เมื่อสองสาวได้พบกับเย่ซิวท่าทางของพวกเธอก็ดูเหมือนจะผิดหวังเล็กน้อยแม้ว่าเย่ซิวจะดูหล่อ รูปร่างก็ถือว่าไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นหล่อเกินบรรยายอะไรเช่นนั้นผู้ชายแบบนั้นจะคู่ควรกับเซี่ยซิ่วซิ่วได้อย่างไร?สิ่งที่ทำให้เธอทั้งสองรู้สึกเหลือเชื่อนั่นก็คือ เซี่ยซิ่วซิ่วดันไปตกหลุมรักเขา และยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังไม่ได้ตอบรับรักเธอกลับอีกด้วย เย่ซิวไม่ได้รู้ถึงสิ่งที่เธอทั้งสองคนคิดอยู่ในใจหลังจากลุกขึ้นยืนเชิญให้พวกเธอนั่งลง เขาก็ทำการเริ่มชงชาด้วยตนเองทักษะการชงชาของเขานั้นยอดเยี่ยม ท่าทางลื่นไหลดุจสายน้ำช่างดูงดงามมากทำให้คนที่เห็นไม่สามารถละสายตาจากการกระทำของเขาได้เลยสองสาวต่างก็รู้สึกแปลกใจ ทันใดนั้น พวกเธอก็เริ่มรู้สึกประทับใจในตัวเย่ซิวขึ้นมาผู้ชายที่สามารถชงชาได้ถือว่าเป็นข้อดี เพราะมันสะท้อนถึงการฝึกฝน สะท้อนถึงความลึกซึ้งและบุคลิกภายในของเขาเซี่ยซิ่วซิ่วหลับตาพริ้มเธอได้ค้นพบอีกความสามารถของเย่ซิว แต่ละครั้งที่ศึกษาลึกลงไปในตัวเย่ซิวก็จะพบกับสิ่งที่มีค่าและน่าทึ่งเสมอความรู้สึกนี้ทำให้เธอหลงใหลและไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเย่ซิวยิ่งลึก
หากราคาสูงเกินไปคงเป็นเรื่องยากที่จะเจรจาธุรกิจกันในวันนี้แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ ราคาที่เย่ซิวให้นั้นต่ำกว่าที่พวกเขาคาดไว้จริง ๆ“ห้าหมื่นบาทต่อตารางเมตร”ผู้หญิงทั้งสองคนพลันเบิกตากว้างพร้อมกันดวงตาของหลินซวงแสดงความประหลาดใจ “คุณเย่ คุณแน่ใจใช่ไหมคะว่าราคานี้ถูกต้องแล้ว?”“คุณได้ยินถูกต้องแล้วครับ ห้าหมื่นบาทต่อตารางเมตร” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น “แต่ผมมีข้อกำหนดเพิ่มเติมอีกสองข้อ”หลินซวงคิดในใจว่า ‘อย่างที่คาดไว้ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นอยู่แล้ว’ โดยผิวเผิน พวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติแม้แต่น้อย “คุณเย่ บอกมาได้เลยค่ะ ไม่ว่าอะไรก็ตาม หากเราสามารถตกลงกันได้ พวกเราก็จะทำแน่นอนค่ะ”“อย่างแรก ในอนาคต สำหรับพื้นที่เขตที่อยู่อาศัยที่คุณกำลังสร้างอยู่ตรงนั้น ผมหวังว่าคุณจะให้ผมจัดการเรื่องอสังหาริมทรัพย์ได้”หลินซวงพยักหน้า “นั่นไม่มีปัญหาค่ะ”“อย่างที่สอง สำหรับวัสดุก่อสร้างและแรงงานที่จำเป็นในการก่อสร้างพื้นเขตที่อยู่อาศัย ผมหวังว่าบริษัทของคุณจะสามารถครอบคลุมได้ ส่วนเรื่องราคาก็ควรจะเป็นไปตามอัตราตลาด”หากเย่ซิวต้องจัดตั้งทีมของเขาเอง ไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลานานและต้องใช้แ
