกส
คำพูดของเย่ซิวทำให้อวี้เฟยเฟยหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เธอตอบกลับอย่างเขินอาย“ช่วยไม่ได้ ก็ฟ้าประทานความสวยมาให้ฉันนี่คะ”เย่ซิวหัวเราะเสียงดัง หลังจากนั้น เขาก็เดินออกจากเครื่องบินไปอวี้เฟยเฟยมองไปยังแผ่นหลังของเย่ซิวด้วยแววตาคลั่งไคล้“เขานี่หล่อจริง ๆ เลย แถมมีกลิ่นกายของผู้ชายสุด ๆ”“จริงเหรอ? แกเคยได้กลิ่นของเขาหรือไงกัน?”สาวสวยคนหนึ่งที่บนใบหน้ามีจุดด่างเล็กน้อยเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขบขันเธอเป็นเพื่อนสนิทของอวี้เฟยเฟยเมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี้เฟยเฟยก็หน้าแดงไปทั่วทั้งใบหน้า เธอหันมาหยอกล้อเพื่อนสนิทของเธอ “นี่แน่ะ! นี่แกแอบฟังที่ฉันพูดเหรอ? ดูสิว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง”“โอ๊ย! ฉันผิดไปแล้ว อย่านะ…ปล่อยฉันไปเถอะ”สองสาวหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศดูระรื่นตามาก แต่เสียดายที่เย่ซิวไม่ได้เห็น หลังจากออกจากสนามบินมา เย่ซิวก็เรียกแท็กซี่และตรงไปยังที่พักของหลัวเฟิงเขาสืบมาแล้วว่าหลัวเฟิงอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยใดเมื่อเย่ซิวมาถึงเขตที่อยู่อาศัยที่หลัวเฟิงอาศัยอยู่ ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้วเขานี่โชคดีจริง ๆ เมื่อเขามาถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่ทางการ
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เย่ซิวก็ถอนมือออก“ท่านครับ ท่านมีอาการเลือดลมอ่อนแอ สภาพพื้นฐานเสื่อมโทรมอย่างหนัก อีกทั้งยังเป็นเพราะเมื่อตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่ม ท่านทำงานหนักเกินไป และไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ ดังนั้น โดยปกติแล้วท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสามปี”หลัวเฟิงแสดงสีหน้าประหลาดใจต่อคำพูดที่ได้ยินแม้แต่หมอที่มีประสบการณ์การทำงานหลายสิบปีและมีความน่าเคารพยกย่องก็เคยบอกกับเขาแบบนั้นเช่นกันเพียงแค่จากจุดนี้ก็เห็นแล้วว่า ทักษะการแพทย์ของเย่ซิวนั้นยอดเยี่ยมมาก“ไม่เป็นไร…จะช้าจะเร็ว…ฉันก็ต้องตายอยู่ดี…”ท่าทางที่เขาแสดงออกมาช่างดูผ่อนคลายเย่ซิวยิ้มและตอบกลับไปว่า “แต่ท่านครับ ผมไม่ได้จะบอกว่ามันไม่สามารถรักษาได้”หลัวเฟิงตาเบิกโพลงทันทีเย่ซิวจับมือขวาของหลัวเฟิง จากนั้น เขาก็ใช้กำลังภายในของตัวเองแปรสภาพเป็นเส้นเล็ก ๆ หลายสิบเส้นที่ดูคล้ายกับเส้นผมแล้วส่งกระแสเข้าไปในร่างกายของหลัวเฟิงในตอนนี้ ร่างกายของหลัวเฟิงดูเหมือนกับบ่อน้ำที่แห้งเหือดกำลังภายในของเย่ซิวเหมือนกับน้ำฝนที่กำลังบำรุงบ่อน้ำโดยการเติมน้ำกลับเข้าไปใหม่หลัวเฟิงรู้สึกตื่นตัวทันที เขามองเย่ซิวอย่างไม่เชื่
เมื่อมาถึงบ้านพักของหลัวเฟิงบ้านพักของเขาค่อนข้างเรียบง่าย การตกแต่งก็ดูเรียบ ๆ ซึ่งดูไม่เข้ากับสถานะของเขา“น้องชาย เชิญนั่งก่อน”หลังจากหลัวเฟิงเชิญเย่ซิวให้นั่งลง เขาก็จัดการชงชาให้เย่ซิวด้วยตัวเองความรู้สึกที่สามารถดูแลตัวเองได้แบบนี้ มันทำให้เขา กลับมามีความสุขอีกครั้งเมื่อทั้งสองนั่งลง เย่ซิวไม่พูดจาอ้อมค้อมให้เสียเวลาและเอ่ยความต้องการของเขาออกมาทันทีหลัวเฟิงมองเขาด้วยความชื่นชม “ไม่เลวเลยนะ คุณเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ทำอะไรไม่ปิดบัง นี่แหละถึงจะเรียกว่าชายชาตรี”ยิ่งได้มองเย่ซิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถูกใจมากขึ้นเท่านั้นเย่ซิวยิ้มและพูดขึ้นว่า “ท่านผู้ว่าครับ เนื่องจากร่างกายของท่านยังไม่หายดีเต็มที่ ผมจึงจะขออยู่ที่นี่อีกสักห้าวันและในทุก ๆ วัน ผมจะใช้กำลังภายในช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่าน รักษาควบคู่ไปพร้อมกับยาที่ผมให้ไป และอีกไม่นานท่านก็จะหายดีอย่างสมบูรณ์ครับ”หลัวเฟิงรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ฉันจะไม่พูดขอบคุณให้มันมากละกัน แต่น้องชาย คุณวางใจได้เลย ฉันจะไม่ยอมให้คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน!”เขาไม่สามารถให้การดูแลพิเศษหรือให้สิทธิพิเศษได้แต่
“นายคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานงั้นเหรอ? ดี งั้นฉันจะคอยดูว่าแกจะไปได้สักกี่น้ำ ทุกหน่วยเตรียมพร้อม ล็อกเป้าหมาย เปิดฉากยิงเต็มกำลัง!”ตูม! ตูม! ตูม!ลูกระเบิดจำนวนมหาศาลถูกยิงออกมาเหมือนพายุที่ถาโถมใส่เย่ซิวอย่างบ้าคลั่งการโจมตีรุนแรงจนยากจะหาคำมาบรรยายในภาพจากห้องควบคุมของทั้งสองฝ่าย ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่ปกคลุมไปทั่วผู้อาวุโสแห่งประเทศหลงเถิงทุบหมัดลงบนแผงควบคุมอย่างแรง “น่ารังเกียจนัก ถ้าพวกเราแข็งแกร่งกว่านี้อีกหน่อย พวกมันจะกล้าท้าทายเราขนาดนี้ได้ยังไง!”เขารู้สึกผิดอย่างมาก คิดว่าเป็นเพราะความอ่อนแอของประเทศที่ทำให้เย่ซิวต้องเสียสละตัวเองเขาจ้องมองหน้าจอที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเด็กบ้านี่ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ นายคือความหวังของพวกเรา”ผู้อาวุโสรู้ความลับบางอย่างที่คนธรรมดาไม่อาจล่วงรู้เดิมทีเขาตั้งใจจะหาโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้เย่ซิวฟัง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก่อนโซโลหัวเราะลั่น “โจมตีไปขนาดนี้ ต่อให้แก…”เขาพูดยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงักทันทีเย่ซิวพุ่งออกมาจากจุดศูนย์กลางของการระเบิดพร้อมกับฟาดกระบี่ออกไปคลื่นกระบี่ยาวนับพันเมต
หลังจากเย่ซิวออกมาจากห้องของหยางชิงเสวี่ย เขาก็ตรงไปยังสวนสมุนไพรทันทีจากนั้นก็ไปหาหลี่อวี่ถงและขอให้เธอคัดลอกผลงานวิจัยล่าสุดมาให้เขาชุดหนึ่งจากนั้นก็รีบไปหาถังเขอเข่อต่อช่วงนี้ถังเข่อเข่อกำลังยุ่งอยู่กับการวิจัยเทคโนโลยีต่าง ๆ เลยยังไม่รู้เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นภายนอกเมื่อเห็นเย่ซิวมา เธอจึงสงสัยเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น?เย่ซิวไม่พูดพร่ำทำเพลง ถามตรง ๆ ทันทีว่า “ตอนนี้คุณสร้างหุ่นยนต์ไปได้กี่ตัวแล้ว? เอาแบบที่ติดอาวุธด้วยนะ”“ตัวที่สามเพิ่งออกจากสายการผลิต ทำไมเหรอ?”“พาผมไปดูหน่อย”เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเย่ซิว ถังเขอเข่อเองก็เริ่มรู้สึกตึงเครียดไปด้วย เธอรีบพาเขาไปยังที่เก็บหุ่นยนต์ทันทีหุ่นยนต์สามตัวสูงสิบกว่าเมตรตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นตัวเกราะถูกพ่นสีดำล้วน มือข้างหนึ่งถือดาบมังกรครองจันทร์ ส่วนมืออีกข้างถือโล่ด้านหลังติดตั้งอาวุธปืนหกกระบอก และที่หัวไหล่ทั้งสองข้างมีส่วนที่นูนขึ้นมาถังเขอเข่ออธิบายว่าส่วนนูนนี้บรรจุโดรนขนาดเล็กสามตัว ซึ่งสามารถใช้ทั้งการสอดแนมและการโจมตีแบบแม่นยำได้ เรียกได้ว่าอาวุธครบครันลยทีเดียวเย่ซิวเก็บหุ่นยนต์ทั้งสามตัวเข้าไปในแหวน
หากเกิดสงครามขึ้น ผลที่ตามมาย่อมยากจะคาดเดาแม้พลังของเย่ซิวในตอนนี้จะแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่หากประเทศเหล่านั้นยิงขีปนาวุธเข้ามาพร้อมกันหมด ลำพังตัวเขาเองคงไม่มีทางสกัดกั้นได้ทั้งหมดแน่นอนเพียงแค่พลาดไปลูกเดียว ก็อาจสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ประชาชนในประเทศหากมันตกลงในเมืองใหญ่ ชีวิตของผู้คนนับล้านอาจสูญสิ้นในชั่วพริบตาเย่ซิวยิ้มบาง “จะให้ทำยังไงได้? คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้คนจำนวนมากต้องตายไปพร้อมกับผมหรอก”เขาหันกลับมาหาหยางชิงเสวี่ย แล้วยื่นมือออกไป “เอามาสิ”“อะไรเหรอ?”“ของสำคัญที่แสดงถึงตัวตนของผู้นำสำนักเยียนอวี่ อย่าบอกนะว่าไม่มีของแบบนั้น”หยางชิงเสวี่ยพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินไปที่ตู้ จากนั้นก็ก้มลงเปิดมันจากมุมมองของเย่ซิวในตอนนี้ จังหวะที่หยางชิงเสวี่ยก้มตัวลงนั้นทำให้เห็นส่วนโค้งกลมกลึงเขารู้สึกวูบวาบเล็กน้อยจึงเบือนสายตาไปทางอื่นผู้หญิงคนนี้ช่างดึงดูดจนทำให้ใครก็ยากจะถอนตัวจากเธอได้หยางชิงเสวี่ยหยิบเหรียญตราที่ทำจากวัสดุบางอย่างจากตู้แล้วส่งให้เย่ซิวตรานั้นให้สัมผัสอบอุ่น บนพื้นผิวมีตัวอักษรสองตัวสลักไว้ว่า ‘เยียนอวี่’เย่ซิวเก็บตราไว้อย่างระมัดระวัง ก
การจุติจากเปลวเพลิง!ความสามารถนี้คือการที่เย่ซิวสามารถคืนชีพจากเปลวเพลิงได้หลังจากถูกสังหารนับเป็นความสามารถที่เหนือธรรมชาติและทรงพลังถึงขีดสุด ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เกิดใหม่ พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้นด้วยข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวคือความสามารถนี้สามารถใช้ได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้นเมื่อเย่ซิวได้รับความสามารถนี้ เขาก็ถึงกับตกตะลึงอยู่พักใหญ่เขาก้มมองหยางชิงเสวี่ยที่ใบหน้ายังคงสงบนิ่ง ในใจของเขาเริ่มคาดเดาถึงภูมิหลังและตัวตนที่แท้จริงของเธอแต่สำหรับข้อสันนิษฐานนั้น เขาไม่มีทางพิสูจน์ได้ และแม้จะถามเธอ เธอก็คงไม่พูดอะไรอยู่ดีเย่ซิวนั่งขัดสมาธิ ก่อนจะรวบรวมสมาธิ และสำรวจร่างกายหลังจากถูกเปลวไฟเผาผลาญจิตวิญญาณก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันทีพลังวิญญาณของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลราวกับเป็นผลลัพธ์จากการบำเพ็ญตนอย่างหนักหน่วงเป็นเวลาหนึ่งถึงสองปีเขาค่อย ๆ ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพลังที่เพิ่มขึ้นก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆหยางชิงเสวี่ยดูเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่เย่ซิวอธิบายไม่ได้ว่าเปลี่ยนตรงไหนแต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ
“คุณค่อย ๆ ดูไปก่อนนะ ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือจะไปรอฉันที่ห้องนอนก็ได้”เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบเหมือนกำลังคุยเรื่องอาหารเย็นว่าจะกินอะไร“คุณไปเถอะ”เย่ซิวตอบก่อนจะตั้งใจอ่านเอกสารทั้งหมด โดยจดจำข้อมูลทุกอย่างลงในสมองสำหรับข้อมูลองค์กรขนาดใหญ่เช่นนี้ หากให้เย่ซิวสร้างขึ้นด้วยตัวเอง คงใช้เวลาอย่างน้อยห้าถึงหกปีกว่าจะสำเร็จได้แต่ชื่นชมว่าอาจารย์เขาช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!อีกด้านหนึ่ง หยางชิงเสวี่ยเดินกลับไปที่ห้องนอนก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าสายตาเธอจับจ้องที่ชุดเดรสตัวยาวสีแดงชุดหนึ่งบนเดรสตัวนั้นปักลายหงส์กางปีกโบยบินด้วยด้ายทองอย่างวิจิตรบรรจงหงส์ตัวนั้นดูเหมือนมีชีวิตจริง ๆ ราวกับสามารถโบยบินออกมาจากชุดได้ทุกเมื่อหยางชิงเสวี่ยลูบชุดเดรสนั้นเบา ๆ ภาพความทรงจำบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวของเธอ จากนั้นเธอก็หยิบชุดและเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีปกติแล้วหยางชิงเสวี่ยมักจะแต่งตัวอย่างเรียบร้อยและสุภาพเสมอแต่เมื่อเธอปลดพันธนาการออกจากร่างกายแล้ว ความงดงามสมบูรณ์แบบของเธอก็เผยออกมา ต่อให้นางแบบระดับโลกมาอยู่ตรงหน้าเธอก็ยังเทียบไม่ติดเสียงน้ำจากฝักบัวไหลรินลงมาชโลมร่างกายของ
ตอนนี้เย่ซิวกลายเป็นคนดังระดับโลกไปแล้ว ดังยิ่งกว่าดาราระดับนานาชาติหลายเท่าถ้าเขาหันไปทำไลฟ์สด วันเดียวก็คงทำรายได้เป็นหลายร้อยล้านหรืออาจถึงพันล้านเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เขาจึงเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองก่อนออกจากบ้านเขามาหยุดอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ก่อนจะเงยหน้ามองชื่อสถานที่นั้นและเดินเข้าไปทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีนักศึกษาเดินสวนไปมาขวักไขว่ทุกครั้งที่มาที่นี่ เย่ซิวจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างมากเขาเดินไปที่ศาลาพักผ่อนอีกครั้ง และเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ตรงนั้นที่นี่อาจเป็นสถานที่พิเศษสำหรับหยางชิงเสวี่ย นอกจากเธอแล้วก็มีจวงเสี่ยวหยิงที่เย่ซิวเคยเห็นว่ามาที่นี่เช่นกันเขาเดินเข้าไปในศาลาอย่างไม่รีบร้อนแล้วนั่งลงตรงหน้าเธอหยางชิงเสวี่ยที่กำลังอ่านหนังสือท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบเงยหน้าขึ้นดวงตาที่ใสราวคริสตัลของเธอเหมือนสามารถมองทะลุทุกสิ่งในโลกนี้ได้เธอกะพริบตาเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูจะเผยอขึ้น “ยินดีด้วยที่เข้าสู่ระดับจินตานแล้ว”เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ผมเปลี่ยนทั้งรูปร่างและหน้าตา คุณก็ยังจำผมได้อีกเหรอ?”หยางชิงเสวี่ยปิดห
เย่ซิวโทรหาชูตง อวี่เฟยเฟย เสวี่ยเหมย หลัวอีอี แล้วเรียกพวกเธอมาที่บ้านพร้อมหน้ากันอย่างแรก ทุกคนต้องเป็นห่วงกันอยู่แล้ว การได้มาเจอกันและกินข้าวด้วยกัน น่าจะทำให้พวกเธอสบายใจขึ้นอย่างที่สอง เย่ซิวตั้งใจที่จะช่วยยกระดับพลังของพวกเธอทั้งหมดในคราวเดียวหลังวางสาย เขาก็ชี้ไปที่เด็กผู้หญิงที่ดูมีท่าทีเขินอาย ก่อนเอ่ยถามว่า “พวกคุณไม่คิดว่าเธอคล้ายใครบางคนเหรอ?”สาว ๆ ทุกคนหันไปมองเด็กหญิงคนนั้น พอมองชัด ๆ ก็พากันอึ้งไปตาม ๆ กัน“เหมือนจริง ๆ ด้วย”“คล้ายกันตั้งหกเจ็ดส่วนแน่ะ”“นี่ต้องเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเธอแน่ แต่ทำไมถึงไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเลยนะ”……ระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน ประตูวิลล่าก็เปิดออกไป๋อวี้เจี๋ยเดินเข้ามาในชุดกางเกงยีนรัดรูปเธอวางกระเป๋าลงแล้วพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเย่ซิวทันที“คุณไม่เป็นอะไรแล้วก็ดีแล้ว ฉันตกใจแทบแย่ตอนเห็นข่าว…คุณไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นฉันกลัวแค่ไหน”เย่ซิวตบหลังเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ คุณลองดูเธอสิ”เขาชี้ไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กไป๋อวี้เจี๋ยหันมองตามนิ้วของเย่ซิวด้วยความสงสัยเมื่อสายตาของทั้งคู่ปร
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!ขณะที่เย่ซิวกำลังจะลงมือจัดการกับพวกคนชั่วเหล่านี้ สายฟ้าหลายสายพลันฟาดลงมาจากท้องฟ้าชิงลงมือก่อนเย่ซิว เจ้าชายเหล่านั้นก็ถูกฟ้าผ่าจนไม่เหลือซากเย่ซิวถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น "กรรมที่สวรรค์ลิขิตยังพอรอดได้ กรรมที่ก่อเองไม่อาจรอดพ้นกรรม"แม้แต่สวรรค์ก็ทนดูไม่ได้ ต้องลงมือสำเร็จโทษพวกเขาด้วยตัวเองคนเหล่านี้ถูกทำลายจนวิญญาณแตกสลาย ไม่มีแม้แต่โอกาสจะกลับไปเกิดใหม่อีกเย่ซิวไปจากที่นี่ เรื่องหลังจากนี้ไม่ใช่เรื่องของเขาแล้วไม่นานหลังจากที่เขาไป เฟยอวี่ก็ปรากฏตัวอีกครั้งเมื่อเห็นรอยฟ้าผ่าบนพื้น เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว มันน่ากลัวเหลือเกินแต่ไม่นานเธอก็เลียริมฝีปาก รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก"ไอ้พวกโง่นี่ถูกฆ่าตาย งั้นตอนนี้ทั้งประเทศอ่ายเหรินก็ไร้ผู้นำแล้วแบบนี้งานของฉันก็ง่ายขึ้นมากฮ่า ๆ เย่ซิวเอ๋ยเย่ซิว ฉันต้องขอบคุณคุณอย่างจริงจังแล้วล่ะ"…… ครืน!เหนือผืนทะเล มีแสงหนึ่งพุ่งผ่านไปด้วยความเร็วสูงเย่ซิวยืนอยู่ที่หัวกระบี่ เด็กสาวสองคนที่อยู่ข้างหลังเขามองไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ความรู้สึกแบบนี้ไม่อาจบรรยายได้เลยเ
ที่นี่กลายเป็นเหมือนนรกบนดินเย่ซิวพุ่งขึ้นมาจากก้นทะเลในตอนนี้เขาดูโทรมมาก เสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดรุ่งริ่ง แถมยังมีบาดแผลทั้งใหญ่และเล็กนับร้อยจุดทั่วร่างนี่เป็นการบาดเจ็บที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมา มันแทบจะทำลายรากฐานของเขาแม้ว่าตอนนี้เขาจะดูสงบมาก แต่ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความอาฆาตและเดือดดาลชนิดที่ยากจะข่มพวกนั้นช่างโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อหากการระเบิดนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของพวกเขาเอง อย่างน้อยหนึ่งหรือสองเมืองคงได้กลายเป็นนรกภูมิ ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะมีวิญญาณผู้บริสุทธิ์จำนวนเท่าไหร่โชคดีที่เย่ซิวเพิ่งทะลวงเข้าสู่ระดับจินตานขั้นกลาง มิฉะนั้นชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอนเขาหยิบน้ำเต้าออกมา แล้วดื่มน้ำพุวิญญาณลงไปรวดเดียวหลายกิโลกรัมร่างกายของเขาฟื้นตัวจากบาดแผลอย่างรวดเร็วแสงของจินตานห้าสีที่สลัว ๆ ในตันเถียน เริ่มกลับมาส่องประกายสดใสอีกครั้งเขาไม่กล้าล่าช้า รีบกลับไปอย่างรวดเร็วเด็กสาวสองคนยังอยู่ที่นั่น เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นเหล่าเจ้าชายได้เริ่มเตรียมแชมเปญเพื่อเฉลิมฉลองแล้วพวกเขาคิดว่าไม่ว่าเย่ซิวจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็คงไม่รอดจากการระเบิดระด