เย่ซิวยัดเงินใส่ในมือให้กับแม่เล้าอย่างไม่ใส่ใจ “รีบไปพาสาว ๆ มาให้ฉัน ทุกคนจะได้ทิปไม่อั้น”แม่เล้าพลันยิ้มกว้างและรีบพาเย่ซิวขึ้นไปห้องส่วนตัวสุดหรูหราที่ชั้นสาม “รอสักครู่นะคะคุณผู้ชาย เดี๋ยวดิฉันจะไปพาสาว ๆ มาตอนนี้เลยค่ะ”แม่เล้าเดินออกไปอย่างแช่มชื่นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเปิดแล้วเธอก็เดินเข้าไปพร้อมกับสาว ๆ หลายสิบคนพวกเธอสวมกระโปรงสั้นจู๋ เผยให้เห็นเรียวขายาว รูปร่างหน้าตาของพวกเธอนั้นค่อนข้างดีทีเดียว“เป็นยังไงบ้างคะคุณผู้ชาย?”เย่ซิวตรวจสอบและพูดว่า “ไม่เลว เรียกมาทั้งกลุ่มนั่นแหละ เร็ว ๆ แล้วรีบไปจัดการห้องซ้าย ขวา หน้า หลังให้หมด ฉันจะจ่ายเองฉันไม่ชอบให้มีคนอื่นมาอยู่ใกล้ ๆ ในเวลาที่ฉันกำลังสนุก เข้าใจใช่ไหม!”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”แม้เล้าฉายยิ้มแฉ่ง คืนนี้จะทำเงินได้เท่าไหร่กันนะ?มีผู้หญิงราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบกำลังคนรายล้อมเย่ซิว กลิ่นของน้ำหอมต่าง ๆ คละคลุ้งโชยเข้าจมูกของเขาเย่ซิวสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาหลายสิบขวดแล้วพูดกับสาว ๆ ว่า “ดื่มให้หมด หมดขวด แล้วฉันจะให้ขวดละหมื่น”ทันทีที่พูด
ชายที่มีใบหน้าอ้วนกลมขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “นี่มันไม่ใช่แล้ว เรียกเด็ก ๆ พวกนั้นออกมา แล้วเธอไปดูกับฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”แม่เล้าถึงกับผงะ “เป็นอะไรไป? จะให้เรียกเด็ก ๆ ออกมาทำไม ทุกอย่างเรียบร้อยดีอยู่แล้ว”“นี่เธอโง่เหรอ? คนธรรมดาที่ไหนทำแบบนั้นกันบ้าง? เขาคนเดียวจะเล่นจ้ำจี้กับทุกคนได้ยังไง?ยิ่งกว่านั้น เขายังสั่งไม่ให้ใครอยู่รอบ ๆ อีก มันชัดแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานยังไงเล่า!”เมื่อเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าของแม่เล้าก็เปลี่ยนไป พลันพูดด้วยน้ำเสียงดุเดือด “รีบไปดูเร็วเข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันจะฆ่าเขาแน่นอน!”ในไม่ช้า พวกลูกน้องราว ๆ ห้าสิบคนก็มารวมตัวกันและตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เย่ซิวอยู่ทันทีเพื่อความรอบคอบ แม่เล้าจึงเดินเข้าไปก่อนเธอมองจากตรงประตูเข้าไปข้างในและสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอจึงหันไปพูดกับชายหน้าอ้วนกลมว่า “เร็ว! รีบเข้าไปดู ดูเหมือนจะมีปัญหาแล้ว!”ปัง!ประตูถูกเปิดออกทันใด เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ชายคนนั้นก็โกรธมาก “ไอ้หนู แกมาจากแก๊งไหน? แกอยากตายใช่ไหม!”ชายหลายคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ
พี่หู่ระงับความโกรธพลางฝืนยิ้ม “พี่ใหญ่ล้อกันเล่นแล้วครับ ฉันเป็นพลเมืองดีปฏิบัติตามกฎหมาย รอบตัวฉันไม่มีเพื่อนทำชั่วแบบนั้นเลยครับ”แต่ประโยคหลังจากนั้นทำให้เขากลัวราวกับวิญญาณลอยหลุดจากร่างไปแล้ว“เมื่อกี้ผมได้ส่งบันทึกเสียงไปที่สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง(1) โอกาสเดียวของคุณจะเอาชีวิตรอดไปได้คือตอนนี้คุณต้องเปิดเผยไอ้พวกทุจริตปรสิตสังคมนั่นมาซะ”“ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถชดใช้ความผิดด้วยการทำความดีได้ ไม่อย่างนั้น คุณก็ไม่มีทางออกอื่นนอกจากความตาย”“อะไรนะ? สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง?!” ใบหน้าของพี่หู่เปลี่ยนไปอย่างกลับหน้าเป็นหลัง ขาทั้งสองข้างพลันอ่อนยวบและทรุดตัวลงกับพื้นนั่นคือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในหลงเถิงใครก็ตามที่เข้าสู่ขอบเขตของสํานักงาน ป.