“สถานการณ์บานปลายกว่าทีเราคาดไปแล้ว!”เซี่ยซิ่วซิ่วยืนอยู่ตรงหน้าเย่ซิวด้วยสีหน้าจริงจัง“ความคิดเห็นสาธารณะแรง ๆ พวกนั้น กับพวกที่เปิดเผยร้านทั้งหมดในองค์กรของเราทางอินเทอร์เน็ต”“ตอนนี้มีคนจำนวนมากที่คว่ำบาตรร้านของเรา และร้านหลายแห่งถูกทำลาย ส่งผลให้ได้รับความสูญเสียเป็นอย่างมาก”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วก็กัดฟันกรอด “นี่ถึงกับใช้วิธีน่ารังเกียจขนาดนี้ได้ ช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอายจริง ๆ!”“อย่าโกรธเกินไปเลย” ตรงกันข้าม เย่ซิวนั้นดูสงบมาก “ปล่อยให้พวกเขาก่อเรื่องวุ่นวายต่อไป ในไม่ช้าพวกเขาจะได้ลิ้มรสผลที่ตามมาเอง”ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วเป็นประกาย “นายเย่ซิว นายมีวิธีอะไรดี ๆ เหรอ?”เย่ซิวมอบแฟลชไดรฟ์ USB ให้กับเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วกระซิบให้คำแนะนำแก่เธอสองสามข้อหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วได้ฟัง เธอก็พยักหน้ารัว ๆ“นายเย่ซิวนี่สุดยอดจริง ๆ ถึงกับคิดแผนสำรองเอาไว้ทุกอย่าง คราวนี้คนพวกนั้นได้เจอดีแน่”เซี่ยซิ่วซิ่วรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่กับเย่ซิวนานไปกว่านี้ และก้าวขาเรียวยาวกลับไปที่ห้องทำงานของเธอ……ภายในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งเหล่าผู้บริหารสูงสุดจากบริ
ทักษะด้านงานเขียนของเธอยังคงสูงมากตีงูต้องตีให้ตาย โจมตีศัตรูทั้งทีต้องเล็งจุดสำคัญ ชาวเน็ตจำนวนมากบนโลกอินเทอร์เน็ตกลับคำวิจารณ์ของพวกเขาทันทีเขียนให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อผู้คนมักเห็นใจผู้อ่อนแอและวิพากษ์วิจารณ์ผู้แข็งแกร่งเสมอความคิดเห็นด้านล่างก็เปลี่ยนทิศทางทันที“คนจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์พวกนี้กดขี่บ้าอำนาจเกินไปแล้ว!”“ทำแบบนี้แถวบ้านผมเรียกโจร!”“พวกเขาไม่ขายที่ดินให้กับพวกคุณ ก็เลยต้องใช้วิธีน่ารังเกียจอย่างนี้สินะ!”“ทั้งความตั้งใจ ทั้งทรัพยากรการเงินมากขนาดนี้ ทำไมไม่สร้างบ้านที่คุณสร้างให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้หน่อยล่ะ? แหกตาดูหน่อยว่าแต่ละปีมีบ้านที่มีปัญหาด้านคุณภาพกี่หลัง!”……เมื่อเห็นความคิดเห็นเหล่านี้ พวกนายใหญ่ก็โกรธจัด“ไอ้พวกโง่! ไอ้พวกโง่! ทำไมไอ้โง่พวกนี่ถึงถูกถ่ายไว้ได้!”“คราวนี้เจอปัญหาใหญ่ ความพยายามทั้งหมดที่เราทำในช่วงนี้สูญเปล่าไปแล้ว!”“พวกคุณดูนี่ก่อน ยังมีอีกข่าวหนึ่งด้วย!”……หลังจากออกจากหน้าที่แสดงข่าวแรก ก็เห็นว่ายังมีข่าวอื่นที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก'ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายรายไม่สามารถซื้อที่ดินได้ กล่าวหาประธ
หลังจากเชื่อมต่อสาย เสียงดีใจมากก็ดังมาจากปลายสาย “หลานย่า หลานเห็นข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า? เกี่ยวกับเรื่องบริษัทอสังหาริมทรัพย์พวกนั้นน่ะ”รอยยิ้มหวานประกายบนใบหน้าหลินซวง “คุณย่า หนูเห็นแล้วค่ะ คุณย่าคิดว่ายังไงคะ?”“แน่นอนว่าย่ามีความคิดมากมายเลยเชียวล่ะ”“ย่าไปถามเรื่องนี้กับใครบางคนมานิดหน่อย เจ้าหนุ่มที่ถูกกล่าวหานั่นเป็นคนดีใช้ได้เลย หน้าตาก็หล่อเหลาและความสามารถก็ไม่เลวเลย”ตามข้อมูล แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าเล็กน้อย แต่ที่จริงแล้วเขาจะอายุสิบแปดปีในอีกหนึ่งเดือน “ถึงหลานจะอายุมากกว่าเขานิดหน่อย แต่ก็อย่างที่พูดกันว่า หญิงใดอายุมากกว่าสามปีจะนำความมั่งคั่งมาสู่ชาย หลานอายุมากกว่าเขาแค่หกปีเอง ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย”“รีบหาทางเอาเขามาเป็นหลานเขยของย่าเดี๋ยวนี้เลย”หลินซวงตกตะลึงทันที “คุณย่า คุณย่าเป็นอะไรไปแล้วคะ? หนูเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวเองนะคะคุณย่าไม่เคยพบเขา แต่คุณย่าอยากให้หนูแต่งงานกับเขาเพียงเพราะข้อมูลพวกนี้ นี่มันไม่ใช่แล้วนะคะคุณย่า”หลินซวงสับสนระคนไม่เข้าใจ เธอพบว่าเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกที่วันนี้คุณย่าของเธอดูไม่ปกติ แต่เธอไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ามันคื
หลินซวงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากที่คุณย่าของเธอวางสายไป จากนั้นเธอก็ได้สติ“คุณย่าเป็นอะไรไป? ทำไมต้องยืนกรานให้ฉันแต่งงานกับคนที่เคยเจอแค่ครั้งเดียวด้วยล่ะ?”หลังจากคิดทบทวนเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ เธอจึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิทเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้……พายุบนโลกอินเทอร์เน็ตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตาม วิกฤตของสตาร์รี่สกายได้รับการแก้ไขแล้ว และร้านค้าต่าง ๆ ก็ไม่ได้ถูกทุบทำลายอีก และยังคงเปิดให้บริการตามปกติโทรศัพท์ของเย่ซิวดังขึ้นหลิ่วอวี้เอ๋อร์เป็นผู้โทรมา“คุณเย่ ตอนนี้คุณยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ?”มีความเขินอายอยู่ในน้ำเสียงของหลิ่วอวี้เอ๋อร์หลังจากที่เธอเมาในวันนั้น เธอก็รู้สึกอับอายมากจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอจึงแอบออกจากวิลล่าของเย่ซิวไปในตอนเช้าตรู่เหตุผลหลักก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับเย่ซิวอีกครั้ง และเพื่อหลีกเลี่ยงความลำบากใจแต่ใครจะรู้ว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน เย่ซิวจะสร้างเรื่องใหญ่ขึ้น เธอจึงต้องโทรหาเย่ซิวอีกครั้งเธอรู้ดีว่าตอนนี้เป็นเวลาที่เย่ซิวต้องการเงินมากที่สุด และยังเป็นโอกาสดีสำหรับเธอที่จะได้ขยายผลงานของเธอต่อไ
ได้พบกับเย่ซิวอีกครั้ง แม้ว่าหลิ่วอวี้เอ๋อร์จะเตรียมตัวมาแล้วแต่เธอก็ยังรู้สึกอับอายมาก และไม่กล้าสบตาเขาเลยเย่ซิวไม่ได้พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้อีก แต่บอกให้เธอนั่งลงในเวลานี้ มีของมาส่งที่บ้าน“จะเที่ยงแล้ว ทานข้าวก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่าครับ”“อ่อ ได้ค่ะ” หลิ่วอวี้เอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นอาหารเต็มโต๊ะ เธอจึงถามว่า “เยอะมากเลยนะคะ มีใครจะมาอีกเหรอคะ?”“เปล่าครับ ผมสั่งมาให้เราเท่านั้น”ตอนนี้เซี่ยซิ่วซิ่วไม่ได้อยู่ในบริษัท แต่ยุ่งอยู่ข้างนอกเย่ซิวมอบหมายให้สองสาวจากกองกำลังหมาป่าราตรีปกป้องเธอโดยเฉพาะยิ่งกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเธอเองในตอนนี้ก็ไม่เลวเลย คนธรรมดาทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วหลิ่วอวี้เอ๋อร์กะพริบตาพลันหน้าแดงในทันใดความคิดหนึ่งของเธอก็ผุดขึ้นมาผู้ชายที่กินเก่งแต่ยังคงรักษารูปร่างได้ดีและแข็งแกร่งในทุกด้านเย่ซิวมองดูใบหน้าอันแดงระเรื่อเล็กน้อยของเธอ “ทำไมคุณถึงหน้าแดงล่ะ? ผมตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศสูงเกินไปเหรอครับ?"“เปล่า เปล่าค่ะ” หลิ่วอวี้เอ๋อร์ส่ายหัวและรีบก้มหน้าก้มตากินดูเหมือนว่าเมื่อได้พบกับเย่ซิวอีกครั้ง ฉากที่ไม่เหมาะสมบางฉากก
เสี่ยวลิ่วจื่อหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “พี่หวัง ผมคิดว่าพี่เป็นคนดีมีความสามารถมากนะ ผมก็เลยมีโอกาสที่พี่จะได้ทำเงินมหาศาลมาเสนอให้”“แกอยากพูดอะไรกันแน่?!”“สินค้าชุดนี้ต้องถูกส่งไปยังเจียงเฉิงใช่ไหมล่ะ? จากที่นี่ต้องใช้เวลาประมาณสองวันก็จะถึงเจียงเฉิงพี่หวัง ถ้าพี่ชะลอเรื่องขนส่งไปได้หนึ่งวันก็จะได้หนึ่งล้านบาท สองวันก็สองล้านเลยนะ”“แกเป็นคนของบริษัทอื่นใช่ไหม!” พี่หวังโต้ตอบทันทีเสี่ยวลิ่วจื่อก็ไม่ได้ปฏิเสธ “ผมก็แค่คนทำงานพาร์ทไทม์ ถ้าพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะทำเงินได้มากขนาดนี้ไปคงเสียดายแย่”“เป็นไปไม่ได้หรอก หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง แล้วแกก็จะตกงาน หรืออาจถึงขึ้นถูกฟ้องร้องด้วยซ้ำ”พี่หวังส่ายหัวและปฏิเสธ รู้สึกว่านี่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยวลิ่วจื่อกล่าวต่อ “พี่หวัง ลูกสองคนของพี่จะเข้าโรงเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ ภรรยาของพี่ก็สุขภาพไม่ค่อยดีนี่ แล้วพี่ก็ยังเช่าบ้านอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”“อีกสองสามปี เด็ก ๆ ก็ต้องไปโรงเรียนแล้ว พวกเขาคงไปเรียนไม่ได้ถ้าไม่มีบ้านล่ะนะ”“ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกเพียบ ด้วยเงินเดือนของพี่เท่านี้คงจ่ายไม่ไหวแน่”“ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนจับได้หรอก พอถึงเวลานั้น พ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เย่ซิวถามเฉินหลานมีสีหน้าเคร่งเครียด “คนตระกูลฮอร์ตันจากประเทศจ้านมาที่นี่ค่ะ พวกเขาบอกว่าจะซื้อสำนักโอสถของพวกเราทั้งหมด”ดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย “ตระกูลฮอร์ตัน…”เฉินหลานเอ่ยต่อ “ประเทศจ้านเป็นหนึ่งในหกประเทศมหาอำนาจของโลก ส่วนตระกูลฮอร์ตันเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในประเทศนั้นพวกเขาควบคุมกำลังทหารหนึ่งในสามของทั้งประเทศและยังมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ไม่มีใครกล้าประมาทพวกเขา”เย่ซิวรู้จักทั้งประเทศจ้านและตระกูลฮอร์ตันดีเพียงแค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นประเทศที่นิยมการทำสงครามประชากรทั้งแคว้นมีมากกว่าสี่ร้อยล้านคนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมตลอดปี ส่งผลให้ประชากรมีนิสัยห้าวหาญและมีร่างกายที่แข็งแรงวิธีการทำงานของพวกเขามักใช้ความเด็ดขาดและบีบบังคับพวกเขาแทบไม่เคยเกรงกลัวใครนอกจากประเทศจ้านฉงตี้และประเทศจ้านอิงตี้ที่พอจะทำให้พวกเขาเกรงใจบ้างก็มีเพียงแค่ประเทศหลงเถิงที่มีศักยภาพจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับสามในอนาคตสีหน้าหวังซวงเต็มไปด้วยความกังวล “เรื่องนี้จัดการยากมาก หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาพวกเราอาจต้องพบกับหายนะครั้ง
สองวันต่อมา พลังวิญญาณในห้องลับก็ถูกเย่ซิวดูดซับไปเกือบหมดแล้วเขาหยิบหินวิญญาณที่ไร้พลังแล้วกว่าสิบก้อนออกมาจากแหวนผนึกของก่อนจะนำหินวิญญาณพวกนั้นวางไว้บนพื้น รอให้เวลาผ่านไปจนพลังวิญญาณในห้องนี้ไหลกลับมาอีกครั้ง หินเหล่านี้ก็จะฟื้นฟูได้ใหม่เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝน เย่ซิวจึงเดินออกไปด้านนอกเขาเดินมายังสถานที่ทำงานของหวังซวงก่อนจะเห็นเธอกำลังจัดการกับสารพัดเรื่องอยู่ เมื่อรู้สึกได้ว่าเย่ซิวมาแล้วก็รีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ “ท่านอาจารย์ออกจากการปิดด่านแล้วเหรอคะ”เย่ซิวพยักหน้าแล้วมองเธออย่างพินิจวันนี้เธอสวมกระโปรงรัดรูปแนบเนื้อมีถุงน่องสีดำคลุมขาไว้ ผมถูกรวบเกล้าเรียบร้อย บนใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถันดูแล้วเป็นสาวมั่นเต็มตัวช่วงที่ไม่เจอกันดูเหมือนจุดเด่นของเธอจะเพิ่มขึ้นอีก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรสวรรค์โดยกำเนิดหรือมีเหตุผลอื่นอะไรอีกเย่ซิวนั่งลงที่มุมหนึ่งก่อนจะเอ่ยกับหวังซวง “พวกคนที่ฉันพามาด้วยจัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”หวังซวงพยักหน้าพร้อมกับเดินมาเทน้ำให้เย่ซิวคอเสื้อของเธอค่อนข้างหลวม จึงทำให้พอเธอเอนตัวรินน้ำลงแก้ว…“ฉันจัดการให้เฉินน่าไปที่ห้องทด
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย่ซิวมักจะใช้เวลาว่างในการหลอมยาที่ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และจะบดมันละลายในน้ำให้พวกเขาดื่มทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ของพวกเขาหายไป และร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างมากด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเย่ซิวเป็นอย่างมากเมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีหลายคนที่เสนออยากให้เย่ซิวอยู่ที่นี่และเป็นผู้นำพวกเขาต่อไปเมื่อหวังซวงได้รับข่าวนี้ก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นอาจารย์ของตน แค่ไปที่นั่นครั้งเดียวกลับมาก็ได้มาทั้งประเทศมาครองเลย ยังจะมีใครสู้ได้อีก?!