“ฉันก็มาเซอร์ไพรส์เธอไง ดีใจไหม? อะนี่ฉันให้เธอ”เย่ซิวหยิบตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งออกมา ระหว่างทางกลับมาเขาได้แวะซื้อมันที่ร้านตุ๊กตาแห่งหนึ่งเมื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นได้เห็นตุ๊กตาผ้า เธอก็ยิ้มแล้วรีบรับมันมาด้วยความดีใจ “ฉันชอบมันมาก ๆ เลย! ขอบคุณนะพี่เย่”เธอเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่ง แค่ตุ๊กตาผ้าที่ราคาไม่กี่บาทก็สามารถทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้ได้แน่นอน ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนให้ด้วยหากเป็นชายอื่น แม้จะมอบตึกทั้งหลังให้เธอก็ไม่ดีใจอยู่ดี“พี่เย่ อย่ามัวยืนอยู่ข้างนอกเลย รีบเข้ามาก่อนดีกว่า”เย่ซิวพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างใน เขาหันกลับมามองไปทางห้องรับแขกมีแม่ชีลัทธิเต๋าแต่งกายเรียบง่ายนั่งอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าเธอจะให้ความสนใจกับเขาแม่ชีลัทธิเต๋าจ้องมองไปยังเย่ซิว เธอพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรหลิ่วเมิ่งอิ๋นแนะนำให้เขาได้รู้จัก “พี่เย่ ท่านนี้คือนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้ง ท่านบอกฉันว่า ฉันมีคุณวุฒิสูงมากและอยากให้ฉันไปวัดลัทธิเต๋าเพื่อฝึกฝน”ดวงตาของเย่ซิวเป็นประกาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเขาไปที่ห้องนอนของพ่อของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเพื่อเยี่ยมเขาจากนั้นตรวจร่างกายให้กับเขาเล็ก
หลิ่วเมิ่งอิ๋นยกอาหารออกมาจนเต็มโต๊ะมีทั้งเนื้อและผัก ถึงแม้จะไม่ใช่ปลาหรือเนื้อตัวใหญ่แต่ก็ดูน่ารับประทานมากทั้งสี่คนรับประทานอาหารกันที่โต๊ะอาหารหลิ่วเมิ่งอิ๋นตักอาหารให้เย่ซิวอย่างต่อเนื่อง สายตาความรักที่มีต่อเขา แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกพ่อของเธอหัวเราะให้กับภาพนี้คนอย่างเย่ซิวเป็นทั้งคนดีมีความสามารถ หากใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกสาวของเขา ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นอีกแล้ว แต่ท่าทีของนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้งไม่ได้รู้สึกดีกับภาพที่เห็นหลังจากทานข้าวเสร็จ แม่ชีก็ขอตัวลาเมื่อเห็นเธอจากไป เย่ซิวก็ยืนขึ้นและเตรียมที่จะออกไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “พี่เพิ่งจะมาเอง จะรีบกลับไปไหน อยู่ให้นานกว่านี้หน่อยสิ”“ฉันยังมีธุระที่ต้องทำน่ะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะมารับเธอไปมหาลัยนะ”พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ เธอต้องไปเรียนอารมณ์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นดีขึ้นทันที “ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”เย่ซิวเดินจากไปพร้อมกับแม่ชีเมื่อเดินมาจนถึงข้างล่างแม่ชีก็เปิดบทสนทนาก่อน “นี่พ่อหนุ่ม ฉันจะพูดกับคุณอีกครั้งนะ รีบเลิกกับเธอซะ ทำแบบนี้มีแต่จะเป็นอันตรายต่อคุณกับเธอ”“แล้วอีกอย่าง ฉันจะให้เงินคุณเพิ่มจากห้าล
นั่นดูเป็นเหตุเป็นผลที่สุดแล้วเย่ซิวไม่มีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ เธออยากจะคิดอย่างไรก็ปล่อยให้เธอคิดไป “ตอนนี้คุณแพ้แล้ว เชิญคุณออกไปได้แล้ว ผมขออนุญาตไม่ส่งคุณออกไป”ในเวลานี้เขาตระหนักได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นเจออันตราย หลางอีและคนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บ แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บ นั่นคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ได้ช่วยเธอเอาไว้เพราะฉะนั้น แม้เธอจะปฏิเสธที่จะยอมแพ้แต่เย่ซิวก็จะไม่ทำร้ายเธอสีหน้าของนักบวชลัทธิเตาเปลี่ยนไปตอนนี้เธอสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งและกำลังภายในของเธอก็หมดลง เธออยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป“คุณไปเถอะ!” เย่ซิวเอามือไขว้หลัง รังสีอำมหิตเล็ดลอดออกมาจากภายในสู่ภายนอก“หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่ใช่คนที่คุณสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ คุณควรล้มเลิกความคิดนั้นซะ ถ้ายังมีครั้งต่อไป ผมจะไปทำลายสำนักของคุณด้วยตัวเอง”จิตใจของนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้งสั่นเทา เธอได้ยินคำพูดบาดใจของเย่ซิวเธอมองไปที่เย่ซิวอย่างลึกซึ้งก่อนจะหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรแต่เธอจะไม่ยอมปล่อยหลิ่วเมิ่งอิ๋นไปแน่นอน ‘ดูเหมือนว่าหลังจากท่านอาจารย์กลับมาแล้ว ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้กับท่าน หล
เย่ซิวยัดเงินใส่ในมือให้กับแม่เล้าอย่างไม่ใส่ใจ “รีบไปพาสาว ๆ มาให้ฉัน ทุกคนจะได้ทิปไม่อั้น”แม่เล้าพลันยิ้มกว้างและรีบพาเย่ซิวขึ้นไปห้องส่วนตัวสุดหรูหราที่ชั้นสาม “รอสักครู่นะคะคุณผู้ชาย เดี๋ยวดิฉันจะไปพาสาว ๆ มาตอนนี้เลยค่ะ”แม่เล้าเดินออกไปอย่างแช่มชื่นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเปิดแล้วเธอก็เดินเข้าไปพร้อมกับสาว ๆ หลายสิบคนพวกเธอสวมกระโปรงสั้นจู๋ เผยให้เห็นเรียวขายาว รูปร่างหน้าตาของพวกเธอนั้นค่อนข้างดีทีเดียว“เป็นยังไงบ้างคะคุณผู้ชาย?”เย่ซิวตรวจสอบและพูดว่า “ไม่เลว เรียกมาทั้งกลุ่มนั่นแหละ เร็ว ๆ แล้วรีบไปจัดการห้องซ้าย ขวา หน้า หลังให้หมด ฉันจะจ่ายเองฉันไม่ชอบให้มีคนอื่นมาอยู่ใกล้ ๆ ในเวลาที่ฉันกำลังสนุก เข้าใจใช่ไหม!”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”แม้เล้าฉายยิ้มแฉ่ง คืนนี้จะทำเงินได้เท่าไหร่กันนะ?มีผู้หญิงราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบกำลังคนรายล้อมเย่ซิว กลิ่นของน้ำหอมต่าง ๆ คละคลุ้งโชยเข้าจมูกของเขาเย่ซิวสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาหลายสิบขวดแล้วพูดกับสาว ๆ ว่า “ดื่มให้หมด หมดขวด แล้วฉันจะให้ขวดละหมื่น”ทันทีที่พูด
ชายที่มีใบหน้าอ้วนกลมขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “นี่มันไม่ใช่แล้ว เรียกเด็ก ๆ พวกนั้นออกมา แล้วเธอไปดูกับฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”แม่เล้าถึงกับผงะ “เป็นอะไรไป? จะให้เรียกเด็ก ๆ ออกมาทำไม ทุกอย่างเรียบร้อยดีอยู่แล้ว”“นี่เธอโง่เหรอ? คนธรรมดาที่ไหนทำแบบนั้นกันบ้าง? เขาคนเดียวจะเล่นจ้ำจี้กับทุกคนได้ยังไง?ยิ่งกว่านั้น เขายังสั่งไม่ให้ใครอยู่รอบ ๆ อีก มันชัดแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานยังไงเล่า!”เมื่อเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าของแม่เล้าก็เปลี่ยนไป พลันพูดด้วยน้ำเสียงดุเดือด “รีบไปดูเร็วเข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันจะฆ่าเขาแน่นอน!”ในไม่ช้า พวกลูกน้องราว ๆ ห้าสิบคนก็มารวมตัวกันและตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เย่ซิวอยู่ทันทีเพื่อความรอบคอบ แม่เล้าจึงเดินเข้าไปก่อนเธอมองจากตรงประตูเข้าไปข้างในและสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอจึงหันไปพูดกับชายหน้าอ้วนกลมว่า “เร็ว! รีบเข้าไปดู ดูเหมือนจะมีปัญหาแล้ว!”ปัง!ประตูถูกเปิดออกทันใด เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ชายคนนั้นก็โกรธมาก “ไอ้หนู แกมาจากแก๊งไหน? แกอยากตายใช่ไหม!”ชายหลายคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ
พี่หู่ระงับความโกรธพลางฝืนยิ้ม “พี่ใหญ่ล้อกันเล่นแล้วครับ ฉันเป็นพลเมืองดีปฏิบัติตามกฎหมาย รอบตัวฉันไม่มีเพื่อนทำชั่วแบบนั้นเลยครับ”แต่ประโยคหลังจากนั้นทำให้เขากลัวราวกับวิญญาณลอยหลุดจากร่างไปแล้ว“เมื่อกี้ผมได้ส่งบันทึกเสียงไปที่สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง(1) โอกาสเดียวของคุณจะเอาชีวิตรอดไปได้คือตอนนี้คุณต้องเปิดเผยไอ้พวกทุจริตปรสิตสังคมนั่นมาซะ”“ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถชดใช้ความผิดด้วยการทำความดีได้ ไม่อย่างนั้น คุณก็ไม่มีทางออกอื่นนอกจากความตาย”“อะไรนะ? สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง?!” ใบหน้าของพี่หู่เปลี่ยนไปอย่างกลับหน้าเป็นหลัง ขาทั้งสองข้างพลันอ่อนยวบและทรุดตัวลงกับพื้นนั่นคือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในหลงเถิงใครก็ตามที่เข้าสู่ขอบเขตของสํานักงาน ป.ป.ช และเมื่อข้อกล่าวหาได้รับการยืนยันแล้วจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์อันน่าสังเวชสลดใจเหลือทนเย่ซิวยังโรยเกลือบนบาดแผลเข้าไปอีก “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมยังรวบรวมหลักฐานอาชญากรรมอื่น ๆ ของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา และส่งให้พวกเขาไปแล้ว”“อย่างสิบแปดครัวเรือนที่ถูกบังคับให้รื้อถอนเมื่อหกปีก่อน และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนเมื่อสี่ปีที่แล้ว…”เย่
เขาหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะด้วยสีหน้ามืดมน “ลองตรวจสอบดู นี่เป็นหลักฐานทั้งหมดที่ฉันมี”เย่ซิวนั่งลงและเริ่มพลิกดูเอกสารเหล่านี้ทีละฉบับมีเอกสารอย่างน้อยหนึ่งพันฉบับ แต่เขาสามารถอ่านมันได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นจากนั้นเขาก็หยิบเอกสารออกมาหกฉบับและวางลงตรงหน้าพี่หู่“เรียกทั้งหกคนนี้มาหาผมหน่อย”เบื้องหลังคนทั้งหกคนนี้คือเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่หากพาพวกเขามาและรับหลักฐานจากมือของพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วก็จะสามารถหว่านแหเพื่อจับผู้สมรู้ร่วมคิดจากตระกูลขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมดในเจียงเฉิงได้ในคราวเดียวหลังจากคืนนี้ไป ในเจียงเฉิงจะเหลือธุรกิจที่แท้จริงเพียงสี่แห่งเท่านั้นหนึ่งคือกลุ่มสตาร์รี่กรุ๊ปของเขา กลุ่มธุรกิจของตระกูลเซี่ย กลุ่มธุรกิจของตระกูลลู่ และอุตสากหรรมของหูเม่ยเอ๋อร์หลังจากที่เย่ซิวรวมเข้ากับบริษัทเหล่านี้ก็จะกลายเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิงทันทีความเร็วของความก้าวหน้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมได้พี่หู่ไม่กล้าที่จะละเลยเรื่องนี้ เมื่อหาข้ออ้างที่จะเชิญพวกเขามาที่บ้านได้แล้วจึงโทรหาทั้งหกคนทันทีในทางกลับกัน เย่ซิวได้ถ่ายรูปเอก
"ตามสถิติ สินทรัพย์รวมของธุรกิจตระกูลทั้งสิบแปดแห่งมีมูลค่าเกือบแปดแสนล้านบาท โดยมีเงินสดมากกว่าสองแสนเก้าหมื่นล้านบาท!"เซี่ยซิ่วซิ่วตื่นเต้นมากจนแทบจะตะโกนออกมาการที่เย่ซิวร่ำรวยทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการที่เธอกลายเป็นคนร่ำรวยเองเสียอีกเมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วเย่ซิวดูสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้รับเงินแปดแสนล้านบาท แต่เป็นแปดสิบบาท“ทำไมนายไม่ตื่นเต้นเลยล่ะ?” เซี่ยซิ่วซิ่วถามอย่างสงสัยเย่ซิวทำตัวสงบเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคนหนุ่มสาวเป็นเลยเย่ซิวยิ้ม “ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น ถ้าวันหนึ่งทรัพย์สินของผมสูงถึงหลายล้านล้านบาท ถึงเวลานั้นก็ยังไม่สายที่จะตื่นเต้น”เซี่ยซิ่วซิ่วชื่นชมความคิดของเย่ซิวอย่างมากนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอชอบเย่ซิวเย่ซิวสั่งอาหารให้พวกเขา จากนั้นจึงขับรถไปรับหลิ่วเมิ่งอิ๋นเนื่องจากเมื่อคืนยุ่งมากจนไม่สามารถไปรับเธอได้ ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องไปรับเธอแต่เช้าเมื่อมาถึงทางเข้าอาคารเก่า ๆ ในเขตที่อยู่อาศัยเย่ซิวเห็นร่างเพรียวบางสวยสง่าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นยืนรออยู่ตรงนั้นมีผู้ชายมากมายหลายคน มีทั้งคนที่แอบมอง ทั้งคนที่จ้องเธออย
น่าหลันเยียนหรานหัวเราะคิกคัก "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดื่มเก่งมาก มา ดื่มกันต่อ..."โดยปกติแล้วคนที่ชอบพูดว่าตัวเองดื่มเก่ง ในความเป็นจริงล้วนไม่ค่อยจะเท่าไหร่ยกตัวอย่างเช่นน่าหลันเยียนหราน อวดว่าตัวเองเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ดื่มไปสามแก้วติดกัน ก็นอนฟุบหมดสติไปกับโต๊ะแล้วเย่ซิวส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เดินขึ้นไปแล้วอุ้มเธอกลับไปที่ห้องน่าหลันเยียนหรานดูตัวสูงเพรียว แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ตัวหนัก น่าจะสักประมาณสี่สิบห้ากิโลกรัม สำหรับเย่ซิวแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับการอุ้มก้อนสำลีมากนักเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของน่าหลันเยียนหราน กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกมะลิก็ลอยมาปะทะจมูก ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและเบิกบานเมื่อได้กลิ่นห้องพักสะอาดมาก ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเห็นแล้วต้องหน้าแดงเขาวางเธอลงเบา ๆ ไม่ทันรอให้เย่ซิวดึงมือกลับไป เธอก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นแล้วพูดอย่างคลุมเครือฟังไม่ค่อยชัดแต่เย่ซิวได้ยินมันอย่างชัดเจนมาก เขาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณแน่ใจเหรอ? ผมไม่สามารถให้สถานะแก่คุณได้"น่าหลันเยียนหรานค่อย ๆ หลับตาลง ท่าทางเหมือนยอมให้ท่านกระทำได้ทุกอย่างนี่เป็นการตัดสินใจเลือกของเธอเอง เย่ซิวไม่ได้บังค
“วิชาจินตานเบญจมหาธาตุวิถี!”เย่ซิวมองไปที่วิธีบ่มเพาะจินตานที่บันทึกไว้ในหนังสือในมือของเขาด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าการสร้างแก่นจินตาน สามารถมองได้ว่ามนุษย์กับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันโดยใช้กายมนุษย์เป็นเตาหลอม พละกำลัง ลมปราณ และพลังวิญญาณเป็นวัตถุดิบยา หลอมกลั่นมันออกมาตลอดทุกยุคสมัยล้วนมีบันทึกไว้แบบนี้ เมื่อจินตานหนึ่งเม็ดอยู่ในท้องข้า ก็ตระหนักได้แล้วว่าชะตากรรมข้ามิได้ถูกกำหนดโดยฟ้าดินอีกต่อไปและวิธีการสร้างตานในมือของเย่ซิว ก็คือหนึ่งในวิธีที่ยากที่สุดในบรรดาวิธีการต่าง ๆจำเป็นต้องรวบรวมสมบัติแห่งฟ้าดินทั้งห้าธาตุ แล้วกลั่นเป็นตานแห่งเบญจมหาธาตุวิถี!