Share

บทที่ 884

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ซ่านชุนนึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้...คนผู้นี้ที่สังหารนักรบของเขาห้าสิบนาย และแม่ทัพที่ห้าวหาญหนึ่งนาย จะเป็นเมิ่งสิงโจว!

เมิ่งสิงโจวที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบเจ็ดปี ในสงครามที่ด่านหู่เหมิน ได้นำทัพไปสังหารกองทัพศัตรูสองหมื่นนาย และสร้างเนินความตาย ทำให้ศัตรูทั่วสารทิศตื่นกลัว!

คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก!!

ม่านตาของซ่านชุนหดลงในทันที

แม่ทัพของอีกสามแคว้นถึงกับตาค้าง พร้อมทั้งหวาดกลัวการต่อสู้

ที่แท้ก็คือเมิ่งสิงโจว มิน่าเล่าถึงได้สังหารคนได้มากมายเพียงนี้!

วันนี้มิใช่จะสร้างเนินความตายของหนานฉีให้เสร็จหรอกหรือ!

พวกเขาทยอยกันเอ่ยโน้มน้าว

“แม่ทัพซ่าน! จะต่อสู้อีกมิได้แล้ว! คู่ต่อสู้คือเมิ่งสิงโจว คนของพวกเราจะไปตายกันเปล่า ๆ !”

“เมิ่งสิงโจว เป็นเมิ่งสิงโจวได้อย่างไร! แม่ทัพซ่าน จะให้หนานฉีจูงจมูกเรามิได้เด็ดขาด!”

รอบดวงตาของซ่านชุนปรากฏรอยคล้ำเป็นวง

“หนังสือท้ารบรับมาแล้ว จะกลับคำกลางคันได้อย่างไร! ต้องสู้ต่อไป! ข้ามิเชื่อว่า คนตั้งมากมาย นางจะยังเอาชนะไปได้ตลอด! หนึ่งร้อยคนไม่พอ ก็หนึ่งพันคน หนึ่งหมื่นคน!”

ในยามนี้ เขามิต่างจากฮ่องเต้เยี่ยนผู้บ้าคลั่ง

ทว่าสิ่งที่ต่างคือ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (11)
goodnovel comment avatar
Aree Thongpeng
รอๆ ลงเยอะหน่อยนะคะ รออ่านเรื่องนี้เรื่องเดียว
goodnovel comment avatar
อาภรณ์ เมืองรักษา
วันนี้ลงหลายตอนหน่อยไม่ต้องเลือกวันอะไรก็ใด้
goodnovel comment avatar
กรรณิการ์ จันทะบุตร
อยากอ่านหลานๆตอนมากกว่านี้ค่ะอ่านแล้วสะดุดอารมณ์เลยค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 885

    กองทัพศัตรูนำศพของกวนไหลอิ้งมาวางบนพื้นที่โล่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี ไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เหล่าทหารหนานฉีเห็นแล้วรู้สึกโกรธแค้นความตายก็แค่ศีรษะแตะพื้น ทว่าการกระทำจำพวกเฆี่ยนตีศพ ช่างชั่วช้าอย่างยิ่ง!บนหอประตูเมือง ทหารหนานฉีสองนายโรยเชือกลงมา พวกเขานำอาภรณ์ที่แม่ทัพกวนเคยสวมใส่ก่อนตาย มาสวมให้เขา แววตาฉายแววความโศกเศร้าซ่านชุนมองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม“ฮองเฮา บุตรในท้องของท่าน เกรงว่าคงไม่รอดแล้วกระมัง!”มิเช่นนั้นแล้ว จะต่อสู้จนมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นกับนางหรือ?ซ่านชุนคิดว่าตนเองฉลาดกลับมิรู้เลยว่า เดิมทีแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ตั้งครรภ์เลยหลังจากศพของกวนไหลอิ้งถูกส่งขึ้นไปยังหอประตูเมืองแล้ว ซ่านชุนก็มองไปยังศพของทหารตนเองเขารู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนคิดอีกที ก็ยังดีที่หยุดความเสียหายได้ทันเวลาตอนนี้ตายไปเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบนายหนานฉีพูดพร่ำไม่หยุดว่าจะสร้างหอสูงเก็บศพ ลำพังแค่คนหนึ่งร้อยคน คงมิอาจสร้างได้ซ่านชุนมองไปที่หอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋อีกครั้ง สายตาดูเหี้ยมเกรียม“ถอยทัพ!”ทว่า ขณะที่เขากำลังจะห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 886

    ภายนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพศัตรูหนีกระเจิงไปคนละทิศละทางภายในด่านเฉาอวี๋ กองทัพหนานฉีกำลังตีกลองลูกตะกร้อไฟเผาไหม้จนหมดแล้ว แสงไฟมอดดับลง แสงจันทร์และแสงดาวดูสว่างไสวเป็นพิเศษ สาดกระทบลงมาบนตัวเฟิ่งจิ่วเหยียน ขับเน้นให้รูปร่างนางยิ่งดูผอมเพรียว ทว่ากลับแน่วแน่มั่นคงราวกับต้นสนหลังจากรอจนกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นนำโดยต้าเซี่ยถอยหนีไป นางถึงนั่งลงบนโขดหินด้วยความเหนื่อยล้า โน้มตัวลงมาเล็กน้อย เลือดสด ๆ ไหลมาตามร่องนิ้วมือแขนของนางได้รับบาดเจ็บจากขวานคู่ แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นได้ชัดเจนทว่า สำหรับนางแล้วนี่ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยหากผ่านวันนี้ไปแล้ว กองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นมิกล้ามารุกรานง่าย ๆ อีก นี่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ“ฮองเฮา ท่านมิเป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารที่รับผิดชอบเชือกขวางม้าล้อมวงเข้ามา ในใจรู้สึกเป็นกังวลเฟิ่งจิ่วเหยียนซ่อนมือที่มีเลือดออกไว้ น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่รีบร้อน“มิเป็นไร”นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางศพของทหารศัตรู แววตาดูเฉยชา......ณ ฐานที่มั่นของกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นหลังจากซ่านชุนนำกองทัพถอนกำลังไปแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือลากตัวเหล่าทหารสอดแนมออกมาทหารสอดแนม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 887

    ฮูหยินกวนเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่ทันเหือดแห้ง พลันปรากฏความรู้สึกประหลาดใจ“ตรวจพิสูจน์ศพ? ฮองเฮา เป็นเพราะเหตุใดเพคะ?”บุตรชายสองคนของนางก็ประหลาดใจเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันรองแม่ทัพสวีเฟิงเป็นตัวแทนเหล่าทหาร เอ่ยถามอย่างใจกล้า“ฮองเฮา หรือท่านคิดว่า การตายของแม่ทัพกวนน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ?”มีเพียงสงสัยว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะให้นักชันสูตรศพมาตรวจพิสูจน์ศพ โดยปกติก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการจัดการคดีของขุนนางดังนั้น เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอให้ตรวจพิสูจน์ศพ สวีเฟิงย่อมต้องคิดมากเฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองดูคนเหล่านั้นที่มีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันไป พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าเคยประมือกับชายจมูกยาว และยังรู้ถึงพละกำลังของแม่ทัพกวนด้วย“หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว แม่ทัพกวนคงมิพ่ายแพ้ง่ายดายถึงเพียงนี้“ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ศพ”นางมิอาจยอมรับสิ่งที่ขัดแย้งกับความคิดโดยเฉพาะในค่ายทหารแห่งนี้กวนไหลอิ้งเป็นแม่ทัพที่ดีทำเพื่อแว่นแคว้นและราษฎร ต้องมาตายอย่างมีเงื่อนงำ ซ้ำยังถูกครหาว่ามุทะลุบุ่มบ่าม ช่างน่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 888

    ฮูหยินกวนมิเห็นด้วยกับการผ่าศพ บุตรชายคนโตของตระกูลกวนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเช่นกัน“มิได้! บิดาข้าน้อยก่อนตายก็ต้องทนทุกข์ทรมาน ตายแล้วก็ยังถูกคนเฆี่ยนตี มิอาจถูกทำร้ายได้อีกแล้ว!”บุตรชายคนเล็กก็คล้อยตามกัน: “ฮองเฮา ให้ศพของบิดาข้าน้อยอยู่ครบถ้วนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! บิดาข้าน้อยช่างน่าอนาถยิ่งนัก!”สวีเฟิงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง เขาจึงสอบถามหมอเทวดาเฒ่าผู้นั้น“การผ่าศพจะสามารถค้นพบบางอย่างได้แน่นอนใช่หรือไม่?”หมอเทวดาเฒ่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา: “ก็ไม่แน่”“ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ก็ห้ามมิให้ผ่าศพอีกเด็ดขาด!” ฮูหยินกวนร่ำไห้สะอึกสะอื้นทุกคนต่างมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมองไปที่ศพของกวนไหลอิ้ง ด้านบนปกปิดด้วยผ้าขาว นี่คือปลายทางสุดท้ายของทุกคนจางฉวนตัวน้อยรู้สึกกังวลใจหากฮองเฮายืนกรานจะตรวจพิสูจน์ศพ เพื่อค้นหาความจริง หากค้นพบบางอย่างก็ถือว่าดีไป หากไม่พบ ก็อาจจะทำให้คนตระกูลกวนไม่พอใจอย่างแน่นอน นี่จะเป็นการเสียแรงเปล่านั่นก็มิสู้ปล่อยผ่านไปจะดีกว่าไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพกวนก็ตายด้วยน้ำมือของกองทัพศัตรู อย่างไรเสียก็ถือเป็นวีรบุรุษที่ยอมสละชีพเมื่อนึกถึงเรื่องนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 889

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสงสัยว่าการตายของกวนไหลอิ้งมีพิรุธบางอย่าง จึงจงใจเอ่ยถึงความสงสัยต่อหน้าทุกคน ก็เพื่อจะล่องูออกจากรูคืนที่ผ่านมา หยิ่นซานกับพรรคพวกเฝ้าอยู่ภายนอกกระโจมที่ตั้งศพตลอดทั้งคืน ผู้ใดเข้าไปบ้าง พวกเขาก็เห็นอย่างชัดเจนภายนอกกระโจมมีทหารเฝ้าอยู่ ลูกกำพร้ากับแม่ม่ายตระกูลกวนสามคนก็ได้เข้าไป หลังจากที่พวกเขากลับไปไม่นาน สวีเฟิงก็เข้าไปต่อมาหลังจากนั้น บุตรชายคนโตกับบุตรชายคนเล็กของตระกูลกวนก็แยกกันเข้าไปในช่วงเวลานั้น ยังมีหมอทหารผู้นั้นด้วยจางฉวนสรุปด้วยประโยคเดียว “หรือจะพูดว่า คนทั้งห้าคนที่เอ่ยมานั้นมีโอกาสที่จะแตะต้องศพ และทำอะไรกับศพ!”ฮูหยินกวนได้ยินเช่นนั้น ราวกับถูกลบหลู่ จึงรีบปฏิเสธทันทีด้วยความไม่พอใจ“มิใช่ข้า! ข้าหรือจะลอบฆ่าสามี? การทำร้ายสามีของข้า จะได้ประโยชน์อันใดต่อข้า?”นางกลับหันไปโยนความผิดให้สวีเฟิง และยืนกรานหนักแน่น “สวีเฟิงเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด! เขามิเต็มใจจะอยู่ภายใต้สามีข้า เขาต้องการจะอยู่เหนือกว่า! ฮองเฮา ท่านโปรดสืบสวนให้กระจ่าง!”สวีเฟิงมิรู้ว่าตนล่วงเกินฮูหยินกวนอย่างไร สิ่งดีมิเคยนึกถึง สิ่งร้ายจะนึกถึงเขาทันทีคนบริสุทธิ์ย่อมพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 890

    ผ่านไปไม่นาน หมอทหารผู้นั้นก็ถูกลากตัวมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนบนตัวเขาได้รับบาดเจ็บ ขดตัวคุกเข่าอยู่บนพื้น มิกล้าเงยหน้า“ขอฮองเฮาทรงสืบหาความจริงให้กระจ่าง ข้าน้อยถูกปรักปรำ ถูกปรักปรำ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนชักดาบชี้ไปที่คอของเขา บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้น บนใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาไม่หยุด“ฮองเฮา...”เขาดูเหมือนบริสุทธิ์ไร้ความผิด ในดวงตาเห็นประกายของหยดน้ำตาใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงความรู้สึกเกินพอดี มองดูเคร่งขรึม“ภายในค่ายตงต้า มีสายลับมากน้อยเท่าใด”หมอทหารส่ายหัว“ข้าน้อยมิทราบ ข้าน้อยกลัว...อ๊าก!”ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ หูข้างหนึ่งก็ถูกตัดขาดเลือดจากใบหูหยดลงมาบนพื้น เจ็บปวดจนทำให้เขาสั่นกระตุกไปทั้งตัว“ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมิทราบจริง ๆ! สายลับอะไรนั่น พิษอะไรนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับข้าน้อยเลย...”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นเยียบ“ยังฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือ? ถ้าเช่นนั้น หูอีกข้างหนึ่งก็อย่าเก็บเอาไว้เลย”นางกำลังจะแกว่งกระบี่ หมอทหารผู้นั้นก็หลบโดยมิรู้ตัว ราวกับสุนัขตกน้ำที่สิ้นท่า และโขกหัวขอความเมตตา“ไม่ อย่า! ฮองเฮา ข้าน้อยบริสุทธิ์ ข้าน้อยขาดสติไปชั่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 891

    หยิ่นเอ้อร์ต้องการพาคนออกไปนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเอ่ยถาม“คิดว่าเป็นเพียงความกตัญญูจริง ๆ หรือ?”ฮูหยินกวนที่ถูกถามนั้น ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเปิดเผยความจริงทุออย่างออกมาอย่างโหดร้ายในทันที“บุตรชายทั้งสองของท่านนั้น อยากจะเข้าร่วมกองพันทหารม้า ยามที่ท่านแม่ทัพกวนยังมีชีวิตอยู่นั้น เขาหาได้เคยอนุญาติไม่”“แล้ว แล้วมันอย่างไรเล่า?” ใบหน้าของฮูหยินกวนพลันมีท่าทีสับสนไปเล็กน้อยดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่แฝงไปด้วยความเย็นชานั้น“สายลับของแคว้นศัตรูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง หากเพียงแค่เอ่ยวาจาธรรมดานั้น พวกมันจักเกลี้ยกล่อมบุตรชายทั้งสองของเจ้าให้วางยาได้อย่างไร? เกรงว่า คงมีแรงจูงใจอื่น ๆ เป็นแน่“ข้าได้ไปสืบเรื่องราวแล้ว ยามที่กวนไหลอิ้งมาร่วมรบในวันนั้น คุณชายทั้งสองนั้นต่างก็พากันเสนอตัวอยากที่จะไปออกรบแทนบิดาของตนเอง เกรงว่าที่พวกเขามีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะทั้งสองต่างมองว่าการดวลกันหน้าสนามรบนั้นเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จอีกทางหนึ่ง หากว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หากได้ชัยย่อมกลายเป็นวีรีบุรุษผู้กล้าหาญ หากพ่ายแพ้อย่างมากก็แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”“แต่พวกเขาคง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 892

    ซ่านชุนที่ได้รับหน้าที่อันใหญ่หลวง โดยการควบคุมทหารม้าของทั้งสี่แคว้นนั้นเขารู้ดีว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนคือขวากหนามที่เป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขา ในการโจมตีด่านเฉาอวี่๋ในครั้งนี้นางเก่งในการนำทัพออกรบยิ่งนัก รัฐเหลียงที่อยู่แดนเหนือยังถูกนางตีจนแตกพ่ายกลายเป็นรัฐบริวารแล้ว นับว่าความสามารถของนางมิอาจดูถูกได้เลยจริง ยิ่งกว่านั้น เมื่อวานนางยังสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอย่างแสนสาหัสอีกด้วย สร้างเนินฝังศพขึ้นมา โหดเหี้ยมและน่าขวัญผวายิ่งนัก!ทำเอาเขาอยากจะสังหารสตรีนางนั่นเดี๋ยวนี้เลย!รองแม่ทัพพลางเอ่ยปลอบใจออกมาว่า “ท่านแม่ทัพวางใจได้ขอรับ สายลับของพวกเราสามารถสังหารกวนไหลอิ้งได้ เช่นนั้นย่อมต้องสังหารฮองเฮาแห่งหนานฉีได้เช่นกันขอรับ!”ซ่านชุนนึกอยากกินเนื้อแกะขึ้นมาอีกแล้วทว่า เมื่อนึกไปถึงโคลงตลกขบขันที่ชาวหนานฉีตั้งขึ้นมานั้น กล่าวว่าเขากินเนื้อวัวเนื้อแกะ ก็เพื่อกลบกลิ่นที่ติดตัวของตนเอง นั่นจึงทำให้เขาอดที่จะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้กลุ่มหนานฉีพวกนั้น! ช่างน่ารังเกลียดยิ่งนัก!ซ่านชุนพลางเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “หาใช่สตรีนางนั้นเพียงผู้เดียวไม่ ยังมีบัณฑ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 929   

    ณ จวนจู้กั๋วกง เมืองเซวียนองครักษ์เข้ามาในเรือนอย่างเร่งรีบ รายงานจู้กั๋วกงว่า“ใต้เท้า! กองทัพเยี่ยนจับฮ่องเต้เยี่ยน มุ่งหน้ามามอบตัว!”จู้กั๋วกงประหลาดใจเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ! ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ใด?”จู้กั๋งกงรีบนำคนตรงไปที่นั่น จึงเห็นเพียง ฮ่องเต้เยี่ยนที่หิวจนผอมโซ ถูกกองทัพเยี่ยนจับมัดแขนมัดขา โยนทิ้งไว้บนพื้นกองทัพเยี่ยนถอดเสื้อเกราะออก คุกเข่าบนพื้น ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มขมขื่นอย่างเอาใจและประจบสอพลอ“ขอร้องพวกท่านล่ะ ให้อาหารข้ากินเถอะ…พวกข้ายอมแพ้แล้ว!”จู้กั๋วกงเหลือบมองฮ่องเต้เยี่ยนที่สลบบนพื้น จากนั้นก็ส่ายหน้าเกรงว่าฮ่องเต้เยี่ยนคงคาดคิดไม่ถึง ว่าตัวเองจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนของตัวเองจิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริง ๆจู้กั๋วกงออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว“จับพวกเขากลับไป คุมขังเอาไว้!”“รับทราบ!”ในคืนนั้น จู้กั๋วกงเขียนจดหมายด้วยตนเองหนึ่งฉบับ สั่งให้คนไปส่งให้ฝ่าบาทอย่างเร่งด่วนในเวลาเดียวกัน เซียวอวี้กับเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวงบนถนนที่พวกเขาเดินทางกลับ ล้วนมีประชาชนคอยต้อนรับตลอดทางคืนนี้ พวกเขาเข้าพักที่โรงพักแรม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 928     

    คำที่ผู้คุมโทษบอก ถานไถเหยี่ยนทำเป็นไม่สนใจดวงตาของเขามีเพียงใยแมงมุม สายตาว่างเปล่าทอดมองยาวไกล“สงครามข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง”ผู้คุมโทษถูกจ้างมาจัดการให้ ท่าทีจึงเคารพนอบน้อม“ฝ่าบาทเสด็จไปรบด้วยตัวเอง ปราบปรามกองทัพศัตรูในเมืองเซวียนได้แล้ว กองกำลังเสริมของแต่ละแคว้นก็ถูกจับไปเป็นเชลยหมด“ราชสำนักเกณฑ์ทหารทุกพื้นที่ เตรียมบุกโจมตีเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย คาดว่า แคว้นหนานฉีปลอดภัยแล้ว”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนเฉยชา“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ ‘ใยแมงมุม’ หรือไม่”?ผู้คุมโทษนิ่งงันไปเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกสติกลับมา“ท่านหมายถึงสนามกลไกของตระกูลตงฟางหรือ! ของสิ่งนั้นวิเศษมาก เผยแพร่ไปทั่วแคว้นหนานฉี ไม่ว่ากองทัพศัตรูจะปรากฏที่ไหน ก็จะถูกพวกเราขัดขวาง!”พูดถึงเรื่องนี้ ผู้คุมโทษก็รู้สึกมีเกียรติเขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่าเรื่องราว จนไม่สังเกตเห็น ความเปลี่ยนแปลงของถานไถเหยี่ยน ภายในห้องขังถานไถเหยี่ยนหันมา เผชิญหน้ากับเขา ถามเสียงเข้มว่า“สนามกลไกของตระกูลตงฟาง?”ผู้คุมโทษพยักหน้าอย่างหนักแน่น“ใช่แล้ว! ตระกูลตงฟางนั่นแหละ! คุณชายตงฟางนำกองทัพใหญ่สร้างสนามกลไกขึ้นมา เพียงเส้นทา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 927

    เมืองเซวียนกองทัพศัตรูภายในเมือง นอกจากกองทัพเยี่ยนที่ถอยกองกำลังไปอยู่ภูเขาจิ่วเหลียน กองทัพอื่นล้วนถูกจับเป็นเชลยเชลยศึกถูกบังคับให้ถอดเสื้อเกราะ วางอาวุธลง ถึงจะถูกปล่อยออกไปจากเมืองเซวียนธนูแต่ละแบบของแคว้นต้าเซี่ย ล้วนถูกทิ้งไว้ในเมืองเซวียน เสียไปให้กองทัพแคว้นหนานฉีอย่างสูญเปล่าเดิมทีซ่านชุนอยากทำลายธนูเหล่านั้นทิ้งก่อนทว่า ยามที่พวกเขาวางอาวุธนั้น ต่างมีกองทัพแคว้นหนานฉียืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ต่อให้เขาอยากเล่นตุกติก ก็ไม่มีโอกาสในสภาพอากาศหนาวเหน็บ เหล่าทหารกองทัพพันธมิตรออกไปจากเมืองเซวียนด้วยอาภรณ์ชิ้นบางเมื่อเห็นท่าทางหมดสภาพของกันและกัน ต่างคนต่างไม่ส่งเสียงออกมาซ่านชุนหันกลับไปมองเมืองเซวียน ปฏิญาณกับตัวเองว่า——เขาต้องได้นำกองทัพใหญ่โจมตีกลับอีก!หากไม่ใช่เพราะพวกเขาถูกลอบโจมตีโดยที่ไม่ได้เตรียมตัว  กินนอนก็ลำบาก กำลังทหารเบาบางลง  คงไม่แพ้จนมีสภาพน่าเวทนาขนาดนี้เหล่าเชลยศึกถูกส่งมายังค่ายทหาร ถูกควบคุมโดยแคว้นหนานฉีเข้าด้วยกันข้อดีของการถูกจับเป็นเชลยคือ มีอาหารให้กินในที่สุดถึงแม้ทุกคนจะได้กินแค่โจ๊กหนึ่งถ้วย หมั่นโถวหนึ่งลูก ก็ยังดีกว่าถูกขังอยู่ในเมือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 926

    หร่วนฝูอวี้ดิ้นรนอยู่นาน จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เฮ้อ! เจ้าโง่ จริง ๆ แล้ว…คืนนั้นเจ้าหลับอย่างกับหมูตาย เจ้าไม่ได้ร่วมหอกับข้าเลยสักนิด”รุ่ยอ๋องได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าพลันหม่นลงเขาแทบไม่อยากจะเชื่อเนื้อความที่เขาได้ยิน“เจ้า ว่าอะไรนะ?”ไม่ได้ร่วมหอ?แล้วเด็กคนนั้นล่ะ?สายตาที่หร่วนฝูอวี้มองมายังเขา เจือไปด้วยความสงสารไม่น้อยเขาโง่ถึงเพียงนี้เลยหรือ ตัวเองทำหรือไม่ทำก็ยังไม่รู้ หลังจากนี้กลัวจะถูกคนหลอกง่าย ๆ“ไม่ได้ร่วมหอ และไม่มีลูกด้วย เข้าใจหรือไม่?” นางพูดอย่างละเอียดอ่อนรุ่ยอ๋องออกแรงจับข้อมือของนาง จดจ้องนางแน่นิ่ง นัยน์ตาที่เคยสงบสุข ย้อมไปด้วยโทสะหลายส่วน“ไม่มีลูก? แล้วชีพจรครรภ์คืออะไร”เขานิสัยดี จนถึงเวลานี้ยังคุมอารมณ์อยู่หร่วนฝูอวี้ตอบกลับ“วิชาไสยเวทของหนานเจียง ข้าใช้วิชาไสยเวทสร้างขึ้นมา”รุ่ยอ๋องเข้าใจในทันที ไม่แปลกใจเลย ที่ครรภ์ของนางจะดูออกช้าขนาดนี้ที่แท้ไม่ใช่เพราะนางรักษารูปร่าง แต่นางไม่ได้ตั้งท้องเลยต่างหาก!นางโกหกเขามาตลอด!นางโกหกเขาได้อย่างไร…รุ่ยอ๋องรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจลำบาก ทั่วทั้งร่างกายเหมือนมีไฟแผดเผา“ข้าไปทำอะไรให

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 925

    แคว้นหนานฉี ณ เมืองหลวงเหล่าราษฎรต่างใส่ใจสถานการณ์สงครามเป็นอย่างมาก เกรงว่าแคว้นหนานฉีจะล่มสลายทว่ากลับได้ยินข่าวว่าแคว้นหนานฉีจะบุกโจมตีกลับแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ยแล้ว“นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”“ก็เรื่องจริงน่ะสิ ข้ามีหลานคนหนึ่งอยู่ในค่ายทหาร เขาเขียนจดหมายกลับมา บอกว่าพวกเราไม่ต้องกังวลแล้ว ช่วงอันตรายของแคว้นหนานฉีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้ผู้ที่ต้องกังวลว่าแคว้นจะล่มสลายคือแคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นต้าเซี่ย แล้วก็แคว้นอื่น ๆ !”ข่าวนี้ทำให้คนยินดียิ่งราษฎรทุกคนมีความสุขจนกระโดดโลดเต้นจากนั้นก็ได้ยินอีกว่าราชสำนักกำลังเกณฑ์ทหาร“ประกาศการเกณฑ์ทหารได้ติดไปทั่ว ดูเหมือนว่าข่าวทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง!”“ข้าจะเข้าร่วมกองทัพ! สามารถขยายดินแดนเพื่อแคว้นหนานฉีได้ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล!”“ข้าจะไปลงชื่อ! แคว้นเป่ยเยี่ยนและแคว้นอื่น ๆ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ทำผิดต่อแคว้นหนานฉีเรา จะให้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายไม่ได้!”การรับสมัครทหารขยายกำลังพลของราชสำนักในครั้งนี้ จำนวนคนที่มาสมัครมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนถึงอย่างไรพอผ่านประสบการณ์แคว้นเกือบล่มสลายมา เหล่าราษฎรต่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 924

    “เสด็จพี่สะใภ้! ไม่เจอกันนานเลยเพคะ!” องค์หญิงน้อยทำการถวายคำนับตามธรรมเนียมในวังนางสวมชุดกระโปรงแบบสบายตัว ใบหน้าแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบแฮ่ก ๆจากนั้นก็หันกลับมาถวายคำนับให้เซียวอวี้ต่อ“คารวะฝ่าบาท!”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอย่างไม่แปลกใจ“เหตุใดองค์หญิงจึงเข้าเมืองมาเล่า?”ทหารศัตรูในเมืองนี้ถูกควบคุมตัวเอาไว้เกือบหมดแล้ว ทว่าไม่อาจรับประกันได้ว่าจะปลอดภัยทั้งหมดใบหน้าองค์หญิงน้อยยิ้มแย้มดุจดอกไม้ ไม่มีท่าทีกลัวการสู้รบแม้แต่น้อย“ข้ามากับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อเข้าเมืองมาส่งเสบียง ข้าสามารถช่วยได้นะ”เซียวอวี้ไม่คิดเช่นนั้น“เด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้า จะช่วยอะไรได้”องค์หญิงน้อยเท้าสะเอวด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วตอบอย่างไม่พอใจว่า“เสด็จพี่ฮ่องเต้ ท่านอย่าดูถูกคนอื่น“ข้าเติบโตในเมืองเซวียน สามารถบอกทางให้พวกเขาได้นะ!“จริงสิ เหตุใดพวกท่านจึงอยู่ที่โรงพักแรมหลวงนี่ ไม่ไปพักที่จวนกั๋วกงล่ะ? ที่นี่อัตคัดเกินไปแล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“หากในเมืองมีข้าศึกเคลื่อนไหว การพักอยู่ที่โรงพักแรมหลวงจะนำทหารออกไปได้สะดวกกว่า”องค์หญิงน้อยพยักหน้า จากนั้นสายตาก็ตกอยู่ที่มือข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 923

    เมื่อสองแคว้นสู้รบกัน ไม่อาจฆ่าราชทูตที่มาเยือนได้ราชทูตของต้าเซี่ยถูกนำตัวไปที่อำเภอหลิวที่อยู่ใกล้เมืองเซวียนผู้สูงศักดิ์ที่นั่งอยู่ด้านบนก็คือฮ่องเต้เซียวอวี้ราชทูตฝีปากคมกล้า ได้อธิบายว่าแคว้นต้าเซี่ยมาเจรจาสงบศึกด้วยความจริงใจ ทั้งยังหยิบยกเรื่องที่ว่าแคว้นหนานฉีและแคว้นต้าเซี่ยนั้นเป็นญาติพี่น้องกัน สาธยายไปจนถึงความสัมพันธ์กับองค์หญิงใหญ่เซียวอวี้นั่งอยู่บนที่นั่งประธาน ดื่มชาทีละคำ ดูไปแล้วเหมือนกำลังฟังอยู่ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความทระนงไม่อีนังขังขอบจนกระทั่งราชทูตนั่นพูดจบ เซียวอวี้ก็เหลือบตามองอย่างเย็นชา แววตาคมกริบดั่งธนู“เจรจาสงบศึก?”ราชทูตรีบถวายสาส์นตราตั้งที่เตรียมมาขึ้นไปทันทีหลังจากอ่านสาส์นตราตั้งจบ เซียวอวี้ค่อย ๆ ลุกขึ้น เงาร่างสูงใหญ่ราวกับกรงเล็บของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่ไร้รูปร่างลงมาบีบคอราชทูตเอาไว้ราชทูตไม่กล้าเงยหน้าสบตาอันน่าเกรงขามของฮ่องเต้ เขาหลุบตาลง รู้สึกเพียงว่าลมหายใจติดขัดในความเงียบเชียบเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่กี่ลมหายใจนั้น ราชทูตได้รับความทุกข์ทรมานอย่างยิ่งจากนั้นเซียวอวี้ก็เปิดปากแววตาของเขาแฝงไปด้วยนัยยิ้มเยาะ“เจ้าจะมาเจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 922

    แคว้นเป่ยเยี่ยน ณ จวนอัครเสนาบดีอัครเสนาบดีผู้ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการขมวดคิ้วแน่น ไม่สามารถนอนหลับได้อย่างสุขสงบมาหลายคืนแล้วขุนนางใต้บังคับบัญชาเข้ามารายงานสถานการณ์การรบด้วยท่าทางแตกตื่น“ใต้เท้า! แย่แล้วขอรับ! กองหนุน...กองหนุนที่ส่งไปแคว้นหนานฉี ล้วนถูกกองทัพหนานฉีล้อมปราบ บ้างก็ตาย บ้างก็ถูกจับกุม!”อัครเสนาบดีที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดพลันลุกขึ้นยืน“เมืองเซวียนหรือ? พวกฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง?”“ไม่ทราบเลยขอรับ จนถึงยามนี้ไม่มีข่าวมาจากเมืองเซวียนเลยขอรับ...”พูดยังไม่ทันจบ ขุนพลท่านหนึ่งก็เร่งรีบมาถึงจวนอัครเสนาบดี “ท่านอัครเสนาบดีขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว! เมืองเซวียนเกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”อัครเสนาบดีพลันรู้สึกใจสั่นนี่ยังจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกหรือ?ขุนพลผู้นั้นส่งของที่นำมาขึ้นไป แล้วพูดอธิบายด้วยสีหน้าซีดขาว“นี่คือสาส์นตราตั้งจากแคว้นหนานฉี ต้องการประกาศสงครามกับแคว้นเป่ยเยี่ยนของเราขอรับ ทั้งยังบอกอีกว่าเมืองเซวียนถูกกองทัพหนานฉียึดเอาไว้แล้ว เป็นไปได้มากว่าฝ่าบาทกับเหล่าทหารอาจจะกลับมาไม่ได้แล้วขอรับ!”เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา เหล่าขุนนางรวมถึงอัครเสนาบด

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status