หลังจากหวังซวงส่งคนเข้ามาควบคุมประเทศสุ่ยจือ เย่ซิวก็จากไปการพัฒนาที่นี่ปล่อยให้ถังอวิ้นเป็นคนจัดการต่อเชื่อว่าด้วยความสามารถของเธอ จะไม่ทำให้เย่ซิวต้องผิดหวังเมื่อเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นสายตาของทุกคนที่มองมาที่เขาเต็มไปด้วยความเคารพอย่างลึกซึ้งโดยเฉพาะบรรดาสตรีที่เต็มไปด้วยความหลงใหลหากมีโอกาส เชื่อว่าพวกเธอคงจะโถมตัวเข้าหาเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอนหลังจากกล่าวทักทายตามมารยาท เย่ซิวก็กลับไปยังห้องลับเสี่ยวปิงตามเขาไปเช่นกัน และนอนขดตัวอยู่ที่มุมห้องเย
อากาศเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น จากนั้นก็เกิดรอยแยก มีดอกบัวทองคำขนาดเท่าฝ่ามือลอยออกมาจากข้างในนั้นดอกบัวทองคำนี้ดูเหมือนจะประกอบขึ้นจากอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนมันงดงามตระการตา และยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสูงส่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ดอกบัวทองคำหมุนวนอย่างต่อเนื่อง แล้วค่อย ๆ ร่วงลงมา แทรกซึมเข้าสู่หน้าผากของเย่ซิวแม้มันจะเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า แต่เย่ซิวกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะขัดขืนจากนั้นภายในจิตใจของเย่ซิวพลันก็ปรากฏพลังเทพอันทรงพลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างใช่แล้ว มันก็คือพลังเทพตามบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่า มีเพียงผู้ที่ก้าวข้ามตัวตนระดับเซียนแห่งโลกมนุษย์ไปแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถบำเพ็ญตนจนมีพลังเทพได้พลังเทพเป็นสิ่งที่ทรงพลังยิ่งกว่าคาถาอาคมทั่วไป อีกทั้งยังหายากยิ่งกว่าสามารถแบ่งออกเป็นพลังเทพโดยกำเนิดและพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มาพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มาสามารถได้รับผ่านการบำเพ็ญตนส่วนพลังเทพโดยกำเนิดนั้นแตกต่างออกไปนอกจากจะมีอานุภาพแข็งแกร่งกว่ามากแล้ว มันยังมีความเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวกล่าวคือจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถครอบครองมันได้และในเวลานี้เอง
สองคือของแบบนี้มันขัดต่อฟ้าดิน ผู้ที่หลอมสร้างมันส่วนใหญ่มักอายุสั้นแต่หากเป็นการแย่งชิงของที่คนอื่นหลอมสร้างไว้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากนักเย่ซิวแค่นหัวเราะอยู่ในใจจอมมารโลหิตนี่แสดงละครได้ดีจริง ๆแสร้งทำเป็นเผลอพูดออกมาโดยไม่ตั้งใจแต่ที่จริงแล้วมันต้องการชี้นำให้เย่ซิวใช้พลังทั้งหมดไปกับการเพาะเลี้ยงไข่ของสัตว์อสูรเหล่านี้เช่นนี้แล้วพลังของเย่ซิวก็จะหยุดนิ่ง ไม่สามารถพัฒนาไปได้ หรือหากจมอยู่กับมันมากเกินไป พลังอาจจะถดถอยลงอีกด้วยตอนนี้เย่ซิวได้ฟื้นคืนพลังกลับมาอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นสมบูรณ์แล้ว หากเย่ซิวอ่อนแอลงไปมาก เมื่อถึงเวลานั้นจอมมารโลหิตก็จะสามารถสังหารเย่ซิวได้ขณะนี้จอมมารโลหิตยังคงคิดว่าเย่ซิวที่เพิ่งกลืนกินโลหิตจำนวนมากเข้าไป จะถูกความกระหายเลือดเข้าครอบงำจนทำให้ตัดสินใจเรื่องสำคัญ ๆ ผิดพลาด“โอเค เข้าใจแล้ว แกกลับไปได้แล้ว” พูบจบเย่ซิวก็เก็บจอมมารโลหิตกลับไปส่วนไข่ของสัตว์อสูรสิบฟองที่อยู่ตรงหน้า เย่ซิวเก็บมันแยกไว้ต่างหากเขายังไม่คิดที่จะใช้พลังเพิ่มเติมเร่งฟักไข่เหล่านี้เป็นการชั่วคราวเพราะแบบนี้จะเป็นการเสียพลังงานของเย่ซิวไปเปล่า ๆเป้าหมายของ
เมื่อเปิดผ้าคลุมสีดำของชายผู้นี้ออกมา ปรากฏว่าข้างในเป็นคนแคระคนหนึ่งใบหน้าของเขาอัปลักษณ์ ผิวหนังเหี่ยวย่นราวกับคนแก่ขณะนี้เขากำลังมองเย่ซิวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น"แกเป็นใคร? ทำไมถึงต้องโจมตีสำนักโอสถของฉัน ดูเหมือนเราจะไม่เคยมีความแค้นอะไรต่อกันนี่""จะฆ่าหรือจะทรมานก็รีบทำเสีย อย่าพูดอะไรให้มาก"ฝ่ายตรงข้ามแสดงท่าทีไม่เกรงกลัวต่อความตาย และไม่ให้ความร่วมมือใด ๆเย่ซิวก็ไม่ได้แสดงความปรานี เขาปล่อยจอมมารโลหิตออกมาโดยตรงแล้วพูดว่า "หาทางทำให้เขาเปิดปากพูดให้ได้ ฉันต้องการรู้ทุกความลับของเขา""ได้เลย นายท่านโปรดวางใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น" จอมมารโลหิตหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในสมองของคนแคระคนนั้นทันทีทันใดนั้นร่างของคนแคระก็เริ่มดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเย่ซิวใช้โอกาสนี้สังเกตบริเวณโดยรอบที่นี่เป็นอาณาเขตของประเทศสุ่ยจือแล้วตามชื่อของมัน ประเทศนี้มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหนองน้ำ ทะเลสาบ และแม่น้ำโดยปกติแล้ว ประเทศที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์แบบนี้ไม่น่าจะยากจนได้แต่ประเทศสุ่ยจือกลับตรงกันข้าม มันเป็นประเทศที่แร้
หยางถิงถิงกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในใจก็คิดว่าไม่เสียแรงที่ฉันเป็นแฟนคลับของเขา ช่างร้ายกาจจริง ๆเธอลืมไปสนิทว่าครั้งหนึ่งเธอเคยด่าเย่ซิวไว้เพียงใดโลหิตจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างของเย่ซิวผ่านการเปลี่ยนแปลงด้วยเคล็ดวิชาและการสกัดกลั่นของจินตานห้าสี จนกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นขนาดของจินตานห้าสีขยายขึ้นเรื่อย ๆในขณะเดียวกันเย่ซิวก็ขมวดคิ้วแน่นโลหิตเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังงานที่ปั่นป่วน บ้าคลั่ง และไม่เสถียรมีเพียงเขาที่รับมือไหว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่ดูดกลืนโลหิตเช่นนี้ คงกลายเป็นคนบ้าหรือไม่ก็ร่างกายระเบิดตายไปแล้วไม่นานเย่ซิวก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสัตว์ร้ายเหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นมาโดยธรรมชาติแต่เหมือนถูกเร่งให้โตอย่างผิดปกติเขาจับหมาป่าตัวหนึ่งและใช้พลังจิตสำรวจเข้าไปพบว่ากระดูกและโครงสร้างเนื้อเยื่อภายในผิดปกติอย่างมากมันเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกเป่าลมจนพองโต ดูใหญ่ก็จริง แต่เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็อาจจะแตกได้แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฝูงสัตว์ร้ายที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้จำเป็นต้องถูกกำจัดทิ้งก่อน!เย่ซิวไล่กวาดล้างสัตว์ร้ายไปตลอดทาง จากมุมมองภายนอก ร่
ฉับ! ฉับ! ฉับ!เหล่าสัตว์ร้ายถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง นักรบแนวหน้าส่วนใหญ่ต่างเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นแรงไม่เพียงแค่ยอดฝีมือทั้งหมดของสำนักโอสถที่ถูกระดมมาสู้ แม้แต่หนานกงอวี่ก็ได้นำกลุ่มยอดฝีมือมาสมทบด้วยการต่อสู้นี้เรียกได้ว่านองเลือดและโหดร้ายอย่างถึงที่สุดทั่วบริเวณกว่าร้อยลี้มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วอากาศขณะนี้ทุกคนต่างหมดเรี่ยวแรง เมื่อเห็นฝูงสัตว์ร้ายที่ยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง"วันนี้ฉันจะต้องตายที่นี่จริง ๆ เหรอ?" เฉินหลานพึมพำกับตัวเองด้วยความสิ้นหวังหวังซวงเองก็ไม่ต่างกัน เธอทรุดลงกับพื้นหมดสิ้นเรี่ยวแรงไม่เพียงแค่พวกเธอ หนานกงอวี่ กระทิงคลั่ง ร่างแยกทองคำ เสี่ยวปิง อวิ๋นเหยา ก็ล้วนแล้วแต่มาถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้วในช่วงสองวันสองคืนที่ผ่านมา พวกเขาสังหารสัตว์ร้ายไปไม่น้อยกว่าห้าแสนตัว อาวุธทุกชนิดแทบถูกจะใช้หมดสิ้นแล้ว"โฮก โฮก โฮก!!"เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังสนั่นเป็นคลื่นกระแทกเข้ามาสีหน้าของทุกคนซีดเผือด บางคนยิ้มเยาะให้กับโชคชะตาของตน หลับตาลงและเตรียมใจรับความตายทั้งร่างกายและจิตใจของทุกคนมาถึงขีดสุด
สัตว์นานาชนิดพุ่งกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ และพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งภาพเหตุการณ์นี้เพียงพอที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ขาสั่นด้วยความหวาดกลัวนักรบของสำนักโอสถต่างถืออาวุธ กราดยิงอย่างบ้าคลั่งลูกธนูพุ่งออกไปอย่างหนาแน่นปกคลุมท้องฟ้าเหล่าสัตว์ป่าที่วิ่งนำหน้าล้มลงเป็นแถว ๆ แต่ก็ไม่สามารถหยุดฝูงที่อยู่ข้างหลังได้เลยตรงกันข้าม เลือดที่ไหลนองกลับยิ่งกระตุ้นให้พวกมันคลุ้มคลั่งมากขึ้นไปอีกแม้ว่าจะมีหน่วยสนับสนุนมาถึงเป็นระยะ ๆ แต่เมื่อเทียบกับสัตว์ป่าที่เต็มภูเขาและดูไม่มีที่สิ้นสุด กำลังเสริมก็ดูเล็กน้อยเกินไปการต่อสู้นี้ดำเนินต่อเนื่องตั้งแต่กลางวันจนถึงค่ำคืนแม้ว่าร่างแยกทองคำจะนำเสี่ยวไป๋ เฉินหลาน กระทิงคลั่ง และคนอื่น ๆ มาร่วมต่อสู้ สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นมากนักแนวป้องกันถูกบีบให้ถอยร่นไปเรื่อย ๆ และตอนนี้ใกล้จะถึงจุดอันตรายแล้ว"เราถอยไม่ได้อีกแล้ว" เฉินหลานปลดปล่อยพลังวิเศษ สังหารหมาป่าที่กระโจนเข้ามา จากนั้นก็หอบหายใจหนัก"หากถอยไปอีกสามสิบลี้จะถึงตัวเมือง เราปล่อยให้พวกมันบุกเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นเมืองทั้งเมืองจะต้องราบเป็นหน้ากลองภายในพริบ