“ฉันก็มาเซอร์ไพรส์เธอไง ดีใจไหม? อะนี่ฉันให้เธอ”เย่ซิวหยิบตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งออกมา ระหว่างทางกลับมาเขาได้แวะซื้อมันที่ร้านตุ๊กตาแห่งหนึ่งเมื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นได้เห็นตุ๊กตาผ้า เธอก็ยิ้มแล้วรีบรับมันมาด้วยความดีใจ “ฉันชอบมันมาก ๆ เลย! ขอบคุณนะพี่เย่”เธอเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาคนหนึ่ง แค่ตุ๊กตาผ้าที่ราคาไม่กี่บาทก็สามารถทำให้เธอมีความสุขขนาดนี้ได้แน่นอน ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนให้ด้วยหากเป็นชายอื่น แม้จะมอบตึกทั้งหลังให้เธอก็ไม่ดีใจอยู่ดี“พี่เย่ อย่ามัวยืนอยู่ข้างนอกเลย รีบเข้ามาก่อนดีกว่า”เย่ซิวพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างใน เขาหันกลับมามองไปทางห้องรับแขกมีแม่ชีลัทธิเต๋าแต่งกายเรียบง่ายนั่งอยู่ที่นั่น ดูเหมือนว่าเธอจะให้ความสนใจกับเขาแม่ชีลัทธิเต๋าจ้องมองไปยังเย่ซิว เธอพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรหลิ่วเมิ่งอิ๋นแนะนำให้เขาได้รู้จัก “พี่เย่ ท่านนี้คือนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้ง ท่านบอกฉันว่า ฉันมีคุณวุฒิสูงมากและอยากให้ฉันไปวัดลัทธิเต๋าเพื่อฝึกฝน”ดวงตาของเย่ซิวเป็นประกาย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเขาไปที่ห้องนอนของพ่อของหลิ่วเมิ่งอิ๋นเพื่อเยี่ยมเขาจากนั้นตรวจร่างกายให้กับเขาเล็ก
หลิ่วเมิ่งอิ๋นยกอาหารออกมาจนเต็มโต๊ะมีทั้งเนื้อและผัก ถึงแม้จะไม่ใช่ปลาหรือเนื้อตัวใหญ่แต่ก็ดูน่ารับประทานมากทั้งสี่คนรับประทานอาหารกันที่โต๊ะอาหารหลิ่วเมิ่งอิ๋นตักอาหารให้เย่ซิวอย่างต่อเนื่อง สายตาความรักที่มีต่อเขา แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกพ่อของเธอหัวเราะให้กับภาพนี้คนอย่างเย่ซิวเป็นทั้งคนดีมีความสามารถ หากใช้ชีวิตร่วมกันกับลูกสาวของเขา ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่านั้นอีกแล้ว แต่ท่าทีของนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้งไม่ได้รู้สึกดีกับภาพที่เห็นหลังจากทานข้าวเสร็จ แม่ชีก็ขอตัวลาเมื่อเห็นเธอจากไป เย่ซิวก็ยืนขึ้นและเตรียมที่จะออกไปหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “พี่เพิ่งจะมาเอง จะรีบกลับไปไหน อยู่ให้นานกว่านี้หน่อยสิ”“ฉันยังมีธุระที่ต้องทำน่ะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะมารับเธอไปมหาลัยนะ”พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ เธอต้องไปเรียนอารมณ์ของหลิ่วเมิ่งอิ๋นดีขึ้นทันที “ก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว”เย่ซิวเดินจากไปพร้อมกับแม่ชีเมื่อเดินมาจนถึงข้างล่างแม่ชีก็เปิดบทสนทนาก่อน “นี่พ่อหนุ่ม ฉันจะพูดกับคุณอีกครั้งนะ รีบเลิกกับเธอซะ ทำแบบนี้มีแต่จะเป็นอันตรายต่อคุณกับเธอ”“แล้วอีกอย่าง ฉันจะให้เงินคุณเพิ่มจากห้าล