ป.ช และเมื่อข้อกล่าวหาได้รับการยืนยันแล้วจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์อันน่าสังเวชสลดใจเหลือทนเย่ซิวยังโรยเกลือบนบาดแผลเข้าไปอีก “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมยังรวบรวมหลักฐานอาชญากรรมอื่น ๆ ของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา และส่งให้พวกเขาไปแล้ว”“อย่างสิบแปดครัวเรือนที่ถูกบังคับให้รื้อถอนเมื่อหกปีก่อน และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนเมื่อสี่ปีที่แล้ว…”เย่
เขาหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะด้วยสีหน้ามืดมน “ลองตรวจสอบดู นี่เป็นหลักฐานทั้งหมดที่ฉันมี”เย่ซิวนั่งลงและเริ่มพลิกดูเอกสารเหล่านี้ทีละฉบับมีเอกสารอย่างน้อยหนึ่งพันฉบับ แต่เขาสามารถอ่านมันได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นจากนั้นเขาก็หยิบเอกสารออกมาหกฉบับและวางลงตรงหน้าพี่หู่“เรียกทั้งหกคนนี้มาหาผมหน่อย”เบื้องหลังคนทั้งหกคนนี้คือเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่หากพาพวกเขามาและรับหลักฐานจากมือของพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วก็จะสามารถหว่านแหเพื่อจับผู้สมรู้ร่วมคิดจากตระกูลขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมดในเจียงเฉิงได้ในคราวเดียวหลังจากคืนนี้ไป ในเจียงเฉิงจะเหลือธุรกิจที่แท้จริงเพียงสี่แห่งเท่านั้นหนึ่งคือกลุ่มสตาร์รี่กรุ๊ปของเขา กลุ่มธุรกิจของตระกูลเซี่ย กลุ่มธุรกิจของตระกูลลู่ และอุตสากหรรมของหูเม่ยเอ๋อร์หลังจากที่เย่ซิวรวมเข้ากับบริษัทเหล่านี้ก็จะกลายเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิงทันทีความเร็วของความก้าวหน้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมได้พี่หู่ไม่กล้าที่จะละเลยเรื่องนี้ เมื่อหาข้ออ้างที่จะเชิญพวกเขามาที่บ้านได้แล้วจึงโทรหาทั้งหกคนทันทีในทางกลับกัน เย่ซิวได้ถ่ายรูปเอก
"ตามสถิติ สินทรัพย์รวมของธุรกิจตระกูลทั้งสิบแปดแห่งมีมูลค่าเกือบแปดแสนล้านบาท โดยมีเงินสดมากกว่าสองแสนเก้าหมื่นล้านบาท!"เซี่ยซิ่วซิ่วตื่นเต้นมากจนแทบจะตะโกนออกมาการที่เย่ซิวร่ำรวยทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการที่เธอกลายเป็นคนร่ำรวยเองเสียอีกเมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วเย่ซิวดูสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้รับเงินแปดแสนล้านบาท แต่เป็นแปดสิบบาท“ทำไมนายไม่ตื่นเต้นเลยล่ะ?” เซี่ยซิ่วซิ่วถามอย่างสงสัยเย่ซิวทำตัวสงบเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคนหนุ่มสาวเป็นเลยเย่ซิวยิ้ม “ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น ถ้าวันหนึ่งทรัพย์สินของผมสูงถึงหลายล้านล้านบาท ถึงเวลานั้นก็ยังไม่สายที่จะตื่นเต้น”เซี่ยซิ่วซิ่วชื่นชมความคิดของเย่ซิวอย่างมากนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอชอบเย่ซิวเย่ซิวสั่งอาหารให้พวกเขา จากนั้นจึงขับรถไปรับหลิ่วเมิ่งอิ๋นเนื่องจากเมื่อคืนยุ่งมากจนไม่สามารถไปรับเธอได้ ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องไปรับเธอแต่เช้าเมื่อมาถึงทางเข้าอาคารเก่า ๆ ในเขตที่อยู่อาศัยเย่ซิวเห็นร่างเพรียวบางสวยสง่าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นยืนรออยู่ตรงนั้นมีผู้ชายมากมายหลายคน มีทั้งคนที่แอบมอง ทั้งคนที่จ้องเธออย
“เอาล่ะ ลงไปได้แล้ว ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ ฉันไม่ไปกับเธอนะ”หลิ่วเมิ่งอิ๋นลงจากรถและโบกมือลาเย่ซิวอย่างไม่เต็มใจเย่ซิวกลับมาที่บริษัท และพนักงานก็ได้จัดการทุกอย่างที่ต้องจัดเรียงเรียบร้อยแล้วเย่ซิวเรียกพวกเขามาประชุมสิ่งแรกที่ประกาศในที่ประชุมคือ คลับเหล่านั้นจะต้องได้รับการปรับปรุง และจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอนาจารอีกในอนาคตเย่ซิวสนับสนุนเงินให้ผู้หญิงเหล่านั้นคนละห้าแสนบาทคลับทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนเป็นสถานที่ซึ่งให้บริการเฉพาะด้านสปาเท้าและนวดเท่านั้นหากพวกเธอเต็มใจที่จะอยู่ต่อ ทุกคนจะต้องได้รับการฝึกอบรมที่ได้มาตรฐาน และพวกเธอจะได้รับประกันสังคมและกองทุนสวัสดิการ เพื่อให้พวกเธอได้มีอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายนอกจากนี้ สำหรับ KTV บาร์ และสถานที่ที่คล้ายกัน สิ่งที่ผิดกฎหมายและอาญาทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเชิงบวกในปัจจุบัน บันทึกบัญชีของบริษัทแสดงยอดรวมกว่าสามแสนล้านเย่ซิวถอนออกมาสองแสนล้านไปรวมกับอีกหนึ่งแสนล้านในบัญชีของเขา รวมเป็นสามแสนล้านก่อนอื่นจะต้องอุดรอยรั่วนี้ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งแสนล้านจะนำไปใช้ในการพัฒนาบริษัทเซี่ยซิ่วซิ่วกำลั
“สุดหล่อ แวะมาดื่มด้วยกันไหม?”เย่ซิวอยากจะปฏิเสธแต่หูเม่ยเอ๋อร์ก็ส่งข้อความที่สองมาเสียก่อน“มีข้อตกลงทางธุรกิจใหญ่ที่ฉันต้องการร่วมมือกับคุณ”เย่ซิวคิดอยู่พักหนึ่งแล้วส่งข้อความไปขอที่อยู่ของเธอไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งที่อยู่ซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลมาก ซึ่งอยู่เลยชานเมืองออกไปอีกสาวสวยชวนไปสถานที่ห่างไกลขนาดนี้ ทำให้คนคนหนึ่งจินตนาการเลยเถิดโลดแล่นไปแล้ว เมื่อเย่ซิวขับรถมาถึง ก็เห็นหูเม่ยเอ๋อร์ยืนอยู่บนทุ่งหญ้าวันนี้เธอสวมชุดรัดรูป ท่อนร่างสวมกางเกงยีนท่อนบนสวมชุดลายดอกไม้ที่ดูค่อนข้างย้อนยุคแต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเธอกลับมีเสน่ห์เหลือล้นเธอที่อยู่บนพื้นหญ้านั้นเปรียบเสมือนราชินีแห่งดอกไม้ทั้งปวงที่เปล่งประกายเจิดจ้าแพรวพราว จนผู้คนที่พบเห็นมิอาจละสายตาไปจากเธอได้เมื่อเห็นเย่ซิวเข้ามาใกล้ เธอก็เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “เย่ซิว น้องชาย ตอนนี้คุณเป็นเศรษฐีแล้วนะ”เธอเดินไปหาเย่ซิ่ว และเนื่องจากรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเธอ การเคลื่อนไหวส่วนบนของเธอจึงเป็นลูกคลื่นขึ้นลงจนน่าสะดุดตาอย่างยิ่งแม้แต่เย่ซิวก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองอยู่หลายครั้ง ‘นี่มันนางฟ้านางสวรรค์ชัด ๆ’ตอนนี
“การพัฒนาทั้งในด้านอุตสาหกรรมและการเงินนั้นดีมาก ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า ภายในสองถึงสามปีข้างหน้าซีเฉิงอาจจะกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่ง”“ข้อบกพร่องประการหนึ่งในปัจจุบันของซีเฉิงคือ วัตถุดิบทางอุตสาหกรรมและสิ่งจำเป็นด้านที่อยู่อาศัยต่าง ๆ จำเป็นต้องขนส่งจากที่อื่น ซึ่งใช้เวลานานและลำบาก”“หากสามารถเปิดการขนส่งระหว่างเจียงเฉิงและซีเฉิงได้ ก็จะสามารถส่งเสบียงต่าง ๆ จากเจียงเฉิงไปยังซีเฉิงได้”เมื่อถึงเวลา ซีเฉิงจะกลายเป็นเมืองระดับหนึ่ง และเจียงเฉิงก็จะได้รับประโยชน์เป็นการตอบแทนเช่นกัน และจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว”เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ หัวใจของเย่ซิวก็เต้นตุบ ๆ เขามองไปที่ใบหน้าด้านข้างอันงดงามของหูเม่ยเอ๋อร์ “คุณหมายความว่า เจียงเฉิงและซีเฉิงจะเชื่อมต่อกันด้วยรถไฟความเร็วสูง และจะมีการสร้างทางหลวงพิเศษด้วยใช่ไหม?”