“อาจารย์ต้าวจือไปไหนกันนะ? ทำไมยังไม่กลับมาล่ะ?”ในสถานที่ประมูล หลิวเมิ่งถิงเดินไปมาอย่างใจจดใจจ่อเย่ซิวหายไปทันทีที่การประมูลสิ้นสุดลง เธอกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาหลิวเมิ่งถิงไม่ใช่จอมยุทธ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถรับรู้ความหมายที่แท้จริงของศิลปะการต่อสู้อันทรงพลังในภาพวาดทั้งสองชิ้นนั้นได้ยื่งกว่านั้นเธอไม่รู้ว่า เย่ซิวเป็นจอมยุทธผู้แข็งแกร่ง ดังนั้นเธอจึงกังวลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ในไม่ช้าเย่ซิวก็กลับมาหลิวเมิ่งถิงดูประหลาดใจ และรีบเข้าไปทักทายเขา “อาจารย์ต้าวจือ กลับมาแล้วเหรอคะ”เย่ซิวพยักหน้า “ภาพวาดทั้งสองชิ้นถูกประมูลไปในราคาเจ็ดหมื่นสองพันล้านบาท สองพันล้านเป็นส่วนของคุณที่คุณทำงานหนัก ส่วนที่เหลืออีกเจ็ดหมื่นล้านช่วยใส่ไว้ในการ์ดใบนี้ด้วยครับ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบการ์ดออกมาแล้วมอบให้หลิวเมิ่งถิงหลิวเมิ่งถิงดูมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ต้าวจือคะ เราตกลงกันไว้แล้วนี่คะว่าครั้งนี้ไม่คิดค่าจัดการอะไรทั้งนั้น นี่คุณจะผิดสัญญาหรือคะ?” “ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะผมไม่แน่ใจว่าภาพวาดทั้งสองจะขายได้เท่าไหร่ แต่ตอนนี้ราคาเกินความคาดหมายไปมาก สองพันล้านเป็นค่าจ
เย่ซิวยิ้มไปส่ายหัวไป “ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมรวบรวมเงินได้มากพอแล้ว”“อ้อ โอเค” เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้า จากนั้นก็ได้สติกลับมาทันที ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงขึ้น “เดี๋ยว เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ ฉันได้ยินไม่ชัด”เย่ซิวหยิบโทรศัพท์แล้วเอาข้อความที่ได้รับจากธนาคารมาให้เธอดูเซี่ยซิ่วซิ่วถึงกับตกใจสุดขีด เพ่งตาไปที่หน้าจอโทรศัพท์ แล้วใช้นิ้วนับไปที่จำนวนเลขศูนย์เธอนับอยู่หลายรอบกว่าจะแน่ใจเธอเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ“เย่ซิว นี่นายทำได้ยังไงกัน? หรือว่านายเป็นเศรษฐีใหญ่ที่ปิดบังฐานะตัวเอง ก็เลยแกล้งเป็นคนจนมาโดยตลอด!”นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลเพราะถ้าเป็นเรื่องจริง แน่นอนว่าเย่ซิวคงไม่มีทางบอกเธอขอแค่เซี่ยซิ่วซิ่วไม่กังวลเรื่องเงินอีกก็พอ เพราะมันได้ถูกแก้ปัญหาแล้วเรียบร้อยและยังเหลืออีกหมื่นล้านกว่าที่สามารถนำไปใช้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีกมากมายพรุ่งนี้เขาจะไปที่เมืองหนานเฉิงพร้อมกับหลิ่วอวี้ฝูเพื่อเข้าร่วมการประมูลเซี่ยซิ่วซิ่วต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะสงบความตื่นเต้นในใจของเธอได้เงินจำนวนนี้ของเย่ซิว แม้แต่ตระกูลเซี่ยก็ควักเอาออกมาไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะขายทรัพ
การบริการของแอร์โฮสเตสสาวนี้ถือว่าดีมากทีเดียวเธอพาผู้ชายคนนั้นไปที่ห้องน้ำ แล้วไหนจะยังเปิดประตูห้องน้ำให้เขาอีกรอยยิ้มที่ทำให้คนเพลิดเพลินสำราญใจนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ผู้โดยสารคะ ห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้ เชิญเข้าไปได้เลยค่ะ”ชายคนนั้นก็แสยะยิ้มขึ้น “เธอก็เข้าไปด้วยกันสิ”จากรอยยิ้มสวยที่ปรากฏบนใบหน้าหญิงสาวจู่ ๆ ก็ชะงักลง “ผู้โดยสารก็ช่างหยอกล้อนะคะ ระหว่างชายหญิงมีความแตกต่างนะคะ”เขาจับมือเธอไว้ แล้วผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นตัวเองก็ตามเข้าไปแล้วใช้หลังมือปิดประตูภายในห้องน้ำ สีหน้าของแอร์โฮสเตสหวาดกลัวมาก เธอพยายามจะเปิดปากร้องขอความช่วยเหลือแต่จู่ ๆ ร่างกายก็อ่อนแรงลง ไม่สามารถใช้แรงใด ๆ ได้ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายฉัน?…”ชายคนนั้นยิ้มที่มุมปาก “คิดไม่ถึงว่าการนั่งเครื่องบินครั้งนี้จะได้เจอกับสาวสวยหุ่นดีแบบนี้ ช่างโชคดีจริง ๆ พอฉันแย่งหยินดั้งเดิมของเธอมาได้ ฉันก็จะทะลวงเป็นจอมยุทธขั้นสูงระดับสาม”ดวงตาแอร์โฮสเตสสาวเบิกกว้าง น้ำเสียงอิดโรยของเธอเอ่ยถามขึ้น “นี่คุณ เราไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แล้วคุณมาทำแบบนี้กับฉันทำไม?”“เธอจะกลัวไปทำไม? นี่ฉันกำลังจะช่วยให้เธอเ
มันพุ่งเข้าไปในช่องท้องของชายคนนั้นและทลายจุดตันเถียนของเขาทันทีชายคนนั้นพยายามเปิดปากร้องด้วยความเจ็บปวดแต่มือของเย่ซิวนั้นแข็งแกร่งมากจนเขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องได้ชายคนนั้นเจ็บปวดจนแทบจะเป็นลม เขามองเย่ซิวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังจุดตันเถียนถูกทำลาย สิ่งที่เขาพยายามมาหลายปีสูญเปล่าแล้วอีกทั้งเมื่อถึงเวลาหากศัตรูพวกนั้นมาเยือนที่ประตูบ้าน เขาก็ไม่รู้ว่าจะตายอย่างไรเย่ซิวปล่อยชายคนนั้น ตอนนี้ชายอ้วนคนนี้ได้เป็นคนไร้ค่าแล้วเรียบร้อยจากนั้นเย่ซิวก็มองไปที่แอร์โฮสเตสสาว เขาเอื้อมมือออกไปและดึงเธอขึ้นจากที่นั่งชักโครกในตอนนี้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนอื่น ๆ ได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบเข้ามาดูเมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ทุกคนต่างก็ตกใจและระมัดระวังตัวทันที“หยุดนะ พวกคุณจะทำอะไรน่ะ?”“รีบปล่อยเธอซะ!”เย่ซิวแอบส่งกำลังภายในของเขาเข้าไปในร่างกายของแอร์โฮสเตส บรรเทาอาการบางอย่างของเธอ และทำให้เธอมีแรงพูด“ผู้โดยสารท่านนี้เป็นคนช่วยฉัน รีบจับชายอ้วนคนนั้นซะ เมื่อกี้เขาใช้ยากับฉัน”หลังจากพูดจบ ศรีษะของเธอก็ฟุบไปที่ไหลของเย่ซิวทันทีร่างกายของเธอตอนนี้อ่อนแอม
