ความรู้สึกแสบเริ่มกระจายไปทั่วแก้มของไซล่า เควสมีรอยแดงชัดเจนบนผิวอันสวยงามของไซล่ายิ่งไปกว่านั้น หน้าของเธอก็เริ่มบวมด้วยเช่นกันความรู้สึกโกรธที่ไซล่าพยายามข่มไว้ทั้งหมดนี้ถูกพาขึ้นมาทางสีหน้าในทันทีเพียงเพราะการตบครั้งเดียวของเมย์ คอนเนอร์ไซล่ากำหมัดแน่นในทันทีแม้ว่าเธอรู้สึกอยากตอบโต้เมย์กลับ เธอรู้ว่าถ้าเธอทำเช่นนั้นในตอนนี้ เมย์คงจะสร้างฉากที่จะเปลี่ยนให้ไซล่าดูไม่ดีเท่านั้นหลังจากมองไปรอบ ๆ ไซล่าก็หันไปเห็นปุ่มสัญญาณเตือนไฟไหม้สีแดงหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ไซล่าก็หันไปมองหน้าของเมย์และก้าวไปข้างหน้า“คุณป้าทำอะไรลงไปรู้ตัวไหม?” ไซล่าถามอย่างเยือกเย็นเมื่อไซล่าก้าวไปข้างหน้า ศอกของเธอก็อยู่ถัดจากปุ่มเตือนสัญญาณไหม้“ฉันกำลังทำอะไรงั้นเหรอ? ฉันกำลังสั่งสอนบทเรียนแกน่ะสิ แหงอยู่แล้ว ไซล่า เควส แกยังเป็นคนอยู่ไหม? ไม่ใช่แค่ติดสินบนตำรวจให้รังแกน้องสาวแกและฉันในคุก แกทำเรื่องทั้งหมดนี่กับน้องสาวแกในวันแต่งงานแบบนี้ แกชั่วช้าขนาดนี้ได้ยังไง? แกยังทำไม่พออีกเหรอ?” เมย์ทำให้มันฟังดูเหมือนกับว่าเธออยู่บนคุณธรรมที่สูงส่งขณะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาไซล่าคิดว่าคำพูดของเมย์กระตุกต่อม
“ขอโทษอะไร?” เมย์ คอนเนอร์ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้“คุณตบหน้าเธอ” สแตนลีย์ แบตตันกล่าวอย่างเยือกเย็น“อย่ามากุเรื่องนะ ฉันไม่ได้แตะเธอด้วยซ้ำ!” เมย์ยอกย้อนในทันทีและถอยหลังกลับอย่างไม่รู้ตัวเอมิลี่รีบวิ่งผ่านฝูงชนเข้ามาและดึงมือของเมย์“คุณแม่คะ...ไปกันเถอะค่ะ” เอมิลี่กล่าว“คุณคิดว่าจะออกไปแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ทำร้ายคนอื่นได้งั้นเหรอ?” สแตนลีย์กล่าวอย่างเยือกเย็น ทุก ๆ คนโดยรอบรู้สึกเย็นเยือกลงไปยังกระดูกสันหลังหลังจากที่ได้ยินเสียงของเขา“คุณแม่ของฉันก็บอกไปแล้วนิว่าเธอไม่ได้ทำร้ายใคร ถ้าคุณยังตื๊อพูดถึงเรื่องนี้อีก ฉันก็จะอ้างว่าไซล่าทำตัวเองและโบ้ยความผิดให้กับแม่ของฉัน คุณเป็นสามีของเธอ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร มันก็ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้” เอมิลี่กล่าวอย่างเป็นทุกข์“ก็นะ ถ้างั้น ภาพวงจรปิดเป็นหลักฐานได้ไหม?” สแตนลีย์หันหลังไปมองกล้องวงจรปิดเหนือหัวอย่างเยือกเย็นเมย์ เอมิลี่และคนอื่น ๆ รอบพวกเขาก็เงยหน้าขึ้นหน้าของเมย์และเอมิลี่เริ่มซีดในทันทีในขณะเดียวกัน ผู้คนโดยรอบพวกเขาเริ่มพูดคุยกันในหมู่พวกเขาเอง“สองคนนี้พยายามจะทำอะไรน่ะ? แม่ลูกคู่นี้ชอบเป็นตัวตลกกันจร
ในตอนนั้น ไซล่า เควสรู้สึกว่าสแตนลีย์ แบตตันเป็นเหมือนวีรบุรุษของเธอ ทุก ๆ คำที่เขาพูดทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นที่จริงแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นร่มที่ปกป้องเธอจากลมและฝนด้วยซ้ำระหว่างการเดินทาง ไซล่าเจอผู้คนมากมายในหลายปีมานี้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เธอเคยเจอทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้มาก่อนเมื่อเมย์ คอนเนอร์และเอมิลี่ เควสได้ยินคำว่า ‘คุก’ พวกเธอก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกายในทันทีเนื่องพวกเธอเพิ่งจะออกมาจากขุมนรกแห่งนั้น พวกเธอรู้เป็นอย่างดีว่าจะต้องเจอกับความทุกข์ทรมานที่นั่นมากแค่ไหนแม้ว่าพวกเธอไม่ต้องทรมานมากเท่าไหร่ มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะกลับไปในนั่นอีกถ้าทุกอย่างแย่ไปกว่านี้ เจเรมี่ เควสมีแต่จะเกลียดพวกเธอมากยิ่งขึ้นในตอนนั้น เอมิลี่และเมย์อยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเธอทำจะออกมาไม่ดีต่อตัวพวกเธอเลยในขณะเดียวกัน เมย์และเอมิลี่เริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาที่ร้อนระอุจากทุกคนรอบตัวความโกรธที่พวกเธอรู้สึกได้สงบลงในทันทีและถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวเมย์สูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอพยายามใจเย็น“ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?” เธอเอ่ยถามสแตนลีย์
อย่างไรก็ตาม สแตนลีย์ แบตตันไม่ตอบกลับไปยังไซล่า เควส กลับกัน เขาเดินเข้าไปหาบริกรหญิงที่กำลังปลื้มเขาในขณะเดียวกัน ไซล่าไม่ถามต่อและนั่งลงบนโซฟาลมเหนือพัดผ่านที่ด้านนอกขณะที่อากาศเต็มไปด้วยหิมะและทำให้ทั้งโลกดูเยือกเย็นกว่าที่เคยแม้จะอยู่แค่ด้านนอกประตู มันก็ดูเหมือนกับโลกที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ชำเลืองมองไปที่ทิวทัศน์หิมะข้างนอก ไซล่าเท้าคางบนมือข้างหนึ่งและมองสแตนลีย์เธอสงสัยว่าเขากำลังพูดอะไรกับบริกรคนนั้น หลังจากครู่หนึ่ง ใครบางคนก็หยิบขวดน้ำแร่จากตู้เย็นใกล้ ๆ จากนั้น คนคนนั้นก็ยื่นขวดน้ำให้กับสแตนลีย์พร้อมกับผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนหนึ่งทันใดนั้น สแตนลีย์ก็กลับมาหาไซล่าพร้อมกับของเหล่านั้นเขาค่อย ๆ พันขวดน้ำแร่ด้วยผ้าเช็ดตัวก่อนจะกดลงบนใบหน้าบวมปูดของไซล่าอย่างอ่อนโยนทันใดนั้น ไซล่าก็รู้สึกถึงความเย็นบนหน้าของเธอ ความเจ็บปวดจากการตบก่อนหน้านี้เริ่มจางไปแม้ว่าหน้าของเธอจะรู้สึกเย็น แต่หัวใจของเธอก็อบอุ่นมาก“ขอบคุณนะ ฉันจะทำเอง” ไซล่ากล่าวขณะที่หยิบขวดน้ำและผ้าเช็ดตัวจากสแตนลีย์และกดลงบนหน้าของเธอต่อ“ไม่เป็นไร” สแตนลีย์กล่าวก่อนที่จะหันไปมองทิว
บรรดาชายหกคนนั้นล้อมไซล่า เควสและสแตนลีย์ แบตตัน แต่ละคนดูชั่วร้าย“จัดการมันพร้อมกันเลย! ฆ่าเจ้างั่งนี่ทิ้งซะ!” ชายหัวล้านตัวใหญ่คนหนึ่งตะโกนพร้อมกับจ้องมองสแตนลีย์อย่างเกรี้ยวกราดไซล่าถอดเสื้อโค้ทอย่างรวดเร็วและโยนคืนให้สแตนลีย์ ก่อนจะผลักเขาให้อยู่ด้านหลังของเธอและยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาป้องกันเขา“ยืนนิ่ง ๆ และอย่าขยับ ฉันจัดการเจ้าพวกนี้เอง” เธอกล่าวไซล่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในขณะที่ยังคงเฝ้าระวัง เมื่อเทียบกับมารยาทอันอ่อนโยนของเธอก่อนหน้านี้แล้ว เธอดูเท่มากกว่าเดิมในตอนนี้สแตนลีย์รู้สึกราวกับว่าบางอย่างสัมผัสส่วนลึกในใจของเขาสักแห่งอย่างอ่อนโยนในชีวิตของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงคนหนึ่งปกป้องเขาช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้เขาสวมเสื้อโค้ทคลุมตัวเธออย่างเงียบ ๆ “ยืนนิ่ง ๆ และอย่าขยับ ฉันจะปกป้องเธอเอง” เขากล่าวทันทีที่เขาพูด ชายตัวใหญ่คนหนึ่งก็เหวี่ยงกระบองเหล็กมาที่ศีรษะของสแตนลีย์สแตนลีย์ที่ยังคงความนิ่งโดยสมบูรณ์แบบ กลับเตะชายคนนั้นหลายครั้งและส่งให้เขาลอยขึ้น ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นภายในลมหายใจเดียวทันใดนั้น ไซล่ารู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังชมภาพยนตร์แอ็กชันที่ทำมาอย่
แม้ว่าชายฉกรรจ์คนอื่นกลัวสแตนลีย์ แบตตันพอ ๆ กันและพยายามคลานหนี แต่ก็ไม่มีใครเหลือแรงที่จะทำเช่นนั้นพวกเขาทุกคนกำลังสั่นเทิ้มด้วยความกลัวเสียงของเหล็กที่กำลังขูดกับพื้นและฝีเท้าของสแตนลีย์เป็นเหมือนเสียงของนรกที่กำลังเรียกหาพวกเขาที่จริงแล้ว ชายเหล่านี้กลัวว่าพวกตนอาจต้องตายอยู่ตรงนั้นเพราะสแตนลีย์จะต้องฟาดพวกเขาด้วยกระบองเหล็กเป็นแน่เมื่อสแตนลีย์มาอยู่ต่อหน้าชายหัวล้านคนนั้น เขาขมวดคิ้วและกดปลายกระบองเหล็กติดกับหน้าผากของชายคนนั้น“พูดมา ใครส่งแกมาที่นี่?” สแตนลีย์ถาม“เรา...เรา…” ชายหัวล้านคนนั้นส่ายหน้าด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว“พูดมา” สแตนลีย์ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น เขาดูเหมือนกับราชาผู้กำหนดชะตาชีวิตของราษฎรว่าจะอยู่หรือตายทันทีที่สแตนลีย์พูด เขาก็เริ่มออกแรงกดกระบองเหล็กลงไป“ถ้าแกไม่อยากตาย” สแตนลีย์กล่าวเสริม“พี่ใหญ่ส่งผมมาที่นี่ เขาบอกว่าเพื่อนของเขาไม่ชอบคุณและอยากจะสอนบทเรียนให้กับคุณ เขาให้รูปคุณกับผมด้วยซ้ำ และขอให้ผมรอคุณอยู่ข้างนอกโรงแรมพร้อมกับจัดการคุณให้เรียบร้อยในช่วงเวลาที่เหมาะสม” ชายหัวล้านคนนั้นรีบกล่าวโดยไม่พลาดแม้แต่รายละเอียดเดียวหลังจากได้ยินเร
ไซล่า เควสดูจดจ่อเป็นอย่างมากตอนที่ตรวจดูข้อศอกของสแตนลีย์ แบตตันอย่างช่ำชองในขณะเดียวกันสแตนลีย์ก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี ยอมให้เธอตรวจเขาอย่างเงียบ ๆ แสงจากด้านนอกที่ส่องกระทบใบหน้าของเธอทำให้เธอดูอ่อนโยนยิ่งขึ้นแม้จะมีเสื้อคลุมขนาดใหญ่คลุมไหล่อยู่ แต่ความน่าดึงดูดใจของเธอก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อยหลังจากที่ตรวจข้อศอกของเขาซ้ำ ๆ ไซล่าก็เงยหน้ามองสแตนลีย์“คิดว่าคงจะไม่มีอาการพวกกระดูกเคลื่อนหรือหักหรอกนะ แต่ว่านะ เพื่อป้องกันไว้ก่อน เราควรไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลนะ บางที แค่คลำจากภายนอกไม่รู้หรอกว่ากระดูกหักหรือแตกบ้างรึเปล่า” ไซล่ากล่าว“ได้” สแตนลีย์กล่าว“ตำรวจจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้แหละ พออธิบายเรื่องราวให้ตำรวจฟังเรียบร้อย เราค่อยไปโรงพยาบาลกันนะ” ไซล่ากล่าว“ก็ได้” สแตนลีย์ตอบ“ขอบคุณที่รับการโจมตีนั้นแทนฉันนะ” ไซล่ากล่าวเบา ๆ เมื่อไซล่านึกถึงการที่สแตนลีย์รับการกระบองเหล็กแทนเธออย่างไม่ลังเล เธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นทอแสงในหัวใจของเธอ “ไม่ต้องห่วงหรอก” เขาตอบกลับอย่างสงบราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่“แล้วก็ ฉันขอโทษนะ” ไซล่าขมวดคิ้วอย่างรู้สึกผิด“เรื่องอะไร?” สแตนลีย์ม
เมื่อประตูเปิดออก ห้องพักขนาดนั้นเล็กพร้อมกับดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายผสมผสานความรู้สึกอบอุ่นปรากฏอยู่ตรงหน้าบ้านของสแตนลีย์ แบตตันไม่มีฝุ่นให้เห็นเลย ทุกอย่างมีการจัดวางตามขนาดและความสูงอย่างเป็นระเบียบไซล่า เควสคงบอกได้ว่าเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบไม่น้อยควบคู่กับพฤติกรรมของสแตนลีย์ระหว่างมื้ออาหาร ไซล่ามั่นใจว่าเขามีนัยของอาการผิดปกติรูปแบบย้ำคิดย้ำทำที่จริงแล้ว เขาอาจเป็นพวกเรียบร้อยเกินเหตุด้วยซ้ำไซล่าสวมรองเท้าแตะคู่หนึ่งก่อนที่จะยกปลายชุดของเธอขึ้นเล็กน้อยและมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น“ห้องครัวอยู่ไหนเหรอ?” เธอถาม“ตรงโน้นไง…” สแตนลีย์บอกพร้อมกับชี้นิ้วไปทางทิศทางนั้นไซล่ารีบหยิบยาสมุนไพรจีนออกมาและหยิบติดตัวไปในห้องครัว“เธอต้องการอะไร? ให้ฉันช่วย…” สแตนลีย์ตามเธอเข้าไปในห้องครัว“ไม่มีอะไร ฉันต้องการแค่หม้อเท่านั้นแหละ” ไซล่ากล่าวขณะที่ชี้ไปที่หม้อสีขาวบนชั้นวางหลังจากนั้น เธอแกะห่อของสมุนไพรจีนก่อนที่จะใส่ส่วนผสมในปริมาณที่ถูกต้องลงในหม้อ เธอค่อย ๆ บรรยายปริมาณที่จำเป็นของสมุนไพรแต่ละประเภทอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมลงมือทำไปด้วยในขณะเดียว สแตนลีย์ฟังอย่างสุขุม