ใบหน้ารูปไข่ที่มีเสน่ห์เล็กน้อยและผมดำเงางามที่นุ่มลื่นดวงตาใสราวกับน้ำพุธรรมชาติเธอคืออวี่เฟยเฟยเย่ซิวเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “บังเอิญจังเลย เจอกันอีกแล้วนะครับ”เฟยเฟยรู้สึกดีใจมากที่วันนี้เธอได้พบเย่ซิวอีกครั้ง “ว่าแต่คุณเย่กำลังจะไปที่ไหนเหรอคะ?”เย่ซิวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ไฟท์นี้กำลังจะไปหวู่เฉิงไม่ใช่เหรอครับ? คุณว่าผมจะไปที่ไหนล่ะ?”ใบหน้าของอวี่เฟยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย “ฉันนี่ซื่อบื้อจริง ๆ พอเห็นคุณเย่แล้ว ฉันก็เลยรู้สึกตื่นเต้นไปหน่อยน่ะค่ะ“เย่ซิวยิ้มพร้อมกับส่ายศรีษะเบา ๆอวี่เฟยเฟยพูดต่อ “ว่าแต่คุณเย่อยากจะดื่มเครื่องดื่มอะไรดีคะ? หรืออยากทานอะไรหรือเปล่า? ฉันจะได้ไปเตรียมมาให้คุณ”“ผมขอผัดหมี่หนึ่งที่กับน้ำส้มหนึ่งแก้วก็พอครับ”“บ้านนอกจริง ๆ!”ทันทีที่เย่ซิวพูดจบ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เบ้ปากแสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“มานั่งถึงชั้นเฟิร์สคลาสแต่ดันสั่งแค่ผัดหมี่ ฉันว่าคุณคงเก็บเงินเดือนมาหลายเดือนเพื่อที่จะมานั่งชั้นเฟิร์สคลาสละสิ อุตส่าห์ดันทุรังมานั่งถึงชั้นนี้เพราะอยากจะมาจีบสาวใช่ไหมล่ะ?”เย่ซิวหันไปมองผู้หญิงวัยประมาณสี่สิบป
“คุณเป็นคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ไหน?”คำถามที่ไม่คาดคิดจากเย่ซิว ทำให้คนตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามปกปิดมันเอาไว้แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูกเย่ซิวจับได้อยู่ดีเดิมทีเขายังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขามั่นใจอย่างเต็มที่แล้วเพราะเย่ซิวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคนตรงหน้ามาก่อน เพราะถ้าเป็นคนปกติก็คงไม่กล้าทำให้ตัวเองเสื่อมเสียถึงขนาดนี้ดังนั้น ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวคือฝ่ายตรงข้ามมีเจตนาที่จะทำแบบนี้เพื่อต้องการที่จะกักตัวเขาไว้ หรืออย่างน้อยก็พยายามถ่วงเวลาเย่ซิวเอาไว้ให้มากที่สุดแม้ฝ่ายตรงข้ามอาจจะไม่รู้ว่าเย่ซิวจะไปที่ไหน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การถ่วงเวลาก็เป็นเรื่องที่ต้องทำคนที่มีเจตนาและจุดประสงค์เช่นนี้ นอกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์แล้ว เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นใครอื่นไปได้อีก หญิงสาวพูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดอะไร แต่ตอนนี้แกอย่าคิดหนีไปไหนเด็ดขาด!”ยิ่งเธอเอะอะโวยวายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกกระวนกระวายมากเท่านั้นเย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไหนส่งมา เพราะถึงอย่างไร เขาก็กำลังจะสะสางทุกอย่างให้เรียบร้อยอ