จินตานประเภทนี้จะมีพลังวิญญาณแฝงอยู่เป็นสิบเท่าของจินตานทั่วไป และความเร็วในการฟื้นตัวเองก็มากกว่าหลายเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ในระดับขั้นเดียวกัน ผู้บำเพ็ญตนที่มีตานแห่งวิถีห้าธาตุ จะสามารถเอาชนะขั้นอมตะทั่วไปได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีความสามารถในการต่อสู้แบบข้ามขั้นที่น่ากลัวด้วยแน่นอนว่า ศักยภาพเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน สามารถไปต่อได้ไกลเย่ซิวจดทุกอย่างที่กล่าวมาข้างต้น จากนั้นนำหนังสือกลับไปคืนที่เดิม ทิ้ง
ในตอนนั้นเอง กระบี่พยัคฆ์ก็รู้สึกได้ว่าจิตสังหารที่รายล้อมรอบตัวเขาได้จางหายไปแล้วเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “ผมกำลังขาดสุนัขที่รู้จักเห่าและกัดเจ็บอยู่ สนใจจะเป็นไหม?”เขามองออกว่ากระบี่พยัคฆ์เป็นคนที่หยิ่งทะนงและไม่ยอมใคร การใช้คำพูดที่สุภาพกับคนแบบนี้คงไม่มีประโยชน์ ต้องใช้พลังที่เหนือกว่าและความเด็ดขาดเท่านั้นถึงจะควบคุมได้และเป็นดังที่คาดไว้ กระบี่พยัคฆ์ที่เพิ่งโดนพลังของเย่ซิวข่มขวัญก็ยอมจำนนในทันที แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจ เขากลับยิ้มอย่างยินดี “ผมยินดีรับใช้ ขอบคุณที่คุณรับผมไว้ครับ!”ภาพนี้ทำเอานักพรตทั้งสองคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวเดินเข้าไปหานักพรตสาวที่หน้าตางดงามราวกับงานศิลปะ พลางเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “พอจะอนุญาตให้ผมเข้าไปดูหนังสือในห้องสมุดของพวกคุณได้ไหม?”นักพรตสาวกลับมาตั้งสติ ก่อนจะมองหน้านักพรตอีกคนนักพรตคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาพร้อมท่าทีที่นอบน้อมอย่างมาก “ดะ…ได้เลย…เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาได้เลย”ตอนนี้เขารู้สึกเกรงกลัวเย่ซิวเป็นอย่างยิ่งชายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากเขาโกรธขึ้นมา เกรงว่าทั้งอารามเต๋าอาจถูกทำลายจนไม่เหลือเย่ซิวหันไปมองกระบี่พยัคฆ์ “คุกเข่ารอฉันตรงนี
กระบี่พยัคฆ์มีท่าทีที่ดุดันและแข็งกร้าว แต่ก็สมกับพลังที่เขามีจริง ๆกระบี่ที่เขาฟาดออกไปมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่และทรงพลังดั่งมหาสมุทร ราวกับจะผ่าทั้งสวรรค์และปฐพีออกเป็นสองส่วนเด็กสาวที่วิ่งออกมาจากในอารามที่ดูงดงามราวกับตุ๊กตาได้แต่มองกระบี่นี้ด้วยความตกตะลึงเธออยากจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยพลังที่มีไม่พอจึงได้แต่เบือนหน้าหนี ไม่อยากเห็นภาพที่เย่ซิวจะถูกแยกออกเป็นสองท่อนนักพรตหนุ่มถึงกับหน้าซีด คิดจินตนาการถึงภาพที่เย่ซิวต้องเลือดสาดเต็มพื้น“ไม่เลวเลย จอมยุทธ์ระดับแปดขั้นต้นที่สามารถปลดปล่อยพลังได้ถึงขั้นสูงถือว่าหายากทีเดียว”ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ มีเพียงเย่ซิวเท่านั้นที่ยังมีอารมณ์มาวิจารณ์การโจมตีนี้ด้วยท่าทีสงบ กระบี่พยัคฆ์ได้ยินดังนั้นก็แสยะยิ้มเย้ยหยัน “ตายคาที่แล้วยังจะทำเป็นอวดเก่งอีก!”แต่เพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงราวกับเห็นผีเพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ เย่ซิวใช้เพียงสองนิ้วคีบหยุดคลื่นกระบี่อันน่าสะพรึงนั้นได้อย่างง่ายดายท่ามกลางสายตาตกตะลึงของกระบี่พยัคฆ์และนักพรตทั้งสอง เย่ซิวคีบคลื่นกระบี่ไว้ได้ราวกับไม่มีอ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม