ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากและในไม่ช้าก็ถึงสองหมื่นล้านและมีเพียงคนหนึ่งในสิบเท่านั้นที่ถอนตัวออกจากการประมูลทุกคนที่มาที่นี่ล้วนแต่มีทรัพย์สมบัติมากมายแน่นอนว่าอีกเหตุผลที่สำคัญมากก็คือ ผลงานของเย่ซิวมีน้อยเกินไปในระยะเวลาสองปีมีเพียงสองผลงานเท่านั้นที่ถูกปล่อยออกมาไม่รู้เลยว่าครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่ดังคำกล่าวที่ว่า ของหายากนั้นมีคุณค่าสำหรับหลาย ๆ คน พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่สิ่งที่พวกเขาขาดคือข้อมูลหากคุณมีสิ่งที่คนอื่นไม่มี ต่อหน้าผู้คนในระดับเดียวกัน คุณก็จะรู้สึกมั่นใจและภูมิใจมากขึ้นด้วยเหตุนี้ราคาจึงพุ่งสูงขึ้นหลิวเมิ่งถิงรู้สึกตื่นเต้นมากเนื่องจากบริษัทประมูลของเธอเปิดมาหลายชั่วอายุคน แต่ไม่เคยมีรายการประมูลครั้งไหนที่มีราคาสูงขนาดนี้ในที่สุดก็ปิดประมูลไปที่สองหมื่นสองพันล้านบาท ปู่ของสาวน้อยเป็นผู้ประมูลไปสาวน้อยส่งเสียงเชียร์และกำมือแน่นด้วยงานประดิษฐ์ตัวอักษรนี้ เธอจะสามารถขึ้นนำยอดฝีมือวรยุทธในระดับเดียวกันไว้เบื้องหลังได้ในขณะเดียวกัน เธอก็สงสัยอย่างมากว่า คนที่เขียนอักษรวิจิตรนี้หน้าตาเป็นอย่างไร และทักษะการต่อสู้ของพวกเขาสูงแค่ไหนกันนะ
ทันทีที่หลี่หรูเฟิงประกาศออกมา หลายคนก็ยอมแพ้ทันทีสามหมื่นเก้าพันล้านไม่ใช่จำนวนน้อยเลยแม้ว่าพวกเขาจะร่ำรวย แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะหาเงินสดจำนวนมากได้ในคราวเดียวมีคนติดตามเขาเพียงเจ็ดหรือแปดคนเท่านั้นหลังจากการเสนอราคาประมูลหลายรอบ ราคาก็ค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปถึงสี่หมื่นล้านบาทไม่มีใครเสนอราคาสู้หลี่หรูเฟิงอีกต่อไปแม้ว่าเงินสี่หมื่นล้านจะเป็นมูลค่าที่สูง แต่หลี่หรูเฟิงก็ไม่รู้สึกว่ามันเป็นการสูญเสียเลยหากเขาได้ภาพวาดนี้มา สำหรับเขาและตระกูลหลี่ก็เหมือนได้เหมืองทองคำมาครอบครองเมื่อหลี่หรูเฟิงคิดว่าตนจะสามารถนำภาพวาดนี้เก็บใส่กระเป๋าไปได้แล้ว ทันใดนั้น เย่ซิวก็พูดว่า “สี่หมื่นห้าร้อยล้าน”หลี่หรูเฟิงหันขวับไปมองเย่ซิวเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยเขาก็ขมวดคิ้วบนเวที หลิวเมิ่งถิงจำเย่ซิวได้ทันที และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้แสดงสีหน้าใดการกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างดึงดูดความสนใจ แต่ก็สามารถเข้าใจได้เช่นกันหลี่หรูเฟิงเสนอราคาอีกครั้ง “สี่หมื่นแปดร้อยล้าน” “สี่หมื่นหนึ่งพันล้าน” เย่ซิวกล่าวอย่างใจเย็นหลี่หรูเฟิงมองเย่ซิวด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง หลี่หรูเฟิงก็สะดุ้งขึ้นมา เขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ความรู้สึกกลายเป็นเสียใจ แววตาฉายแววดุร้าย“ไอ้คนที่มันเสนอราคาแข่งกับฉัน สมควรตายนัก”แต่ตอนนี้มันสายเกินไปสำหรับเขาที่จะโกรธ เขารู้ดีกว่าใคร ๆ ว่าภาพวาดนี้หมายถึงอะไรเพื่อความปลอดภัยเขาจะต้องส่งไปที่ตระกูลหลี่โดยเร็วที่สุดทันทีที่เขาออกไปเขาก็ขึ้นรถที่ล้อมรอบด้วยกลุ่มบอดี้การ์ดแล้วมุ่งหน้าตรงไปที่สนามบินหลี่หรูเฟิงและคนอื่น ๆ ไม่ได้สังเกตว่ามีคนติดตามพวกเขาจากระยะไกลต้องเป็นเย่ซิวอยู่แล้วผู้ที่จะสามารถครอบครองภาพวาดของเขาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจดีหรือมีศีลธรรมสูงเท่านั้น การที่คนอย่างหลี่หรูเฟิงครอบครองภาพวาดของเขานั้นถือเป็นการดูถูกสำหรับเขาความเร็วในการเดินเท้าของเขาไม่ได้ช้าไปกว่าการขับรถมากนักและนี่ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดของเย่ซิว เขาสามารถไปได้เร็วกว่านี้อีกสามสิบนาทีต่อมา รถของหลี่หรูเฟิงกำลังจะขับเข้าสู่ทางหลวงเย่ซิวที่ติดตามมาอย่างลับ ๆ ในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหวเขางอนิ้วและสะบัดนิ้วอย่างรวดเร็ว กำลังภายในของเขาก็ก่อตัวควบแน่นเป็นจุดเล็ก ๆพลังทำลายล้างที่เกิดจากการสะบัดนั
“อาจารย์ต้าวจือไปไหนกันนะ? ทำไมยังไม่กลับมาล่ะ?”ในสถานที่ประมูล หลิวเมิ่งถิงเดินไปมาอย่างใจจดใจจ่อเย่ซิวหายไปทันทีที่การประมูลสิ้นสุดลง เธอกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาหลิวเมิ่งถิงไม่ใช่จอมยุทธ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถรับรู้ความหมายที่แท้จริงของศิลปะการต่อสู้อันทรงพลังในภาพวาดทั้งสองชิ้นนั้นได้ยื่งกว่านั้นเธอไม่รู้ว่า เย่ซิวเป็นจอมยุทธผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นเธอจึงกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ในไม่ช้าเย่ซิวก็กลับมาหลิวเมิ่งถิงดูประหลาดใจ และรีบเข้าไปทักทายเขา “อาจารย์ต้าวจือ กลับมาแล้วเหรอคะ”เย่ซิวพยักหน้า “ภาพวาดทั้งสองชิ้นถูกประมูลไปในราคาเจ็ดหมื่นสองพันล้านบาท สองพันล้านเป็นส่วนของคุณที่คุณทำงานหนัก ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นล้านช่วยใส่ไว้ในการ์ดใบนี้ด้วยครับ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบการ์ดออกมาแล้วมอบให้หลิวเมิ่งถิงหลิวเมิ่งถิงดูมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ต้าวจือคะ เราตกลงกันไว้แล้วนี่คะว่าครั้งนี้ไม่คิดค่าจัดการอะไรทั้งนั้น นี่คุณจะผิดสัญญาหรือคะ?” “ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะผมไม่แน่ใจว่าภาพวาดทั้งสองจะขายได้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ราคาเกินความคาดหมายไปมาก สองพันล้านเป็นค่าจ
เย่ซิวยิ้มไปส่ายหัวไป “ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมรวบรวมเงินได้มากพอแล้ว”“อ้อ โอเค” เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้า จากนั้นก็ได้สติกลับมาทันที ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงขึ้น “เดี๋ยว เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ชัด”เย่ซิวหยิบโทรศัพท์แล้วเอาข้อความที่ได้รับจากธนาคารมาให้เธอดูเซี่ยซิ่วซิ่วถึงกับตกใจสุดขีด เพ่งตาไปที่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วใช้นิ้วนับไปที่จำนวนเลขศูนย์เธอนับอยู่หลายรอบกว่าจะแน่ใจเธอเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ“เย่ซิว นี่นายทำได้ยังไงกัน? หรือว่านายเป็นเศรษฐีใหญ่ที่ปิดบังฐานะตัวเอง ก็เลยแกล้งเป็นคนจนมาโดยตลอด!”นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลเพราะถ้าเป็นเรื่องจริง แน่นอนว่าเย่ซิวคงไม่มีทางบอกเธอขอแค่เซี่ยซิ่วซิ่วไม่กังวลเรื่องเงินอีกก็พอ เพราะมันได้ถูกแก้ปัญหาแล้วเรียบร้อยและยังเหลืออีกหมื่นล้านกว่าที่สามารถนำไปใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีกมากมายพรุ่งนี้เขาจะไปที่เมืองหนานเฉิงพร้อมกับหลิ่วอวี้ฝูเพื่อเข้าร่วมการประมูลเซี่ยซิ่วซิ่วต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบความตื่นเต้นในใจของเธอได้เงินจำนวนนี้ของเย่ซิว แม้แต่ตระกูลเซี่ยก็ควักเอาออกมาไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะขายทรัพ
การบริการของแอร์โฮสเตสสาวนี้ถือว่าดีมากทีเดียวเธอพาผู้ชายคนนั้นไปที่ห้องน้ำ แล้วไหนจะยังเปิดประตูห้องน้ำให้เขาอีกรอยยิ้มที่ทำให้คนเพลิดเพลินสำราญใจนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ผู้โดยสารคะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้ เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ”ชายคนนั้นก็แสยะยิ้มขึ้น “เธอก็เข้าไปด้วยกันสิ”จากรอยยิ้มสวยที่ปรากฏบนใบหน้าหญิงสาวจู่ ๆ ก็ชะงักลง “ผู้โดยสารก็ช่างหยอกล้อนะคะ ระหว่างชายหญิงมีความแตกต่างนะคะ”เขาจับมือเธอไว้ แล้วผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นตัวเองก็ตามเข้าไปแล้วใช้หลังมือปิดประตูภายในห้องน้ำ สีหน้าของแอร์โฮสเตสหวาดกลัวมาก เธอพยายามจะเปิดปากร้องขอความช่วยเหลือแต่จู่ ๆ ร่างกายก็อ่อนแรงลง ไม่สามารถใช้แรงใด ๆ ได้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายฉัน?…”ชายคนนั้นยิ้มที่มุมปาก “คิดไม่ถึงว่าการนั่งเครื่องบินครั้งนี้จะได้เจอกับสาวสวยหุ่นดีแบบนี้ ช่างโชคดีจริง ๆ พอฉันแย่งหยินดั้งเดิมของเธอมาได้ ฉันก็จะทะลวงเป็นจอมยุทธขั้นสูงระดับสาม”ดวงตาแอร์โฮสเตสสาวเบิกกว้าง น้ำเสียงอิดโรยของเธอเอ่ยถามขึ้น “นี่คุณ เราไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แล้วคุณมาทำแบบนี้กับฉันทำไม?”“เธอจะกลัวไปทำไม? นี่ฉันกำลังจะช่วยให้เธอเ
มันพุ่งเข้าไปในช่องท้องของชายคนนั้นและทลายจุดตันเถียนของเขาทันทีชายคนนั้นพยายามเปิดปากร้องด้วยความเจ็บปวดแต่มือของเย่ซิวนั้นแข็งแกร่งมากจนเขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องได้ชายคนนั้นเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลม เขามองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจุดตันเถียนถูกทำลาย สิ่งที่เขาพยายามมาหลายปีสูญเปล่าแล้วอีกทั้งเมื่อถึงเวลาหากศัตรูพวกนั้นมาเยือนที่ประตูบ้าน เขาก็ไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรเย่ซิวปล่อยชายคนนั้น ตอนนี้ชายอ้วนคนนี้ได้เป็นคนไร้ค่าแล้วเรียบร้อยจากนั้นเย่ซิวก็มองไปที่แอร์โฮสเตสสาว เขาเอื้อมมือออกไปและดึงเธอขึ้นจากที่นั่งชักโครกในตอนนี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนอื่น ๆ ได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบเข้ามาดูเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างก็ตกใจและระมัดระวังตัวทันที“หยุดนะ พวกคุณจะทำอะไรน่ะ?”“รีบปล่อยเธอซะ!”เย่ซิวแอบส่งกำลังภายในของเขาเข้าไปในร่างกายของแอร์โฮสเตส บรรเทาอาการบางอย่างของเธอ และทำให้เธอมีแรงพูด“ผู้โดยสารท่านนี้เป็นคนช่วยฉัน รีบจับชายอ้วนคนนั้นซะ เมื่อกี้เขาใช้ยากับฉัน”หลังจากพูดจบ ศรีษะของเธอก็ฟุบไปที่ไหลของเย่ซิวทันทีร่างกายของเธอตอนนี้อ่อนแอม
“โอ๊ย!”ภายในโรงพยาบาลเมืองหนานเฉิงแห่งหนึ่ง หลี่หรูเฟิงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่ในเฝือกปูนปลาสเตอร์ แล้วไหนจะคำพูดของหมอที่พูดกับเขาเมื่อกี้ทำให้เขาเหมือนตกนรกทั้งเป็นกระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆแม้จะได้รับการรักษาอย่างดี แต่ต่อไปเขาก็ไม่สามารถยกอะไรเบา ๆ ได้อยู่ดีนี่เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาได้เป็นคนพิการไปแล้วเรียบร้อยทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะไอบ้านั่นคนเดียว“ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามันให้ตาย!”หลี่หรูเฟิงดูดุร้ายเป็นอย่างมาก เขาหายใจอย่างหนักคนในห้องมีจำนวนไม่น้อย พวกเขาล้วนเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลหลี่แต่นอกจากแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครมีท่าทีเสียใจอะไรเลยหลี่มี่พูดอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นต้าวจือจริง อย่างนั้นเรื่องนี้แกก็เก็บไว้กับตัวแก อย่าให้ใครได้รู้เป็นอันขาด!”ปรมาจารย์ไม่สามารถรุกรานได้ในตอนนี้!“พ่อครับ!” หลี่หรูเฟิงกัดฟันแน่น “ผมรู้ครับ แต่ว่าผมจะไม่ยอมมันแน่!”แม่ของหลี่หรูเฟิงกอดเขาไว้และร้องไห้ไม่หยุด“โถลูกชายแม่ ลูกรออีกนิดนะ ตาของลูกเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุ
ชายคนนั้นมีท่าทีไม่เชื่ออย่างแรง “อย่ามาหลอกฉัน ถ้าเจ้าอาวาสไม่ออกมา ฉันก็ไม่ไป และวัดนี้ก็อย่าหวังว่าจะมีใครมากราบไหว้อีก!”นักพรตหนุ่มรู้สึกทั้งโกรธและหมดหนทาง เมื่อเจอกับคนที่มีพลังแข็งแกร่งและเล่นไม่ซื่อแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไง“เฮ้ พวกเธอสองคน ไสหัวไปซะ!”ชายคนนั้นมองเย่ซิวกับน่าหลันเยียนหรานด้วยสายตาดุดันดั่งสิงโตที่กำลังคำราม ดูน่ากลัวเป็นอย่างมากนี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนที่มาไหว้พระพากันหนีไปหมดเย่ซิวเอ่ยเรียบ ๆ “นี่เป็นที่สาธารณะ ทำไมผมต้องไปด้วย?”ชายคนนั้นแสยะยิ้ม “ไอ้หนู คิดจะโชว์แมนต่อหน้าแฟนหรือไง? อยากโดนฉันสั่งสอนใช่ไหม!”พูดจบ พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขามีเพียงผู้ที่ผ่านสมรภูมิความเป็นความตายอันโหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นที่จะสามารถแผ่กลิ่นอายอันน่ากลัวเช่นนี้ออกมาน่าหลันเยียนหรานตัวสั่นเทิ้ม ขนลุกไปทั้งร่างชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วแต่ในวินาทีนั้นเย่ซิวก็ยื่นมือใหญ่ที่อบอุ่นและแข็งแรงมาจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ เธอรู้สึกสงบลง ก่อนจะมองไปที่เย่ซิวด้วยสายตาขอบคุณนักพรตหนุ่มรีบวิ่งลงมาหาเย่ซิวพร้อมเตือนด้วยความกังวล “โย
คนส่วนใหญ่มีทัศนคติที่เกลียดชังคนรวยเหมือนกับตอนนี้ที่แม้น่าหลันเยียนหรานเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัดแต่เพียงเพราะเธอขับรถหรูและใส่เสื้อผ้าราคาแพง คนรอบข้างจึงคิดว่าเป็นความผิดของเธอเหตุการณ์แบบนี้ที่แสดงถึงความเกลียดชังคนรวยมีให้เห็นทั่วไปขณะที่น่าหลันเยียนหรานไม่รู้จะทำอย่างไรดี เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมายืนขวางหน้าเธอไว้น่าหลันเยียนหรานยิ้มด้วยความดีใจ “คุณเย่มาที่นี่ได้ยังไงคะ”“ผ่านมาแถวนี้พอดี” เย่ซิวมองหญิงชราที่นอนขวางรถของน่าหลันเยียนหราน แล้วเอ่ยเรียบ ๆ “ลุกขึ้น แล้วไสหัวไปซะ!”หญิงชรายิ้มเยาะ “อะไร พวกเธอสองคนรวมหัวกันจะรังแกคนแก่เหรอ หน้าไม่อาย ถ้าฉันไม่ลุกพวกเธอจะทำอะไรฉันได้!”คนที่ไม่รู้จักอายมักจะได้เปรียบเสมอเย่ซิวจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแล้วตวาดใส่หญิงชราคนนั้น “มองฉัน!”หญิงชราหันมามองตาของเย่ซิวโดยไม่ทันรู้ตัวตึง!สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ ราวกับสติหายไปชั่วคราวเย่ซิวมองเธอ “บอกมาว่าทำไมถึงคิดจะหลอกคนอื่น”หญิงชราเผยความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว“ฉันเล่นไพ่นกกระจอกจนเสียเงินค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปีไป กลัวสามีจะด่าก็เลยคิดจะหลอกเอาเงินจากค
“พี่เป็นคนดีจริง ๆ ฉันรักพี่ที่สุดเลย”จวงเสี่ยงหยิงดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าเย่ซิว“พอแล้ว” เย่ซิวกดไหล่เธอลง “ผู้หญิงไม่ควรกระโดดโลดเต้นต่อหน้าผู้ชายแบบนี้ จะเสียเปรียบเอานะ”จวงเสี่ยงหยิงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าเธอแดงก่ำ ก่อนจะเอ่ยด้วยความเขินอาย “พี่นี่ลามกจริง ๆ เลย คราวหน้าฉันจะกระโดดแค่ต่อหน้าพี่แค่คนเดียวดีไหมคะ?”จวงเสี่ยงหยิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ยังตูมรอวันผลิบาน แผ่กลิ่นอายแห่งความสดใสและเยาว์วัยออกมาทุกอณูการได้อยู่กับสาวน้อยแบบนี้ทำให้จิตใจพลอยสดชื่นไปด้วยถ้าไม่ติดว่ายังมีเรื่องรอให้ทำอีกมากมาย เย่ซิวคงจะอยู่กับเธอนานกว่านี้หน่อยหลังจากออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว เย่ซิวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาอารามเต๋าภายในประเทศตอนนี้เขาอยู่ในขั้นสูงของการสร้างรากฐานปราณ อีกไม่นานก็จะถึงขั้นสมบูรณ์ เขาต้องเริ่มเตรียมตัวสำหรับการบ่มเพาะจินตานแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำคือหาวิธีการบ่มเพาะจินตานปัจจุบัน อารามเต๋าในประเทศที่มีอายุมากกว่าร้อยปีนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่งเย่ซิวค้นเจออารามเต๋าห้าแห่ง หนึ่งในนั้นมีอยู่ที่เมืองหลวงและระยะทางก็ไม่ไกลมากเมื่อค้นเจอต
เย่ซิวชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะหันกลับมา “ว่าไงครับ?”หยางชิงเสวี่ยเม้มปากเล็กน้อย ดวงตางดงามจับจ้องไปยังเย่ซิวที่ยืนอย่างองอาจ “คุณต้องเร่งบำเพ็ญตนให้มากขึ้น แล้วรีบทะลวงให้ถึงระดับจินตานให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้น…”ประโยคหลังจากนั้นเธอไม่ได้พูดออกมา แต่แค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเย่ซิวเข้าใจอย่างชัดเจน จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหยางชิงเสวี่ยมีร่างกายที่พิเศษ และต้องรอให้เย่ซิวทะลวงระดับจินตานเสียก่อนจึงจะสามารถมีสัมพันธ์กับเธอได้นี่เป็นกฎที่อาจารย์ของเขากำหนดไว้เมื่อถึงเวลาที่เขาสมหวังกับหยางชิงเสวี่ย เขาจะได้รับพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากเย่ซิวกลับไปที่ศาลา ก่อนจะหยิบจี้หยกสองชิ้นออกมา แล้วสวมให้เธอด้วยมือของเขาเองทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนกลิ่นอายความแข็งแกร่งของเขาแผ่ซ่านเข้ามาจนสัมผัสได้หยางชิงเสวี่ยรู้สึกเหมือนร่างกายถูกจุดไฟ รู้สึกอ่อนแรงและใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเย่ซิวก็คว้ามือเล็กอ่อนนุ่มของเธอไว้ ก่อนจะสวมแหวนลงบนนิ้วของเธอสองวง แล้วบอกวิธีใช้ให้เธอฟัง“ของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”หยางชิงเสวี่ยส่ายหน้า พยายามจะถอดออก“ไม่เป็นไร ของพว
ชีวิตของเธอในตอนนี้เรียบง่ายมากบางครั้งก็เรียน บางครั้งก็ไปฝึกงานที่บริษัท ชีวิตดูเต็มไปด้วยคุณค่าและมีความหมายมากเย่ซิวลูบหัวเธอเบา ๆ “มาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”สายตาของเขามองไปที่ศาลาตรงนั้นมีหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้ากำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจมองจากมุมนี้ ใบหน้าด้านข้างของเธอสวยไร้ที่ติ ทำให้คนใจเต้นแรงแม้เพียงพบเห็น แต่ก็ไม่กล้าคิดลามกกับเธอเธอคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าอัศจรรย์คนหนึ่งเลยทีเดียวดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกถึงสายตาของเย่ซิว เธอจึงหันมองมาแล้วพยักหน้าเบา ๆ พร้อมกับยกมุมปากยิ้มบางเย่ซิวยิ้มตอบจวงเสี่ยวหยิงยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหึงหวง “ที่แท้ก็ไม่ได้มองแค่ฉันนี่นา”เย่ซิวหัวเราะ “เด็กน้อย ยังจะหึงอีกนะ ไปซื้อน้ำให้ฉันหน่อยสิ”“ค่ะ…”จวงเสี่ยวหยิงยู่ปากแต่ก็เดินออกไปอย่างว่าง่ายเย่ซิวเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าชิงเสวี่ยแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณรู้จักที่มาที่ไปของคุณลี่หรือเปล่า?”ชิงเสวี่ยวางหนังสือลง มองเย่ซิวด้วยดวงตากลมโต พลางส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ”เย่ซิวจ้องมองเธอด้วยสายตาตรงไปตรงมา จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหว ทำให้รู้ว่าเธอไม
ต่อจากนี้จะเป็นการบรรยายยาวกว่าหนึ่งแสนคำครั้งที่แล้วเย่ซิวเป็นฝ่ายเริ่มบำเพ็ญตนกับหลินโหรวก่อนแต่ครั้งนี้หลินโหรวเป็นฝ่ายเริ่มก่อน สรุปง่าย ๆ เลยสามคำ เธอเก่งมากคงเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการอยู่กับสาวผมเหลืองก่อนหน้านี้“ผมต้องไปแล้ว” เย่ซิวจิบเครื่องดื่มพลางเอ่ยกับหลินโหรวหลินโหรวปาดเหงื่อหอมบนหน้าผาก พลางมองเย่ซิวด้วยสายตาอ่อนหวาน “ฉัน…พอจะเป็นแฟนคุณได้ไหม?”เย่ซิวใช้นิ้วเชยคางขาวเนียนของเธอขึ้น แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณคิดว่าตัวเองคู่ควรหรือเปล่าล่ะ?”สายตาของหลินโหรวหม่นลงในทันที ใช่แล้ว ตอนนี้เธอไม่คู่ควรกับเขาจริง ๆแต่เธอก็รีบกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง “ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะทำตัวเหลวไหลไปหน่อย แต่จากนี้ไป ฉันจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น”“อืม ความสามารถของเธอก็ไม่เลวนะ” เย่ซิวพยักหน้า “ตอนนี้คุณยังไม่มีงานทำใช่ไหม”“ยังค่ะ”เย่ซิวเกิดความคิดหนึ่งขึ้น เขาเอ่ยกับเธอว่า “ผมจะลงทุนให้คุณห้าพันล้าน ไปตั้งบริษัทการจัดการระหว่างประเทศสักแห่ง แล้วดึงคนเก่ง ๆ เข้ามาร่วมทีมเยอะ ๆ”หลินโหรวทำหน้าจริงจัง “ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ห้าพันล้านนี้จะทำกำไรให้คุณสิบเท่า ยี่สิ
ยาที่อยู่ในมือเธอหล่นลงบนพื้นทันที “นายเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง!”เย่ซิวเดินตรงเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าเย็นชา “พูดมาว่าใครเป็นคนสั่งให้เธอมาเล่นงานฉัน”“เล่นงานนาย? หมายความว่าไง?”สีหน้าของสาวผมทองดูไม่เหมือนคนโกหก นั่นหมายความว่าเธอเพียงแค่ถูกใครบางคนใช้เงินจ้างมาเท่านั้นเย่ซิวจึงเปลี่ยนวิธีถาม “ใครเป็นคนให้ยานี้กับเธอ หน้าตาเป็นยังไง?”“ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงอะไร” สาวผมทองพยายามปฏิเสธสุดกำลังเย่ซิวคว้าคอเธอไว้แล้วค่อย ๆ ยกขึ้นสาวผมทองดิ้นรนสุดชีวิต ดวงตาเบิกโพลง ลิ้นยื่นออกมายาวความรู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรงพุ่งขึ้นมาจับใจเธอ ผู้ชายที่ดูหล่อเหลาจนน่าตะลึงคนนี้กล้าฆ่าเธอจริง!“ฉัน…ยอมบอกแล้ว…”ปึก!เย่ซิวโยนเธอลงกับพื้นแล้วนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะถือโอกาสหยิบยาขึ้นมาสาวผมทองไออย่างหนัก เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ฉันก็ไม่รู้จักเขาหรอก อยู่ ๆ เขาก็มาหาฉัน ให้เงินมาก้อนหนึ่ง แล้วบอกให้ฉันเอายาให้หลินโหรว…แค่นั้นแหละ”“หน้าตาเขาเป็นยังไง?”“ฉันมองเห็นไม่ค่อยชัด เขาใส่เสื้อโค้ตสีดำ สวมหน้ากาก ยานี้เขาให้มาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว”เย่ซิ
“เสี่ยวโหรว อย่าไปเลยนะ ได้ไหม?”“ปล่อยฉันนะ ตอนนั้นเธอเป็นคนบอกเลิกฉันเอง แล้วตอนนี้กลับมาวุ่นวายอะไรกับฉันอีก!”“ตอนนั้นฉันเองที่เสียสติ แต่หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าขาดเธอไม่ได้จริง ๆ”“หึหึ ตอนนั้นฉันพยายามมากแค่ไหนเพื่อรั้งเธอไว้ แต่เธอก็ใจแข็งใส่ฉัน ตอนนี้ต่อให้พูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”“เสี่ยวโหรว ฉันรู้นะว่าเธอยังรักฉันอยู่”“เพ้อเจ้อ! ตอนนี้ฉันหันมาชอบผู้ชายแบบปกติแล้ว และเธอก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันอีก!”……มีสาวสวยสองคนกำลังทะเลาะกันบนถนนคนหนึ่งย้อมผมสีเหลือง ใส่เสื้อเอวลอย ทรวดทรงเย้ายวนอีกคนสวมเดรสยาวสีขาวกับรองเท้าผ้าใบ ดูสะอาดบริสุทธิ์ฝูงชนที่มุงดูพลอยเข้าใจเรื่องราวจากบทสนทนาของทั้งคู่ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายที่แท้สองคนนี้ก็เป็นหญิงรักหญิง ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจึงลุกโชนขึ้นมาทันทีเย่ซิวเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอพวกเธอที่นี่อีกครั้งอดีตแฟนสาวหรือแฟนหนุ่มของหลินโหรวยังคงเป็นแบบเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่หลินโหรวนั้นเปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียวไม่มีความหยิ่งยโสและอวดดีเหมือนแต่ก่อน กลับดูอ่อนโยนขึ้นมากดูเหมือนว่า ‘การปรับเปลี่ยน’ ของเขาในตอนนั้นจะได้
เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำแล้วจะดูโปร่งแสงเล็กน้อย ดังนั้นถังเขอเข่อในตอนนี้จึงดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างบอกไม่ถูกถังเขอเข่อกอดอกตัวเองไว้ด้วยความอับอายและหงุดหงิด “อย่ามองสิ หันหลังไปเลยนะ ฉันไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ก็เลยต้องใส่ชุดเดิมนี่แหละ”เย่ซิวโบกมือเรียกเธอ “มานี่ เดี๋ยวผมช่วยทำให้เสื้อผ้าคุณแห้งเอง”“ไม่เอา…”เธอกลับถอยหลังไปอีกสองสามก้าว เธอรู้ดีว่าสภาพของตัวเองตอนนี้ จะส่งผลต่อผู้ชายมากแค่ไหนเธอกลัวว่าเย่ซิวจะควบคุมตัวเองไม่ไหว แล้วก็…เย่ซิวชูมือขึ้นแล้วส่งพลังดูดมหาศาลออกมาใส่ถังเขอเข่อ“กรี๊ด!” ถังเขอเข่อร้องเสียงหลง ร่างกายของเธอลอยลิ่วเข้ามาหาเย่ซิวอย่างไม่ตั้งใจ เธอดิ้นไปมาพลางกรีดร้องไม่หยุด “ปล่อยนะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำตามใจหรอก ฉันยังไม่เคยมีแฟนเลย ไม่ได้นะ…เอ๊ะ ทำไมอุ่นจัง”ในขณะที่กำลังดิ้นพล่าน ถังเขอเข่อก็หยุดทันที ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความสงสัย สถานการณ์ดูไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยสักนิด เย่ซิวเพียงแค่ปล่อยพลังไฟออกมาเบา ๆ เพื่อช่วยให้เสื้อผ้าของเธอแห้งเท่านั้นเอง“นี่มันอะไรน่ะ?!” ถังเขอเข่อตกใจจนพูดไม่ออก “มายากลเหรอ?”