“แกไม่ต้องมาขอโทษฉัน ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้แก” เจเรมี่ เควสกล่าวอย่างไร้ความปรานีขณะจ้องมองเอมิลี่ เควสที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างเยือกเย็นมันนานแค่ไหนแล้วตั้งแต่ที่เธอออกจากคุก? มันสายเกินไหมที่เธอคิดที่จะขอโทษเขาในตอนนี้?เธอดูห่างไกลไปจากคำว่าสำนึกผิดไปมาก?“คุณพ่อคะ หนูกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าคุณพ่อแล้ว ได้โปรดยกโทษให้หนูนะคะ” เอมิลี่พยายามบีบน้ำตาออกจากดวงตาหลังจากนั้น เธอจึงทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร“หนูเป็นเด็กและโง่เง่า หนูเลยทำเรื่องบ้า ๆ พวกนั้นลงไปกับพี่สาวหนู หนูสัญญาว่าหนูจะไม่ทำอีกแล้ว คุณพ่อคะ ได้โปรด หนูขอร้อง ยกโทษให้แม่กับหนูนะ คุณแม่บริสุทธิ์จริง ๆ นะคะ หนูอยากกลับบ้านเพื่อมาขอโทษคุณพ่อตั้งนานแล้ว แต่คุณพ่อก็รู้ว่ามีหลายเรื่องเกิดขึ้นกับตระกูลซัลลิแวน หนูหาเวลามาไม่ได้จริง ๆ ในตอนนี้ หนูอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่แล้ว ถ้าคุณพ่อไม่ให้อภัยหนู หนูจะรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมนะคะ คุณพ่ออยากให้หนูเจอเรื่องพวกนั้นจริง ๆ เหรอคะ?” เอมิลี่พูดตะกุกตะกักใครที่จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ไปกว่าเธอได้อีกในตอนนี้?เอมิลี่พยายามไขว่คว้าทุกหนทางเพื่อที่จะทำให้งานแต่งงานของเธอกับทอมเป็นไปได้ ในตอน
“เอมิลี่ แม่มีความคิดดี ๆ แล้วล่ะ” เมย์ คอนเนอร์เผยให้เห็นสายตาแสนเจ้าเล่ห์ เธอมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นเพื่อตรวจดูว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ “อะไรเหรอคะ?” เอมิลี่ เควสขยับหน้าเข้าไปใกล้เมย์…เจเรมี่ เควสซึ่งยังเต็มไปด้วยความโกรธเดินตรงไปที่บ้านของไซล่า เควสและหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเนื่องจากยังรู้สึกอึดอัดใจที่จะอยู่ในบ้านของตัวเอง เจเรมี่จึงไม่อยากกลับไปในตอนนี้ ดังนั้น เขาจึงคิดว่าจะนอนค้างที่บ้านของลูกสาวคนโตของตนเสียดีกว่าในตอนนี้ บ้านของไซล่าเป็นเพียงสถานที่เดียวที่สามารถมอบความอบอุ่นและความปลอดภัยในกับจิตใจเขาได้เจเรมี่กดกริ่งประตู“ดิ๊ง-ด่อง...ดิ๊ง-ด่อง…”ไซล่าและสแตนลีย์ แบตตันยังคงรับประทานอาหารในห้องอาหาร เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้าน สแตนลีย์ก็ลุกขึ้นเป็นคนแรก“ฉันไปเปิดประตูเอง” เขากล่าว“ให้ฉันไปเถอะ นายกินต่อก็ได้” ไซล่ายืนขึ้นตรงและเดินไปยังบริเวณทางเข้า เธอมองจอมอนิเตอร์เพื่อดูว่าเขาคือใครเมื่อไซล่าเห็นหน้าพ่อของตน เธอก็ผงะเล็กน้อยเพราะคาดไม่ถึงว่าเขาจะโผล่มาโดยไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าเช่นนี้ไซล่ารีบกดปุ่มเปิดประตูในทันทีหลังจากนั้น ทั้งประตูด้านนอกและด้
“รบกวนอะไรกันล่ะคะ คุณพ่อ คุณพ่ออยู่กับเรานานแค่ไหนก็ได้ตามที่อยากอยู่เลยค่ะ” ไซล่าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองพูดคุยและเดินเข้าไปภายในบ้านเมื่อบรรยากาศแสนอบอุ่นภายในกระทบร่างกายเธอ ไซล่าก็สามารถรับรู้ถึงความอบอุ่นได้อีกครั้ง“ถ้างั้น พ่อขออยู่ด้วยสักคืนนะ” เจเรมี่ เควสกล่าวเมื่อสแตนลีย์ แบตตันได้ยินเสียงของทั้งสอง เขาก็เผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยหลังจากวางตะเกียบลง สแตนลีย์ก็เดินไปยังทางเข้าทันทีและยืนอยู่ตรงหน้าเจเรมี่อย่างนอบน้อม“ไงครับคุณพ่อ มาเยี่ยมเหรอครับ” เขากล่าวจากนั้น สแตนลีย์ก็ดึงรองเท้าแตะจากชั้นวางรองเท้าก่อนจะวางลงตรงหน้าเท้าของเจเรมี่เมื่อเห็นกิริยาเช่นนี้ เจเรมี่ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในหัวใจของเขา เมฆหมอกแห่งความหมองหม่นก่อนหน้าจางหายไปจนหมดแม้ว่าลูกเขยของเขาไม่ได้มาจากตระกูลเศรษฐีเหมือนของทอม ซัลลิแวน เขาก็ดีกว่าเจ้าหมอนั้นอยู่หลายขุมทอมไม่เคยแสดงท่าทีเอาใจใส่เจเรมี่เท่ากับที่สแตนลีย์เลยแม้แต่น้อยเมื่อไหร่กันนะที่เจ้าทอมนั่นเคยปฏิบัติตนดีกับเจเรมี่?เมื่อเห็นว่าสแตนลีย์ปฏิบัติตัวกับพ่อของเธอดีเท่าใด ไซล่าก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอเลือกคนไม่ผิดเลยจ
ด้วยการร่วมมือกันของไซล่า เควสและสแตนลีย์ แบตตัน พวกเขาสามารถจัดเตียงเสร็จในเวลาแสนรวดเร็วทันใดนั้น เจเรมี่ เควสก็เข้ามาในห้อง“พวกลูกสองคนเนี้ยฝีมือไม่เบาเลยนะ ไม่เลวเลย” เขากล่าว“หนูก็รู้ว่าคุณพ่อก็ฝีมือไม่เบาเหมือนกัน” ไซล่ากล่าวพลางหัวเราะไปด้วย“เอาละ พ่อไม่อยากขัดคอพวกลูกสองคนแล้ว รับกลับไปที่ห้องของพวกลูกเถอะ พ่อจะฝึกไทเก๊กสักเดี๋ยว” เจเรมี่หัวเราะและกล่าวออกมา“ค่ะ…งั้นเรากลับห้องของเราแล้วนะคะ ฝันดีค่ะ คุณพ่อ” ไซล่ากล่าวเมื่อสแตนลีย์ได้ยินเช่นนี้ เขาเอื้อมไปจับมือของไซล่าอย่างเป็นธรรมชาติและออกจากห้องไปพร้อมกับเธอ“ฝันดีลูก” เจเรมี่กล่าวและเดินออกไปส่งพร้อมเฝ้ามองทั้งสองจนหายลับตาไปไซล่าพาสแตนลีย์มายังห้องของเธอห้องของเธอถูกตกแต่งอย่างอลังการ วอลเปเปอร์เป็นสีชมพูหลากเฉด ซึ่งเป็นความหรูหราซึ่งแฝงนัยแห่งความเป็นสาวน้อยในตัวเธอออกมาอย่างเต็มที่ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้อง ไซล่าก็รู้สึกอยากจะแทรกแผ่นดินนี้ไปเสียยกทรงของเธอกระจายอยู่ทั่วเตียง เธอต้องทิ้งข้าวของต่าง ๆ ไวตรงนั้นตอนที่ออกไปทำความสะอาดก่อนหน้านี้และลืมเข้ามาเก็บในเรียบร้อยเป็นแน่ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็
ไซล่า เควสพยายามอยู่นิ่งให้มากที่สุด การเคลื่อนไหวใด ๆ เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้ร่างกายเธอสัมผัสสแตนลีย์ แบตตันกลิ่นบุหรี่อ่อน ๆ ผสมกับมินต์ให้กลิ่นหอมอย่างไม่น่าเชื่อ“เอาคืนไปสิ” ไซล่ากล่าวก่อนจะยื่นโทรศัพท์ใส่มือของสแตนลีย์ เธอไม่กล้าสบตากับเขาด้วยซ้ำแสงคริสตัลที่ส่องสว่างเหนือศีรษะไซล่าทำให้ท่าทีแสนเอียงอายของเธอยิ่งดูโดดเด่นถนัดตาไซล่าเผลอขยับตัวไปทางหนึ่งจนเส้นผมบริเวณหน้าผากเธอเกี่ยวกับริมฝีปากแสนเย้ายวนของสแตนลีย์โดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกเสียวซ่านทั้งหลายหลั่งไหลเข้าไปภายในใจของชายหนุ่มทันตาไซล่าค่อย ๆ ดันร่างกายให้ชิดผนังแน่น เธอไถลตัวลงมาและสามารถหลบหนีออกมาได้ในที่สุดสแตนลีย์ปลดล็อกโทรศัพท์ด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อเห็นว่าเงินเข้าบัญชีของเขาเรียบร้อยแล้ว เขาก็เหลือบมองใบหน้าสีชมพูระเรื่อของไซล่า“เธอนี่กัดไม่ปล่อยจนกว่าจะได้ของที่ตนเองต้องการจริง ๆ เลยนะ” เขากล่าว“แน่นอนแหละ” ไซล่ากล่าวอย่างแผ่วเบาก่อนจะรีบผละตัวนั่งลงบนเตียง จากนั้น เธอก็คว้าโทรศัพท์จากในกระเป๋าออกมาพร้อมกับหันเหความสนใจทั้งหมดไปกับการไถลเว็บเว๋ยโบ๋ณ ตอนนี้ ไซล่ารู้สึกได้ว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่า
ผู้ที่รับผิดชอบในการประเมินคือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งนำโดยจอร์จจี้ เคลเมนไทน์ในวิดีโอ จอร์จจี้นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะและเหล่าผู้บริหารระดับสูงท่านอื่นนั่งอยู่รอบโต๊ะยาวนั้น บรรดาเด็กฝึกทั้งหลายต่างเดินเข้ามาทำการแสดงผลการฝึกฝนของตนเองต่อหน้าพวกเขาทีละคนโดยที่ไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ เข้ามาด้วย เด็กฝึกทุกคนในวิดีโอมีเสน่ห์ทางกายภาพเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น พวกเขายังแสดงความสามารถทางด้านที่เชี่ยวชาญอีกด้วย รวมถึงบางคนก็สามารถทำสิ่งเหล่านั้นออกมาได้อย่างโดดเด่นเมื่อดูวิดีโอมาได้ครึ่งทาง เธอก็รู้สึกต้องตาต้องใจกับเด็กฝึกหนุ่มคนหนึ่งเป็นอย่างมากเขาสวมเสื้อสเวตเตอร์สีดำหลวม ๆ กางเกงสีดำ หมวกแก๊ปคลุมหัวและไมโครโฟนครอบหู เด็กหนุ่มค่อยนั้นเข้ามาตรงหน้าคณะผู้บริหารอย่างเชื่องช้าไซล่าจำชายคนนี้ได้ เขาคือ เจย์ คอร์เบน เป็นชายหนุ่มที่ไซล่าและจอร์จจี้เจอที่บาร์แห่งหนึ่งอาจเป็นเพราะผลจากการฝึกฝนตามแผนการของบริษัทก็เป็นได้ ชายหนุ่มคนนี้มีร่างกายกำยำขึ้นถนัดตา และดูโดดเด่นกว่าเด็กฝึกคนอื่นเป็นอย่างมากไม่มีเด็กฝึกหน้าไหน ๆ สามารถทัดเทียมกับออร่าแสนทรงเอกลักษณ์ของเขาได้เลยหลังจากแนะนำตัวอย่างง่าย ๆ เขา
ไซล่า เควสถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหลืออด กระนั้น เธอก็ไม่แสดงความสงสัยใด ๆ ออกมา แม้ว่าจะฝืนลืมตาตื่นอยู่มากเท่าใดก็ตาม แต่เธอก็หลับตาหลังจากนั้นครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว หลังจากหลับไปแล้ว เธอก็หันไปด้านหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบังเอิญเป็นด้านที่เผชิญหน้ากับสแตนลีย์ แบตตันสแตนลีย์วางโทรศัพท์ลงและหันมามองเธอท่าทางการนอนของเธอเหมือนกับลูกแมวตัวน้อยแสนนุ่มฟู แค่มองเธอก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน…เช้าวันต่อมา เมื่อไซล่าลืมตาตื่น เธอก็เห็นสแตนลีย์กำลังนั่งหลับอยู่บนโซฟาข้างเธอเธอรู้สึกถึงหัวใจที่บีบคั้นในทันทีไซล่าไม่อยากเชื่อว่าเธอหลับไปพร้อมกับผู้ชายอีกคนในห้องจริง ๆ ขณะเดียวกัน ชายคนนี้นั่งหลับข้างกายเธอ ซึ่งเรียกว่านั่นเป็นการนอนค้างคืนที่ห้องนอนของเธอก็ว่าได้เมื่อไซล่าคิดเช่นนี้ เธอจึงรีบยกผ้าห่มขึ้นและตรวจดูร่างกายตนเองทันทีหลังจากแน่ใจแล้วว่าเสื้อผ้ายังอยู่ครบทุกชิ้น เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกตอนนั้น สแตนลีย์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองเธอ“อรุณสวัสดิ์” เขากล่าว“ทำไมนายถึงยังนอนอยู่ในห้องฉันล่ะ?” ไซล่าถาม“นั่งรอแล้วเผลอหลับไปน่ะสิ” เขากล่าวอย่างสงบ“...อย่างนั้นเอ
“...ใช่” สแตนลีย์ แบตตันตอบ“นายย้ายเข้าไปอยู่บ้านเธอแล้วเหรอ? เป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ของพวกนายพัฒนาไปถึงขั้นนั้น หรือทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงตบตาครอบครัวเธอกันแน่?” เฮนรี่ อาร์มสตรองถาม“อย่างหลัง” สแตนลีย์กล่าว“ชิ...เอาความตื่นเต้นเร้าใจของฉันคืนมา” เซบาสเตียน เบรนานด์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“แล้วนายมีใจให้กับพี่สะใภ้หลังจากคืนนั้นใช่ไหม? นายตกหลุมรักเธอแล้วใช่ไหม?” เฮนรี่ถาม“ไม่บอกคนปากสว่างอย่างพวกนายหรอก” สแตนลีย์มองเซบาสเตียนอย่างเฉยเมยก่อนจะยืนขึ้นและเดินจากไป“ไม่เอาน่า...ทำไมเจ้าหมอนี่จะต้องวิ่งหนีหางจุกตูดออกไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตอบคำถามดี ๆ เลยด้วยเนี้ย?” เฮนรี่ดูหมดหนทาง“ก็เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?” แกรี่ เลคหัวเราะ“พวกนายคิดว่าหมอนั่นโดนกามเทพสื่อรักเล่นแล้วรึยังวะ?” เฮนรี่ถามก่อนจะหมุนขวดเบียร์บนโต๊ะอย่างเฉยเมยหลังจากนั้น ขวดเบียร์ก็เริ่มหมุนอย่างรวดเร็วอยู่กับที่“ฉันไม่รู้ว่าเขารักเธอรึเปล่า แต่ฉันมั่นใจว่าเขามีความรู้สึกดี ๆ ในเธอแน่ว่ะ ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมผู้ชายอย่างเขาที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองเข้าใกล้ผู้หญิงที่ไหนเลยถึงทำเรื่องพวกนี้กันล่ะ?” เซบาสเตียนกล่าวอย่างมั