“โอ๊ย!”ภายในโรงพยาบาลเมืองหนานเฉิงแห่งหนึ่ง หลี่หรูเฟิงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นแขนทั้งสองข้างของเขาอยู่ในเฝือกปูนปลาสเตอร์ แล้วไหนจะคำพูดของหมอที่พูดกับเขาเมื่อกี้ทำให้เขาเหมือนตกนรกทั้งเป็นกระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆแม้จะได้รับการรักษาอย่างดี แต่ต่อไปเขาก็ไม่สามารถยกอะไรเบา ๆ ได้อยู่ดีนี่เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาได้เป็นคนพิการไปแล้วเรียบร้อยทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะไอบ้านั่นคนเดียว“ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามันให้ตาย!”หลี่หรูเฟิงดูดุร้ายเป็นอย่างมาก เขาหายใจอย่างหนักคนในห้องมีจำนวนไม่น้อย พวกเขาล้วนเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลหลี่แต่นอกจากแม่ของเขาแล้ว ก็ไม่มีใครมีท่าทีเสียใจอะไรเลยหลี่มี่พูดอย่างไร้อารมณ์ “ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นต้าวจือจริง อย่างนั้นเรื่องนี้แกก็เก็บไว้กับตัวแก อย่าให้ใครได้รู้เป็นอันขาด!”ปรมาจารย์ไม่สามารถรุกรานได้ในตอนนี้!“พ่อครับ!” หลี่หรูเฟิงกัดฟันแน่น “ผมรู้ครับ แต่ว่าผมจะไม่ยอมมันแน่!”แม่ของหลี่หรูเฟิงกอดเขาไว้และร้องไห้ไม่หยุด“โถลูกชายแม่ ลูกรออีกนิดนะ ตาของลูกเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุ
หน้าท้องที่บางเรียบ ผิวขาวราวหิมะ ไม่มีชั้นไขมันเลยสักนิด ประดุจดั่งเงือกสาวเธอว่ายน้ำมาตรงข้าง ๆ หูเม่ยเอ๋อร์ เธอหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “พี่คะ คิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่อดทนกับเสน่ห์ของพี่ได้ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ”หูเม่ยเอ๋อร์ถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “ที่จริงฉันก็แค่อยากจะลองใจหมอนั่นดูว่าจะจริงใจหรือว่าเสแสร้งกันแน่ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนที่ฉันบอกเขาว่าเราว่ายน้ำกันอยู่ เขาจะแสดงออกชัดเจนว่าเขาจะไม่มาขนาดนี้”หรูฮว่าส่ายหน้าพร้อมหัวเราะ “แต่ถ้าเขาตอบตกลงว่ามา เขาคงไม่ได้เห็นพี่ใส่เสื้อผ้าแบบตอนนี้แน่นอน”นิ้วเรียวหูเม่ยเอ๋อร์เหยียดออก แล้วดีดไปที่หน้าผากเล็ก ๆ เบา ๆ “ยายเด็กน้อย เธอนี่ฉลาดจริง ๆ เลยนะ”……เย่ซิวกับเซี่ยซิ่วซิ่วได้มาถึงตระกูลหลิ่วแล้วหลิ่วอวี้ฝูถึงกับมายืนรอที่หน้าประตูด้วยตัวเอง เมื่อเห็นพวกเขามา รอยยิ้มอันแสนหวานก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับพวกเขา ถ้าตระกูลอื่นในเมืองหนานเฉิงเห็นภาพนี้เข้าคงจะตกใจแน่ ๆเพราะหลิ่วอวี้ฝูมีฉายาว่าเป็นเจ้าหญิงเย็นชา แทบจะไม่มีใครเคยเห็นเธอยิ้มมาก่อนถ้าใครทำให้เธอยิ้มออกมาได้ มันคงจะน่ากลัวอย่างแน่นอน“พี
เมื่อหลิ่วอวี้ฝูได้รับโทรศัพท์สีหน้าก็เปลี่ยนทันที มีไอเย็นยะเยือกเล็ดลอดออกมาจากร่างกายหลิ่วซูหยุดชั่วคราวขณะที่เขาจะยกถ้วยชาขึ้นมาที่ริมฝีปาก “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วอวี้ฝูส่ายหน้า เธอลุกขึ้นมาและบอกกับเย่ซิวว่า “ฉันมีธุระที่ต้องไปจัดการ พวกพี่พักผ่อนอยู่ที่นี่สักพักนะ”พูดจบก็ยืนขึ้นแล้วจากไปเย่ซิวมองแผ่นหลังของเธอ ทำท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่หลิ่วอวี้ฝูกลับไปยังห้องหนังสือของเธอ เปิดคอมพิวเตอร์และออกคำสั่งบางอย่างออกไปข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเธอถูกส่งไปรัว ๆ เธอตอบอย่างสงบและรวดเร็วมันกินเวลานานกว่าสองชั่วโมงกว่าจะหยุดเธอถูขมับด้วยความเหนื่อยล้าบนใบหน้าอย่างไม่อาจปกปิดได้ตอนนี้เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้นมาอีกครั้งหลังจากรับสาย ก็มีเสียงร้องไห้จากอีกฝ่าย“ท่านประธานครับ ช่วยผมด้วยครับ ผมไม่อยากตาย!”หลิ่วอวี้ฝูเกิดความเครียดแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือพูดไปว่า “หลิวเหนิง คุณเป็นอะไร?”“มีคนกลุ่มหนึ่งจับผมมา ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนแถวนี้มืดมาก แถมตอนนี้พวกมันยังเอางูพิษมาวางไว้รอบ ๆ ตัวผมอีกท่านประธานรีบมาช่วยผมด้วยนะครับ ที่บ้านผมยังมีคนแก่และเด็ก ผมจะตายไม่ไ
สายตาที่มองเย่ซิ่วเหมือนกับการมองเทพพระเจ้าจอมยุทธระดับห้าที่มีอายุเพียงเท่านี้ ถ้าพูดออกไป ไม่รู้ว่ามันจะทำให้เกิดความตกใจยิ่งใหญ่ขนาดไหนบอดีการ์ดสาวไม่ต่อสาวความยาวอีกต่อไป เธอลงมาจากรถทันที เย่ซิวเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปนั่งที่ฝั่งคนขับก่อนสตาร์ทรถพร้อมพูดกับหลิ่วอวี้ฝูว่า “ผมไม่ค่อยคุ้นทางที่นี่ คุณบอกทางผมด้วยนะ”หลิ่วอวี้ฝูพยักหน้าอย่างว่าง่าย ดวงตาของเธอส่องแสงเมื่อมองไปยังเย่ซิว “นี่พี่เย่ พี่บอกฉันได้ไหมว่าพี่เป็นสาวกจากสำนักไหน?”“มันเป็นความลับน่ะ”ปากน้อย ๆ ของหลิ่วอวี้ฝูพึมพัม “ฉันล่ะเกลียดพี่จริง ๆ ”รูปลักษณ์และการกระทำดูมีเสน่ห์และน่าหลงไหลเย่ซิวเหลือบมองจากหางตาของเขา และการเต้นของหัวใจของเขาก็ช้าลงครึ่งหนึ่งไม่นานเขากลับมามีสติอีกครั้งไม่กี่ปีที่หลังจากสาวน้อยโตขึ้น เธอจะต้องเป็นคนที่ทำให้สรรพสัตว์สับสนและดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนให้มองดูเธอในทุก ๆ ที่ที่เธอไปโชคดีที่เธอมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งและเธอเองก็มีความสามารถไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเธอคงจะถูกบางคนที่มีเจตนาไม่ดีทำร้ายไปแล้วก็ได้ในระหว่างนั้น หลิ่วอวี้ฝูก็บอกทิศทางกับเย่ซิวต่อไปใช้เวลาเพียงแค่สามสิบนาท
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ
แล้วทุกคนก็เห็นจ่าฝูงเดินตรงไปหาเย่ซิว จากนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาเลียหน้าของเขาเบา ๆ ด้วยแววตาประจบเอาใจสุด ๆทุกคนตกตะลึง “???”รั่วอวิ๋นถึงกับยืนนิ่งตัวแข็งเป็นหิน ตาถลน ปากอ้าค้างจากนั้นเธอก็ชี้ไปที่เย่ซิวอย่างโกรธจัด “นายยังจะกล้าบอกว่าไม่ได้ทำอะไรอีกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?!”แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ สิงโตหยกขาวอีกเจ็ดตัวก็วิ่งตามกันมาล้อมเย่ซิวไว้รอบด้าน แถมยังมองรั่วอวิ๋นด้วยสายตาแข็งกร้าวอย่างเต็มไปด้วยท่าทีคุกคามรั่วอวิ๋นเผลอก้าวถอยหลังไปด้วยสีหน้าซีดเผือดความรู้สึกตอนนี้เหมือนโดนใครสักคนมายึดบ้านไปคนอื่น ๆ เองก็จ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาในแบบที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเหนือจริงเกินไปเย่ซิวทำหน้าใสซื่อ “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”รั่วอวิ๋นโกรธจนตัวสั่นสัตว์ที่เธอเลี้ยงมากับมือหลายปีดันพร้อมใจกันหักหลังเธอแบบนี้ ใครจะทนได้มันไม่ใช่แค่เรื่องทรัพยากร แต่ยังรวมถึงความรู้สึกที่ทุ่มเทไปทั้งหมดด้วย!“นายบอกว่าไม่ได้ทำอะไร แล้วทำไมพวกมันถึงพร้อมใจกันหักหลังฉัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!” รั่วอวิ๋นกัดฟันพูด สายตาที่มองเย่ซิวเต็มไปด้วยความคาดโทษถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ให
ในใจรั่วอวิ๋นกำลังปลื้มเป็นที่สุดแต่ต่อหน้าคนอื่นเธอยังคงวางมาดสงบนิ่ง และพยักหน้าเบา ๆ แบบถ่อมตัวสุด ๆ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่สัตว์วิญญาณไม่กี่ตัว เอาไว้เฝ้าประตูเฉย ๆ”คำพูดโอ้อวดแบบถ่อมตัวเช่นนี้ทำเอาคนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกระตุกมุมปากกันเป็นแถบเธอคิดว่านี่คือผักกาดขาวหรือไงนี่มันสัตว์วิญญาณระดับจินตานตั้งแปดตัวเชียวนะถึงสายเลือดของพวกสิงโตหยกขาวจะไม่ใช่ระดับสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่พวกชั้นต่ำ อยู่ระดับกลางค่อนไปทางดีเลยด้วยซ้ำถ้าเลี้ยงต่อไปดี ๆ รับรองว่าเก่งขึ้นได้อีกแน่นอนลองจินตนาการดูสิ สิงโตหยกขาวแปดตัวคำรามพร้อมกันจะอลังการแค่ไหน มันต้องเป็นภาพที่อลังการและน่าเกรงขามสุด ๆ“เย่ซิวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ” ภรรยาเจ้าสำนักทำทีเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นเขาเย่ซิวยิ้มพลางเอ่ย “ขอคารวะท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เจ้าสำนักและภรรยา ผมแค่มาให้อาหารพวกมันน่ะครับ”ทุกคนก็พยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงรับรู้ ไม่มีใครเชื่อมโยงได้ถึงเรื่องที่สัตว์วิญญาณเลื่อนระดับได้เพราะตัวเขาเลยแม้แต่น้อยไม่นานนัก สัตว์วิญญาณทั้งแปดตัวก็ค่อย ๆ สร้างตานปีศาจได้สำเร็จแทบจะพร้อมกันพลังที่ระเบิดออกมาทำให้เกิดพายุขนาดใหญ่ไปทั
แม้ว่ารั่วอวิ๋นจะรู้ดีว่าความคิดแบบนี้มันไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่เธอก็ห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริง ๆถ้าเย่ซิวแค่ลองกลั่นโอสถเป็นครั้งแรกก็เก่งกว่าเธอแบบไม่เห็นฝุ่น แบบนั้นมันก็เหมือนโดนตบหน้าแรง ๆ เข้าให้แล้วแบบนี้จะรักษาภาพลักษณ์ความเป็นอาจารย์ไว้ต่อหน้าเขาได้ยังไงกันล่ะเสียงโครมดังขึ้น ก่อนที่ฝาปิดเตาจะหลุดออกกลิ่นหอมของโอสถที่เข้มข้นจนถึงขีดสุดกระจายไปทั่วเย่ซิวถึงกับใจหล่นวูบ คิดในใจว่าแย่แล้วถึงเขาจะพยายามเก็บงำกลิ่นเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ดูเหมือนแค่กลิ่นที่ลอยออกมาก็แรงกว่าโอสถของรั่วอวิ๋นเสียอีกรั่วอวิ๋นพยายามควบคุมสีหน้าแล้วรีบเดินเข้าไปดูโอสถในเตาพอเห็นแล้วก็ถึงกับยืนช็อกไปทั้งตัวที่ก้นเตา โอสถจำนวนห้าสิบเม็ดวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และแต่ละเม็ดก็ใสบริสุทธิ์ดูอัดแน่นไปด้วยพลังแต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุดก็คือทุกเม็ดมีลวดลายโอสถปรากฏอยู่บนผิวของมัน หมายความว่าโอสถทั้งหมดนี้เป็นระดับสูงนี่มันไม่ใช่แค่โดนตบหน้าแล้ว แต่มันคือการโดนกดหัวลงพื้นแล้วลากไปเลยต่างหากเย่ซิวไอแห้ง ๆ หนึ่งทีและจงใจไม่เข้าไปดู แต่ทำท่าทางตื่นเต้นแล้วถามเธอด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ว่า “ท่านอาจ
ทั้งความรู้ที่เคยได้รับรวมถึงทักษะการกลั่นโอสถต่าง ๆ ก็ควรจะเหนือกว่าตัวเขาแบบทิ้งห่างสิแต่ทำไมกลับรู้สึกว่ายังห่างชั้นจากเขาอยู่เยอะเลย?เย่ซิวยังคิดว่าตัวเองอาจจะคิดไปเองจึงตั้งใจดูต่ออีกสักพักจนสุดท้ายก็มั่นใจเต็มร้อยว่าทักษะการกลั่นโอสถของผู้หญิงคนนี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขาด้วยซ้ำแค่ฝีมือระดับนี้ก็ยังยืนหยัดอยู่ในโลกของผู้ฝึกตนได้ด้วยเหรอ?หรือโลกของผู้ฝึกตนมันหากินง่ายขนาดนั้นเลย?ความคิดสารพัดผุดขึ้นมาในหัวเย่ซิว แต่สีหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงพิรุธอะไรออกมาเลยหนึ่งชั่วโมงผ่านไป โอสถก็กลั่นเสร็จเรียบร้อยรั่วอวิ๋นเปิดฝาเตาก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ๆ หนึ่งเตาได้โอสถมายี่สิบเจ็ดเม็ด ระดับกลางหกเม็ด ถือว่าสมบูรณ์แบบ”จากนั้นเธอก็หันไปมองเย่ซิวแม้ใบหน้าจะดูเรียบเฉย แต่เย่ซิวก็พอจะจับความหมายแฝงได้ไม่ยากก็แค่รอให้เขาชมเธอนั่นแหละหากพูดตรง ๆ การกลั่นโอสถของรั่วอวิ๋นรอบนี้ถือว่าสอบตกสำหรับเย่ซิว เพราะวัตถุดิบที่ใช้ไปทั้งหมด ถ้าเป็นเขากลั่นเองอย่างน้อยจะได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแถมยังเป็นโอสถระดับสูงทั้งหมดด้วยซ้ำเมื่อเห็นโ
เย่ซิวรู้สึกหมดคำจะพูดทำไมทุกทีที่เขากำลังจะเข้าสู่จุดสำคัญ ผู้หญิงคนนี้ต้องโผล่มาขัดจังหวะตลอดเลยนะเขาไม่อยากเสียเวลาเถียงจึงเลือกกลืนเม็ดยาลงไปตรง ๆจากนั้นก็เริ่มเดินกำลังเดินกำลังภายในเพื่อกลั่นพลังโอสถพลังโอสถอันหนักแน่นและทรงพลังแผ่กระจายออกมาภายในร่างเขาราวกับภูเขาไฟขนาดยักษ์ระเบิดออกในพริบตาสำหรับเย่ซิว ระดับนี้ไม่ใช่เรื่องยาก และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือรากฐานพลังของเขาลึกเกินไปจนต้องใช้โอสถไปถึงห้าเม็ดถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จพลังวิญญาณในร่างกลายเป็นของเหลวหนืดเหนียวสุดขีด วิญญาณก่อกำเนิดก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าทั้งพลังบำเพ็ญและความสามารถในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นพร้อมกันสิบเท่าเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงที่แผ่กระจายอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เย่ซิวก็รู้สึกว่าดวงตาตัวเองสว่างวาบต่อให้ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะยังไม่ใช่คู่มือที่แท้จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่มีทางสู้เหมือนเมื่อก่อนแล้วอย่างน้อยถ้าคิดจะหนีก็หนีรอดแน่นอนการทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตยังส่งผลเสริมพละกำลังร่างกายของเย่ซิวอีกด้ว
เย่ซิวอายุแค่นี้เองนะ!แต่กลับสามารถกลั่นโอสถระดับสุดยอดออกมาได้ถ้าให้เวลาเขาอีกหน่อย แบบนี้ไม่บินขึ้นฟ้าไปเลยเหรอเจ้าสำนักกับภรรยาหันไปมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความจริงจังและความตกตะลึงในแววตาของกันและกันดูเหมือนต้องประเมินเย่ซิวใหม่เสียแล้วจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับหยิกเนื้อแขนตัวเองแรง ๆ แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนฝันอยู่ดี“ไม่จริงน่า เขาจะกลั่นสุดยอดโอสถได้ยังไง…ถึงว่าทำไมวันนั้นฉันไปหาเขา เขาถึงได้ทำตัวเย็นชาใส่ ที่แท้ในสายตาเขาฉันก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง”ในขณะที่คนทั้งสนามกำลังตะลึงอยู่ สีหน้าของหนานกงอู๋ซวงกับเฉินเยียนจือก็เริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่ทุกคนได้รับโอสถกันหมด มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่มีมันชัดเจนมากว่าเย่ซิวตั้งใจเมินพวกเขาเฉินเยียนจือโกรธจนตัวสั่น ก่อนชี้หน้าเย่ซิวพลางตะโกน “นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมทุกคนมีกันหมด แต่ฉันกับพี่อู๋ซวงไม่มี!”เย่ซิวไหล่ตกก่อนจะทำหน้าไร้เดียงสา “อ๋อ พวกคุณก็อยู่ด้วยเหรอ ขอโทษที พอดีโอสถหมดพอดีเลยเอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้พวกคุณทั้งคู่มาหาผมสิ เดี๋ยวผมจะกลั่นให้ส่วนตัวเลย”เฉินเยียนจือไม่พูดอะไรอีก แต่จ้องเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบส
เสาไอพลังโอสถพุ่งขึ้นฟ้าด้วยแรงมหาศาลราวกับค้อนยักษ์ที่มองไม่เห็นทุบกระแทกลงกลางใจของทุกคนอย่างแรงรั่วอวิ๋นแทบล้มทั้งยืน ปากสวย ๆ ของเธออ้าค้างจนสามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้หลายฟองเธอมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดีเย่ซิวโบกมือเบา ๆ จากนั้นโอสถจำนวนมหาศาลก็ลอยออกมาจากเตากลั่นและพุ่งขึ้นไปลอยเหนือศีรษะของเขาดูแล้วมีไม่ต่ำกว่าหมื่นเม็ดโอสถจำนวนมากขนาดนั้นรวมตัวกันจนกลายเป็นเมฆโอสถที่ปกคลุมอยู่เหนือหัวไม่ต้องพูดถึงบรรดาศิษย์ แต่ละคนถึงกับอ้าปากค้างไปแล้วแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่เคยเห็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจแบบนี้มาก่อนทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออกเย่ซิวโบกมืออีกครั้งโอสถกว่าหมื่นเม็ดแยกออกเป็นส่วนย่อย ๆ ลอยกระจายไปตรงหน้าของทุกคนในสนามจากนั้นก็ได้ยินเสียงเย่ซิวพูดว่า “ในเมื่อผมมาอยู่ที่นี่แล้ว เราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันโอสถพวกนี้ก็ถือเป็นของขวัญแนะนำตัวจากผมก็แล้วกันผมเป็นคนคุยง่ายนะ ถ้าคุณให้เกียรติผม ผมก็จะให้เกียรติคุณแต่ถ้าคิดจะเล่นสกปรกกับผม ผมก็จะขยี้ให้แหลกไม่เหลือเหมือนกัน”เด็กสาวหน้ากลมคนหนึ่งมองเย่ซิวอย่างไม่แน่ใจ “ศิษย์พี่เย่พู
เพียงแต่ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ เขาย่อมไม่สามารถแสดงความไม่พอใจออกมาตรง ๆ ได้“เอาล่ะ การประลองครั้งนี้ถือว่าจบลงตรงนี้ เหล่าศิษย์ใหม่ทั้งหลายกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกหนึ่งถึงสองวันจะมีประกาศว่าพวกนายจะได้เป็นศิษย์ของท่านอาวุโสท่านใด”“เดี๋ยวก่อนครับ”จู่ ๆ เย่ซิวก็พูดขึ้นมาอีกครั้งเจ้าสำนักเริ่มหมดความอดทนแล้ว ก่อนจะมองเย่ซิวด้วยสายตาเย็นเฉียบ “นายยังมีอะไรอีก”เขาเริ่มหมดความอดทนกับเจ้าหมอนี่ที่ทำให้เขาเสียหน้า แถมยังทำให้เขาเสียหายหลายอย่างด้วยเย่ซิวทำเหมือนไม่เห็นสีหน้าที่เย็นยะเยือกน่ากลัวของอีกฝ่าย ยังคงยิ้มแล้วหันไปเอ่ยกับทุกคนว่า“พวกคุณอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นคือผมเป็นนักปรุงยา”เฉินเยียนจือที่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองเย่ซิวยังไงก็ไม่ชอบใจเอาเสียเลยทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบแย้งขึ้นมา “นายเพิ่งจะได้เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสรั่วอวิ๋นเอง ยังไม่ทันได้เป็นนักปรุงยาฝึกหัดด้วยซ้ำ กล้าพูดจาแบบนี้ได้ยังไง”เย่ซิวมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อายุแค่นี้ทำไมพูดมากนักล่ะ พ่อแม่ไม่สอนเรื่องมารยาทรึไง? ไร้การอบรมเสียจริง!”เจ้าสำนักที่อยู่ไม่ไกลถึงกับหน้าบึ้งอย่างเห็นได้ชัดเขาอยากจะตบเจ้าเด