กัปตันเดินนำทุกคนไปที่ห้องพักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกคุณทุกคนจะต้องเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต!”ใครบางคนเอ่ยถามขึ้น “กัปตันครับ รู้ไหมครับว่าเขามีภูมิหลังยังไง?”กัปตันมีสีหน้าบึ้งตึงและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม!อย่าหาว่าผมไม่เตือนพวกคุณก็แล้วกัน ถ้าเรื่องวันนี้รั่วไหลออกไปแม้แต่นิดเดียว พวกคุณทุกคนอาจจะต้องติดคุกอย่างน้อยห้าถึงหกปี!”เมื่อพูดจบ ทุกคนต่างก็มีท่าทีตกใจ พวกเขาปิดปากเงียบและไม่กล้าถามอะไรอีก……ในเขตที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างเก่าแก่ในหวู่เฉิง มีครอบครัวของหลัวเฟิงอาศัยอยู่นอกเขตที่อยู่อาศัย มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้กับที่พักของหลัวเฟิงตลอดเวลาภายในห้อง หลัวเฟิงนอนอยู่บนเก้าอี้โดยมีลูกชายของเขากำลังป้อนข้าวให้เขาช่วงนี้สุขภาพของเขาแย่ลงเรื่อย ๆ แม้แต่การเคลื่อนไหวก็เริ่มจะลำบากมากขึ้นหลังจากทานโจ๊กไปหนึ่งถ้วย หลัวเฟิงจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและเอ่ยถามลูกชายของเขาว่า “ช่วงนี้พฤติกรรมของจางต้งเหลียงแปลกไปบ้างหรือเปล่า?”เสียงของเขาแหบแห้งจนฟังดูไร้เรี่ยวแรงเขามีอายุราว ๆ หกส
คำพูดของเย่ซิวทำให้อวี้เฟยเฟยหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เธอตอบกลับอย่างเขินอาย“ช่วยไม่ได้ ก็ฟ้าประทานความสวยมาให้ฉันนี่คะ”เย่ซิวหัวเราะเสียงดัง หลังจากนั้น เขาก็เดินออกจากเครื่องบินไปอวี้เฟยเฟยมองไปยังแผ่นหลังของเย่ซิวด้วยแววตาคลั่งไคล้“เขานี่หล่อจริง ๆ เลย แถมมีกลิ่นกายของผู้ชายสุด ๆ”“จริงเหรอ? แกเคยได้กลิ่นของเขาหรือไงกัน?”สาวสวยคนหนึ่งที่บนใบหน้ามีจุดด่างเล็กน้อยเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขบขันเธอเป็นเพื่อนสนิทของอวี้เฟยเฟยเมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี้เฟยเฟยก็หน้าแดงไปทั่วทั้งใบหน้า เธอหันมาหยอกล้อเพื่อนสนิทของเธอ “นี่แน่ะ! นี่แกแอบฟังที่ฉันพูดเหรอ? ดูสิว่าฉันจะจัดการกับแกยังไง”“โอ๊ย! ฉันผิดไปแล้ว อย่านะ…ปล่อยฉันไปเถอะ”สองสาวหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศดูระรื่นตามาก แต่เสียดายที่เย่ซิวไม่ได้เห็น หลังจากออกจากสนามบินมา เย่ซิวก็เรียกแท็กซี่และตรงไปยังที่พักของหลัวเฟิงเขาสืบมาแล้วว่าหลัวเฟิงอาศัยอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยใดเมื่อเย่ซิวมาถึงเขตที่อยู่อาศัยที่หลัวเฟิงอาศัยอยู่ ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้วเขานี่โชคดีจริง ๆ เมื่อเขามาถึงก็เห็นเจ้าหน้าที่ทางการ
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เย่ซิวก็ถอนมือออก“ท่านครับ ท่านมีอาการเลือดลมอ่อนแอ สภาพพื้นฐานเสื่อมโทรมอย่างหนัก อีกทั้งยังเป็นเพราะเมื่อตอนที่ท่านยังเป็นหนุ่ม ท่านทำงานหนักเกินไป และไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ ดังนั้น โดยปกติแล้วท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสามปี”หลัวเฟิงแสดงสีหน้าประหลาดใจต่อคำพูดที่ได้ยินแม้แต่หมอที่มีประสบการณ์การทำงานหลายสิบปีและมีความน่าเคารพยกย่องก็เคยบอกกับเขาแบบนั้นเช่นกันเพียงแค่จากจุดนี้ก็เห็นแล้วว่า ทักษะการแพทย์ของเย่ซิวนั้นยอดเยี่ยมมาก“ไม่เป็นไร…จะช้าจะเร็ว…ฉันก็ต้องตายอยู่ดี…”ท่าทางที่เขาแสดงออกมาช่างดูผ่อนคลายเย่ซิวยิ้มและตอบกลับไปว่า “แต่ท่านครับ ผมไม่ได้จะบอกว่ามันไม่สามารถรักษาได้”หลัวเฟิงตาเบิกโพลงทันทีเย่ซิวจับมือขวาของหลัวเฟิง จากนั้น เขาก็ใช้กำลังภายในของตัวเองแปรสภาพเป็นเส้นเล็ก ๆ หลายสิบเส้นที่ดูคล้ายกับเส้นผมแล้วส่งกระแสเข้าไปในร่างกายของหลัวเฟิงในตอนนี้ ร่างกายของหลัวเฟิงดูเหมือนกับบ่อน้ำที่แห้งเหือดกำลังภายในของเย่ซิวเหมือนกับน้ำฝนที่กำลังบำรุงบ่อน้ำโดยการเติมน้ำกลับเข้าไปใหม่หลัวเฟิงรู้สึกตื่นตัวทันที เขามองเย่ซิวอย่างไม่เชื่
เมื่อมาถึงบ้านพักของหลัวเฟิงบ้านพักของเขาค่อนข้างเรียบง่าย การตกแต่งก็ดูเรียบ ๆ ซึ่งดูไม่เข้ากับสถานะของเขา“น้องชาย เชิญนั่งก่อน”หลังจากหลัวเฟิงเชิญเย่ซิวให้นั่งลง เขาก็จัดการชงชาให้เย่ซิวด้วยตัวเองความรู้สึกที่สามารถดูแลตัวเองได้แบบนี้ มันทำให้เขา กลับมามีความสุขอีกครั้งเมื่อทั้งสองนั่งลง เย่ซิวไม่พูดจาอ้อมค้อมให้เสียเวลาและเอ่ยความต้องการของเขาออกมาทันทีหลัวเฟิงมองเขาด้วยความชื่นชม “ไม่เลวเลยนะ คุณเป็นคนที่ตรงไปตรงมา ทำอะไรไม่ปิดบัง นี่แหละถึงจะเรียกว่าชายชาตรี”ยิ่งได้มองเย่ซิวมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกถูกใจมากขึ้นเท่านั้นเย่ซิวยิ้มและพูดขึ้นว่า “ท่านผู้ว่าครับ เนื่องจากร่างกายของท่านยังไม่หายดีเต็มที่ ผมจึงจะขออยู่ที่นี่อีกสักห้าวันและในทุก ๆ วัน ผมจะใช้กำลังภายในช่วยฟื้นฟูร่างกายของท่าน รักษาควบคู่ไปพร้อมกับยาที่ผมให้ไป และอีกไม่นานท่านก็จะหายดีอย่างสมบูรณ์ครับ”หลัวเฟิงรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้ง “ฉันจะไม่พูดขอบคุณให้มันมากละกัน แต่น้องชาย คุณวางใจได้เลย ฉันจะไม่ยอมให้คุณได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมแน่นอน!”เขาไม่สามารถให้การดูแลพิเศษหรือให้สิทธิพิเศษได้แต่
สายตาของสองพ่อลูกที่มองไปทางเย่ซิวราวกับกำลังมองสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวใช้เวลานานพอสมควรกว่าสติของสองพ่อลูกจะกลับมาหลัวฮุ่ยหมิ่นส่ายหัวเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า “ฉันอายุมากกว่าคุณนิดหน่อย ถ้างั้นฉันจะเรียกคุณว่าน้องชายก็แล้วกัน คืนนี้ต้องอยู่ทานข้าวด้วยกัน คุณห้ามปฏิเสธนะ”เมื่อพูดจบ เธอก็ไม่ให้เย่ซิวได้มีโอกาสตอบและปรี่ไปที่ประตูเพื่อเก็บอาหารที่ตกอยู่บนพื้น จากนั้นเธอก็ปิดประตูลงแล้วรีบไปที่ครัวหลัวเฟิงเป็นคนทำงานรวดเร็วและเด็ดขาด เนื่องจากตอนนี้เขาหายดีแล้ว เมื่อเขาได้ยินความกังวลของเย่ซิว เขาจึงลุกขึ้นทันทีและพูดว่า“คุณนั่งรอตรงนี้ก่อน ฉันจะไปที่หน่วยงานเพื่อเตือนสติให้จางต้งเหลียงไม่กล้าเล่นเล่ห์กับคุณ”เย่ซิวพยักหน้า “รบกวนด้วยนะครับ”หลัวจากหลัวเฟิงเดินจากไปได้ไม่นาน บอดี้การ์ดคนที่ออกไปร้านขายยาก็ได้ซื้อเครื่องยาสมุนไพรที่เย่ซิวต้องการกลับมาแล้วเย่ซิวนำยาสมุนไพรเหล่านั้นไปที่ห้องครัว เพื่อเตรียมที่จะสอนสูตรต้มยากับหลัวฮุ่ยหมิ่น“โอ๊ย!”หลัวฮุ่ยหมิ่นที่กำลังหั่นผักอยู่ ทันใดนั้น เธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเธอทิ้งมีดลงและจับนิ้วของตัวเองไว้นิ้วมือถูก
“เอาล่ะ การประชุมในวันนี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายกันได้ครับ”ภายในห้องประชุม จางต้งเหลียงเอ่ยประกาศปิดการประชุมตำแหน่งนี้ เดิมทีควรเป็นของหลัวเฟิง แต่ตอนนี้กลายเป็นของเขาไปแล้วและข้อเสนอต่าง ๆ ที่หลัวเฟิงเคยปัดตกไป เมื่อเปลี่ยนมือแล้ว จางต้งเหลียงก็อนุมัติข้อเสนอเหล่านั้นใหม่อีกครั้งหลัวฮ่าวลูกชายของหลัวเฟิงโกรธมาก แต่เขารู้ว่ากำลังของตัวเองในตอนนี้ ไม่สามารถต่อกรกับจางต้งเหลียงได้ เขาจึงทำได้เพียงแค่อดทนอย่างเงียบ ๆ จางต้งเหลียงมองดูท่าทางโกรธเกรี้ยวของหลัวเฟิง พร้อมกับแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจบนใบหน้าตอนนี้อำนาจในองค์กรเกือบทั้งหมดตกในอยู่ในมือของเขาแล้วเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างในหวู่เฉิง เปรียบดั่งท้องฟ้าที่ปกคลุมทุกสิ่ง และพื้นดินที่รองรับทุกอย่าง ใครก็ตามที่กล้าต่อกรกับเขา ย่อมต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถในขณะที่เขากำลังอิ่มเอมกับความสำเร็จ ทันใดนั้น ประตูก็ถูกผลักเปิดออกทุกคนหันไปมองที่ประตูโดยไม่รู้ตัว จากนั้น แต่ละคนก็เผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาออกมาจางต้งเหลียงถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจหลัวเฟิงเดินเข้ามาอย่างสง่าด้วยร่างกา
“ตอนนี้เราดำเนินการผลิตเต็มกำลัง สามารถผลิตจักรกลมังกรดำได้วันละสองร้อยชุด ตอนนี้ผลิตเสร็จแล้วแปดร้อยชุด”เย่ซิวเอ่ยชมด้วยความประทับใจ สมกับที่เป็นประเทศหลงเถิง มีประสิทธิภาพน่าตื่นตะลึงจริง ๆจักรกลมังกรดำแปดร้อยชุดนี้สามารถสร้างพลังการข่มขู่ที่แข็งแกร่งและทรงอำนาจอย่างมากหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็เสนอให้กระชับความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายมากขึ้นพร้อมทั้งยื่นข้อเสนอที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา รวมถึงเปิดโรงงานและสาขาย่อยที่สำนักโอสถเย่ซิวเข้าใจได้ทันทีว่าข้อเสนอนี้คือการที่ประเทศหลงเถิงยื่นมือเข้ามาช่วยสำนักโอสถโดยตรงนี่ถือว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้สำนักโอสถทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่มีเหตุผลอะไรเย่ซิวที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างแน่นอนหลังจากจบการสนทนากับนายกรัฐมนตรี เย่ซิวก็เดินทางไปยังสายการผลิตเป้าหมายต่อไปของเขาคือเพิ่มจักรกลมังกรดำให้ถึงสามสิบชุด และยังต้องรับสมัครผู้ควบคุมเกราะกลไกเพิ่มอีกขณะเดียวกันทางฝั่งประเทศจ้านฉงตี้ ประเทศจ้านอิงตี้ และประเทศใหญ่อื่น ๆ รวมถึงประเทศขนาดกลางและเล็กอีกนับร้อยต่างก็จัดประชุมลับอีกครั้งจักรพรรดิอินทรีครามเป็นคนเริ่มพูดก
เย่ซิวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงเก็บสิ่งที่หล่นลงมาจากตัวเด็กหญิงมันคือจี้ชิ้นหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำจากวัสดุอะไร ผิวด้านนอกเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายเย่ซิวพลิกดูซ้ายขวาแต่ก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ในขณะที่เขากำลังจะวางมันกลับคืนไปบนตัวเด็กหญิงนั้นทันทีที่จี้เข้าใกล้ตัวเธอ รอยร้าวบนจี้กลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเส้นเย่ซิวหรี่ตาลงพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเก็บจี้นี้ไว้กับตัวเองก่อนจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสวนยา แบ่งสมุนไพรที่เหลือออกเป็นหมวดหมู่และปลูกไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างเป็นระเบียบพร้อมทั้งเก็บสมุนไพรที่โตเต็มที่ไว้บางส่วนเพื่อเตรียมใช้งานในอนาคตหลังจากจัดการที่สวนยาเสร็จ เย่ซิวก็เดินไปยังค่ายทหาร เขามีแผนจะคัดเลือกทหารจำนวนหนึ่งพันสองร้อยนายเพื่อจัดตั้งกองกำลังพิเศษเกณฑ์ในการคัดเลือกของเขาไม่ใช่การเลือกคนที่เก่งที่สุด แต่กลับเลือกคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเพราะเขาเชื่อว่าเมื่อคนเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นมา พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งและภักดีต่อเขามากกว่าเดิมหลังจากคัดเลือกทหารได้ครบหนึ่งพันสองร้อยนายแล้ว ยังต้องมีการทดสอบเรื่องความภักดี การป้องกันสายลับ และกา
เย่ซิวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจได้ทันทีมันน่าจะเกิดจากตอนที่เขาวางค่ายกลและใช้เลือดตัวเองหยดลงบนจี้หยกเดิมทีเขาตั้งใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้จี้หยกและเสริมพลังของค่ายกลตอนที่มันเสร็จสมบูรณ์เพราะตอนนี้เลือดของเขามีค่ามากมายมหาศาลแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือการทำเช่นนี้กลับทำให้พลังหายนะเชื่อมโยงกับเขาในแบบที่อธิบายไม่ได้เย่ซิวไม่แน่ใจว่านี่คือเรื่องดีหรือร้าย เขายื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังค่อย ๆ เข้าใกล้กระบี่เล่มนั้นในขณะเดียวกันก็คอยเฝ้าสังเกตดวงชะตาของตัวเอง ถ้ารู้สึกถึงการกัดกร่อนจะถอยออกมาทันทีแต่สิ่งที่เขากังวลกลับไม่เกิดขึ้นและสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากก็คือในวินาทีที่เขากำกระบี่เล่มนั้นไว้ ดวงชะตาที่เคยถูกกัดกร่อนก็ฟื้นคืนกลับมากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ทำอันตรายต่อเขาอีกต่อไปในวินาทีที่จับกระบี่ไว้ เย่ซิวก็รับรู้ถึงความสามารถของมันได้ทันทีกระบี่นี้มีไว้เพื่อทำลายล้างพลังบำเพ็ญของผู้อื่นไม่ใช่เพื่อสังหารคนโดยตรงและเมื่อฟันออกไป มันสามารถตัดทอนพลังบำเพ็ญของเป้าหมายได้ถึงหนึ่งส่วน สองส่วน หรืออาจมากกว่านั้นอีกทั้งส่วนหนึ่งของพลังที่ถูกทำลายจะถูกส่งกลับคืนมาใ
ค่ายกลมรณะ!เย่ซิวไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ถึงได้เชื่อมโยงสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันค่ายกลแบบนี้ต้องใช้ของที่ทั้งอำมหิตและชั่วร้ายสุด ๆ เป็นแกนกลางในการวางค่ายกลพลังทำลายล้างไม่ต้องพูดถึงเพราะมันเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เย่ซิวเคยเห็นค่ายกลนี้ในหอตำราของสำนักหุ่นเชิดมาก่อนในอดีตค่ายกลนี้ถือเป็นค่ายกลต้องห้ามเขาไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะพยายามนึกถึงขั้นตอนการวางค่ายกลในหัวอย่างเร่งรีบจากนั้นก็หยิบจี้หยกออกมาหลายชิ้น ก่อนจะป้ายเลือดของตัวเองไปที่แต่ละชิ้นและจัดวางตามตำแหน่งที่กำหนดไว้เขาหันไปเอ่ยกับเด็กหญิงว่า “ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ หลับตาไว้ก่อนนะ พอฉันบอกให้ลืมตาค่อยลืมตา”เด็กหญิงเงยหน้ามองเย่ซิว ก่อนจะพยักหน้าอย่างว่าง่ายและหลับตาลงเย่ซิวใช้เธอเป็นศูนย์กลางของค่ายกล จากนั้นเขาก็รีบวางค่ายกลจนเสร็จสมบูรณ์ในวินาทีที่ค่ายกลเสร็จสิ้น ท้องฟ้าทั้งผืนพลันถูกปกคลุมด้วยเมฆดำหนาทึบพร้อมกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากึกก้องพลังแห่งความหายนะในตัวเด็กหญิงเริ่มปั่นป่วนอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับถูกค่ายกลดูดซับเข้าไปเหนือศีรษะของเธอปรากฏดวงดาวดวงหนึ่งด
จากนั้นเย่ซิวก็ปล่อยปราณกระบี่ออกมาหลายสาย ผนึกพื้นที่รอบตัวเด็กหญิงไว้ เด็กหญิงมองเย่ซิวด้วยสายตาที่น่าสงสาร เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นดาวหายนะ พ่อแม่และครอบครัวของเธอทั้งหมดล้วนต้องตายไปเพราะเธอ หลังจากนั้นเธอก็ถูกขังไว้ในกรงพิเศษ ไม่เคยเห็นแสงเดือนแสงตะวันเลย จนกระทั่งถูกปล่อยตัวออกมาในตอนนี้ เย่ซิวมองแววตาของเธอ ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ร่างกายที่เป็นอยู่เกิดจากชะตาฟ้าลิขิต เธอเองไม่อาจควบคุมได้ และไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อย เย่ซิวเองก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้อย่างบุ่มบ่ามพลังหายนะของเธอนั้นน่ากลัวเกินไป หากพลาดพลั้งแม้เพียงเล้กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดหายนะที่เกินจะจินตนาการได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็ร่ายอาคม สร้างเหยี่ยวตัวหนึ่งให้ก่อตัวขึ้น แล้วให้มันบินไปเกี่ยวตัวเด็กหญิงขึ้นมา เตรียมจะพาขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ยังไม่ทันจะบินขึ้น เหยี่ยวกลับสลายตัวไปในพริบตาเย่ซิวลองหาวิธีอื่นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถพาตัวเธอออกไปจากที่นี่ได้เลยเย่ซิวรู้สึกปวดหัวไปหมด เขาจึงตัดสินใจปลอบเด็กหญิงก่อน แล้วโยนอาหารไปให้เธอจากระยะไกลไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธ
เย่ซิวเดินออกจากห้องลับ แล้วพบว่าโลกทั้งใบที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูชัดเจนขึ้น และเต็มไปด้วยสีสันมากขึ้น เฉินหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอก พอเห็นเย่ซิวก็ยิ้มหวานออกมา "สวัสดีค่ะ นายท่าน" เย่ซิวโบกมือไปมา "ต่อไปไม่ต้องเรียกนายท่านแล้ว เรียกว่าท่านเจ้าสำนักเถอะ" เฉินหลานมองเขาด้วยดวงตาชุ่มฉ่ำ ก่อนจะพยักหน้าขานรับอืมเบา ๆเรียกว่าเจ้าสำนักดูจะเป็นกันเองกว่าการเรียกว่านายท่าน "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?" เย่ซิวถาม "ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ หลังจากจบศึกครั้งนี้ คนในสำนักโอสถก็ยิ่งให้ความไว้วางใจกับพวกเรามากขึ้น งานในด้านอื่น ๆ ก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น" "แล้วในระดับนานาชาติล่ะ?" "บรรดาทูตจากนานาชาติมาถึงประเทศหลงเถิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ เดิมทีพวกเขาต้องการเริ่มการเจรจาทันที แต่รัฐบาลหลงเถิงกลับจัดเตรียมอาหารเลิศรส และการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้พวกเขา โดยให้เหตุผลว่าประเทศของตนให้ความสำคัญกับมารยาทมากที่สุด เมื่อลูกค้ามาเยือนก็ต้องให้การต้อนรับอย่างดี จากนั้นจึงค่อยพูดคุยเรื่องอื่น บรรดาทูตก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเพลิดเพลินไปกับกา
หลังจากที่ฝึกฝนความสามารถใหม่ของร่างกายจนคุ้นเคยแล้ว เย่ซิวก็กลับมาทำการหลอมโอสถต่อมีโอสถอีกหลายประเภทที่ต้องหลอมเช่นโอสถยอดเพชร โอสถต้นกำเนิด โอสถร้อยพิษไม่กล้ำกรายและอื่น ๆนอกจากเตรียมโอสถสำหรับสร้างกองกำลังสุดยอดแล้ว ยังมีบางส่วนที่เย่ซิวตั้งใจจะเตรียมไว้ใช้เอง รวมถึงให้คนใกล้ตัวของเขาหลังจากที่ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ประสิทธิภาพในการหลอมยาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลอัตราการฟื้นฟูพลังวิญญาณของเขาหลังจากใช้งานก็เร็วขึ้นหลายเท่าตัวสองวันต่อมา ประเทศจ้านส่งสมุนไพรมาเป็นค่าชดเชย ซึ่งถูกใช้ไปแล้วกว่าเก้าหมื่นต้น ผลลัพธ์คือโอสถชนิดต่าง ๆ ถูกหลอมออกมามากกว่าห้าหมื่นเม็ดเมื่อหลอมยาเสร็จ เย่ซิวก็หยุดการหลอม เก็บเตาโอสถกลับไปแล้วหันไปมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงน้ำแข็งทันใดนั้นภาพถ่ายที่พรีเอลล์เคยส่งให้ก็ลอยเข้ามาในความคิดของเขาเธอเคยพูดถึงโซเฟียลูกพี่ลูกน้องของเธอเย่ซิวหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพถ่าย แล้วเดินไปเปรียบเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างหน้าตาอาจจะแตกต่างกัน แต่บรรยากาศและพลังบางอย่างที่แผ่ออกมานั้นคล้ายกันมากมันให้ความรู้สึกเหมือนประชาชนของมหาอำนาจประเทศหนึ่ง กับคน
ตอนนี้เย่ซิวกำลังหลอมโอสถยอดเพชรโอสถชนิดนี้สามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น หากรับประทานในปริมาณที่มากพอ อาจทำให้ร่างกายกลายเป็นกายาวัชระได้ ซึ่งเป็นกายาอันแข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในหมู่พุทธศาสนา นี่คือโอสถที่เย่ซิวเตรียมไว้สำหรับกองกำลังพิเศษในอนาคตของเขา ในเมื่อเป็นกองกำลังระดับสุดยอด ก็ต้องมีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นพลังต่อสู้ การป้องกัน การลอบสังหาร ทุกอย่างต้องอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถมีจุดอ่อนได้ ภายในเตาหลอมโอสถ ตอนนี้มีโอสถยอดเพชรกว่ายี่สิบเม็ด แต่ท่ามกลางโอสถเหล่านั้น มีอยู่เม็ดหนึ่งที่แตกต่างจากเม็ดอื่นโดยสิ้นเชิง มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และมีแสงสีทองระยิบระยับไหลเวียนอยู่ภายใน ดวงตาของเย่ซิวหดแคบลงทันที นี่มันหรือว่าจะเป็นโอสถกลายพันธุ์ในตำนาน? บางครั้งในการหลอมโอสถ นักปรุงยาอาจพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้โอสถเกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมา โอสถกลายพันธุ์เหล่านี้ บางครั้งอาจไร้ประโยชน์ หรือร้ายแรงถึงขั้นมีพิษรุนแรง แต่ในบางกรณี มันอาจมีสรรพคุณสูงกว่าโอสถทั่วไปหลายสิบเท่า และในบางครั้งโอสถกลายพันธุ์เหล่านี
นอกจากนี้เย่ซิวยังมีฐานปลูกสมุนไพรอีกแห่งหนึ่งที่ประเทศหลงเถิง เมื่อรวมกันแล้ว ฐานทั้งสองแห่งสามารถจัดหาวัตถุดิบสำหรับการหลอมยาได้เป็นจำนวนมหาศาล ต่อไปเมื่อเขาสามารถหลอมยาได้มากพอ ก็จะสามารถใช้โอสถเหล่านั้นสร้างกองกำลังสุดแกร่งขึ้นมาได้ เป็นกองกำลังที่สามารถทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึง เย่ซิวมีแนวคิดเกี่ยวกับกองกำลังนี้มานานแล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะเริ่มดำเนินการ สำหรับแกนหลักของกองกำลัง เย่ซิววางแผนให้สมาชิกของหน่วยกองกำลังหมาป่าราตรีเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขามีทั้งพลังและประสบการณ์มากพอที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ หลังจากเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยน ทั้งสองฝ่ายก็แยกย้ายกันไป เย่ซิวมอบหมายให้หวังซวงเป็นผู้จัดการเรื่องรถถังและทองคำ โดยทองคำบางส่วนจะถูกนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงและทรัพยากร ก่อนจะส่งไปให้ถังอวิ้น การพัฒนาของประเทศสุ่ยจือยังคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต้องกังวลมากนักก็คือ ประเทศสุ่ยจือมีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้าน แนวภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้เป็นปราการธรรมชาติที่แข็งแกร่ง โอกาสที่ประเทศนี้จะถูกโจมตีนั้นค่อนข้างต่ำ อีกทั้งตอนนี้สภาพของที