นั่นดูเป็นเหตุเป็นผลที่สุดแล้วเย่ซิวไม่มีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ เธออยากจะคิดอย่างไรก็ปล่อยให้เธอคิดไป “ตอนนี้คุณแพ้แล้ว เชิญคุณออกไปได้แล้ว ผมขออนุญาตไม่ส่งคุณออกไป”ในเวลานี้เขาตระหนักได้ว่า ก่อนหน้านี้ที่หลิ่วเมิ่งอิ๋นเจออันตราย หลางอีและคนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บ แต่หลิ่วเมิ่งอิ๋นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บ นั่นคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ได้ช่วยเธอเอาไว้เพราะฉะนั้น แม้เธอจะปฏิเสธที่จะยอมแพ้แต่เย่ซิวก็จะไม่ทำร้ายเธอสีหน้าของนักบวชลัทธิเตาเปลี่ยนไปตอนนี้เธอสูญเสียแขนไปข้างหนึ่งและกำลังภายในของเธอก็หมดลง เธออยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป“คุณไปเถอะ!” เย่ซิวเอามือไขว้หลัง รังสีอำมหิตเล็ดลอดออกมาจากภายในสู่ภายนอก“หลิ่วเมิ่งอิ๋นไม่ใช่คนที่คุณสามารถเข้าไปเกี่ยวข้องได้ คุณควรล้มเลิกความคิดนั้นซะ ถ้ายังมีครั้งต่อไป ผมจะไปทำลายสำนักของคุณด้วยตัวเอง”จิตใจของนักบวชลัทธิเต๋าโส่วจิ้งสั่นเทา เธอได้ยินคำพูดบาดใจของเย่ซิวเธอมองไปที่เย่ซิวอย่างลึกซึ้งก่อนจะหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรแต่เธอจะไม่ยอมปล่อยหลิ่วเมิ่งอิ๋นไปแน่นอน ‘ดูเหมือนว่าหลังจากท่านอาจารย์กลับมาแล้ว ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้กับท่าน หล
เย่ซิวยัดเงินใส่ในมือให้กับแม่เล้าอย่างไม่ใส่ใจ “รีบไปพาสาว ๆ มาให้ฉัน ทุกคนจะได้ทิปไม่อั้น”แม่เล้าพลันยิ้มกว้างและรีบพาเย่ซิวขึ้นไปห้องส่วนตัวสุดหรูหราที่ชั้นสาม “รอสักครู่นะคะคุณผู้ชาย เดี๋ยวดิฉันจะไปพาสาว ๆ มาตอนนี้เลยค่ะ”แม่เล้าเดินออกไปอย่างแช่มชื่นหลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเปิดแล้วเธอก็เดินเข้าไปพร้อมกับสาว ๆ หลายสิบคนพวกเธอสวมกระโปรงสั้นจู๋ เผยให้เห็นเรียวขายาว รูปร่างหน้าตาของพวกเธอนั้นค่อนข้างดีทีเดียว“เป็นยังไงบ้างคะคุณผู้ชาย?”เย่ซิวตรวจสอบและพูดว่า “ไม่เลว เรียกมาทั้งกลุ่มนั่นแหละ เร็ว ๆ แล้วรีบไปจัดการห้องซ้าย ขวา หน้า หลังให้หมด ฉันจะจ่ายเองฉันไม่ชอบให้มีคนอื่นมาอยู่ใกล้ ๆ ในเวลาที่ฉันกำลังสนุก เข้าใจใช่ไหม!”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย ดิฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”แม้เล้าฉายยิ้มแฉ่ง คืนนี้จะทำเงินได้เท่าไหร่กันนะ?มีผู้หญิงราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบกำลังคนรายล้อมเย่ซิว กลิ่นของน้ำหอมต่าง ๆ คละคลุ้งโชยเข้าจมูกของเขาเย่ซิวสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาหลายสิบขวดแล้วพูดกับสาว ๆ ว่า “ดื่มให้หมด หมดขวด แล้วฉันจะให้ขวดละหมื่น”ทันทีที่พูด
ชายที่มีใบหน้าอ้วนกลมขมวดคิ้วเล็กน้อย ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและพูดว่า “นี่มันไม่ใช่แล้ว เรียกเด็ก ๆ พวกนั้นออกมา แล้วเธอไปดูกับฉันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”แม่เล้าถึงกับผงะ “เป็นอะไรไป? จะให้เรียกเด็ก ๆ ออกมาทำไม ทุกอย่างเรียบร้อยดีอยู่แล้ว”“นี่เธอโง่เหรอ? คนธรรมดาที่ไหนทำแบบนั้นกันบ้าง? เขาคนเดียวจะเล่นจ้ำจี้กับทุกคนได้ยังไง?ยิ่งกว่านั้น เขายังสั่งไม่ให้ใครอยู่รอบ ๆ อีก มันชัดแล้วว่าเขามาที่นี่เพื่อรวบรวมหลักฐานยังไงเล่า!”เมื่อเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าของแม่เล้าก็เปลี่ยนไป พลันพูดด้วยน้ำเสียงดุเดือด “รีบไปดูเร็วเข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ฉันจะฆ่าเขาแน่นอน!”ในไม่ช้า พวกลูกน้องราว ๆ ห้าสิบคนก็มารวมตัวกันและตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เย่ซิวอยู่ทันทีเพื่อความรอบคอบ แม่เล้าจึงเดินเข้าไปก่อนเธอมองจากตรงประตูเข้าไปข้างในและสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติเธอจึงหันไปพูดกับชายหน้าอ้วนกลมว่า “เร็ว! รีบเข้าไปดู ดูเหมือนจะมีปัญหาแล้ว!”ปัง!ประตูถูกเปิดออกทันใด เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ชายคนนั้นก็โกรธมาก “ไอ้หนู แกมาจากแก๊งไหน? แกอยากตายใช่ไหม!”ชายหลายคนรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอาวุธในมือ
พี่หู่ระงับความโกรธพลางฝืนยิ้ม “พี่ใหญ่ล้อกันเล่นแล้วครับ ฉันเป็นพลเมืองดีปฏิบัติตามกฎหมาย รอบตัวฉันไม่มีเพื่อนทำชั่วแบบนั้นเลยครับ”แต่ประโยคหลังจากนั้นทำให้เขากลัวราวกับวิญญาณลอยหลุดจากร่างไปแล้ว“เมื่อกี้ผมได้ส่งบันทึกเสียงไปที่สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง(1) โอกาสเดียวของคุณจะเอาชีวิตรอดไปได้คือตอนนี้คุณต้องเปิดเผยไอ้พวกทุจริตปรสิตสังคมนั่นมาซะ”“ด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถชดใช้ความผิดด้วยการทำความดีได้ ไม่อย่างนั้น คุณก็ไม่มีทางออกอื่นนอกจากความตาย”“อะไรนะ? สํานักงาน ป.ป.ช ภาคหนึ่ง?!” ใบหน้าของพี่หู่เปลี่ยนไปอย่างกลับหน้าเป็นหลัง ขาทั้งสองข้างพลันอ่อนยวบและทรุดตัวลงกับพื้นนั่นคือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในหลงเถิงใครก็ตามที่เข้าสู่ขอบเขตของสํานักงาน ป.ป.ช และเมื่อข้อกล่าวหาได้รับการยืนยันแล้วจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์อันน่าสังเวชสลดใจเหลือทนเย่ซิวยังโรยเกลือบนบาดแผลเข้าไปอีก “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมยังรวบรวมหลักฐานอาชญากรรมอื่น ๆ ของคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา และส่งให้พวกเขาไปแล้ว”“อย่างสิบแปดครัวเรือนที่ถูกบังคับให้รื้อถอนเมื่อหกปีก่อน และการติดสินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนเมื่อสี่ปีที่แล้ว…”เย่
เขาหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะด้วยสีหน้ามืดมน “ลองตรวจสอบดู นี่เป็นหลักฐานทั้งหมดที่ฉันมี”เย่ซิวนั่งลงและเริ่มพลิกดูเอกสารเหล่านี้ทีละฉบับมีเอกสารอย่างน้อยหนึ่งพันฉบับ แต่เขาสามารถอ่านมันได้ทั้งหมดภายในเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นจากนั้นเขาก็หยิบเอกสารออกมาหกฉบับและวางลงตรงหน้าพี่หู่“เรียกทั้งหกคนนี้มาหาผมหน่อย”เบื้องหลังคนทั้งหกคนนี้คือเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดใหญ่หากพาพวกเขามาและรับหลักฐานจากมือของพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วก็จะสามารถหว่านแหเพื่อจับผู้สมรู้ร่วมคิดจากตระกูลขนาดเล็กและขนาดกลางทั้งหมดในเจียงเฉิงได้ในคราวเดียวหลังจากคืนนี้ไป ในเจียงเฉิงจะเหลือธุรกิจที่แท้จริงเพียงสี่แห่งเท่านั้นหนึ่งคือกลุ่มสตาร์รี่กรุ๊ปของเขา กลุ่มธุรกิจของตระกูลเซี่ย กลุ่มธุรกิจของตระกูลลู่ และอุตสากหรรมของหูเม่ยเอ๋อร์หลังจากที่เย่ซิวรวมเข้ากับบริษัทเหล่านี้ก็จะกลายเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิงทันทีความเร็วของความก้าวหน้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมได้พี่หู่ไม่กล้าที่จะละเลยเรื่องนี้ เมื่อหาข้ออ้างที่จะเชิญพวกเขามาที่บ้านได้แล้วจึงโทรหาทั้งหกคนทันทีในทางกลับกัน เย่ซิวได้ถ่ายรูปเอก
"ตามสถิติ สินทรัพย์รวมของธุรกิจตระกูลทั้งสิบแปดแห่งมีมูลค่าเกือบแปดแสนล้านบาท โดยมีเงินสดมากกว่าสองแสนเก้าหมื่นล้านบาท!"เซี่ยซิ่วซิ่วตื่นเต้นมากจนแทบจะตะโกนออกมาการที่เย่ซิวร่ำรวยทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการที่เธอกลายเป็นคนร่ำรวยเองเสียอีกเมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วเย่ซิวดูสงบมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้รับเงินแปดแสนล้านบาท แต่เป็นแปดสิบบาท“ทำไมนายไม่ตื่นเต้นเลยล่ะ?” เซี่ยซิ่วซิ่วถามอย่างสงสัยเย่ซิวทำตัวสงบเกินไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกคนหนุ่มสาวเป็นเลยเย่ซิวยิ้ม “ไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น ถ้าวันหนึ่งทรัพย์สินของผมสูงถึงหลายล้านล้านบาท ถึงเวลานั้นก็ยังไม่สายที่จะตื่นเต้น”เซี่ยซิ่วซิ่วชื่นชมความคิดของเย่ซิวอย่างมากนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอชอบเย่ซิวเย่ซิวสั่งอาหารให้พวกเขา จากนั้นจึงขับรถไปรับหลิ่วเมิ่งอิ๋นเนื่องจากเมื่อคืนยุ่งมากจนไม่สามารถไปรับเธอได้ ดังนั้นวันนี้เขาจึงต้องไปรับเธอแต่เช้าเมื่อมาถึงทางเข้าอาคารเก่า ๆ ในเขตที่อยู่อาศัยเย่ซิวเห็นร่างเพรียวบางสวยสง่าของหลิ่วเมิ่งอิ๋นยืนรออยู่ตรงนั้นมีผู้ชายมากมายหลายคน มีทั้งคนที่แอบมอง ทั้งคนที่จ้องเธออย
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส