Share

บทที่ 883

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ขวานเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง ทว่าความโค้งของใบขวานมักจะลดทอนพลังของหัวขวาน ส่วนความแหลมคมของทวนกลับสามารถทะลวงการป้องกันของขวานได้

ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า “ทวนเอาชนะขวานได้”

ผู้ที่เชี่ยวชาญอาวุธ ต่างก็รู้สิ่งนี้

ซ่านชุนมีสีหน้าโกรธเคือง

แม่ทัพน้อยที่หนานฉีส่งมาผู้นี้ มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่!

เฟิ่งจิ่วเหยียนถือทวนในมืออย่างมั่นคง รอให้คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ จะได้โจมตีอย่างทันควัน

ชายจมูกยาวผู้นี้รับรู้ถึงกระแสลมทรงพลัง จึงรีบใช้ขวานในทันที มือซ้ายถือขวานไว้ป้องกัน มือขวาถือขวานไว้โจมตี

ทั้งแกว่งทั้งผ่า ทั้งสับทั้งแทง พร้อมกับฟาดเกี่ยวฟันปัด ท่าที่ใช้ของขวานคู่ดุดันโหดเหี้ยม ทุกย่างก้าวมีเจตนาสังหาร

ทว่า วิชาทวนของเฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งคาดเดายาก

ทั้งคู่โจมตีตอบโต้กันหลายสิบรอบ ผู้คนรอบข้างก็จ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ

ด้านกองทัพต้าเซี่ย สีหน้าของซ่านชุนไม่สู้ดีนัก

ขวานคู่ของเจ้าจมูกยาวน้อยนักจะมีคู่ต่อสู้ ทว่าตอนนี้กลับถูกคู่ต่อสู้ข่มไว้ ยากจะมีโอกาสโจมตีกลับ

สถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนไม่ค่อยสู้ดีนัก...

บนหอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋

เสียงกลองรบราวกับห่าฝน ทั้งเหมือนเสียงกีบม้า
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
สมจิตร สิทธิคุณ
............ตามต่อค่ะ กำลังสนุก
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 884

    ซ่านชุนนึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้...คนผู้นี้ที่สังหารนักรบของเขาห้าสิบนาย และแม่ทัพที่ห้าวหาญหนึ่งนาย จะเป็นเมิ่งสิงโจว!เมิ่งสิงโจวที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบเจ็ดปี ในสงครามที่ด่านหู่เหมิน ได้นำทัพไปสังหารกองทัพศัตรูสองหมื่นนาย และสร้างเนินความตาย ทำให้ศัตรูทั่วสารทิศตื่นกลัว!คนผู้นี้น่ากลัวยิ่งนัก!!ม่านตาของซ่านชุนหดลงในทันทีแม่ทัพของอีกสามแคว้นถึงกับตาค้าง พร้อมทั้งหวาดกลัวการต่อสู้ที่แท้ก็คือเมิ่งสิงโจว มิน่าเล่าถึงได้สังหารคนได้มากมายเพียงนี้!วันนี้มิใช่จะสร้างเนินความตายของหนานฉีให้เสร็จหรอกหรือ!พวกเขาทยอยกันเอ่ยโน้มน้าว“แม่ทัพซ่าน! จะต่อสู้อีกมิได้แล้ว! คู่ต่อสู้คือเมิ่งสิงโจว คนของพวกเราจะไปตายกันเปล่า ๆ !”“เมิ่งสิงโจว เป็นเมิ่งสิงโจวได้อย่างไร! แม่ทัพซ่าน จะให้หนานฉีจูงจมูกเรามิได้เด็ดขาด!”รอบดวงตาของซ่านชุนปรากฏรอยคล้ำเป็นวง“หนังสือท้ารบรับมาแล้ว จะกลับคำกลางคันได้อย่างไร! ต้องสู้ต่อไป! ข้ามิเชื่อว่า คนตั้งมากมาย นางจะยังเอาชนะไปได้ตลอด! หนึ่งร้อยคนไม่พอ ก็หนึ่งพันคน หนึ่งหมื่นคน!”ในยามนี้ เขามิต่างจากฮ่องเต้เยี่ยนผู้บ้าคลั่งทว่าสิ่งที่ต่างคือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 885

    กองทัพศัตรูนำศพของกวนไหลอิ้งมาวางบนพื้นที่โล่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยเฆี่ยนตี ไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เหล่าทหารหนานฉีเห็นแล้วรู้สึกโกรธแค้นความตายก็แค่ศีรษะแตะพื้น ทว่าการกระทำจำพวกเฆี่ยนตีศพ ช่างชั่วช้าอย่างยิ่ง!บนหอประตูเมือง ทหารหนานฉีสองนายโรยเชือกลงมา พวกเขานำอาภรณ์ที่แม่ทัพกวนเคยสวมใส่ก่อนตาย มาสวมให้เขา แววตาฉายแววความโศกเศร้าซ่านชุนมองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยสายตาโหดเหี้ยม“ฮองเฮา บุตรในท้องของท่าน เกรงว่าคงไม่รอดแล้วกระมัง!”มิเช่นนั้นแล้ว จะต่อสู้จนมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร ไม่มีปัญหาใดเกิดขึ้นกับนางหรือ?ซ่านชุนคิดว่าตนเองฉลาดกลับมิรู้เลยว่า เดิมทีแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ตั้งครรภ์เลยหลังจากศพของกวนไหลอิ้งถูกส่งขึ้นไปยังหอประตูเมืองแล้ว ซ่านชุนก็มองไปยังศพของทหารตนเองเขารู้สึกกล้ำกลืนฝืนทนคิดอีกที ก็ยังดีที่หยุดความเสียหายได้ทันเวลาตอนนี้ตายไปเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบนายหนานฉีพูดพร่ำไม่หยุดว่าจะสร้างหอสูงเก็บศพ ลำพังแค่คนหนึ่งร้อยคน คงมิอาจสร้างได้ซ่านชุนมองไปที่หอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋อีกครั้ง สายตาดูเหี้ยมเกรียม“ถอยทัพ!”ทว่า ขณะที่เขากำลังจะห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 886

    ภายนอกด่านเฉาอวี๋ กองทัพศัตรูหนีกระเจิงไปคนละทิศละทางภายในด่านเฉาอวี๋ กองทัพหนานฉีกำลังตีกลองลูกตะกร้อไฟเผาไหม้จนหมดแล้ว แสงไฟมอดดับลง แสงจันทร์และแสงดาวดูสว่างไสวเป็นพิเศษ สาดกระทบลงมาบนตัวเฟิ่งจิ่วเหยียน ขับเน้นให้รูปร่างนางยิ่งดูผอมเพรียว ทว่ากลับแน่วแน่มั่นคงราวกับต้นสนหลังจากรอจนกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นนำโดยต้าเซี่ยถอยหนีไป นางถึงนั่งลงบนโขดหินด้วยความเหนื่อยล้า โน้มตัวลงมาเล็กน้อย เลือดสด ๆ ไหลมาตามร่องนิ้วมือแขนของนางได้รับบาดเจ็บจากขวานคู่ แต่ไม่มีผู้ใดมองเห็นได้ชัดเจนทว่า สำหรับนางแล้วนี่ถือเป็นบาดแผลเล็กน้อยหากผ่านวันนี้ไปแล้ว กองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นมิกล้ามารุกรานง่าย ๆ อีก นี่ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ“ฮองเฮา ท่านมิเป็นไรนะพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารที่รับผิดชอบเชือกขวางม้าล้อมวงเข้ามา ในใจรู้สึกเป็นกังวลเฟิ่งจิ่วเหยียนซ่อนมือที่มีเลือดออกไว้ น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่รีบร้อน“มิเป็นไร”นางเงยหน้าขึ้น มองไปทางศพของทหารศัตรู แววตาดูเฉยชา......ณ ฐานที่มั่นของกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นหลังจากซ่านชุนนำกองทัพถอนกำลังไปแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือลากตัวเหล่าทหารสอดแนมออกมาทหารสอดแนม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 887

    ฮูหยินกวนเงยหน้าขึ้น มองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน คราบน้ำตาบนใบหน้ายังไม่ทันเหือดแห้ง พลันปรากฏความรู้สึกประหลาดใจ“ตรวจพิสูจน์ศพ? ฮองเฮา เป็นเพราะเหตุใดเพคะ?”บุตรชายสองคนของนางก็ประหลาดใจเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันรองแม่ทัพสวีเฟิงเป็นตัวแทนเหล่าทหาร เอ่ยถามอย่างใจกล้า“ฮองเฮา หรือท่านคิดว่า การตายของแม่ทัพกวนน่าสงสัยพ่ะย่ะค่ะ?”มีเพียงสงสัยว่าอีกฝ่ายเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะให้นักชันสูตรศพมาตรวจพิสูจน์ศพ โดยปกติก็เป็นกระบวนการหนึ่งในการจัดการคดีของขุนนางดังนั้น เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอให้ตรวจพิสูจน์ศพ สวีเฟิงย่อมต้องคิดมากเฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดสายตามองดูคนเหล่านั้นที่มีสีหน้าท่าทางแตกต่างกันไป พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“ข้าเคยประมือกับชายจมูกยาว และยังรู้ถึงพละกำลังของแม่ทัพกวนด้วย“หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว แม่ทัพกวนคงมิพ่ายแพ้ง่ายดายถึงเพียงนี้“ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจพิสูจน์ศพ”นางมิอาจยอมรับสิ่งที่ขัดแย้งกับความคิดโดยเฉพาะในค่ายทหารแห่งนี้กวนไหลอิ้งเป็นแม่ทัพที่ดีทำเพื่อแว่นแคว้นและราษฎร ต้องมาตายอย่างมีเงื่อนงำ ซ้ำยังถูกครหาว่ามุทะลุบุ่มบ่าม ช่างน่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 888

    ฮูหยินกวนมิเห็นด้วยกับการผ่าศพ บุตรชายคนโตของตระกูลกวนก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเช่นกัน“มิได้! บิดาข้าน้อยก่อนตายก็ต้องทนทุกข์ทรมาน ตายแล้วก็ยังถูกคนเฆี่ยนตี มิอาจถูกทำร้ายได้อีกแล้ว!”บุตรชายคนเล็กก็คล้อยตามกัน: “ฮองเฮา ให้ศพของบิดาข้าน้อยอยู่ครบถ้วนเถิดพ่ะย่ะค่ะ! บิดาข้าน้อยช่างน่าอนาถยิ่งนัก!”สวีเฟิงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง เขาจึงสอบถามหมอเทวดาเฒ่าผู้นั้น“การผ่าศพจะสามารถค้นพบบางอย่างได้แน่นอนใช่หรือไม่?”หมอเทวดาเฒ่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา: “ก็ไม่แน่”“ในเมื่อเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ก็ห้ามมิให้ผ่าศพอีกเด็ดขาด!” ฮูหยินกวนร่ำไห้สะอึกสะอื้นทุกคนต่างมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมองไปที่ศพของกวนไหลอิ้ง ด้านบนปกปิดด้วยผ้าขาว นี่คือปลายทางสุดท้ายของทุกคนจางฉวนตัวน้อยรู้สึกกังวลใจหากฮองเฮายืนกรานจะตรวจพิสูจน์ศพ เพื่อค้นหาความจริง หากค้นพบบางอย่างก็ถือว่าดีไป หากไม่พบ ก็อาจจะทำให้คนตระกูลกวนไม่พอใจอย่างแน่นอน นี่จะเป็นการเสียแรงเปล่านั่นก็มิสู้ปล่อยผ่านไปจะดีกว่าไม่ว่าอย่างไร แม่ทัพกวนก็ตายด้วยน้ำมือของกองทัพศัตรู อย่างไรเสียก็ถือเป็นวีรบุรุษที่ยอมสละชีพเมื่อนึกถึงเรื่องนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 889

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสงสัยว่าการตายของกวนไหลอิ้งมีพิรุธบางอย่าง จึงจงใจเอ่ยถึงความสงสัยต่อหน้าทุกคน ก็เพื่อจะล่องูออกจากรูคืนที่ผ่านมา หยิ่นซานกับพรรคพวกเฝ้าอยู่ภายนอกกระโจมที่ตั้งศพตลอดทั้งคืน ผู้ใดเข้าไปบ้าง พวกเขาก็เห็นอย่างชัดเจนภายนอกกระโจมมีทหารเฝ้าอยู่ ลูกกำพร้ากับแม่ม่ายตระกูลกวนสามคนก็ได้เข้าไป หลังจากที่พวกเขากลับไปไม่นาน สวีเฟิงก็เข้าไปต่อมาหลังจากนั้น บุตรชายคนโตกับบุตรชายคนเล็กของตระกูลกวนก็แยกกันเข้าไปในช่วงเวลานั้น ยังมีหมอทหารผู้นั้นด้วยจางฉวนสรุปด้วยประโยคเดียว “หรือจะพูดว่า คนทั้งห้าคนที่เอ่ยมานั้นมีโอกาสที่จะแตะต้องศพ และทำอะไรกับศพ!”ฮูหยินกวนได้ยินเช่นนั้น ราวกับถูกลบหลู่ จึงรีบปฏิเสธทันทีด้วยความไม่พอใจ“มิใช่ข้า! ข้าหรือจะลอบฆ่าสามี? การทำร้ายสามีของข้า จะได้ประโยชน์อันใดต่อข้า?”นางกลับหันไปโยนความผิดให้สวีเฟิง และยืนกรานหนักแน่น “สวีเฟิงเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด! เขามิเต็มใจจะอยู่ภายใต้สามีข้า เขาต้องการจะอยู่เหนือกว่า! ฮองเฮา ท่านโปรดสืบสวนให้กระจ่าง!”สวีเฟิงมิรู้ว่าตนล่วงเกินฮูหยินกวนอย่างไร สิ่งดีมิเคยนึกถึง สิ่งร้ายจะนึกถึงเขาทันทีคนบริสุทธิ์ย่อมพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 890

    ผ่านไปไม่นาน หมอทหารผู้นั้นก็ถูกลากตัวมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนบนตัวเขาได้รับบาดเจ็บ ขดตัวคุกเข่าอยู่บนพื้น มิกล้าเงยหน้า“ขอฮองเฮาทรงสืบหาความจริงให้กระจ่าง ข้าน้อยถูกปรักปรำ ถูกปรักปรำ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนชักดาบชี้ไปที่คอของเขา บังคับให้เขาเงยหน้าขึ้น บนใบหน้ามีเหงื่อเย็นผุดออกมาไม่หยุด“ฮองเฮา...”เขาดูเหมือนบริสุทธิ์ไร้ความผิด ในดวงตาเห็นประกายของหยดน้ำตาใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แสดงความรู้สึกเกินพอดี มองดูเคร่งขรึม“ภายในค่ายตงต้า มีสายลับมากน้อยเท่าใด”หมอทหารส่ายหัว“ข้าน้อยมิทราบ ข้าน้อยกลัว...อ๊าก!”ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ หูข้างหนึ่งก็ถูกตัดขาดเลือดจากใบหูหยดลงมาบนพื้น เจ็บปวดจนทำให้เขาสั่นกระตุกไปทั้งตัว“ฮองเฮาโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยมิทราบจริง ๆ! สายลับอะไรนั่น พิษอะไรนั่น ไม่เกี่ยวข้องกับข้าน้อยเลย...”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นเยียบ“ยังฟังภาษาคนไม่เข้าใจหรือ? ถ้าเช่นนั้น หูอีกข้างหนึ่งก็อย่าเก็บเอาไว้เลย”นางกำลังจะแกว่งกระบี่ หมอทหารผู้นั้นก็หลบโดยมิรู้ตัว ราวกับสุนัขตกน้ำที่สิ้นท่า และโขกหัวขอความเมตตา“ไม่ อย่า! ฮองเฮา ข้าน้อยบริสุทธิ์ ข้าน้อยขาดสติไปชั่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 891

    หยิ่นเอ้อร์ต้องการพาคนออกไปนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเอ่ยถาม“คิดว่าเป็นเพียงความกตัญญูจริง ๆ หรือ?”ฮูหยินกวนที่ถูกถามนั้น ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเปิดเผยความจริงทุออย่างออกมาอย่างโหดร้ายในทันที“บุตรชายทั้งสองของท่านนั้น อยากจะเข้าร่วมกองพันทหารม้า ยามที่ท่านแม่ทัพกวนยังมีชีวิตอยู่นั้น เขาหาได้เคยอนุญาติไม่”“แล้ว แล้วมันอย่างไรเล่า?” ใบหน้าของฮูหยินกวนพลันมีท่าทีสับสนไปเล็กน้อยดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนที่แฝงไปด้วยความเย็นชานั้น“สายลับของแคว้นศัตรูเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง หากเพียงแค่เอ่ยวาจาธรรมดานั้น พวกมันจักเกลี้ยกล่อมบุตรชายทั้งสองของเจ้าให้วางยาได้อย่างไร? เกรงว่า คงมีแรงจูงใจอื่น ๆ เป็นแน่“ข้าได้ไปสืบเรื่องราวแล้ว ยามที่กวนไหลอิ้งมาร่วมรบในวันนั้น คุณชายทั้งสองนั้นต่างก็พากันเสนอตัวอยากที่จะไปออกรบแทนบิดาของตนเอง เกรงว่าที่พวกเขามีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะทั้งสองต่างมองว่าการดวลกันหน้าสนามรบนั้นเป็นบันไดไปสู่ความสำเร็จอีกทางหนึ่ง หากว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว หากได้ชัยย่อมกลายเป็นวีรีบุรุษผู้กล้าหาญ หากพ่ายแพ้อย่างมากก็แค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น”“แต่พวกเขาคง

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 937

    เรื่องส่งคืนกองทัพอินทรีเหินให้กับเฟิ่งจิ่วเหยียน ตอนที่นางเสร็จสิ้นจากการไปเป็นราชทูตที่แคว้นซีหนี่ว์ เซียวอวี้ก็เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ทว่าภายหลังเจอกับสงครามครั้งใหญ่ เรื่องนี้จึงถูกพักไว้ก่อนเซียวอวี้เป็นฝ่ายเริ่มพูดเรื่องนี้ ซ้ำยังเตรียมการทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ถือว่ามีความจริงใจเต็มเปี่ยมโดยมิต้องสงสัยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเป็นกังวล“เรื่องนี้ ราชสำนักรู้หรือไม่เพคะ?”เซียวอวี้สวมกอดนางจากทางด้านหลัง ราวกับได้ครอบครองทั้งใต้หล้า“เราเคยเรียกพบขุนนางคนสำคัญหลายคนในราชสำนักตั้งแต่แรก เพื่อบอกเรื่องนี้กับพวกเขา พวกเขาต่างก็คิดว่า เราสมควรทำเช่นนี้“วันนี้ประชุมราชกิจ เราก็ประกาศกับเหล่าขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ทว่าก็มีบางคนคัดค้านเช่นกัน แต่เราพูดเพียงว่า ‘ตอนนี้หนานฉีต้องโจมตีกับแคว้นอื่น ผู้ใดที่คัดค้าน เราจะให้ออกไปสนามรบ’ ดังนั้น พวกเขาก็พากันเงียบกริบ“เจ้าเห็นหรือไม่ เรื่องนี้มิได้ยากเย็น”ถึงแม้เขาเอ่ยออกมาดูเหมือนจะง่ายดาย เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับรู้ว่า เพื่อตราคำสั่งทหาร เขาต้องทุ่มเทความพยายามอย่างมากขุนนางใหญ่ในราชสำนักเหล่านั้น โดยเฉพาะขุนนางอาวุโส แต่ละคนมีฝีปา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 936

    เซียวอวี้กับเซียวฉีเริ่มจะขัดแย้งกันเขานึกไม่ถึงว่า เซียวฉีจะใส่ร้ายเขาต่อหน้าจิ่วเหยียนเช่นนี้“วาดภาพ” อะไรกัน เขาจำสิ่งใดมิได้เลย!เซียวฉีเล่าออกมาเป็นเรื่องเป็นราว“ตอนที่เขาออกไปเที่ยวเล่นกับเหล่าเสด็จพี่ อาภรณ์ของทุกคนเรียบร้อยกันหมด ทว่าของเขามักจะทำขาดอยู่เสมอ ซ้ำยังขาดตรงส่วนก้นด้านหลัง จนเห็นกางเกงลายดอกไม้ยามเหมันต์ และเพราะกลัวเสด็จพ่อจะทรงดุ จึงต้องเดินถอยหลัง“พอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ชอบไปเล่นกับสาวน้อยนางกำนัล...”“พูดจาเพ้อเจ้อ! เราเคยทำเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน!” เซียวอวี้ไม่ยอมรับ จึงตะโกนเรียกเฉินจี๋ให้เข้ามาทันที เพื่อใช้กำลังขับไล่เซียวฉีออกจากตำหนักหย่งเหอองค์หญิงใหญ่มิยอมให้เซียวอวี้อยู่อย่างสงบ ขณะถูกพาตัวไป นางยังพยายามจะหันกลับมา พร้อมตะโกน“สาวน้อยนางกำนัลไม่ยอมเล่นกับท่าน ท่านยังแกล้งนอนคว่ำอยู่บนพื้น ฮองเฮา เขายังชักดิ้นชักงอด้วย!”สีหน้าของเซียวอวี้หม่นคล้ำราวกับน้ำหมึก“ปิดปากนางไว้!”ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัวกัน เฉินจี๋ตื่นตระหนกจนมิรู้จะใช้วิธีใด จึงรีบทำให้ตัวคนหมดสติทันทีก่อนองค์หญิงใหญ่จะหมดสติ ก็ยังเหลือกตาขาวในตำหนักชั้นในขณะที่เซียว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 935

    ราชทูตจากแคว้นต่าง ๆ มาโดยพร้อมเพรียง และเข้าพักในโรงพักแรมเหล่าราษฎรได้ยินเรื่องนี้ ภายใต้แรงผลักดันจากความโกรธแค้น จึงรวมตัวกันไปก่อจลาจลที่โรงพักแรม เพื่อต้องการจะสั่งสอนกลุ่มราชทูตเหล่านั้นยังมีชาวยุทธภพบางส่วน อาศัยวิทยายุทธ์อันแข็งแกร่ง พยายามบุกเข้าไปในโรงพักแรมพวกเขาจับราชทูตมัดไว้ และพาออกไปด้านนอก เพื่อให้เหล่าราษฎรได้ขว้างปาผักเน่า และด่าประณามเหล่าราชทูตมิกล้าต่อต้าน และมิอาจต่อต้านได้ด้วยราชทูตของต้าเซี่ยมิอาจทนต่อความอัปยศอดสูเช่นนี้ได้“ราษฎรเลวทราม! ราษฎรเลวทราม!! ข้าเป็นราชทูต พวกเจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!”สิ่งที่เขาได้รับจากการขัดขืน คือฝ่ามือของเหล่าราษฎรเป็นเพราะคนเหล่านี้ ที่เกือบจะทำให้หนานฉีต้องล่มสลายพวกเขายังมีหน้ามาหนานฉีอีกหรือ?เหล่าราษฎรระบายความโกรธอยู่พักหนึ่ง ไม่นานก็ถูกทางการปราบปราม เหล่าราชทูตจึงได้รับการช่วยเหลือ แต่ละคนใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำ สติมึนงงณ หอสุราใกล้เคียง ภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสองราชทูตสองคนของแคว้นตงซานยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหนึ่งในนั้นรู้สึกโชคดี“ท่านแม่ทัพหยวน โชค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 934

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา ก็ไม่เห็นเงาของเฟิ่งจิ่วเหยียนแล้วคงจะตื่นเช้าไปฝึกยุทธ์อีกเป็นแน่เซียวอวี้เปลี่ยนอาภรณ์ด้วยตนเอง มิได้ให้ผู้ใดมารับใช้หลิวซื่อเหลียงยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา “ฝ่าบาท ฮองเฮาทรงเสด็จไปที่คุกเทียนเหลาตั้งแต่เช้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ขมวดคิ้วมุ่นนางไปคุกเทียนเหลาด้วยเหตุใด?ณ คุกเทียนเหลาระหว่างเฟิ่งจิ่วเหยียนกับถานไถเหยี่ยน มีเพียงประตูคุกคั่นอยู่หนึ่งบานถานไถเหยี่ยนนั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกำแพง บนกำแพงที่อยู่ด้านหลังยังสลักภาพ “ใยแมงมุม” ไว้ ภายใต้แสงเงา ยิ่งขับเน้นให้เขาดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ“ฮองเฮาเสด็จมาเอง คิดว่าคงมิได้มาเพื่อพูดคุยความหลังกับข้ากระมัง”แววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูดุดัน“แคว้นตงซานส่งราชทูตมาที่หนานฉี ก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า”สีหน้าของถานไถเหยี่ยนดูเป็นปกติ“จะช่วยข้า หรือจะสังหารข้า ก็ไม่ต่างกัน”ดูเหมือนเขาจะถอดใจแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนถามขึ้นในทันที “อาจารย์เต็มใจจะอยู่ที่หนานฉีหรือไม่”ถานไถเหยี่ยนรู้สึกประหลาดใจ หลังจากตะลึงงันอยู่ชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้นมองนางเห็นนางมีสีหน้าจริงจัง ไม่เหมือนพูดหยอกล้อ“ฮองเฮา ทรงมิอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 933

    ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังต่อเซียวอวี้ นางจึงบอกตามความจริง“ก็แค่จดหมายเพคะ”เซียวอวี้เลือกหยิบจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ เห็นบนนั้นเขียนว่า---[อาเหยียนที่รัก]สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา จากนั้นฝืนข่มความรู้สึกไม่พอใจนั้นไว้ และหันมายิ้มให้เฟิ่งจิ่วเหยียนพร้อมถามว่า“นี่ต้วนไหวซวี่เป็นคนเขียนทั้งหมดหรือ?”หว่านชิวยืนอยู่ด้านข้าง เหมือนจะรับรู้บางอย่าง ทว่าก็ยังไม่แน่ชัด และยังไม่เข้าใจหลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองที่เซียวอวี้ ก็หันไปพูดกับหว่านชิว “เจ้าออกไปก่อน”“เพคะ ฮองเฮา”ในตำหนักชั้นในไม่มีผู้อื่น เหลือเพียงฮ่องเต้กับฮองเฮาสองคนเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบจดหมายฉบับนั้นมาจากมือเซียวอวี้ และเอ่ยอย่างจริงจัง“เรื่องในอดีต ฝ่าบาทจักสนพระทัยไปไยเพคะ”เซียวอวี้กลับคว้าข้อมือของนางไว้ “เราอยากอ่าน”เขาดูท่าทางจริงจังอย่างมาก “เราอยากรู้ว่า ในจดหมายของเขา เขียนอะไรบ้าง และยิ่งอยากรู้ว่า เจ้าตอบเขาว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท...”เซียวอวี้เอ่ยแทรกคำพูดของนาง มองนางด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ พร้อมกับย้อนถาม“ม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 932

    หลายวันก่อนเหล่าราชทูตก็ทยอยกันมาถึงแล้ว กำลังรอให้ฮ่องเต้ฉีเรียกเข้าเฝ้า เพื่อเจรจาเรื่องชดเชยการสงบศึกพวกเขามิอาจรบได้อีก และมิอาจเดิมพันได้ไหวหากหนานฉีโจมตีแว่นแคว้นของพวกเขาจริง ๆ จักต้องล่มสลายเป็นแน่ไม่เพียงแต่แคว้นเล็ก ๆ ที่ผู้คนรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แคว้นใหญ่อย่างต้าเซี่ยก็เช่นเดียวกันราชทูตต้าเซี่ยต้องการจะเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่ เพราะหวังว่าองค์หญิงใหญ่จะออกหน้า ประสานความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นทว่า แม้แต่ประตูจวนองค์หญิงใหญ่พวกเขาก็ยังมิอาจเข้าไปได้เหล่าราชทูตอยู่รวมกัน ต่างมองหน้ากัน และถอนหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย“เฮ้อ!”“ทุกท่าน พวกท่านจะยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของหนานฉี ยอมยกดินแดนตามที่พวกเขาต้องการจริงหรือ?”“แล้วจะอย่างไร? พวกเรายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?”“พวกเรามิใช่เป่ยเยี่ยน ไม่มีกองกำลังมากพอที่จะต่อสู้กับหนานฉีได้ การสงบศึกถึงจะรับประกันความสงบสุขได้”เหล่าราชทูตสีหน้าซีดเผือด ราวกับแบกภูเขาลูกใหญ่ หายใจแทบไม่ออกหากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นคงจะไม่เข้าร่วมกับการสู้รบครั้งนี้......จันทราลอยอยู่บนกิ่งไม้ ม่านราตรีมาเยือนงานเลี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 931

    เฟิ่งจิ่วเหยียนสังเกตว่า หลังจากเซียวอวี้ได้พบกับอาจารย์ศิษย์ทั้งสองคน หลายวันต่อมาหลังจากนั้นดูเหมือนในใจมีเรื่องครุ่นคิด คิ้วขมวดปมไม่คลาย คิดดูแล้วอาจจะวิตกกังวลเรื่องของมนุษย์โอสถขณะที่นางขี่ม้าอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดทาง จะรู้สึกอยู่เสมอว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจ้องมองนางเมื่อหันกลับมา ก็มองเห็นเพียงเซียวอวี้ ใบหน้าเขาไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ดวงตาดำคล้ำคู่นั้นลึกล้ำยากจะหยั่งถึง มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ต้นเดือนเจ็ดกองทัพใหญ่ได้รับชัยชนะ และกลับมาถึงเมืองหลวงผู้คนในเมืองหลวงพากันออกจากบ้านเรือน มายืนอยู่ริมถนนสายหลักเพื่อต้อนรับกองทัพใหญ่ชาวบ้านต่างเปล่งเสียงด้วยความยินดี“ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี!”“ฮองเฮาทรงเกรียงไกร!”เด็กตัวเล็ก ๆ ก็ถูกพ่อแม่จับยกขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อมองดูฉากเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ผู้คนพากันพูดปากต่อปาก“ว่ากันว่าฝ่าบาททรงนำทัพด้วยพระองค์เอง จนพลิกสถานการณ์เลวร้าย แก้ไขวิกฤตในเมืองเซวียน ทหารกองทัพศัตรูก็ถูกจับกุมทั้งหมด”“ชายแดนเหนือกับชายแดนตะวันออกสร้างการป้องกันขึ้นมาใหม่! แคว้นต่าง ๆ ถูกหนานฉีพวกเราตีพ่ายจนหวาดกลัว คงมิกล้ามารุกรานอีกเป็นแน่!”

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 930

    ห้องชงชาในโรงพักแรมหมอทหารและลูกศิษย์ถูกพาเข้ามา ทำความเคารพฮ่องเต้บนพระที่นั่งหลักเซียวอวี้ล้างมืออย่างง่าย ๆ ใส่เสื้อคลุมสบาย ๆ แต่มิอาจปกปิดรังสีสูงส่งของฮ่องเต้ได้ ผมดำขลับมัดรวบด้วยผ้ายาวประดับมุขขาว คิ้วคมเด่นชัด ดูแข็งแรงกำยำ“ในเมื่อเป็นหมอทหาร เหตุใดไม่ตามกองทัพใหญ่ไป แต่กลับแอบหนีมาที่แห่งนี้?” เมื่อเผชิญกับคำซักถามของฮ่องเต้ หมอทหารก็อธิบายอย่างไม่เร่งรีบ“ทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้รับคำสั่งในยามคับขัน หาใช่หมอทหารที่แท้จริงไม่”สิ้นคำกล่าว ก็มีคนเดินเข้ามาในห้องชงชา“ฝ่าบาท” ผู้มาคือเฟิ่งจิ่วเหยียนเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง ก็รีบลุกขึ้น น้ำเสียงฟังดูตำหนิเล็กน้อย“ทำไมไม่นอนอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนโค้งให้เขาเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับเขา แนะนำอาจารย์กับลูกศิษย์สองคนนั้นอย่างเป็นทางการ“เรื่องนี้หม่อมฉันเลินเล่อเอง ฝ่าบาท ตอนนั้นหม่อมฉันประสบภัยในภูเขาหิมะเทียนฉือ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา”สีหน้าของเซียวอวี้ผ่อนคลายลง ไม่ดุดันเหมือนก่อนหน้านี้เขารีบออกคำสั่ง“ที่แท้ก็เป็นสองคนนี้นี่เอง เชิญนั่ง”หมอเทวดาเฒ่ารีบโค้งคำนับ“มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ข้าน้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status