ปัจจุบันไม่มีทางหลวงพิเศษระหว่างเจียงเฉิงและซีเฉิง มีเพียงถนนในชนบทที่สามารถรองรับจักรยานเท่านั้นหากมีการเปิดใช้รถไฟความเร็วสูงและทางหลวงพิเศษเชื่อมต่อกัน หากเป็นเช่นนั้น มูลค่าที่อยู่อาศัยในเจียงเฉิงจะต้องพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอนนอกจากนี้ ยังมีสินค้าทางการเกษตร อาหารท
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับนั่งลงและเริ่มชงชาท่วงท่าของเธอลื่นไหลราวสายน้ำ ทำได้อย่างรวดเร็วเพียงครู่เดียว ถ้วยชาก็ถูกวางลงตรงหน้าเย่ซิว "ดื่มชาก่อน แล้วค่อยคุยกัน"เย่ซิวไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากหญิงสาวคนนี้ จึงระงับความสงสัยในใจชั่วคราวและนั่งลงกลิ่นหอมของชาไป๋หลิงที่ลอยออกมาไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ แม้แต่เขาที่อยู่ในระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็ยังรู้สึกเคลิบเคลิ้มเย่ซิวไม่กังวลว่าชานี้จะมีปัญหาภายในระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีสัตว์วิญญาณกิเลนและกระบี่หายนะคอยปกป้องอยู่ต่อให้มีพิษ ก็จะถูกขจัดออกไป ดังนั้นเขาจึงดื่มลงไปในรวดเดียวทันใดนั้นระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขาพลันก็เปล่งประกายแสงห้าสีสว่างจ้าพลังของมันแน่นหนาขึ้น และยังขยายตัวขึ้นกว่าเดิมดวงตาของเย่ซิวเป็นประกาย ด้วยความรู้สึกที่ชัดเจนว่าระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยปีถ้าได้ดื่มแบบนี้อีกสักห้าสิบครั้ง เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางได้แล้วใช่แล้ว ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น ทรัพยากรที่ต้องใช้ในการทะลวงผ่านไปยังระดับถัดไปก็จะยิ่งมหาศาลขึ้นหลังจากดื่มชาเสร็จ เย่ซิวจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า "ตอนน
เมดูซ่ายืนอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นขุนเขาสูงใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามไปได้ทำให้ใจของทุกคนในสำนักโอสถรู้สึกหนักอึ้งผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ขยับแม้แต่ก้าวเดียว แค่ใช้สายตาก็สามารถเอาชนะทุกคนได้หมดแล้วณ ประเทศจ้านอิงตี้จักรพรรดิอินทรีครามเมื่อเห็นฉากนี้ ก็หัวเราะออกมาอย่างสะใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า! สมกับเป็นเมดูซ่าในตำนาน แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ! ต่อให้เย่ซิวมาเองก็ต้องตาย!”เขาเริ่มจินตนาการถึงวันที่ตัวเองจะสามารถรวมโลกให้เป็นหนึ่ง และเหยียบทุกคนไว้ใต้ฝ่าเท้า“ฉันจะเป็นคู่มือให้เธอเอง”เย่หลิงที่กอดกระบี่ยาวไว้ในอ้อมแขนก้าวออกมาสองร่างแยกในเงามืด หนึ่งในนั้นก็เตรียมพร้อมจะลงมือเช่นกันพลังของเมดูซ่านั้นร้ายกาจอย่างแท้จริงอีกทั้งระดับพลังของเธอก็บรรลุถึงระดับจินตานขั้นสมบูรณ์ หากต้องการเอาชนะเธอ มีเพียงร่างแยกเท่านั้นที่สามารถลงมือได้แต่ในขณะนั้นเอง สองร่างแยกกลับเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้นก็พุ่งตรงไปยังห้องลับร่างหลักตกอยู่ในอันตราย!เมดูซ่ามองไปที่เย่หลิง แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “พวกขยะพวกนั้นไม่มีค่าอะไ
“ดีมาก” เมดูซ่าจ้องมองเย่หลิงด้วยสายตาราวกับมองเหยื่อ “ของอร่อยย่อมต้องเก็บไว้กินทีหลัง”เย่หลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกอยากลงมือ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นไว้เมดูซ่าหันไปมองลู่เสวี่ยเอ๋อร์อีกครั้ง “เย่ซิวล่ะ? ให้เขาไสหัวออกมารับความตายซะ”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ถ่อมตัวแต่ก็ไม่โอหัง “ถ้าแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องให้เขาออกมาเอง งั้นศักดิ์ศรีของเขาก็คงไร้ค่าเกินไปแล้ว”ความหมายโดยนัยก็คือพวกแกไม่คู่ควรให้เย่ซิวต้องออกมาสู้ด้วยเมดูซ่ามีสีหน้าเย็นชา “ดีมาก งั้นฉันจะจัดการพวกเธอก่อน มาดูกันว่าเขาจะยังเป็นเต่าหดหัวอยู่หรือเปล่าไม่ต้องมีพิธีรีตองมากมาย ทั้งสองฝ่ายส่งคนขึ้นไปประลองตัวต่อตัวใครแพ้ก็ลงมา จนกว่าจะไม่มีใครกล้าขึ้นไปอีก”ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เอ่ยถาม “แล้วเดิมพันคืออะไร?”“ชีวิตของพวกเธอไง”ทันทีที่คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนก็รู้สึกถึงไอสังหารเย็นยะเยือกที่พุ่งเข้าใส่แม้ว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์จะยังคงสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับลังเลนี่เป็นการเดิมพันที่ใหญ่เกินไปแต่ตอนนี้เธอไม่มีเวลาคิดอะไรมากแล้ว เธอกัดฟันตอบ “ตกลง พวกเรายอมเดิมพัน”ทั้งสองฝ่ายจัดขบวนเตรียมพร้อมประลองฝั่งสำนักโอสถส่งเฉินหลา
หลังจากลองวิธีต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล เย่ซิวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขายื่นมือขาวเนียนเล็ก ๆ ออกไปแตะที่ม่านพลัง ก่อนจะกระตุ้นวิชาแปรมังกรอย่างไม่ลังเลทันใดนั้น พลังอันมหาศาลก็ไหลทะลักเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเย่ซิวอย่างบ้าคลั่งทำให้ทั้งระดับวิญญาณก่อกำเนิดเข้าสู่สภาวะมังกรแปลงร่างของเขาเริ่มงอกเกล็ดมังกร หางมังกร และกรงเล็บมังกรออกมาหญิงสาวเผยแววตื่นตะลึงในดวงตา “วิชายุทธ์ช่างแข็งแกร่งนัก ถึงกับสามารถกลืนพลังของค่ายกลนี้ได้”เธอไม่ปล่อยให้เย่ซิวดูดกลืนพลังต่อไป เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ ค่ายกลต้องพังทลายแน่นอนเธอโบกมือครั้งหนึ่ง ค่ายกลจึงเปิดช่องออก “เข้ามาสิ”เย่ซิวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขากำลังสนุกกับการดูดกลืนพลังอยู่แท้ ๆแต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นศัตรูอย่างน้อยก็ในตอนนี้เย่ซิวย่อมไม่อาจทำตัวเหมือนโจรได้“ขอบคุณแม่นาง”เย่ซิวพุ่งเข้าไปข้างในหญิงสาวเดินนำหน้าไปอย่างสง่างาม เอวบางอ้อนแอ้นของเธอบิดไหวเล็กน้อย ดูแล้วชวนให้เพลินตาทันทีที่เย่ซิวก้าวเข้ามาข้างใน สีหน้าของเขาพลันก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึง......แม้ว่าเย่ซิวจะอยู่บนดวงจันทร์ได้ไม่นา
ยังมีม้าศึกเพลิงน้ำแข็ง อีกทั้งลู่เสวี่ยเอ๋อร์และพวกเธอล้วนมีระดับพลังอย่างน้อยอยู่ในช่วงสร้างพื้นฐานขั้นกลางบวกกับจักรกลมังกรดำ ทำให้พวกเขาเริ่มมีเค้าลางของมหาอำนาจสิ่งเดียวที่ขาดไปคืออุตสาหกรรมเศรษฐกิจระดับล่าง ซึ่งยังไม่สามารถยกระดับขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”“จริงสิ” เซี่ยซิ่วซิ่วพูดขึ้นอีกประโยค “ส่งคำเชิญไปให้ประเทศหลงเถิงด้วย ถ้ามีพวกเขาช่วย ประเทศจ้านอิงตี้ก็คงไม่กล้าเล่นตุกติก”เฉินหลานกับหวังซวงตาเป็นประกาย พวกเขาเกือบลืมไปเลยว่าประเทศหลงเถิงเป็นแบ็กอัพที่แข็งแกร่งไม่นาน ข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกดึงดูดสื่อมากมายนับไม่ถ้วนให้พากันรีบไปที่สำนักโอสถแม้แต่นักเดินทางเดียวดายบางคนก็เริ่มเตรียมตัวเดินทางไปเงียบ ๆนี่คือมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดคนที่มองการณ์ไกลล้วนมองออกว่าประเทศจ้านอิงตี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดีทั้งที่รู้ว่าเย่ซิวแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ยังกล้าเป็นฝ่ายริเริ่มเปิดการเจรจาแบบนี้ แสดงว่าพวกเขาต้องมีอะไรให้พึ่งพาทางด้านประเทศหลงเถิง หลังจากได้รับข่าวอัครมหาเสนาบดีกับผู้นำก็หารือกันว่าจะส่งใครไปเข้าร่วมนายกรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได
เส้นผมของหวังซวงยังคงเปียกชื้นเธอสวมชุดนอนผ้าไหมที่แนบสนิทไปกับร่างกาย เผยให้เห็นสัดส่วนอันเย้ายวนของเธอเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จเธอนั่งอยู่บนเตียง มือซ้ายถือรูปของเย่ซิว จ้องมองมันด้วยสายตาหลงใหล“อาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าฉันชอบอาจารย์อาจารย์ช่างหล่อเหลา พลังของท่านก็แข็งแกร่ง ร่างกายของอาจารย์ยังสมบูรณ์แบบ แข็งแกร่งมาก...อาจารย์รู้ไหม? ทุกค่ำคืนฉันมักจะฝันถึงอาจารย์ ในความฝันฉันได้...กับอาจารย์”เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาเย่ซิวไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะมีความคิดเช่นนี้กับตนเองเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไปตอนนี้ผู้หญิงรอบตัวเขามีมากพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องรับเข้ามาเพิ่มอีกคนเย่ซิวลอยขึ้นไปเหนือสำนักโอสถเขาเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้า พลันเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมา“บนดวงจันทร์มีอะไรอยู่กันแน่?”แม้ว่าในอดีตจะมีหลายประเทศที่ส่งยานอวกาศพร้อมมนุษย์ขึ้นไปสำรวจ และมีคนจริง ๆขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้วแต่ขอบเขตที่พวกเขาเดินทางไปได้นั้นยังมีจำกัดยังมีพื้นที่อันลี้ลับบนดวงจันทร์ที่ไม่เคยถูกค้นพบที่สำคัญ
ภายในห้องลับ เย่ซิวไม่อาจรับรู้ถึงการไหลผ่านของกาลเวลาได้เลยจิตวิญญาณทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการหลอมรวมระดับวิญญาณก่อกำเนิดด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งและการเตรียมพร้อมที่เพียงพอ การทะลวงระดับของเขาจึงราบรื่นไร้อุปสรรคในวันที่แปดของการปิดด่าน เขาสามารถควบแน่นระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้สำเร็จระดับวิญญาณก่อกำเนิดของเขามีห้าสีเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของมันยังใหญ่กว่าระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นต้นทั่วไปอยู่หนึ่งเท่าพลังวิญญาณเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอีกครั้งหากเปรียบพลังวิญญาณของเขาในอดีตเป็นเพียงตะปู ตอนนี้มันกลับกลายเป็นกระบี่ยาวเล่มหนึ่งแล้วการเพิ่มพูนของพลัง ส่งผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายโลหิตและกล้ามเนื้อของเย่ซิวเปล่งประกายราวกับอัญมณี ดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าดุจตะวันดวงน้อยเพียงแค่คิด ระดับวิญญาณก่อกำเนิดก็แยกออกจากร่าง ลอยขึ้นสำรวจโดยรอบความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนักระดับวิญญาณก่อกำเนิดคือผลรวมของจินตานและจิตวิญญาณที่หลอมรวมกันก่อนที่จะทะลวงระดับ หากจิตวิญญาณของเย่ซิวออกจากร่าง มันจะได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงแม้แต่พลังของเขาก็ไม่อาจยื้อเวลาให้อยู่นอกกาย
ยังคงเป็นที่ห้องทดลองชีวภาพหมายเลขเก้าในประเทศจ้านอิงตี้หลังจากที่ประเทศจ้านอิงตี้ทุ่มเททุกวิถีทางในการเพาะเลี้ยงมาตลอดช่วงเวลานี้นักรบยีนสิบคนกับสิ่งมีชีวิตโบราณก็ได้หลอมรวมจนถึงระดับแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่แรงกดดันที่แผ่ออกมาจากพวกเขา ก็ทำให้พื้นของห้องทดลองแทบจะรับไม่ไหว เกิดรอยร้าวมากมายเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่อยู่นอกห้องทดลองมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจแต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจู่ ๆ นักรบยีนทั้งสิบคนก็เข้าห้ำหั่นกันเอง เลือดสาดกระจายไปทั่ว ราวกับนรกบนดินนักวิทยาศาสตร์ภายนอกรีบฉีดสเปรย์สารควบคุมชนิดต่าง ๆ เข้าไป แต่กลับไม่มีผลใด ๆ“แย่แล้ว! รีบเข้าสู่สถานะเตือนภัยด่วน!”เหล่านักวิทยาศาสตร์ตกตะลึงสุดขีด รู้สึกว่าสถานการณ์เริ่มเกินกว่าการควบคุมตู้ม!ทันใดนั้น พลังงานบางอย่างปะทุขึ้น ทำให้ทั้งห้องทดลองสั่นสะเทือนราวกับจะพังทลายจากนั้น ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากข้างในเธอมีใบหน้าที่งดงามสะกดสายตา อีกทั้งรูปร่างยังเย้ายวนเกินต้านทานแต่สิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป ก็คือเส้นผมของเธอทั้งหมดกลับเป็นอส
ในขณะเดียวกัน เสียงของเย่ซิวก็ดังขึ้นข้างหูเขา "สถานที่แห่งนี้ ห้ามฟื้นฟูขึ้นใหม่ภายในหนึ่งร้อยปี มิเช่นนั้นประเทศจ้านฉงตี้จะต้องหายไปจากโลกใบนี้"นี่เป็นทั้งการดูแคลน และยังเป็นการเหยียดหยามอย่างถึงที่สุดให้พวกเขาต้องเผชิญกับความอัปยศนี้ทุกขณะในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีถือเป็นการโต้กลับอย่างแข็งแกร่งของเย่ซิว หลังจากประเทศจ้านฉงตี้พยายามเล่นงานเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจักรพรรดิหมีเหล็กกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ความอัปยศอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วร่างใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธแต่ในความโกรธแค้นนั้นกลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกหมดหนทางอย่างลึกล้ำเพียงชั่วพริบตาเดียวราวกับว่าเขาแก่ลงไปอีกหลายสิบปีเดิมทีเส้นผมของเขายังมีสีดำเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับขาวโพลนทั้งหมดผู้ช่วยที่อยู่ข้างกาย มองดูสภาพของเขาด้วยความสงสาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา "ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี? จะยิงจรวดออกไปอีกไหม?""ไม่ต้องแล้ว ไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก"จักรพรรดิหมีเหล็กส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยล้า สายตามองไปยังร่องรอยของกระบี่อันใหญ่โตเบื้องหน้า "ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่ฉันจะต้องหาผู้สืบทอดแล้ว"……ม