เซียวอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจ“ได้ เอาตามที่เจ้าพูด! แต่ว่า เจ้าต้องรับปากเรา ไม่ว่าอย่างไร ต้องปกป้องตัวเองให้ดี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูแผนการวางกลยุทธ์“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”เซียวอวี้ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของนาง นัยน์ตาทอแววอาลัยอาวรณ์“พวกเราเพิ่งได้อยู่ด้วยกันไม่นาน ก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว”อยู่ในตำแหน่งสูง ทุกเรื่องย่อมไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ จึงเกิดความรู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่เขาอย่างอบอุ่นอ่อนโยน กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ยิ่งห่างไกลยิ่งทำให้รักกันมากกว่าตอนแต่งงานหมาด ๆ ซึ่งพวกเรารักกันเหมือนเพิ่ง ‘แต่งงานใหม่หมาด ๆ ’ ยิ่งกว่าคู่สามีภรรยาทั่วไปอีกหลังจากนั้น นางก็เข้าไปใกล้หูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน “รอหม่อมฉันกลับมา จะชดเชยคืนแห่งการเข้าเรือนหอใหม่แก่ท่าน”ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี้จึงคัดราชโองการ ภายใต้คำพูดกึ่งเอาใจกึ่งหลอกล่อของนาง มีคำสั่งให้ฮองเฮาใช้อำนาจแม่ทัพใหญ่ เคลื่อนกองทัพไปต้านศัตรูที่ชายแดนตะวันออกนี่เป็นราชโองการลับจนกระทั่งเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินทางออกจากเมืองหลวงในวันถัดมา มีเพียงไม่กี่คนที
กวนไหลอิ้งตายแล้ว ผู้มีบทบาทหลักในชายแดนตะวันออกปัจจุบันจึงเป็นรองแม่ทัพสวีเฟิง เขาเข้าไปห้ามเหล่าทหารที่เตรียมออกไปรับศึก ดุด่าพวกเขาว่า“ท่านแม่ทัพกวนตายอย่างไร พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร! แม้แต่เขายังสู้คนผู้นั้นไม่ได้ แล้วพวกเจ้าไปมีโอกาสชนะได้อย่างไร! จะไม่เป็นการเอาศีรษะพวกเจ้าไปส่งให้พวกเขาอีกหรือ!”สวีเฟิงโมโหอย่างมาก และโกรธที่พวกเขาไม่ได้ดั่งใจคนเหล่านั้นเป็นพวกหัวแข็งในกองทัพ ยามปกติก็ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่แล้ว คุณธรรมมีมากล้น แต่สติปัญญามีไม่มากพวกเขาโต้แย้งสวีเฟิง“แล้วจะปล่อยให้พวกเขาดูถูกอยู่อย่างนี้หรือ!”“พลทหารแห่งแคว้นหนานฉีไม่ได้ขี้ขลาด! ต่อให้ตาย ก็ต้องชิงศพของแม่ทัพกวนกลับมา!”“ใช่แล้ว! แม้จะชิงกลับมาไม่ได้ การไปในครั้งนี้ก็คุ้มค่า! ดีกว่าเป็นพวกขี้ขลาดที่เอาแต่หลบในด่านเฉาอวี้ ถูกคนหัวเราะเยาะเช่นนี้! พวกเจ้าทนได้ ข้าทนไม่ได้!”ชั่วขณะนั้น กลุ่มคนก็เริ่มฮึกเหิมขึ้นมาสวีเฟิงเริ่มควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทำได้เพียงจับเหล่าคนที่ก่อเรื่องไว้ก่อน“คำสั่งของแม่ทัพเด็ดขาดดั่งหินผา! ข้าขอสั่งให้พวกเจ้า เฝ้าด่านเฉาอวี้ไว้ ห้ามออกห่างจากประตูเมืองเด็ดขาด!”ฝูงชนร่วมใจส่
ฮูหยินกวนเจ็บจนต้องนิ่วหน้า เมื่อหันไปมองคนที่จับกุมข้อมือของนางไว้ ก็เห็นคนผู้นั้นสวมใส่ชุดลำลองของสตรี ผมมัดรวบสูงเหมือนบุรุษ รังสีดุดัน น่าเกรงขามอย่างยิ่งนางถามอย่างโมโห“ท่านเป็นใคร! เหตุใดถึงกล้าทำตัวบ้าระห่ำเช่นนี้!”ลูกชายทั้งสองของฮูหยินกวนก็กระโดดชี้หน้าตำหนิ“รีบปล่อยท่านแม่ของข้าซะ! ท่านรู้ไหมว่าท่านแม่ของข้าคือใคร!!”สวีเฟิงและเหล่าทหารต่างไปจากสามแม่ลูกตระกูลกวน หลังจากที่เห็นผู้มาเยือน ล้วนตกใจปนประหลาดใจ จากนั้นก็ก้มหน้าทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ถวายบังคมฮองเฮา!”ฮูหยินกวนชะงักกึก“อะไรนะ! ฮองเฮา ฮองเฮางั้นหรือ?”คนผู้นี้ คือฮองเฮาองค์ปัจจุบันงั้นหรือ?ในเมื่อเป็นฮองเฮา แล้วมาที่ชายแดนตะวันออกทำไมกัน? ควรอยู่ในพระราชวัง และมีเหล่าองครักษ์คุ้มกันไม่ใช่หรือ?ลูกชายทั้งสองคนของนางหวาดกลัวขึ้นมาทันทีฮองเฮา ก็คือแม่ทัพน้อยเมิ่งแห่งค่ายเป่ยต้าผู้นั้น!พวกเขารีบทำความเคารพตามเฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยมือของฮูหยินกวนออก มองเหล่าทหารด้วยสายตาแน่นิ่ง โดยเฉพาะคนที่โวยวายจะออกไปเหล่านั้น“เมื่อครู่พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”เหล่าทหารเดือดดาล อธิบายด้วยคิดว่าตัวเองมีเหตุผลเพีย
หัวใจของฮูหยินกวนที่ตายไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มองไปยังเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อครู่ฮองเฮาว่าอะไรนะ?นางจะไปเก็บศพ?!บุตรชายตระกูลกวนทั้งสองคนเองก็คิดไม่ถึงเช่นเดียวกันสวีเฟิงรับผิดชอบไม่ไหว จึงรีบเอ่ยห้าม“ฮองเฮา ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ! กองทัพชายแดนตะวันออกมีทหารเป็นพันเป็นหมื่นคน แล้วจะให้ท่านไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร! อีกอย่างในครรภ์ของท่านก็มีโอรสรัชทายาทอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”เหล่าทหารเองก็ตั้งสติได้ รีบห้ามตามสวีเฟิง“พระนางทรงคิดดี ๆ ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”มีผู้ใดจะไม่รู้บ้าง ว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับฮองเฮามากที่สุดและยามนี้ฮองเฮายังมีครรภ์พระโอรสองค์แรกของฝ่าบาทอีก หากพระนางเป็นอะไรไปในชายแดนตะวันออกของพวกเขา คงจะเป็นจุดจบได้แน่สายตาของฮูหยินกวนจดจ้องมายังท้องของเฟิ่งจิ่วเหยียนนางแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์อยู่ แต่ยังสามารถเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อย จากเมืองหลวงมาที่ชายแดนตะวันออกเช่นนี้เรื่องใดที่เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงนางออกคำสั่งหยิ่นเอ้อร์เสียงหนักแน่น“ให้จางฉวนเข้ามาก่อน”หยิ่นเอ้อร์ประสานมือรับคำสั่ง “รับทร
แคว้นหนานฉีออกหนังสือท้ารบ ต้องการสร้างเนินความตายกองทัพพันธมิตรสี่แคว้นแห่งต้าเซี่ยต่างรู้สึกบ้าคลั่ง“แม่ทัพซ่าน แคว้นหนานฉีช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย!”“แม้นจะพูดเช่นนี้ เราก็ยังต้องเตรียมตัวดี ๆ จะให้พวกเขาทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!”“ใช่แล้วแม่ทัพซ่าน! พวกเราเพิ่งสังหารกวนไหลอิ้งมา ทำให้กำลังใจของกองทัพชายแดนตะวันออกแคว้นหนานฉีมอดดับ จะให้พวกเขามีชีวิตอยู่ไม่ได้!สีหน้าของซ่านชุนมืดครึ้ม นั่งอยู่บนที่นั่งไม่พูดไม่จาขณะนี้ ในหัวของเขาเต็มไปด้วยโคลงตลกขบขันที่คนแคว้นหนานฉีกล่าวเหยียดหยามเขาแคว้นหนานฉีต้องการสร้างเนินความตาย เขาก็จะส่งทหารเก่งกาจที่ฝีมือดีที่สุดไป คนแคว้นหนานฉีคนไหนเข้ามา ก็จะฆ่าคนนั้นทิ้ง!ในขณะเดียวกัน ภายในกระโจมกองทัพแคว้นหนานฉี ผู้คนต่างหวาดหวั่นสวีเฟิงและเหล่าแม่ทัพต่างขมวดคิ้วมุ่น“แม่ทัพสวี พรุ่งนี้จะให้ฮองเฮาไปสู้ศึกจริงหรือ?”สวีเฟิงถอนหายใจออกมายาวเหยียด“ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้? ใครสามารถห้ามฮองเฮาได้บ้าง?”หนึ่งในนั้นมีสีหน้าซีดขาว“พระนางตั้งครรภ์โอรสรัชทายาทอยู่นะ เหตุใดถึงได้ทำอะไรหุนหันพลันแล่นเช่นนี้! ต่อให้สร้างเนินความตายได้ แต่ถ้
ภายในกระโจมหลัก จางฉวนเหมือนเด็กที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ เอ่ยฟ้องด้วยความรู้สึกคับแค้นต่อความไม่เป็นธรรม“ฮองเฮา พวกเขาพูดเช่นนั้นจริง ๆ ! คนจำพวกเห็นแก่ตัว ช่างไร้จิตสำนึก! ท่านจะไปช่วยจัดการเรื่องศพให้พวกเขา แต่พวกเขากลับมิสนใจบุตรของท่านแม้แต่น้อย ท่านไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลือพวกเขาแต่แรก!”เนื่องจากในตอนกลางวันพูดมาก น้ำเสียงของเขาจึงฟังดูแหบแห้งเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังจบ ก็มิได้สนใจสามคนแม่ลูกตระกูลกวนแม้แต่น้อย การสู้รบในวันพรุ่ง มิใช่เพื่อสามคนนี้ และมิใช่เพื่อกวนไหลอิ้งเท่านั้น สิ่งสำคัญยิ่งกว่า คือเพื่อชัยชนะของหนานฉีในที่สุดนางคงมิโง่เขลา ทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย เพียงเพราะเรื่องจัดการศพการแสดงความแข็งแกร่งเพียงชั่วขณะ ไม่สามารถเป็นผู้กล้าหาญที่แท้จริงได้กองกำลังพันธมิตรของสี่แคว้นทำลายขวัญกำลังใจของทหารชายแดนตะวันออก นางก็จะลอกเลียนบ้าง จะทำลายความน่ายำเกรงของพวกเขา! จางฉวนยังคิดจะเกลี้ยกล่อมนาง“ฮองเฮา ท่านตั้งครรภ์โอรสฮ่องเต้ จะบุ่มบ่ามมิได้!”ฮ่องเต้ทรงมีบุญคุณต่อเขา เขาจึงต้องปกป้องโอรสรัชทายาทของฮ่องเต้เป็นอย่างดี!เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบตามองไปที่เขา“อะ
ซ่านชุนเอนตัวครึ่งบนมาด้านหน้า ยืดคอมองไปทางทหารหนานฉีที่รับคำท้ารบผู้นั้นรูปร่างของคนผู้นี้หาใช่สูงใหญ่กำยำ ลักษณะเป็นคนวัยหนุ่ม ดูเหมือนมิใช่สวีเฟิงรองแม่ทัพของหนานฉีเด็กหนุ่มที่เส้นขนขึ้นยังไม่ครบ ยังกล้าจะสู้รบต่อเพื่อสร้างเนินความตาย?ฮ่า!น่าขำ!ซ่านชุนหรี่ตาและนั่งกลับลงไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น ซ้ำยังมีความหยิ่งทะนงที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจเขาเคยส่งสายลับไปสืบดูแต่แรกแล้ว ชายแดนตะวันออกหนานฉี นอกจากกวนไหลอิ้ง ก็จะมีสวีเฟิงที่ฝีมือโดดเด่นในเมื่อคนที่ออกรบมิใช่สวีเฟิง เช่นนั้น หนานฉีก็มิอาจสร้างเนินความตายให้สำเร็จได้ซ่านชุนมองลงไปที่คนด้านล่าง---นักรบหนึ่งร้อยนายที่เขาคัดเลือกมาเป็นอย่างดีเมื่อวานนี้“ผู้ที่สังหารชาวหนานฉีได้ จะได้เงินรางวัลหนึ่งร้อยตำลึง”เหล่านักรบถือทวนยาว สายตามองไปข้างหน้า แววตาเป็นประกาย พร้อมกับพลังอันฮึกเหิม“ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!ดวงตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากของเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่งอย่างที่สุดนางอยู่เพียงคนเดียว ทว่าบนหอประตูเมืองด้านหลัง มีทหารรักษาเมืองนับหมื่นนับพันยืนสังเกตดูการสู้รบอยู่พวกเขากำหมัดและโห่ร้องให้กำลังใจ มีบางคนก็ตีกลองร
ขวานเป็นอาวุธที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง ทว่าความโค้งของใบขวานมักจะลดทอนพลังของหัวขวาน ส่วนความแหลมคมของทวนกลับสามารถทะลวงการป้องกันของขวานได้ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า “ทวนเอาชนะขวานได้”ผู้ที่เชี่ยวชาญอาวุธ ต่างก็รู้สิ่งนี้ซ่านชุนมีสีหน้าโกรธเคืองแม่ทัพน้อยที่หนานฉีส่งมาผู้นี้ มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่!เฟิ่งจิ่วเหยียนถือทวนในมืออย่างมั่นคง รอให้คู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ จะได้โจมตีอย่างทันควันชายจมูกยาวผู้นี้รับรู้ถึงกระแสลมทรงพลัง จึงรีบใช้ขวานในทันที มือซ้ายถือขวานไว้ป้องกัน มือขวาถือขวานไว้โจมตีทั้งแกว่งทั้งผ่า ทั้งสับทั้งแทง พร้อมกับฟาดเกี่ยวฟันปัด ท่าที่ใช้ของขวานคู่ดุดันโหดเหี้ยม ทุกย่างก้าวมีเจตนาสังหารทว่า วิชาทวนของเฟิ่งจิ่วเหยียนยิ่งคาดเดายากทั้งคู่โจมตีตอบโต้กันหลายสิบรอบ ผู้คนรอบข้างก็จ้องมองด้วยความตื่นตาตื่นใจด้านกองทัพต้าเซี่ย สีหน้าของซ่านชุนไม่สู้ดีนักขวานคู่ของเจ้าจมูกยาวน้อยนักจะมีคู่ต่อสู้ ทว่าตอนนี้กลับถูกคู่ต่อสู้ข่มไว้ ยากจะมีโอกาสโจมตีกลับสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนไม่ค่อยสู้ดีนัก...บนหอประตูเมืองด่านเฉาอวี๋เสียงกลองรบราวกับห่าฝน ทั้งเหมือนเสียงกีบม้า
ณ ตำหนักฉือหนิงสายตาที่ไทเฮามองมายังฮ่องเต้ ดูไม่สบายใจและไม่มั่นใจอยู่บ้างนางไม่คิดว่า ฝ่าบาทเป็นห่วงนาง เลยแวะมาเยี่ยมนางเซียวอวี้พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการถามสารทุกข์สุกดิบใด ๆ“ถวายบังคมเสด็จแม่“เราจะไม่อยู่วัง วันกลับยังไม่แน่ชัด เรื่องภายในวังหลัง เรากังวลว่าหนิงเฟยคนเดียวจะตัดสินใจไม่ได้ จึงอยากฝากให้ท่านดูแลชั่วคราว”ไทเฮางุนงงยิ่งกว่าเดิมเขาจะออกจากวังไปทำอะไรอีก?ไม่ใช่ว่าเพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ?เซียวอวี้ส่งสายตา หลิวซื่อเหลียงจึงนำตราประทับทองวางลงบนโต๊ะมีตราประทับทอง ก็จะสามารถควบคุมเรื่องทุกอย่างในวังหลังได้นานแล้วที่ไทเฮาไม่ได้จับตราประทับทองแต่บางเรื่อง นางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี“ฮ่องเต้ เจ้าไม่อยู่วังอีกแล้วหรือ ครั้งนี้เพราะอะไรล่ะ? อีกอย่าง ตอนนั้นฮองเฮาใส่ชุดสามัญชนออกตรวจแต่ละเมืองกับเจ้า ทำไมมีแต่เจ้ากลับมาคนเดียว ฮองเฮาล่ะ?”แววตาของเซียวอวี้ราบเรียบ คำโป้ปดพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด“เราต้องกลับมาจัดการเรื่องสำคัญในราชสำนัก ฮองเฮายังออกตรวจอยู่ ครั้งนี้ เราจึงต้องไปตามหานาง”ไม่รู้ไทเฮาเชื่อหรือไม่ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างขณะที่
เซียวอวี้ไม่ทันได้รอให้เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมา แต่กลับได้ยินข่าวลือที่นางจะขึ้นบัลลังก์ในแคว้นซีหนี่ว์เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็อดที่จะคิดไปต่าง ๆ นานาไม่ได้จากนิสัยของจิ่วเหยียน มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อปกป้องแคว้นซีหนี่ว์แล้ว นางจะปล่อยไปตามสถานการณ์ รับช่วงแก้ปัญหาต่อของแคว้นซีหนี่ว์ นัยน์ตาของเซียวอวี้เจือแววหม่นหมองเขาสั่งเฉินจี๋ “ไปสืบมาให้ชัดเจน ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”เฉินจี่เองก็ไม่อยากจะเชื่อ ฮองเฮาจะทิ้งฝ่าบาท และหันหลังให้แคว้นหนานฉีทั้งอย่างนี้วันต่อมาณ ตำหนักฉือหนิง หลายวันนี้ไทเฮารู้สึกอ่อนเพลีย มักจะนอนไม่หลับสนิทหมอหลวงตรวจชีพจรให้นาง หนิงเฟยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ “หมอหลวง ร่างกายของท่านป้าเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรหรือไม่?”หมอหลวงโค้งคำนับ “ทูลพระนาง เส้นลมปราณจุดเริ่นของไทเฮาอ่อนแรง เส้นลมปราณไท่ชงก็น้อยลง ชีพจรเทียนขุยหดหาย อุโมงค์อุดตัน ระดูหมด”เขาอธิบายจบ สีหน้าของไทเฮาพลันแข็งค้าง หัวใจเหมือนถูกอะไรทับไว้ จนหายใจไม่ออกระดูหมด นั่นหมายความว่านางเข้าสู่วัยชราอย่างสมบูรณ์นี่เป็นเรื่องที่สตรีต้องประสบพบเจอในชีวิตแต่นางไม่คิดเลยว
หัวหน้าแม่ทัพของแคว้นเจิ้งมีสีหน้าอดกลั้น“ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก ควรถอยทัพ เพื่อปกป้องกองกำลังของแค้นให้คงอยู่!”หัวหน้าแม่ทัพแคว้นเสี่ยวโจวหงุดหงิดอย่างยิ่ง“สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่เข้าข้างข้า! ตอนนี้แคว้นซีหนี่ว์และแคว้นหนานฉี ผูกมัดรวมกันแล้ว!”หากพวกเขาเคลื่อนทัพเมื่อใด กองทัพชายแดนตะวันตกของแคว้นหนานฉีก็จะเคลื่อนไหวทันทีพอถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะถูกโจมตีทั้งสองทางอันตรายนี้ จะเข้าไปเสี่ยงไม่ได้แคว้นหนานฉีในปัจจุบัน เปรียบเสมือนปีศาจจอมตะกละที่กินอย่างไรก็ไม่อิ่มท้องหากถูกพวกเขาโจมตียึดครอง ก็ไม่ใช่แค่ตกเป็นแคว้นอาณานิคม แต่แคว้นจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์ ไม่มีวันได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีก……บริเวณขอบชายแดนเฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่ไปไหนลมค่อย ๆ แรงขึ้น หูย่วนเอ๋อร์นำผ้าคลุมกันลม มาคลุมให้นางอย่างนอบน้อมสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนทอดมองยังเบื้องหน้า กล่าวอย่างลุ่มลึก“แม่ทัพหู ข้าอยากให้เจ้าบอกมาตามตรง“เรื่องที่สองแม่ลูกหลิวอิ๋งกลับมาที่แคว้นซีหนี่ว์ ท่านป้ารู้หรือไม่?”หูย่วนเอ๋อร์บอกอย่างงุนงง“ยามที่ประมุขแคว้นรักษาตัวอยู่ที่ชานเมือง นางรู้อะไร หรือไม่รู้อะไรนั้น ข้าไม่รู้เรื่อ
เมื่อเห็นว่าขอร้องไปก็ไร้ความหวัง เจิ้งจีก็ตะโกนสาปแช่งไล่หลังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ค่อย ๆ เดินออกไปไกล“เฟิ่งจิ่วเหยียนเจ้าไม่ได้ตายดีแน่ เจ้าสร้างบาปกรรมเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้เจ้ามีลูกอีกไม่ได้แน่นอน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยิน ในใจกลับไม่สะทกสะท้านด้านหลัง มีเสียงยกดาบและลงดาบดังตามมาติด ๆหลิวอิ๋งพูดถูก ถูกประหารศีรษะก็แค่หลุดล่วงบนพื้นวันนี้ ศีรษะของนางหลุดในวังหลวงแคว้นซีหนี่ว์หัวกลิ้งหลุน ๆ ดึงดันหันไปทางตำหนักหลัก จ้องบัลลังก์ที่นางยังไม่ได้ครอบครอง อย่างตายตาไม่หลับเจิ้งจีเห็นภาพนี้ พลันนิ่งอึ้ง“ไม่นะ! ไม่——ท่านแม่!”เมื่อเห็นดาบกำลังจะฟันลงที่นาง นางก็เบิกตากว้างนางเสียใจนางไม่น่าตามมารดาไปที่เมืองหลวง ไม่น่าไปฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยากเป็นนางสนม ไม่น่ากลับมาที่แคว้นซีหนี่ว์อีกครั้งหากนางอยู่ที่เจียงโจว ก็คงไม่ตายต่อมา เลือดสด ๆ ก็สาดกระเซ็นออกมา…ศีรษะหลุดออกจากบ่าหล่นบนพื้นตายตาไม่หลับเหมือนกัน……นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์กองทัพของแคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งโจวเตรียมบุกโจมตีเวลากลางคืน ทหารสอดแนมมารายงาน“ท่านแม่ทัพ! ประมุขแคว้นซีหนี่ว์สิ้นพระชนม์แล้ว! แต่ซู่ย
ความผูกพันที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อแคว้นซีหนี่ว์ ไม่ลึกซึ้งเท่าความผูกพันที่มีต่อแคว้นหนานฉีเนื่องจากนางเติบโตในแคว้นหนานฉีตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเคยเป็นทหารของแคว้นหนานฉีญาติสนิทมิตรสหายของนาง ล้วนอยู่ในแคว้นหนานฉีทั้งนั้นตอนนี้ นางยังเป็นฮองเฮาของแคว้นหนานฉีอีกด้วยหากนางตัวคนเดียว บางทีนางอาจจะสามารถอยู่ได้แบบไม่ต้องลังเล แต่ว่าตอนนี้ หากให้นางทิ้งทุกอย่างในแคว้นหนานฉี อยู่เป็นฮ่องเต้ที่แคว้นซีหนี่ว์ นางทำไม่ได้นางมีหลายเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้และยังอาลัยอาวรณ์อยู่สามีของนาง ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง แล้วไหนจะเวยเฉียง…ทว่า แคว้นซีหนี่ว์เองก็ต้องปกป้องในด้านส่วนตัว นี่คือสายเลือดตระกูลบรรพบุรุษของนางในด้านส่วนรวม จำเป็นต้องมีแคว้นเฉกเช่นแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสังคมโลกที่ไม่ยุติธรรมต่อสตรี อีกอย่าง แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งก็สนิทชิดเชื้อกับเป่ยเยี่ยน หากพวกเขาแบ่งแยกแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะสร้างความกดดันต่อชายแดนทางตะวันตกของแคว้นหนานฉี หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ข้าจะช่วยแคว้นซีหนี่ว์ปราบปรามศัตรูให้ล่าถอย แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ คงต้องให้ผู้ปรา
ณ แคว้นหนานฉีภายในพระราชวังความรู้สึกไม่สบายใจของเซียวอวี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆเขาฝืนอ่านฎีกาจนจบ แล้วขึ้นราชรถไปตำหนักหย่งเหอด้วยจิตใจที่ล่องลอยหลิวซื่อเหลียงรีบตามมาด้านหลัง เขามองออกว่าฝ่าบาทกำลังวิตกกังวล ก็นึกว่าฝ่าบาททรงกังวลเรื่องของแคว้น จึงให้ข้าหลวงถอยออกไปด้วยสายตาที่เฉียบแหลมเซียวอวี้นั่งเหม่อลอยอยู่ที่เก้าอี้ในตำหนักชั้นในเป็นเวลานานหากไม่ติดเรื่องฐานะฮ่องเต้ ยามนี้เขาอยากจะไปแคว้นซีหนี่ว์ ตามจิ่วเหยียนของเขากลับมาแล้วแคว้นซีหนี่ว์ในเวลาเดียวกันเฟิ่งจิ่วเหยียนตกอยู่ในสองสถานการณ์ที่ยากลำบากด้านหนึ่ง นางรู้ดีว่าด้วยฐานะฮองเฮาแคว้นหนานฉีของนาง ไม่อาจอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ได้อีกด้านหนึ่ง แคว้นซีหนี่ว์ถูกคุกคามจากแคว้นศัตรู หากนางพาท่านแม่จากไปโดยไม่สนใจความอยู่รอดของแคว้นซีหนี่ว์ ย่อมทำใจได้ยากภายในตำหนัก โอวหยางเหลียนและหูย่วนเอ๋อร์ต่างคุกเข่าให้นางอยู่บนพื้น ขอร้องให้นางอยู่ต่อด้านนอกตำหนัก เหล่าขุนนางที่เดิมยังอยู่ที่ท้องพระโรงหน้า ไม่รู้ว่าได้ข่าวมาจากที่ใด ยามนี้ต่างก็มาคุกเข่าอยู่ด้านนอก ขอให้นางขึ้นครองราชย์แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนหนักอึ้ง“ลุกข
หลิวอิ๋งไม่สนใจว่าคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง นางถามเจิ้งจีเป็นอย่างแรก“ท่านป้าของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง!”“ท่านแม่ ท่านป้าสวรรคตแล้วเจ้าค่ะ...”ความทรงจำของเจิ้งจีเลือนราง จึงนึกว่าท่านแม่เองก็จำได้ไม่ชัดเจนเช่นกันหญิงผู้นั้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่หรือยามนี้นางจึงรีบพูดเรื่องสำคัญ “ท่านแม่ มีคนบุกเข้าไปในตำหนักบรรทม พวกเขาตีข้าจนสลบ ท่านรีบส่งทหารรักษาพระองค์ไปจับพวกเขาเร็วเข้า!”หลังจากเจิ้งจีที่อยู่นอกตำหนักฟื้นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมาก ยังมีเสียงเลือนรางที่ดังมาจากด้านในตำหนักอีก ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือหนีเพื่อไปขอความช่วยเหลือ ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนตีนางจนสลบ และไม่รู้ว่าในตำหนักเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลิวอิ๋งได้ยินคำพูดของลูกสาว ก็คิดว่าประมุขแคว้นตายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ได้มีเรื่องอย่างการฟื้นคืนชีพ ก็รู้สึกยินดียิ่งตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ที่ว่าประมุขแคว้นยังเหลือลมหายใจอยู่อะไรนั่น ที่แท้ก็เป็นการหลอกนาง!เฮ้อ! โชคดีที่นางไม่ติดกับ!พอซู่เฉียนเสวี่ยตายแล้ว ทีนี้นางอยากรู้นัก ใครจะพิสูจน์ได้เล่าว่านางไม่ใช่ซู่ยวน?......ตอนที่นายหญิงเฟิ่งมาถึงพระราชว
“ท่านประมุข แคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งต่างจ้องแคว้นเราตาเป็นมัน ท่านทำใจทิ้งพวกเราลงได้หรือเพคะ!”“ท่านประมุข ท่านจะต้องอายุยืนเป็นร้อยปี! ได้โปรดทำใจให้ฮึกเหิมเพื่อแคว้นซีหนี่ว์ จะต้องทรงดีขึ้นนะเพคะ!”“ท่านประมุข หม่อมฉันไร้ความสามารถ หม่อมฉันมาช่วยพระองค์ช้าเกินไป! แท้ที่จริงแล้วหลิวอิ๋งผู้นั้น ใช่ใต้เท้าซู่ยวนหรือไม่เพคะ? ขอท่านเผยความจริงด้วยเถิด!”ประมุขแคว้นที่อยู่บนเตียง เบ้าตาจมลึก ริมฝีปากซีดขาว ผอมจนเห็นกระดูก อาภรณ์ขาวบนร่างดูราวกับผ้าห่อศพ แผ่กลิ่นอายความตายออกมาลมหายใจของนางแผ่วเบา ทว่าเสียงที่ออกมาจากปากกลับชัดเจนยิ่ง “หลิวอิ๋ง...ไม่ใช่ซู่ยวน จะให้นางทำให้แคว้นซีหนีว์วุ่นวายไม่ได้!”เมื่อซู่เฉียนเสวี่ยพูดคำสุดท้ายจบ ก็ราวกับว่านางได้ใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดแล้ว นางหายใจรุนแรงราวกับว่าวิญญาณในร่างกำลังล่องลอยออกไป นางเงยหน้าขึ้นด้วยความทรมานอย่างที่สุด เพื่อให้ลมหายใจเคลื่อนผ่านสะดวกเหล่าขุนนางคนสนิทต่างก่นด่าถึงความไม่เป็นธรรม“ท่านประมุข ท่านวางใจเถิดเพคะ! หม่อมฉันจะไม่ยอมให้ซู่ยวนตัวปลอมนั่นขึ้นครองราชย์เด็ดขาด!”“ใช่ ฆ่านางซะ! นางหลอกลวงเบื้องสูง ทั้งยังทำร้ายท
หลิวอิ๋งดิ้นรนเหมือนคนบ้า“ปล่อยข้า! ข้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของท่านประมุขนะ! ข้าจะไปพบท่านพี่! พวกเจ้าจะทำร้ายท่านพี่ของข้า!”“ขุนนางรัก รีบหยุดพวกเขาเร็ว!“พวกเขาต้องมีเจตนาร้ายแน่!”ยามนี้เหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ต่อให้พวกนางอยากจะช่วย ก็ยังต้องดูด้วยว่าตนมีความสามารถที่จะช่วยหรือไม่แม่ทัพใหญ่ทั้งสี่มีอำนาจคุมกองทัพ รวมกับฮองเฮาแคว้นหนานฉีเองก็อยู่ที่นี่ จะให้สู้อย่างไรเล่า?อีกทั้งประมุขคนใหม่นี้มีเหตุผลชอบธรรมจริงหรือไม่ ก็ยังต้องพิจารณากันอีกที!หากนางไม่ใช่ซู่ยวนจริง ๆ พวกนางจะไม่กลายเป็นประสงค์ดีแต่ดันทำเรื่องไม่ดีลงไป แล้วช่วยคนชั่วทำความผิดหรอกหรือ?เสียงโวยวายของหลิวอิ๋ง เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่นางสั่งทุกคนอย่างหนักแน่น“แม่ทัพหู ท่านดูแลท้องพระโรงให้ดี“แม่ทัพอีกสามท่านแยกกันเฝ้าประตูวัง ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกทั้งสิ้น ป้องกันไม่ให้สายลับของแคว้นอื่นฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวาย“มั่วซินหมัวมัว พาขุนนางคนสนิทสองสามคนตามข้าไปพบท่านประมุข”“เพคะ!” หูย่วนเอ๋อร์และมั่วซินหมัวมัวตอบรับคำสั่งขุนนางบุ๋นบู๊ที่เหลือเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสั