ข้างนอกเมืองเซวียน ลมเย็นหนาวเหน็บ เหล่าทหารหนานฉีนับแสนถืออาวุธต่าง ๆ ในมือ พร้อมร้องเพลงของทหารเสียงนั้นกึกก้องดังสนั่นทั่วเมืองเซวียน ราวกับสัตว์ร้ายยักษ์ถูกกักขัง อดใจรอไม่ไหวที่จะหลุดออกจากกรง ส่งเสียงคำรามกึกก้อง แผ่นดินเมืองเซวียนถึงกับสั่นสะเทือนเฟิ่งจิ่วเหยียนขี่ม้าศึก ภายใต้ชุดเกราะ ร่างกายเปี่ยมไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่นางมองกำแพงเมืองตรงหน้าอย่างเยือกเย็นกลกลอนปิดตายของประตูได้ทำงาน คนที่อยู่ข้างใน ใครก็ล้วนหนีไม่พ้น...บนหอประตูเมืองซ่านชุนจมอยู่ในความตกตะลึง เป็นเวลานานจึงได้สติกลับมาสีหน้ารองขุนพลด้านข้างเขา ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน“ท่านแม่ทัพ นั่นล้วนเป็นกองทัพตงจิ้ง เหตุใดพวกเขาถึง...มาปรากฏในเมืองเซวียน? !”หรือว่าบินมา?ฮ่องเต้เยี่ยนได้ยินว่าข้างนอกมีกองทัพตงจิ้ง ก็กราดเกรี้ยวทันที ยกมือคว้าจับคอเสื้อซ่านชุน เอ่ยถามอย่างโกรธจัด“เจ้าบอกว่า กองทัพตงจิ้งถูกขังอยู่ในกานโจว ออกมาไม่ได้ไม่ใช่หรือ!“เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้!“ซ่านชุน นี่คือผลงานของเจ้า! !”ซ่านชุนใจคอไม่ดี พูดอะไรไม่ออกในทันทีกองทัพพันธมิตรเผ่าสุยเหอที่อยู่ข้างหลัง ฉวยโอกาสซ้ำเติม หัวเราะเย้ย
ใครเป็นคนลงกลอนประตูเมือง?เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่การกระทำของคนของพวกเขาเองซึ่งก็หมายความว่า ท่ามกลางพวกเขา มีไส้ศึกของทหารหนานฉีปะปนอยู่!พวกกองทัพพันธมิตร รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง!หลังจากตกตะลึง ก็ต่างสงสัยกันขึ้นมาเผ่าสุยเหอตำหนิแคว้นต้าเซี่ย ที่นำกองทัพพันธมิตรตงปู้“ไส้ศึกคนนั้นจะต้องซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า! มีเพียงพวกเจ้าที่ได้ต่อสู้กับกองทัพตงจิ้ง! พวกเราล้วนไม่ได้ผ่านทางชายแดนใต้”ซ่านชุนรีบโต้กลับ “กองทัพพันธมิตรเป่ยเยี่ยน ก็ได้รับมือกับทหารหนานฉีเหมือนกัน อีกทั้ง แม้ว่าพวกเจ้ามาจากทางทิศใต้ ก็อาจมีไส้ศึกปะปนอยู่ได้ เป็นที่น่าสงสัยเหมือนกัน!”เวลานี้ฮ่องเต้เยี่ยนกลับใจเย็นลงเขาขัดจังหวะการถกเถียงของพวกเขา“มิต้องทะเลาะกันแล้ว! ทะเลาะกันจนเราปวดศีรษะ!“ไม่ว่าไส้ศึกจะอยู่ที่ใด สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้คือต่อต้านศัตรู!“กลไกประตูเมืองเซวียนลงกลอนแล้ว พวกเราออกไปไม่ได้ ทหารหนานฉีก็โจมตีเข้ามาไม่ได้ จะต้องกลัวอันใด!”คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล กลับอดคิดอย่างละเอียดไม่ได้ซ่านชุนมีประสบการณ์ทำศึกอยู่บ้าง จึงถามกลับ“ฮ่องเต้เยี่ยน คงมิใช่ว่าจนถึงตอนนี้แล้วท่านยังไม่ตระ
เสียงร้อง “มีผี” ทำให้ทหารเวรยามดึกตกใจขนลุกขึ้นมาเห็นเพียง ในเมืองเซวียน เดิมพื้นที่ว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ ปรากฏทหารจำนวนมาก!ทหารเหล่านั้นสวมเสื้อเกราะแคว้นหนานฉี ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงภายใต้เสียงฟ้าร้อง ไฟผีสีเขียวพวยพุ่งออกมาตามร่างกายบนกำแพงเมือง มีคนกรีดร้องขึ้นมาอย่างตกใจ“ทหารวิญญาณ! เป็นทหารวิญญาณ! !”ข่าวลือเกี่ยวกับทหารวิญญาณยืมเส้นทาง แต่ละแคว้นล้วนเคยได้ยินแม้นมีคำกล่าวว่า หากมิกระทำเรื่องละอายใจ ก็ไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตูกลางคืนความจริงแล้ว นอกจากพวกที่กระทำเรื่องละอายใจ คนขี้ขลาดก็กลัวผีบนโลกนี้ คนขี้ขลาดมีจำนวนมากกว่าเห็นทหารวิญญาณยืมเส้นทาง เหล่าทหารเฝ้าเวรยามดึกสั่นเทา คนที่กล้าหาญรีบไปรายงานแม่ทัพทหารวิญญาณมากมายขนาดนั้น แต่ละคนสีหน้าขาวซีด เห็นแล้วทำให้คนขนลุกหลังจากซ่านชุนได้ยินเรื่องนี้ ก็รีบสวมเสื้อเกราะ ออกไปตรวจดูสถานการณ์เขาก็ไม่เคยเห็นทหารวิญญาณด้วยตาตนเองเมื่อเห็นทหารหนานฉี ที่เดินอยู่อย่างประหลาดเหล่านั้น ชายร่างโตแท้ ก็ตกใจจนสีหน้าขาวซีดเขาพยายามสงบสติอารมณ์ สั่งการทหารภายใต้บังคับบัญชา“ทุกคนหันหน้าไป หลับตา ไม่ต้องมองพวกเขา!”
มือซ่านชุนสั่นเทา“อะไรนะ? ฆ่าคน?”สีหน้าทหารผู้น้อยคนนั้นขาวซีด คุกเข่าอยู่บนพื้น ชี้ไปทางด้านนอก พูดกับซ่านชุน“หลังจากทหารวิญญาณเหล่านั้นผ่านแดนไปแล้ว ได้ฆ่าคนของพวกเราไปหลายสิบคน พวกเขาตายอย่างอนาถ น่ากลัวมาก...แม่ทัพ เช่นนี้จะทำอย่างไรดี!”ซ่านชุนอึ้งตะลึงจะทำอย่างไรดี?เขาก็อยากรู้ว่าจะทำอย่างไรดี!เขาทำศึกต่อสู้กับคนมากว่าครึ่งชีวิต ล้วนต่อสู้กับคน เป็นครั้งแรกที่จะต่อสู้กับผีจวนจู้กั๋วกงองครักษ์พุ่งเข้ามาถึงในห้องหลัก“ฝ่าบาท! ทหารวิญญาณฆ่าคนแล้ว!”ฮ่องเต้เยี่ยนลุกขึ้นนั่ง ได้ยินว่าทหารวิญญาณฆ่าคน เขาตาแดงขึ้นมาทันที“เราบอกแล้ว! ผีขวางฆ่าผี! ฆ่าทหารวิญญาณเหล่านั้นให้หมด!”ฮ่องเต้เยี่ยนบ้าคลั่ง ทุกคนล้วนรู้ดีทว่าคิดไม่ถึง เขาบ้าถึงขั้นจะต่อสู้กับผีองครักษ์เรียนตอบ“ฝ่าบาท นั่นคือทหารวิญญาณ ปรากฏตัวออกมาให้เห็น แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พวกเราจับตัวไม่ได้ พวกเขาฆ่าทหารเวรยามหน่วยเล็กของพวกเราหนึ่งหน่วย พริบตาเดียวก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว ไม่รู้ว่าจะลงมืออย่างไร!”แววตาฮ่องเต้เยี่ยนเยือกเย็นหรือเมืองเซวียนนี้ มีผีจริง ๆ ?ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด มือลูบตรงเ
หัวใจทหารเสริมของแคว้นต้าเซี่ยรู้สึกหวาดกลัวเมื่อคิดดูอีกที ถึงแม้ทหารหนานฉีมีศิลาหยก ทว่าฮ่องเต้ฉีมีกำลังทหารม้าเพียงกลุ่มเล็ก คิดอยากต่อสู้กับกองทัพแสนคนของพวกเขา? เหิมเกริมเกินไปหรือไม่!หลังจากนั้น ภาพที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พวกเขายากที่จะลืมไปตลอดชีวิตเห็นเพียงทั่วทั้งพื้นดินแยกออก กองกำลังทหารเป็นหมื่น ๆ พัน ๆ จากทั่วสี่ทิศปรากฏตัวออกมาพวกเขาถูกล้อมแล้ว!ผู้นำทัพของแคว้นต้าเซี่ยตกตะลึงทหารที่อยู่ด้านหลังจับอาวุธไว้แน่น “แม่ทัพ! มีทหารซุ่มโจมตี!”สายตาเซียวอวี้เยือกเย็น ราวกับวิญญาณน้ำค้างแข็งหนาวเหน็บ ไม่มีความสงสารเลยสักนิด“ผู้ที่ยอมจำนน จะไม่ถูกฆ่า”ทหารแคว้นต้าเซี่ยเตรียมหน้าไม้ ก่อตัวเป็นค่ายกลผู้นำทัพตะโกนขึ้นมา“ปฏิญาณตนไม่ยอมจำนน ฆ่าทหารหนานฉีให้สิ้น...”ท่าทีเซียวอวี้เยือกเย็น โบกมือ ค่ายกลธนูไกลออกไปที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรก ถูกยิงออกมาอย่างนับไม่ถ้วน...ส่วนอีกด้านทางเหนือของแคว้นหนานฉีกองทัพเยี่ยนแสนนาย ก็เผชิญการซุ่มโจมตีเมิ่งฉวีนำกองทัพเป่ยจิ้ง มาปรากฏอย่างไร้ร่องรอย ข้างกายยังมีศิลาหยกชิ้นหนึ่งทหารเป่ยเยี่ยนรู้จักเมิ่งฉวี รู้สึกตกตะลึงกองทัพเป
จนมาถึงเดือนสาม สภาพอากาศเริ่มอบอุ่น ดอกไม้นับพันบานสะพรั่งทหารเสริมแต่ละแคว้นเข้ามาในชายแดนแคว้นหนานฉี ถูกเซี่ยวอวี้นำทัพล้อมปราบ “ใยแมงมุม” อยู่ข้างใต้ คนอยู่ข้างบน ยากที่จะป้องกันเหล่าทหารแต่ละแคว้นไม่เคยเห็นกลยุทธ์การต่อสู้เช่นนี้มาก่อน กลไกกับดักที่ “รอคอย” ทหารหนานฉีก็เคลื่อนไหวลึกลับการยุทธ์หัวใจอยู่ที่รวดเร็วเซียวอวี้นำทัพด้วยพระองค์เอง ทำอันใดเด็ดขาดเฉียบคมทางด้านเมืองเซวียนกองทัพพันธมิตรไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทหารเสริมของแคว้นตนเองพวกเขาถูกขังสามเดือนแล้ว เสบียงอาหารยิ่งอยู่ยิ่งน้อย ไม่สามารถที่จะเลี้ยงทหารมากมายขนาดนี้แล้วปล่อยแบบนี้ต่อไป ต่อให้หาเจอขุมทรัพย์เมืองเซวียน พวกเขาก็ไม่มีชีวิตได้เสพสุขช่วงเวลานี้ พวกเขาลองที่จะเปิดกลไกกลอนประตูเมืองอย่างไรก็ตาม จำนวนคนมากกว่าห้าแสนคน กลับไม่มีใครสามารถเปิดกลไกได้ซ่านชุนพาเหล่าทหาร ใช้ค้อน ใช้มีด คิดอยากฟันทำลายประตูเมืองทว่ากลไกผนังเหล็ก แข็งแกร่งคงกระพันจวนจู้กั๋วกงฮ่องเต้เยี่ยนเห็นกับข้าวบนโต๊ะ ก็วางตะเกียบลงอย่างแรงพับ!เขาถามขึ้นมา“แค่นี้หรือ? เนื้อล่ะ!”องครักษ์ตอบ “ฝ่าบาท เสบียงอาหารในค่ายไ
ในตำหนักอ๋องแห่งหนานเจียงรุ่ยอ๋องถูกยกย่องให้เป็นแขกพิเศษอ๋องแห่งหนานเจียงยกจอกขึ้นมา พูดด้วยความปรารถนาดี“ข้ารู้อยู่แล้ว แคว้นหนานฉีมีแผนการใหญ่“รุ่ยอ๋อง ยามนี้แนวโน้มอิทธิพลแคว้นหนานฉีกำลังมาแรง ช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนเศษ ก็สามารถปราบกองกำลังเสริมได้เป็นแสนกว่า ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก!“คาดว่าไม่ช้า แคว้นหนานฉีก็จะสามารถขับไล่ทหารศัตรูไปได้หมดสิ้นแล้ว!”รุ่ยอ๋องไม่กระหยิ่มยิ้มย่อง เขาไม่ถือตัว ไม่หยิ่งผยอง“แคว้นหนานฉีสามารถทำลายล้างศัตรู มาจากความร่วมมือร่วมใจกัน“การศึกในตอนนี้ยังไม่แน่นอน ยังประมาทศัตรูไม่ได้”อ๋องแห่งหนานเจียงกับเสนาบดีมองตากันหลังจากนั้น เสนาบดีคนนั้นลุกขึ้นมา“รุ่ยอ๋อง แคว้นของท่านได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เมฆครึ้มผ่านไปมองเห็นท้องฟ้าสีครามแล้ว กองทัพพันธมิตรเผ่าสุยเหอข้างนอกหนานเจียง ก็ล้วนล่าถอยแล้ว ท่านเห็นว่าหนานเจียง ไม่จำเป็นต้องมีทหารของท่านคอยเฝ้าปกป้องแล้ว ใช่หรือไม่?”สายตารุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปที่แท้ นี่ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนานเจียง...อยากให้กองทัพหนานฉีถอนกำลังออกจากหนานเจียงรุ่ยอ๋องยิ้มแย้มด้วยสีหน้าอ่อนโยน“ในเมื่อเป็น
เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้เท้าเตะทหารศัตรูลงไป จากนั้นนำของที่อยู่ในมือโยนเข้าไป พร้อมเอ่ยถามหยิ่นเอ้อร์ที่อยู่ด้านข้างตอบสนองรวดเร็ว ใช้โล่ปิดปากหลุมไว้หลังจากนั้น ก็ได้ยินข้างใต้มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาในช่องทางใต้ดินฮ่องเต้เยี่ยนมีองครักษ์คอยคุ้มกันทั้งข้างหน้าข้างหลัง เดินมาถึงครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงผิดปกติดังขึ้นข้างหน้าเขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี“เกิดอะไรขึ้น!”ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมา “ตัวต่อ! มีตัวต่อ! รีบวิ่ง! !”ฮ่องเต้เยี่ยน: !ตัวต่อ?ในใต้ดิน ตัวต่อมาจากไหน!เขาไม่ทันได้ครุ่นคิด ก็ถูกองครักษ์คุ้มกันถอยหลังกลับเดิมเส้นทางก็คับแคบ คนที่อยู่ข้างหลังดันไปข้างหน้า อยากที่จะหนีออกไปจากเมืองเซวียนโดยเร็ว คนข้างหน้าเพื่อหลบเลี่ยงตัวต่อ ถอยหลังจากหน้าไปหลัง คนสองกลุ่มในช่องทางลับมาเจอกัน ผลักดันซึ่งกันและกันทันใดนั้น ทุกคนถูกตัวต่อต่อยไปทั้งตัว เสียงร้องเจ็บปวดดังกึกก้องรอพวกเขาถอยกลับมาถึงเมืองเซวียน สภาพแต่ละคนย่ำแย่ไม่เป็นท่าฮ่องเต้เยี่ยนมีองครักษ์คอยปกป้อง ไม่ถูกตัวต่อทำร้ายทว่าเขากลืนความขุ่นเคืองนี้ไม่ลง“สารเลว! ตัวต่อมาจากไหน!”มีคนที่รู้เรื่อง “เป็นทห
ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้
ณ จวนจู้กั๋วกง เมืองเซวียนองครักษ์เข้ามาในเรือนอย่างเร่งรีบ รายงานจู้กั๋วกงว่า“ใต้เท้า! กองทัพเยี่ยนจับฮ่องเต้เยี่ยน มุ่งหน้ามามอบตัว!”จู้กั๋วกงประหลาดใจเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ! ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?”จู้กั๋งกงรีบนำคนตรงไปที่นั่น จึงเห็นเพียง ฮ่องเต้เยี่ยนที่หิวจนผอมโซ ถูกกองทัพเยี่ยนจับมัดแขนมัดขา โยนทิ้งไว้บนพื้นกองทัพเยี่ยนถอดเสื้อเกราะออก คุกเข่าบนพื้น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มขมขื่นอย่างเอาใจและประจบสอพลอ“ขอร้องพวกท่านล่ะ ให้อาหารข้ากินเถอะ…พวกข้ายอมแพ้แล้ว!”จู้กั๋วกงเหลือบมองฮ่องเต้เยี่ยนที่สลบบนพื้น จากนั้นก็ส่ายหน้าเกรงว่าฮ่องเต้เยี่ยนคงคาดคิดไม่ถึง ว่าตัวเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนของตัวเองจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริง ๆจู้กั๋วกงออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว“จับพวกเขากลับไป คุมขังเอาไว้!”“รับทราบ!”ในคืนนั้น จู้กั๋วกงเขียนจดหมายด้วยตนเองหนึ่งฉบับ สั่งให้คนไปส่งให้ฝ่าบาทอย่างเร่งด่วนในเวลาเดียวกัน เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงบนถนนที่พวกเขาเดินทางกลับ ล้วนมีประชาชนคอยต้อนรับตลอดทางคืนนี้ พวกเขาเข้าพักที่โรงพักแรม
คำที่ผู้คุมโทษบอก ถานไถเหยี่ยนทำเป็นไม่สนใจดวงตาของเขามีเพียงใยแมงมุม สายตาว่างเปล่าทอดมองยาวไกล“สงครามข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”ผู้คุมโทษถูกจ้างมาจัดการให้ ท่าทีจึงเคารพนอบน้อม“ฝ่าบาทเสด็จไปรบด้วยตัวเอง ปราบปรามกองทัพศัตรูในเมืองเซวียนได้แล้ว กองกำลังเสริมของแต่ละแคว้นก็ถูกจับไปเป็นเชลยหมด“ราชสำนักเกณฑ์ทหารทุกพื้นที่ เตรียมบุกโจมตีเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย คาดว่า แคว้นหนานฉีปลอดภัยแล้ว”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนเฉยชา“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘ใยแมงมุม’ หรือไม่”?ผู้คุมโทษนิ่งงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกสติกลับมา“ท่านหมายถึงสนามกลไกของตระกูลตงฟางหรือ! ของสิ่งนั้นวิเศษมาก เผยแพร่ไปทั่วแคว้นหนานฉี ไม่ว่ากองทัพศัตรูจะปรากฏที่ไหน ก็จะถูกพวกเราขัดขวาง!”พูดถึงเรื่องนี้ ผู้คุมโทษก็รู้สึกมีเกียรติเขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่าเรื่องราว จนไม่สังเกตเห็น ความเปลี่ยนแปลงของถานไถเหยี่ยน ภายในห้องขังถานไถเหยี่ยนหันมา เผชิญหน้ากับเขา ถามเสียงเข้มว่า“สนามกลไกของตระกูลตงฟาง?”ผู้คุมโทษพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ใช่แล้ว! ตระกูลตงฟางนั่นแหละ! คุณชายตงฟางนำกองทัพใหญ่สร้างสนามกลไกขึ้นมา เพียงเส้นทา
เมืองเซวียนกองทัพศัตรูภายในเมือง นอกจากกองทัพเยี่ยนที่ถอยกองกำลังไปอยู่ภูเขาจิ่วเหลียน กองทัพอื่นล้วนถูกจับเป็นเชลยเชลยศึกถูกบังคับให้ถอดเสื้อเกราะ วางอาวุธลง ถึงจะถูกปล่อยออกไปจากเมืองเซวียนธนูแต่ละแบบของแคว้นต้าเซี่ย ล้วนถูกทิ้งไว้ในเมืองเซวียน เสียไปให้กองทัพแคว้นหนานฉีอย่างสูญเปล่าเดิมทีซ่านชุนอยากทำลายธนูเหล่านั้นทิ้งก่อนทว่า ยามที่พวกเขาวางอาวุธนั้น ต่างมีกองทัพแคว้นหนานฉียืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ต่อให้เขาอยากเล่นตุกติก ก็ไม่มีโอกาสในสภาพอากาศหนาวเหน็บ เหล่าทหารกองทัพพันธมิตรออกไปจากเมืองเซวียนด้วยอาภรณ์ชิ้นบางเมื่อเห็นท่าทางหมดสภาพของกันและกัน ต่างคนต่างไม่ส่งเสียงออกมาซ่านชุนหันกลับไปมองเมืองเซวียน ปฏิญาณกับตัวเองว่า——เขาต้องได้นำกองทัพใหญ่โจมตีกลับอีก!หากไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกลอบโจมตีโดยที่ไม่ได้เตรียมตัว กินนอนก็ลำบาก กำลังทหารเบาบางลง คงไม่แพ้จนมีสภาพน่าเวทนาขนาดนี้เหล่าเชลยศึกถูกส่งมายังค่ายทหาร ถูกควบคุมโดยแคว้นหนานฉีเข้าด้วยกันข้อดีของการถูกจับเป็นเชลยคือ มีอาหารให้กินในที่สุดถึงแม้ทุกคนจะได้กินแค่โจ๊กหนึ่งถ้วย หมั่นโถวหนึ่งลูก ก็ยังดีกว่าถูกขังอยู่ในเมือ
หร่วนฝูอวี้ดิ้นรนอยู่นาน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เฮ้อ! เจ้าโง่ จริง ๆ แล้ว…คืนนั้นเจ้าหลับอย่างกับหมูตาย เจ้าไม่ได้ร่วมหอกับข้าเลยสักนิด”รุ่ยอ๋องได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าพลันหม่นลงเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเนื้อความที่เขาได้ยิน“เจ้า ว่าอะไรนะ?”ไม่ได้ร่วมหอ?แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?สายตาที่หร่วนฝูอวี้มองมายังเขา เจือไปด้วยความสงสารไม่น้อยเขาโง่ถึงเพียงนี้เลยหรือ ตัวเองทำหรือไม่ทำก็ยังไม่รู้ หลังจากนี้กลัวจะถูกคนหลอกง่าย ๆ“ไม่ได้ร่วมหอ และไม่มีลูกด้วย เข้าใจหรือไม่?” นางพูดอย่างละเอียดอ่อนรุ่ยอ๋องออกแรงจับข้อมือของนาง จดจ้องนางแน่นิ่ง นัยน์ตาที่เคยสงบสุข ย้อมไปด้วยโทสะหลายส่วน“ไม่มีลูก? แล้วชีพจรครรภ์คืออะไร”เขานิสัยดี จนถึงเวลานี้ยังคุมอารมณ์อยู่หร่วนฝูอวี้ตอบกลับ“วิชาไสยเวทของหนานเจียง ข้าใช้วิชาไสยเวทสร้างขึ้นมา”รุ่ยอ๋องเข้าใจในทันที ไม่แปลกใจเลย ที่ครรภ์ของนางจะดูออกช้าขนาดนี้ที่แท้ไม่ใช่เพราะนางรักษารูปร่าง แต่นางไม่ได้ตั้งท้องเลยต่างหาก!นางโกหกเขามาตลอด!นางโกหกเขาได้อย่างไร…รุ่ยอ๋องรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจลำบาก ทั่วทั้งร่างกายเหมือนมีไฟแผดเผา“ข้าไปทำอะไรให
แคว้นหนานฉี ณ เมืองหลวงเหล่าราษฎรต่างใส่ใจสถานการณ์สงครามเป็นอย่างมาก เกรงว่าแคว้นหนานฉีจะล่มสลายทว่ากลับได้ยินข่าวว่าแคว้นหนานฉีจะบุกโจมตีกลับแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ยแล้ว“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”“ก็เรื่องจริงน่ะสิ ข้ามีหลานคนหนึ่งอยู่ในค่ายทหาร เขาเขียนจดหมายกลับมา บอกว่าพวกเราไม่ต้องกังวลแล้ว ช่วงอันตรายของแคว้นหนานฉีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ผู้ที่ต้องกังวลว่าแคว้นจะล่มสลายคือแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย แล้วก็แคว้นอื่น ๆ !”ข่าวนี้ทำให้คนยินดียิ่งราษฎรทุกคนมีความสุขจนกระโดดโลดเต้นจากนั้นก็ได้ยินอีกว่าราชสำนักกำลังเกณฑ์ทหาร“ประกาศการเกณฑ์ทหารได้ติดไปทั่ว ดูเหมือนว่าข่าวทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง!”“ข้าจะเข้าร่วมกองทัพ! สามารถขยายดินแดนเพื่อแคว้นหนานฉีได้ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล!”“ข้าจะไปลงชื่อ! แคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นอื่น ๆ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำผิดต่อแคว้นหนานฉีเรา จะให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายไม่ได้!”การรับสมัครทหารขยายกำลังพลของราชสำนักในครั้งนี้ จำนวนคนที่มาสมัครมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถึงอย่างไรพอผ่านประสบการณ์แคว้นเกือบล่มสลายมา เหล่าราษฎรต่า
“เสด็จพี่สะใภ้! ไม่เจอกันนานเลยเพคะ!” องค์หญิงน้อยทำการถวายคำนับตามธรรมเนียมในวังนางสวมชุดกระโปรงแบบสบายตัว ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบแฮ่ก ๆจากนั้นก็หันกลับมาถวายคำนับให้เซียวอวี้ต่อ“คารวะฝ่าบาท!”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างไม่แปลกใจ“เหตุใดองค์หญิงจึงเข้าเมืองมาเล่า?”ทหารศัตรูในเมืองนี้ถูกควบคุมตัวเอาไว้เกือบหมดแล้ว ทว่าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะปลอดภัยทั้งหมดใบหน้าองค์หญิงน้อยยิ้มแย้มดุจดอกไม้ ไม่มีท่าทีกลัวการสู้รบแม้แต่น้อย“ข้ามากับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อเข้าเมืองมาส่งเสบียง ข้าสามารถช่วยได้นะ”เซียวอวี้ไม่คิดเช่นนั้น“เด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้า จะช่วยอะไรได้”องค์หญิงน้อยเท้าสะเอวด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วตอบอย่างไม่พอใจว่า“เสด็จพี่ฮ่องเต้ ท่านอย่าดูถูกคนอื่น“ข้าเติบโตในเมืองเซวียน สามารถบอกทางให้พวกเขาได้นะ!“จริงสิ เหตุใดพวกท่านจึงอยู่ที่โรงพักแรมหลวงนี่ ไม่ไปพักที่จวนกั๋วกงล่ะ? ที่นี่อัตคัดเกินไปแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“หากในเมืองมีข้าศึกเคลื่อนไหว การพักอยู่ที่โรงพักแรมหลวงจะนำทหารออกไปได้สะดวกกว่า”องค์หญิงน้อยพยักหน้า จากนั้นสายตาก็ตกอยู่ที่มือข
เมื่อสองแคว้นสู้รบกัน ไม่อาจฆ่าราชทูตที่มาเยือนได้ราชทูตของต้าเซี่ยถูกนำตัวไปที่อำเภอหลิวที่อยู่ใกล้เมืองเซวียนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ด้านบนก็คือฮ่องเต้เซียวอวี้ราชทูตฝีปากคมกล้า ได้อธิบายว่าแคว้นต้าเซี่ยมาเจรจาสงบศึกด้วยความจริงใจ ทั้งยังหยิบยกเรื่องที่ว่าแคว้นหนานฉีและแคว้นต้าเซี่ยนั้นเป็นญาติพี่น้องกัน สาธยายไปจนถึงความสัมพันธ์กับองค์หญิงใหญ่เซียวอวี้นั่งอยู่บนที่นั่งประธาน ดื่มชาทีละคำ ดูไปแล้วเหมือนกำลังฟังอยู่ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความทระนงไม่อีนังขังขอบจนกระทั่งราชทูตนั่นพูดจบ เซียวอวี้ก็เหลือบตามองอย่างเย็นชา แววตาคมกริบดั่งธนู“เจรจาสงบศึก?”ราชทูตรีบถวายสาส์นตราตั้งที่เตรียมมาขึ้นไปทันทีหลังจากอ่านสาส์นตราตั้งจบ เซียวอวี้ค่อย ๆ ลุกขึ้น เงาร่างสูงใหญ่ราวกับกรงเล็บของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ไร้รูปร่างลงมาบีบคอราชทูตเอาไว้ราชทูตไม่กล้าเงยหน้าสบตาอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้ เขาหลุบตาลง รู้สึกเพียงว่าลมหายใจติดขัดในความเงียบเชียบเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจนั้น ราชทูตได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งจากนั้นเซียวอวี้ก็เปิดปากแววตาของเขาแฝงไปด้วยนัยยิ้มเยาะ“เจ้าจะมาเจ
แคว้นเป่ยเยี่ยน ณ จวนอัครเสนาบดีอัครเสนาบดีผู้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการขมวดคิ้วแน่น ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสุขสงบมาหลายคืนแล้วขุนนางใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงานสถานการณ์การรบด้วยท่าทางแตกตื่น“ใต้เท้า! แย่แล้วขอรับ! กองหนุน...กองหนุนที่ส่งไปแคว้นหนานฉี ล้วนถูกกองทัพหนานฉีล้อมปราบ บ้างก็ตาย บ้างก็ถูกจับกุม!”อัครเสนาบดีที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดพลันลุกขึ้นยืน“เมืองเซวียนหรือ? พวกฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่ทราบเลยขอรับ จนถึงยามนี้ไม่มีข่าวมาจากเมืองเซวียนเลยขอรับ...”พูดยังไม่ทันจบ ขุนพลท่านหนึ่งก็เร่งรีบมาถึงจวนอัครเสนาบดี “ท่านอัครเสนาบดีขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว! เมืองเซวียนเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”อัครเสนาบดีพลันรู้สึกใจสั่นนี่ยังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือ?ขุนพลผู้นั้นส่งของที่นำมาขึ้นไป แล้วพูดอธิบายด้วยสีหน้าซีดขาว“นี่คือสาส์นตราตั้งจากแคว้นหนานฉี ต้องการประกาศสงครามกับแคว้นเป่ยเยี่ยนของเราขอรับ ทั้งยังบอกอีกว่าเมืองเซวียนถูกกองทัพหนานฉียึดเอาไว้แล้ว เป็นไปได้มากว่าฝ่าบาทกับเหล่าทหารอาจจะกลับมาไม่ได้แล้วขอรับ!”เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าขุนนางรวมถึงอัครเสนาบด