แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 24 ตอนเย็น พี่ปราณบอกว่าพี่เหนือจะไปเดินตลาดด้วย ตอนนี้เราก็เลยจอดรถรออยู่หน้าร้าน คนที่บอกว่าจะไปด้วยกำลังสั่งงานคนที่ร้าน ก่อนที่พี่เหนือในชุดหล่อจะขึ้นรถมาพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเหมือนอย่างเคย พี่ปราณรับหน้าที่เป็นคนขับรถ ส่วนอีกคนนั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนตัวฉันเองนั่งอยู่เบาะหลัง “ไงปาย” พี่เหนือหันมามองกันเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ สายตามองกันค้างอยู่ครู่ก็เบนกลับไป ฉันพยายามไม่ทำตัวกระโตกกระตากว่ากำลังเขินอาย แต่เพราะเรื่องเมื่อคืนทำให้วันนี้ฉันลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวเสียสวยเฉี่ยว ถึงขั้นลอนผมมาเลยด้วยซ้ำแม้ว่าเราจะไปเดินแค่ตลาดนัดก็ตาม ก็ยังดีที่ไม่มีใครเอ่ยปากแซว… “เดี๋ยวแวะไปรับคิมด้วยนะ” “รู้แล้ว มันเพิ่งทักมาบอกกูเมื่อกี้” “กูชวนเอง เห็นอยู่บ้านว่าง ๆ” ยิ้มที่พยายามจะกลั้นเมื่อครู่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องฝืนแล้ว เพราะบทสนทนาระหว่างคนสองคนด้านหน้าที่เอ่ยถึงบุคคลที่สามขึ้นมา รู้อีกทีฉันก็ถามออกไป “พี่คิมไปด้วยเหรอ?”
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 25 วันต่อมา ฉันมาบ้านพี่เหนือตอนเย็นเหมือนทุกวัน เลี้ยงจ๋อมจนถึงค่ำเหมือนทุกคืน แต่ที่ต่างคือวันนี้ฉันไม่มีแก่จิตแก่ใจจะอยู่เจอหน้าเจ้าของบ้านเหมือนทุกที และตอนที่กำลังควบจักรยานจะหนีกลับบ้านก่อนคนที่ว่าจะมาถึงก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเสียงไอ้แก่จอดสนิทลงตรงหน้าพอดี “ไปไหน?” ดวงหน้าคมคายมีแววประหลาดใจเมื่อเห็นว่าฉันเตรียมตัวจะกลับ “ปายง่วง ขอลาสักวันนะพี่” ว่าแล้วก็หักหัวจักรยานหนีโดยที่ไม่อยากจะสบตากับเขา แต่พี่เหนือก็มายืนขวาง ทั้งยังจับหัวจักรยานเอาไว้อีกต่างหาก “เป็นไร?” “ปายง่วง” “นี่ยังไม่สองทุ่มเลย” “…” “เข้าบ้านก่อนดิ พี่ซื้อขนมมาให้” คนตรงหน้าไม่พูดเปล่าแต่เดินกลับไปที่ไอ้แก่ก่อนจะเอาน้ำเต้าหู้กับถุงขนมอะไรสักอย่างมายื่นให้ทั้งรอยยิ้มกว้างที่ไม่ต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้อารมณ์ฉันมันถึงได้สวิงนัก ฉันเบี่ยงจักรยานหนีอีกครั้งแบบที่ไม่คิดจะยื่นมือไปรับ แต่พี่เหนือก็ดึงแขนกันไว้คราวนี้สีหน้าข้องใจฉายชัด
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 26 ตอนค่ำ ทั้ง ๆ ที่อยากจะทำเป็นไม่สนใจเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน หรือเก็บเอาเรื่องของพี่เหนือมาใส่ใจให้ตัวเองซึมกระทืออีก แต่เพราะคำพูดของเขาก่อนที่จะออกจากบ้านไปกลับทำให้จิตใจฉันอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมา เพราะพูดออกไปว่า ‘ไม่ชอบให้เขามาทำอะไรแบบนี้’ นั่นอาจจะทำให้เจ้าตัวเข้าใจผิดไปได้เขาอาจคิดไปว่าฉันไม่โอเคกับการที่เขามาสนิทชิดเชื้อด้วย หรือถ้าอย่างแย่ก็อาจจะคิดไปว่าฉันไม่โอเคที่เขาทำเหมือนว่าสนใจกันเขาสนใจกันมันก็ดีอยู่แล้วฉันไม่ติดเรื่องนั้น แค่ไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้กับคนอื่นด้วยเหมือนกัน แต่ตอนนี้พี่เหนืออาจจะไม่ได้คิดในจุดเดียวกันเขาอาจคิดไปว่าฉัน… รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์เขาหรืออะไรทำนองนั้นไปแล้วก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เลยและพอคิดได้ว่าควรจะต้องขอโทษที่อาจจะทำให้อีกคนรู้สึกแย่ ใจฉันก็เกิดจะอยู่ไม่เป็นสุขขึ้นมาแค่เพราะฉันคิดว่าตัวเองกำลังได้ความหวังมาแต่พอไม่เป็นไปอย่างที่หวังก็ไปเหวี่ยงใส่เขาเสียอย่างนั้น พี่เหนือไม่ได้ผิดอะไรเลย เพราะเราก็ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน การที่ฉันไปออกอาการแบบนั้นมันไม่น่ารักเอาเสี
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 27ไม่ใช่แค่คู่สนทนาของเขาที่ชะงักค้างไป ถึงตัวฉันเองในตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน พี่เหนือยิ้มกว้างให้คนตรงหน้าที่ถึงกับเก็บโทรศัพท์กลับไป แล้วก้มหน้างุดเดินเบี่ยงตัวเข้าร้านไปทันทีโดยไม่ได้ต่อประโยคสนทนาอื่นใดอีกตอนนี้ก็เหลือแค่เราสองคน…ความรู้สึกของฉันในตอนนี้ปั่นป่วนหนักยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก เพราะดันมาได้ยินอะไรแบบที่ไม่ควรได้ยินเข้าให้โดยไม่ทันตั้งตัวพี่เหนือมีคนที่ชอบอยู่แล้ว…ความรู้สึกแรกก็แอบคาดหวังว่าจะเป็นฉันเอง… แต่คิดไปคิดมามันก็อาจจะไม่ใช่… และถ้าเป็นอย่างหลังก็คงส่งผลต่อจิตใจฉันไม่มากก็น้อย อีกทั้งตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าคนที่เขาชอบนั้น… คือใคร นัยน์ตาคมหันจ้องมองมาที่ฉันอีกครั้ง ฉันเองก็เงยหน้ามองเขา เราเงียบกันอยู่ครู่ ฉันก็ไม่สามารถเปิดประเด็นได้ก่อนเหมือนเคย จนอีกคนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นแทน “พี่ไม่ยักรู้ว่าเราจะมา” “กระถินชวนปายมา” “เหรอ…” “คือ… ปายมีเรื่องจะคุยกับพี่” “…”เขายังคงยิ้มให้ แต่คราวนี้สายตาเบนมองไปทางอื่น ท่าทางอึดอัดใจไม่ต่างกัน คงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันท
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 28 วันต่อมา เพราะการพูดออกไปตรง ๆ ดีกว่าเก็บเอาไว้เป็นไหน ๆ สุดท้ายแล้วอารมณ์สวิงเป็นผีบ้าของฉันก็จบลงได้ด้วยดี ถึงจะยังมีสถานะเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเคย แต่เราก็ต่างรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเราขยับเข้ามาใกล้กันอีกระดับแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่ใช่คนเดียวที่คิดไปเอง… ก็เรา… จูบกันตั้งสองหน… “เป็นอะไร?” “หืม?” “ก็เห็นเดินยิ้มอยู่คนเดียว” “…” พี่ปราณที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ตรงโซฟาเลิกคิ้วมอง สีหน้าขบขันเมื่อเห็นว่าฉันรีบหุบยิ้มลง เพราะตอนนี้ไม่อาจให้คนเป็นพี่รู้ได้ถึงเรื่องระหว่างฉันกับพี่เหนือเลยทำเป็นไหวไหล่เล็กน้อย “ปายแค่กลับมาอยู่บ้านแล้วอารมณ์ดี” “หืม?” คราวนี้สีหน้าขบขันของพี่แปรเปลี่ยนเป็นยกยิ้มกว้างขึ้นมาแทน พลางก็กวักมือเรียก ฉันเดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ กับเขา พี่ปราณถอนหายใจเสียงดังแล้วดึงตัวฉันเข้าหาอ้อมอก แล้วฉันก็เพิ่งได้สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะตรงหน้ามีกล่องของขวัญผูกริบบิ้นเสียสวยวางเอาไว้ พี่ปราณมองตามสายตาแ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 29หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันปั่นจักรยานมาถึงบ้านพี่เหนือตอนที่รถรับส่งนักเรียนมาส่งจ๋อมพอดี และไม่กี่นาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงไอ้แก่ดังขึ้นที่หน้าบ้าน จ๋อมที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลอง ถึงกับวิ่งออกไปดู “อาปายวันนี้อาเหนือกลับเร็วจัง ฟ้ายังไม่มืดเลย” ฉันทำได้เพียงแค่หลุดหัวเราะออกมาคนเดียว เพราะตอนที่จ่ายเงินก่อนออกจากร้าน ทุกคนที่ร้านกำลังเริ่มเก็บร้านกันแล้วอย่างงง ๆ กับสถานการณ์แบบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าของร้านจะสั่งเก็บร้านกะทันหันแบบนั้น “อาเหนือ!” แค่พี่เหนือเดินเข้าบ้านมาจ๋อมก็ร้องอย่างดีอกดีใจ อาเหนือที่ตอนแรกปั้นหน้ายุ่งกลับคลี่ยิ้มออกมาได้ง่าย ๆ ช้อนตัวหลานขึ้นอุ้ม พลางก็หอมแก้มไปอย่างมันเขี้ยว “ทำไมวันนี้อาเหนือกลับเร็ว?” “วันนี้แมลงวันมันเยอะ…” ปากก็ตอบคำถามเด็กแต่สายตากลับมองมาที่ฉันเสียอย่างนั้น “ดีเลย วันนี้อาเหนือวาดการ์ตูนเป็นเพื่อนจ๋อมหน่อยสิ” “อืม… ได้ดิ ขออาไปอาบน้ำก่อน” “จัดไป” ว่าแล้วพี่เหนือก็ปล่อยจ๋อมลง หลานวิ
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 30 วันต่อมา เพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้วันนี้ทั้งวันจิตใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวหนักยิ่งกว่าวันไหน ๆ แม้ว่าจะเข้าเมืองกับแม่ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใส่ไปงานบุญ ก็แทบจะคุยอะไรกับท่านไม่รู้เรื่อง ในหัวเอาแต่วนเวียนนึกถึงเรื่องเมื่อตอนหัวค่ำของเมื่อคืนวานที่ผ่านมา แค่คิดถึงรสจูบของคนที่ตัวฉันเองเฝ้าฝันมาตั้งแต่สมัยก่อนนู้น กับสัมผัสเร่งเร้าแบบอุกอาจของเขาใจก็เต้นตูมตาม หูอื้อตาลายฟังใครพูดแทบไม่รู้เรื่อง แม้จะขัดเขินกับความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่กำลังก้าวหน้าของเรามากแค่ไหน แต่แน่นอนว่าฉันจะไม่เขินจนทำให้เสียเรื่องเป็นแน่ แม้ว่าจะยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครที่ไหนมาก่อน หากแต่วันนี้ถ้าโอกาสมาถึงอีกครั้ง ฉันคงไม่เขินจนรีบหนีกลับบ้านเหมือนเมื่อคืนเป็นแน่ คิดแล้วก็ได้แต่ตีอกชกหัวอยู่ในใจ ถ้าอยู่ต่ออีกสักหน่อยบางทีเราสองคนอาจจะ…เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน… แต่ก็ราวกับอะไรไม่เป็นใจสักอย่าง… วันนี้หลังจากพาจ๋อมเข้านอนแล้วฉันก็นั่งรอพี่เหนืออยู่นานเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับสักที กระทั่งนาฬิกาเดิน
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 31 พี่เหนือไม่พูดเปล่าแต่เริ่มสอดเรียวนิ้วผ่านเข้ามายังช่องทางรักระอุร้อนอีกครั้ง ขยับโยกข้อนิ้วขึ้นลงจนเสียงสัมผัสฉ่ำแฉะดังชัดในความเงียบ สายตาสื่อความหมายที่กำลังมองกันในขณะนี้ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ พี่เหนือจูบเข้าที่ข้างแก้ม พร้อมทั้งร้องถามอีกที “อยากให้ช่วยไหม?” “พี่… หยุดแกล้งปายได้แล้ว” “พี่ไม่ได้แกล้ง แค่อยากเห็นเราเป็นแบบนี้…” ปากก็บอกว่าไม่ได้แกล้ง แต่ก็ยกยิ้มกว้างราวกับจะกวนประสาทกันแม้ในชั่วโมงเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ ถึงอย่างนั้นฉันก็เม้มปากแน่นซบใบหน้าเข้าหาบ่ากว้างของเขา พึมพำตอบเสียงสั่นพร่าเพราะช่วงล่างกำลังถูกกระตุ้นหนัก “พี่… ช่วยปายหน่อยสิ” “…” และวินาทีถัดมาชั้นในตัวน้อยก็ถูกดึงออกจากเรียวขา ฉันยังคงนั่งอยู่บนตักกว้างหันด้านข้างให้เขา พี่เหนือยกขาข้างหนึ่งของฉันขึ้นวางบนเตียง ส่วนอีกข้างก็ถูกขาของเขาเบี่ยงให้อ้ากว้างขึ้นไปอีก กลายเป็นว่าฉันกำลังนั่งถ่างกึ่งกลางกายให้เขายลเรียวนิ้วเยียบเย็นสอดประสานเข้าหาช่องทางรักอีกค
เหนือรักปายตอนพิเศษ 4 ปัจจุบัน เสียงหัวเราะของคนหลายคนดังแว่วมาให้ได้ยิน ตอนที่ผมกำลังเดินไปยังเวิร์กช็อปเล็ก ๆ ข้างกันกับตัวบ้านของผมเองที่ ๆ ปายตั้งใจจะเปิดสอนศิลปะให้กับคนที่สนใจ และก็ได้รับการตอบรับดีพอสมควร เพราะในตัวอำเภอไม่มีที่ไหนเปิดสอนศิลปะเป็นจริงเป็นจัง หากจะเรียนก็ต้องเข้าเมืองไปไกลกว่าสองชั่วโมง ลูกค้าส่วนมากก็เป็นเด็กนักเรียนที่พ่อแม่สนใจจะสนับสนุนลูก ๆ ให้เอาดีทางด้านนี้ แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนอยู่เหมือนกันที่ให้ความสนใจมาลงเรียน บางกลุ่มก็มาเรียนบ้างเป็นพัก ๆ บางคนก็ตั้งใจจะเรียนระยะยาวแม้งานที่ว่านี้จะไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่คนที่ตั้งใจทำก็ดูจะพอใจที่ทุกอย่างไปได้สวยอย่างที่คิด วันนี้เป็นเย็นวันธรรมดาคนเลยไม่เยอะเท่าไรนัก สังเกตได้จากรองเท้าที่ถอดเรียงเอาไว้บนชั้นวางรองเท้าด้านนอก หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์คนก็จะเยอะกว่านี้ เสียงกริ่งประตูดังขึ้นตอนที่ผมผลักบานประตูเดินเข้าไป คนหลายคนด้านในหันมองมา เด็กนักเรียนผู้หญิงหลายคนกำลังนั่งจับกลุ่มวาดภาพสีน้ำ ตรงหน้าของแต่ละคนมีกระดานวาดภาพวางบนขาตั้งไม้ทรงสูง ผมได้แต่
เหนือรักปายตอนพิเศษ 3@ โรงเรียน “กูอยากถือป้าย” “ก็ถ้าไม่ใช่มึงเป็นดรัมฯ แล้วจะให้ใครเป็น?” “กูขี้เกียจซ้อม ขอถือป้ายแทนได้ปะ?” “ไอ้ฝ้ายก็จะนั่งเสลี่ยง มึงก็อยากจะถือป้าย ไม่มีใครอยากเป็นดรัมฯ บ้างเลยหรือยังไง?” “…” ผมได้แต่นั่งมองเพื่อนผู้หญิงโต้กันไปโต้กันมาเรื่องการเตรียมงานกีฬาสีของโรงเรียนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ขนาดว่านั่งเฉย ๆ ไม่ออกความเห็นอะไร สายตาคนอื่นก็พากันหันมากดดัน ราวกับจะให้ผมเป็นคนออกความเห็นว่าใครควรจะเป็นดรัมเมเยอร์เสียอย่างนั้น “อะไร? กูจะรู้ไหมเนี่ย? กูผู้ชาย” “มึงเป็นประธานไงเหนือ และนี่ไม่มีใครอยากเป็นเลยสักคน ดรัมฯ ไม้แรกเลยนะเว้ย กูละงงจริง ๆ”ไอ้จ๋าเกาหัวแกรก ๆ สีหน้าคิดไม่ตก สายตากดดันเลื่อนมองกลับไปยังคิมซึ่งนั่งกอดอกอยู่บนโต๊ะเรียนอีกครั้ง คนถูกมองพ่นลมหายใจเสียงดังพลางก็บ่นกระปอดกระแปด “ก็กูอยากถือป้าย มึงก็เป็นดรัมฯ เองสิ” “ลดน้ำหนักให้ได้สักสิบห้ากิโลฯ กูจะเป็นให้” คนที่เพื่อนปัดภาระให้เ
เหนือรักปายตอนพิเศษ 2@ โรงเรียน วันนี้เป็นอีกครั้งที่ใต้โต๊ะเรียนของผมมีคนเอาจดหมายมาสอดไว้เหมือนกับหลายวันที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเอาของมาส่งให้ หากแต่ไม่มีใครใช้วิธีส่งจดหมายแบบนี้ ส่วนมากเป็นขนมกับของขวัญเสียมากกว่าก็มีอยู่แค่คนเดียวที่ใช้วิธีส่งจดหมายมา และแค่เห็นซองจดหมายก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นของคน ๆ เดียวกัน คนอื่นรอบตัวผมในขณะนี้ยังคงตั้งหน้าตั้งตาลอกการบ้านกันเหมือนอย่างเคยตอนที่ผมดึงเอากระดาษโน้ตลายกระต่ายสีชมพูออกจากซอง ไล่สายตาอ่านสิ่งที่เขียนอยู่บนแผ่นกระดาษอันที่จริงก็ไม่ได้ต่างไปจากทุกฉบับที่ผ่านมา คนส่งยังคงเขียนทำนองว่า วันนี้แอบมองผมตอนทำนู่นทำนี่ พรรณนาว่าตัวผมหล่อแค่ไหน ไม่ก็ประเภทที่ว่าเมื่อคืนฝันถึงผมอะไรประมาณนั้นทุก ๆ ย่อหน้าจะมีสติกเกอร์รูปหัวใจแปะอยู่ ท้ายแผ่นจะมีรูปการ์ตูนที่วาดไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน อย่างวันนี้ก็เป็นผู้หญิงกำลังยืนเกาะแขนผู้ชายที่ก็คิดว่าคงแทนตัวผมเอง ผมได้แต่ระบายรอยยิ้มออกมา เพราะต้นทางคนส่งดูท่าจะตั้งใจมาก ไม่ว่าผมจะมาโรงเรียนเช้าแค่ไหน ก็จะเห็นว่ามีจดหมายสอดที่ใต้โต
เหนือรักปายตอนพิเศษ 1 สิบปีก่อน@ เหนือ “กูถึงแล้ว” ‘จอดรออยู่หลังสถานี’ “เค” ปลายสายวางไปแล้ว กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกแบกขึ้นบ่าอีกรอบหลังจากถูกวางทิ้งไว้เมื่อนาทีก่อนเพราะผมเดินไปซื้อน้ำที่ร้านค้าหน้าสถานีรถไฟ อากาศประเทศไทยตอนกลางวันร้อนตับแตกแบบนี้ อะไรก็ไม่ดีเท่าได้กินน้ำแดงเย็น ๆ สักถุง หลังจากไปอยู่บ้านป้ามาตลอดปิดเทอมฤดูร้อนตอนนี้ก็ได้ฤกษ์กลับบ้านตัวเองเสียที เนื่องจากโรงเรียนใกล้เปิดเทอมแล้ว อีกไม่กี่วันก็คงต้องกลับไปเรียนเหมือนอย่างเคย และคงเป็นปีสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียน เพราะปีนี้ผมกำลังจะขึ้นชั้นม.หก “ไปบ้านกูก่อนแล้วกัน” แค่เจอหน้ากันไอ้ปราณเพื่อนสนิทที่เอามอเตอร์ไซค์มาจอดรอรับก็เอ่ยบอก พลางเอาขาตั้งรถขึ้น ผมไม่ทันได้พูดอะไรมันก็เตรียมจะออกรถ สุดท้ายเลยต้องรีบคร่อมขาซ้อนท้ายมัน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามเพื่อนว่าทำไมต้องไปบ้านมันก่อน เพราะถึงยังไงบ้านที่ว่าก็เป็นทางผ่านที่จะไปบ้านผมอยู่แล้ว สายลมพัดปะทะเข้าหาใบหน้าไม่ได้ช่วยให้คลายร้อนลงเท่า
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 49 หลายวันต่อมา หลังจากงานแต่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เราทุกคนก็กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติสุข ฉันยังคงไปเลี้ยงจ๋อมเหมือนทุกวัน พี่เหนือก็ออกไปดูแลร้านของเขาเหมือนทุกที พี่ปราณก็ยังคงช่วยดูแลกิจการของที่บ้าน ส่วนจ๋อมก็กำลังเตรียมสอบปลายภาคของระดับชั้นประถมศึกษา เพราะงานวันแต่งเราเชิญคนรู้จักมาเยอะมาก และแขกหลายคนก็เป็นอาจารย์ที่โรงเรียนเก่าของเราทั้งคู่รวมถึงรุ่นพี่รุ่นน้องชั้นปีอื่น ๆ ช่วงท้ายของงานทางอาจารย์เลยมีการขอแรงจากศิษย์เก่าเข้าไปช่วยจัดการเรื่องการย้ายโต๊ะนักเรียนแบบเก่าไปเก็บไว้ที่โกดังหลังโรงเรียนเพื่อที่จะรับโต๊ะเขียนแบบเลกเชอร์เข้ามาแทน แน่นอนว่าฉันกับพี่เหนือเองก็อาสาจะไปช่วย พวกเพื่อน ๆ ของเขา และเพื่อนสมัยเรียนของฉันก็พากันมาร่วมแรงร่วมใจกันในวันนี้ด้วยเหมือนกัน “ดีไหม?” “อะไร…” “ก็แกกับพี่เหนือไง ใกล้ได้ลูกรึยัง?” “บ้า…” “อย่ามาเขินหน่อยเลย เห็นว่าลุงหมานอยากมีหลานให้อุ้มไว ๆ” “ก็กำลังช่วยกันทำอยู่” “โอ๊ย! ไม่น่าถามเลยจริง
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 48 สองชั่วโมงต่อมา หลังจากที่เดินไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่โต๊ะนู้นโต๊ะนี้จนเสร็จ ทุกคนก็ทานอาหารกันจนอิ่มหนำ ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงเปิด VTR ของคู่บ่าวสาวที่พี่ปราณเป็นคนเสนอตัวจัดเตรียมให้เอง ฉันกับพี่เหนือได้แต่ยืนกลั้นขำกันอยู่บนเวทีเมื่อแต่ละรูปที่คนเป็นพี่เลือกมามันช่างน่าขำ ตั้งแต่รูปของเราสมัยยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ข้ามมาสมัยผมของฉันยังสั้นเท่าติ่งหู และตัดมาที่ภาพสมัยมัธยมปลายที่เริ่มจะดูดีขึ้นมาหน่อย ช่างต่างจากคนเป็นเจ้าบ่าวที่หน้าตาดีมาตั้งแต่เด็กแบบที่คงไม่เคยพบเจอยุคมืดของตัวเองมาก่อน วิดีโอเล่นผ่านไปเรื่อย ๆ จนเข้าสู่รูปพรีเวดดิ้งของเราทั้งคู่ ที่ออกจะหวานเกินไปเสียหน่อย ทุกรูปพี่เหนือจะมองกันด้วยสายตาแบบที่ทำเอาหัวใจละลาย บรรดาสาว ๆ ในงานพากันกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายกันไม่หยุดกับสายตาประเภทนั้นแม้จะเป็นเพียงภาพถ่ายก็ตาม และตอนนี้เองที่พี่เหนือเลื่อนมือมากุมประสานเข้ากันกับมือของฉัน สายตาที่มองมาอย่างสื่อความหมายทำเอาใจเต้นแรง แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางคนหลายร้อยคนฉันก็ไม่อาจห้ามจังหวะหัวใจให้เต้นช้าลงได้เลย
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 47 หนึ่งเดือนต่อมา วันงานแต่ง งานเลี้ยงตอนเย็นจัดขึ้นที่หอประชุมของโรงเรียน ที่เดียวกันกับที่เรามางานเลี้ยงรุ่นกันเมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากเสร็จสิ้นงานตอนเช้าไป ฉันก็แทบจะนอนหมดแรง เพราะพ่อกับแม่เชิญแขกมาแทบจะทั้งอำเภอ กว่าจะแห่ขันหมากเสร็จ กว่าจะกินข้าว กว่าจะพิธีรีตอง เอาเป็นว่าจบงานเช้าปุ๊บฉันก็หลับเป็นตาย ปล่อยหน้าที่ส่วนอื่น ๆ ให้พี่เหนือกับคนอื่นเป็นคนจัดการ แต่ก็นอนไปได้ไม่นาน พอช่วงบ่ายก็ถูกปลุกลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมเพื่อที่จะไปงานเลี้ยงช่วงค่ำต่อ สารภาพตามตรงว่าระหว่างที่ช่างแต่งหน้าบรรจงแต่งแต้มใบหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจฉันเผลอน้ำลายยืดตั้งสองสามที โอเค… เอาเป็นว่างานแต่งงานไม่ได้สนุกแบบที่คิดก็พอ และพอมาถึงหน้างานบ่าวสาวต้องรับบทนางยืนยิ้มรอถ่ายรูปอยู่ที่ฉากด้านหน้าทางเข้าซึ่งใหญ่โตอลังการแบบที่คิดไปไม่ถึงว่าพี่เหนือจะเล่นใหญ่อะไรเบอร์นี้ อันที่จริงพ่อกับแม่ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องงงเรื่องงานให้ แต่พี่เหนือบอกว่าเดี๋ยวเขาจัดการให้เองทั้งหมด และทั้งหมดนี่ก็คงหมดเงินไปบานตะไท
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 46 หลายวันต่อมา แล้วสุดท้ายเราสามคนก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม… เหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนจบลงด้วยดี หลังจากที่ฉันกับจ๋อมกอดกันร้องไห้ไปหลายต่อหลายยก พี่นัยก็มาคุยด้วย และบอกว่าจ๋อมคงจะไม่อยากไปจริง ๆ อาจจะต้องรบกวนพี่เหนือช่วยดูแลจ๋อมต่อ ไม่ใช่แค่เพราะจ๋อมไม่อยากไป แต่เป็นเพราะตัวพี่นัยเองก็มีสามีใหม่ ทั้งยังต้องทำงานกันทุกวัน เวลาเลิกเรียนจ๋อมอาจจะไม่มีคนดูแล แต่ที่มารับไปอยู่ด้วยเป็นเพราะกลัวว่าจ๋อมจะคิดถึง และแกเองก็คิดถึงลูกมากเหมือนกัน แต่ด้วยหน้าที่การงาน และเรื่องอื่นหลายสิ่งหลายอย่าง ห่วงก็แต่จ๋อมจะมาเป็นภาระพี่เหนือแทน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เลย เราทั้งคู่พากันออกตัวจะดูแลจ๋อมให้เองไม่ต้องเป็นห่วง สุดท้ายก็จบลงตรงที่พี่นัยจะมาเยี่ยมจ๋อมทุกอาทิตย์ หรือไม่ก็จะพาจ๋อมไปเที่ยวทุกอาทิตย์แทน ส่วนเรื่องเงินแม้ว่าพี่นัยจะบอกว่าจะส่งเสียจ๋อมเองแต่พี่เหนือก็บ่ายเบี่ยงปฏิเสธไป บอกว่าอยากจะช่วยดูแลทางด้านการเงินด้วย และฉันก็เพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่นัยเองมีภาระค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อีกทั้งไม่มีเวลาดูแลได้ดีเท
แอบรักเธออีกสักทีตอนที่ 45 หลายเดือนต่อมา เมื่อคืนฉันกลับมานอนที่บ้าน ทั้งยังต้องโต้รุ่งวาดภาพส่งให้ลูกค้าที่คอมมิชชันงานเข้ามา วันนี้ก็เลยตื่นสายกว่าปกติ แต่พอตื่นมาก็ต้องพบกับข่าวร้ายชนิดที่ว่า เห็นข้อความที่พี่เหนือส่งมาปุ๊บก็ต้องรีบกระโจนลงจากเตียงวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นสองของบ้านแทบจะในทันที เสียงแม่ตะโกนถามมาว่าเป็นอะไร ยังไม่มีเวลาแม้จะหันไปสนใจตอบคำถามท่านเลย ได้แต่คว้าเอาจักรยานคันเดิมมาควบ สองเท้าถีบปั่นอย่างเร่งรีบไปยังจุดหมายปลายทางที่ก็เป็นบ้านของพี่เหนือเหมือนทุกวัน แต่ที่ต่างคือ… วันนี้หน้าบ้านไม้สองชั้นคุ้นตามีรถจอดอยู่หนึ่งคัน… ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไป น้ำตาก็รื้นขึ้นมาติดอยู่ที่ขอบตา แค่นึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หรือไม่ก็อาจจะแค่ไม่กี่นาทีนี้… หัวใจมันก็เจ็บขึ้นมาเสียแล้ว… “อาปาย” “จ๋อม” แค่เดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว จ๋อมที่หันมาเห็นกันก่อนเป็นคนแรกก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที ฉันย่อตัวลงกอดหลานไว้แน่น พยายามข่มจิตข่มใจให้เป็