เซียวอวี้รู้สึกมุทะลุน่าขันถึงว่านาง “สูญหาย” ไปหลายวัน ยังทำให้ตนเองกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ที่แท้ก็ไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของคนอื่น !เขาเดินมาตรงหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน ยกมือเช็ดฝุ่นบนใบหน้าให้นางด้วยตนเอง“เรื่องอันตรายเช่นนี้ ทำไมเจ้าจะต้องไปทำด้วยตนเอง ?“เจ้ารออภิเษกอยู่อย่างสงบ ไม่ได้หรือ ? ”ตอนนี้ก็เหลือเพียงชุดแต่งงานยังปักไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นเขาสู่ขอนางเข้าวังมาตั้งแต่แรกแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทุกวี่วันทว่าครั้งนี้ถือว่าเข้าใจหัวอก ความรู้สึกของสองสามีภรรยาตระกูลเมิ่งในตอนนั้นตอนที่นางยังเป็นเด็ก ก็คง “อยู่ไม่เป็นสุข” เช่นนี้ วันทั้งวันวิ่งไปโน่นวิ่งไปนี่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง“หลุมฝังศพมีกลไกมาก ข้าก็อยากไปเรียนรู้”มองท่าทีแสวงหาความรู้ด้วยความตั้งใจจริงของนาง ในใจเซียวอวี้อ่อนไหวทันที ประคองใบหน้าของนางไว้ พร้อมจูบบนริมฝีปากของนางสองทีชื่นชอบนางอย่างมากจริง ๆ จนไม่รู้จะพรรณนายังไงเฟิ่งจิ่วเหยียนถูกเขาจูบอย่างแรงจนเซถอยหลัง “พูดเรื่องจริงจัง สิ่งของที่ถูกฝังกับศพ ไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด...”เซียวอวี้ใช้มือข้างหนึ่งจับท้ายทอยของนางไว้
เฟิ่งจิ่วเหยียนลองกระบี่ แววตาคมกล้าเผยความแข็งแกร่งออกมาพอกระบี่ล้ำค่าอยู่ในมือ นางก็รู้สึกอยากฟันอะไรซักอย่าง เปิดคมกระบี่เสียหน่อย เซียวอวี้ที่เห็นนางชอบกระบี่ชื่อหยวนมาก รอยยิ้มในแววตาก็ยิ่งเผยความอ่อนโยนทว่าผ่านไปไม่นานก็รู้สึกว่าผิดปกตินางเอาใจใส่กระบี่มากกว่าเอาใจใส่เขาโดยเฉพาะแววตาที่นางมองกระบี่ ดูลึกซึ้งเสียยิ่งกว่าเวลามองเขาเสียอีก!“เราไปดูฎีกาด้านนอกก่อน”ยามที่เซียวอวี้พูดประโยคนี้ ก็หวังว่านางจะมองตนทว่าสุดท้ายนางก็ยังจับกระบี่นั่นไปมา ไม่หันมามองไม่ส่งเสียงตอบรับ ไม่พูดอะไรซักคำเซียวอวี้: กระบี่นั่นมีดีขนาดนั้นเลยรึ?เซียวอวี้กักเก็บความเคืองโกรธเอาไว้แล้วก้าวยาว ๆ ออกไปด้านนอก อ่านฎีกาต่อเมื่อเห็นใบรายการสิ่งของที่ฝังลงหลุมศพของฮ่องเต้ไท่จงแคว้นเฉิน ความโกรธของเขาก็หายไปจนหมดแต่งกับภรรยาเช่นนี้ได้ ผู้เป็นสามีจะยังต้องการอะไรอีกเล่าเป็นเขาเองที่ใจแคบ เซียวอวี้ปลอบตนเองเรียบร้อย......นอกวังหลวงณ ตำหนักรุ่ยอ๋องช่วงนี้รุ่ยอ๋องถูกหร่วนฝูอวี้รัดตัวเอาไว้หมายถึงถูกรัดเอาไว้จริง ๆบนแขนของเขามีงูตัวหนึ่งพันอยู่ องครักษ์นาม หลิวหวา เป็นบุรุษร่า
“โกหก” เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนฟังเซียวอวี้พูดเรื่องของรุ่ยอ๋องจบ ก็วิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ปริมาณสุราที่หร่วนฝูอวี้รับได้นั้น นางรู้ชัดอย่างยิ่ง ไม่มีทางดื่มจนเมาได้เว้นเสียแต่ว่าหร่วนฝูอวี้จะยินยอมแต่แสร้งทำเป็นเมาทว่าหร่วนฝูอวี้ชอบสตรี ดังนั้นนางไม่มีทางมีอะไรกับรุ่ยอ๋องเซียวอวี้เองก็เดาได้เช่นกัน เหตุใดหร่วนฝูอวี้ต้องทำเช่นนี้ด้วยนอกเสียจากจะอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อ เพื่ออยู่ข้างกายจิ่วเหยียนสิ่งที่เขาไม่แน่ใจคือทัศนคติของรุ่ยอ๋องหากรุ่ยอ๋องชอบหร่วนฝูอวี้เข้า นับว่าเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วจริง ๆเขายังไม่ทันไตร่ตรองอย่างละเอียด เฟิ่งจิ่วเหยียนก็พูดขึ้นว่า“ฝ่าบาท ข้าจะไปชายแดนเหนือซักรอบ ออกเดินทางพรุ่งนี้”เซียวอวี้ได้สติทันที จากนั้นเขาก็กุมมือของนาง“ใกล้จะถึงพิธีสมรสแล้ว ไปชายแดนเหนือทำไมกัน?”เขาถูกทอดทิ้งหลายครั้งเกินไป จึงรู้ไม่สบายใจแววตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนนิ่งเฉย นางตอบอย่างจริงจังว่า “เวยเฉียงจะแต่งงานแล้ว”เดิมทีกำหนดวันแต่งงานของเวยเฉียงคือสิ้นเดือนสิบเอ็ดของปีที่แล้วด้วยเหตุที่เกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางบนภูเขาเทียนฉือ งานแต่งจึงเลื่อนออกไปเซียวอวี้เริ่มคำนวณวั
ต้วนเจิ้งที่มีท่าทางอ่อนแอ ทว่ายังมีแรงจะด่าคน“ไสหัวไป...ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติ! อย่ามาจับข้า...ไปไกล ๆ !”สาวใช้ผู้นั้นใจเย็นมาก ไม่ว่าเขาจะด่านางอย่างไร นางก็ยังป้อนยาให้เขาอย่างอดทนพอต้วนเจิ้งเห็นเฟิ่งจิ่วเหยียน เขาก็เก็บอารมณ์ที่ระเบิดออกมาอยู่ทันที คล้ายกับได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจถึงที่สุด ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ใช่คนที่ด่าผู้อื่น แต่เป็นเขาที่ถูกด่า“ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเดินเข้าไปใกล้ มองขาทั้งสองข้างของเขาที่ถูกมัดไว้กับแผ่นไม้ดวงตาของต้วนเจิ้งแดงขึ้น ราวกับมีความทุกข์ใจที่ยากจะพูดออกมา“เป็นหร่านชิว นางมัดข้าเอาไว้ นางอยากได้เถ้ากระดูกของพี่ข้า“ข้าไม่ยอมบอกนาง“นางดูดพลังภายในของข้าจนแห้ง...ใช่ เจ้าคงจะยังไม่รู้! นางฝึกเคล็ดวิชาดาราโรยหมื่นวิถี!”“กว่าข้าจะหนีออกมาได้ไม่ง่ายเลย ข้าตกลงมาจนขาหัก ทั้งหมดนี่เป็นนางที่ทำร้ายข้า!“เฟิ่งจิ่วเหยียน ท่านจะต้องช่วยข้าฆ่านาง!“คนผู้นี้ช่างน่าแค้นนัก!”หลังจากที่ต้วนเจิ้งถูกช่วยออกมา ก็ฝากคนให้ช่วยพาเขามาส่งที่จวนแม่ทัพชายแดนเหนือด้วยความช่วยเหลือของแม่ทัพเมิ่ง เขาจึงถูกส่งมารักษาที่เซียวเ
เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ อาจารย์หญิง พวกท่านปิดบังอะไรข้ากันแน่”ฮูหยินเมิ่งมองนางอย่างลึกซึ้งจิ่วเหยียนถึงกับยอมตัดสัมพันธ์กับตน ก็จะไล่สืบเรื่องมนุษย์โอสถให้ได้ นางไร้กำลังที่จะทำอะไรแล้วจริง ๆจากนั้น นางก็เปิดปากพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและเศร้าโศก“ตอนนั้นสิงโจวเองก็รู้ถึงเรื่องมนุษย์โอสถ จึงแอบปกปิดตัวตนเข้าไปตรวจสอบ เขาเคยเขียนจดหมายให้พวกเรา บอกว่าพบแหล่งซ่องสุมของมนุษย์โอสถพวกนั้นแล้ว จะตามไปสืบต่อ หลังจากนั้น...”“ศิษย์พี่ถูกพวกเขาฆ่าตายหรือ?” เสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนดังขึ้นทันทีหลายปีมานี้ นางกลัวว่าจะทำให้อาจารย์และอาจารย์หญิงเศร้าใจ จึงไม่เคยตามเรื่องการตายของศิษย์พี่อย่างละเอียดมาโดยตลอดศิษย์พี่ผู้นั้นที่ดีกับนางมากที่สุด นางนึกว่าเขาไปช่วยเหลือคนอื่นแล้วเกิดอุบัติเหตุจนสิ้นชีพอย่างที่อาจารย์บอกในยามปกติฮูหยินเมิ่งทั้งใจเย็นและเข้มแข็งทว่ายามนี้เมื่อนึกถึงเรื่องของบุตรชาย นางสะอึกสะอื้นจนพูดต่อไม่ไหว จากนั้นก็ลุกแล้วเดินจากไปใบหน้าที่แข็งทื่อของแม่ทัพเมิ่ง เล่าเรื่องที่เหลือออกมา“อาจารย์หญิงของเจ้าตรวจศพด้วยตนเอง สิงโจวถูกตีจนหัวเข่
เมื่อเจ้าสาวจะออกเรือน พี่น้องชายของเจ้าสาวจะเป็นคนแบกเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวเฟิ่งจิ่วเหยียนสวมชุดบุรุษเต็มตัว ใช้ฐานะของพี่ชายฝั่งบ้านเจ้าสาวแบกเวยเฉียงขึ้นหลังฝีเท้าของนางมั่นคงอย่างมากเวยเฉียงพิงหลังอยู่บนหลังนาง ด้วยจิตใจที่สงบสุข“ท่านพี่ พวกเราจะต้องมีความสุข”น้ำตาหยดหนึ่ง หยดลงบนคอของเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนตอบเสียงเบา“แน่นอน”ล้วนกล่าวกันว่า ต้นร้ายปลายดี เวยเฉียงต้องผ่านความทุกข์มามากมายเพียงนี้ จากนี้ไปย่อมมีแต่ความราบรื่นเป็นแน่......เกี้ยวมงคลร้องรำทำเพลงไปตลอดทางจนถึงบ้านตระกูลซ่งเจ้าสาวก็ถูกคนประคองให้เดินลงมาซ่งหลีสวมชุดเจ้าบ่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาทนไม่ไหวจนอยากจะไปประคองเจ้าสาวของตน แต่ถูกหญิงมงคลขวางเอาไว้“ท่านเจ้าบ่าว ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ทำพิธีไหว้ฟ้าดินก่อน!”ผู้คนรอบ ๆ พร้อมใจกันหัวเราะทันทีซ่งหลีเองก็หน้าแดงเช่นกันเขาไม่ได้พบเวยเฉียงนานเกินไปแล้ว คิดถึงนางยิ่งหากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องกับซูฮ่วน พวกเขาคงเป็นสามีภรรยากันไปนานแล้วแขกที่มาในวันนี้บางส่วนเป็นสหายที่ดีในยุทธภพของซ่งหลี เจียงหลินก็มาเช่นกันคนหลังพอได้พบเฟิ่งจิ่วเ
ภายในเรือนหอแม่สื่อและสาวใช้ไฉ่เยว่ยืนอยู่ข้างเตียง มองเจ้าบ่าวที่กำลังหน้าแดงก่ำอีกฝ่ายกลับเอาแต่จ้องตรงไปยังเจ้าสาว——เวยเฉียงมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวปกปิดใบหน้า มือทั้งสองข้างวางซ้อนไว้บนตัก แผ่นหลังยืดตรง ท่านั่งดูแข็งทื่อ เห็นเท่านี้ก็พอจะรู้ว่านางกำลังประหม่าซ่งหลีเองก็ไม่ต่างกันเขารับคันชั่งที่ไฉ่เยว่ยื่นมาให้ ด้วยมือสั่นเทากลัวว่าจะเผลอเกี่ยวโดนหน้าของเวยเฉียงเขาระมัดระวัง แง้มเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ภายใต้ผ้าผืนนั้น ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างงดงามหมดจรดค่อย ๆ เผยออกมาเวยเฉียงหลุบตาลงอย่างขวยเขิน ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อยิ่งกว่าริมฝีปากเสียอีกนางไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกมา บรรยากาศภายในเรือนหอเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่นหัวใจของซ่งหลีสั่นไหว“แม่หญิง เจ้าช่างงามเหลือเกิน”เขาคิดกับเวยเฉียงเป็นแค่คนไข้ที่ต้องดูแลในตอนแรก กอปรกับมีคำฝากฝังจากเพื่อนสนิทด้วยเหตุนี้ เขาจึงดูแลรักษานางอย่างไม่ขาดตกบกพร่องต่อมาเขาก็เริ่มสงสารนาง เพราะเรื่องที่นางประสบพบเจอมามันน่าหดหู่มากจริง ๆหลังจากนั้น พอได้อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนางก็ทำให้เขาหวั่นไหวแ
เวยเฉียงหลุกหลิกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อ กัดริมฝีปากแน่นซ่งหลีดื่มสุรามา ใบหน้าจึงแดงระเรื่อเขาเดินเข้าไป สวมกอดนางอย่างเงอะงะ“แม่หญิง…”หัวใจของเวยเฉียงเต้นกระหน่ำเหมือนกวางวิ่งเต้น หลุบตาลง “พี่ใหญ่ซ่ง”ซ่งหลีมองตรงมาที่นาง พูดกลั้วยิ้มว่า “เจ้าควรเรียกข้าว่าสามีสิ”“เจ้าค่ะ สามี” ใบหูของนางแดงก่ำไปหมด ไม่กล้าเงยหน้ามองเขายิ่งกว่าเดิมซ่งหลีจับมือของนาง จูงนางเดินไปยังเตียงนอนจากนั้นก็ประคองนางนั่งลง ปล่อยม่านมุ้งมงคลลงทีละชั้นเวยเฉียงเห็นเช่นนั้น ลำคอพลันแห้งผาก หัวใจเต้นรัวเร็วกว่าเดิมซ่งหลีเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ เพียงปล่อยไปตามสัญชาตญาณของร่างกาย ค่อย ๆ โน้มตัวนางนอนลงบนเตียง ก้มลงจูบริมฝีปากของนาง ด้วยการกระทำแสนอ่อนโยนเวยเฉียงหลับตาลงอย่างประหม่า ลมหายใจกระชั้นชิด“ท่านพี่…”นางหวาดกลัวเล็กน้อยมือของซ่งหลีลูบตามร่างกายที่สั่นเทาของนางอย่างแผ่วเบา ปลอบโยนนางว่า “ไม่ต้องกลัว แม่หญิง”เขารู้ว่านางเคยผ่านเรื่องราวเลวร้ายมา เขาเองก็กลัวว่านางจะถูกกระตุ้น จนกลับไปนึกถึงเรื่องราวแสนอัปยศเหล่านั้นดังนั้น เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากเขาจะร
เฟิ่งจิ่วเหยียนแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เซียวอวี้เอ่ยว่า ต้องการจะเป็นพระสวามีของนาง?“ท่านพูดจริงหรือ?” นางไม่เคยนึกถึงหนทางนี้มาก่อนเขาช่างคิดหาแนวทางใหม่เสียจริงเซียวอวี้ดูไม่เหมือนกำลังล้อเล่นกับนาง พลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง“ก่อนมาตามหาเจ้า เรื่องในวัง เราได้จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว“จะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียว หนานฉีกับแคว้นซีหนี่ว์ จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน“เราก็ถือว่า ตามเจ้ากลับไปอยู่บ้านมารดาภรรยาสักสองสามปี“รอจนกว่าจะพิชิตแคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งได้...”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบขัดจังหวะ“กลับบ้านมารดาภรรยา? นี่นำมารวมเป็นเรื่องเดียวกันได้หรือ?”ไม่ใช่ว่าเขาตรวจสาส์นกราบทูลจนสับสนแล้วหรือเซียวอวี้เอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง“คำพูดแต่ละประโยคที่เราพูด ล้วนมาจากใจจริง“ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีแค่สองหนทางนี้“ตอนนี้ ให้เจ้าเลือก”เฟิ่งจิ่วเหยียนยิ้มมุมปาก ดูท่าคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม“เหตุใดหม่อมฉันถึงรู้สึกว่า ท่านกำลังบังคับให้หม่อมฉันเลือก?“ก็รู้ชัดเจนแล้วว่า หม่อมฉันไม่อาจให้ท่านเป็นพระสวามีได้”เซียวอวี้ขมวดคิ้วทันที: “ไม่ให้เราเป็นพระสวามี หรือเจ้าคิดจ
หลังจากประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่ด้านนอก ก็คือเซียวอวี้จริง ๆเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบวางมีดในมือลงทันที พร้อมก้าวเดินไปหาเขาเซียวอวี้ก็มองนางตาไม่กะพริบเช่นกัน ราวกับกลัวว่านางจะจากไปตามแผนที่กำหนด เดิมทีเขาตั้งใจจะไปที่แคว้นซีหนี่ว์โดยตรงทว่าได้รับข่าวจากองครักษ์เงา บอกว่านางกลับมาที่หนานฉีแล้ว เขาจึงรีบมาตามที่อยู่บนจดหมายโชคยังดี พายุหิมะรั้งลูกค้าที่มาพักให้อยู่ต่อ“ฮูหยิน...” ต่อหน้าคนนอก เขาไม่ควรเรียกชื่อนางโดยตรง ทว่าถึงแม้จะเปลี่ยนคำเรียก ก็ยังแฝงไว้ด้วยความรักและความคิดถึงเช่นเดิมภายในห้องนี้มีคนนอก เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงพาเขาไปที่ห้องของนาง พลางกำชับอู๋ไป๋ให้คอยเฝ้าต่อไป พร้อมให้เงินหนึ่งก้อนกับเสี่ยวเอ้อร์เมื่อรับเงินไปแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ก็ปิดหูปิดตา ต่อสิ่งที่ตนเองได้เห็น และได้ยิน เฟิ่งจิ่วเหยียนพาเซียวอวี้เข้ามาที่ห้อง พอปิดประตู เซียวอวี้ก็โอบนางเข้ามาในอ้อมแขนเสื้อคลุมบนตัวเขา ที่ปกคอขนสัตว์เต็มไปด้วยหิมะ จนเปียกชื้นเฟิ่งจิวเหยียนผลักเขาออกไปเบา ๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา เพื่อจะเช็ดให้เขา“ท่านมาได้อย่างไร? ด้านนอกหิมะตก รู้สึกไม่สบายหรือไม่?”เขามีอาการกลัว
คดีมนุษย์โอสถ เฟิ่งจิ่วเหยียนสืบหามานาน น่าเสียดายที่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆไฉนเลยจะคิดว่า มาค้นพบในโรงพักแรมเล็ก ๆ แห่งนี้สายตาที่นางมองดูพ่อค้าคนนั้น ดูเฉียบคมกว่าเดิมพ่อค้าเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาที่เพิ่งรู้ว่าในลังนั้นคืออะไร ในใจก็มีแผนรับมือไว้แล้ว รู้ว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่! มนุษย์โอสถอะไร? ข้าคือผู้คุ้มกัน นั่นคือคนป่วยที่จะส่งไปรักษายังเมืองอื่น...อึก!”อยู่ ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็บีบคอเขา จนทำให้เขาหายใจไม่ออกเขาเงยหน้าขึ้น สบสายตาอันเยือกเย็นดุดันของนางในวินาทีนั้น เขารู้สึกว่าชีวิตตนเองเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายคนที่อยู่ตรงหน้านี้ มีไอสังหารรุนแรง!......คืนราตรียาวนานหลังท้องฟ้าเริ่มสว่าง เสี่ยวเอ้อร์ก็นำน้ำร้อนมาส่งให้แต่ละห้องขณะที่ส่งมาถึงห้องหนึ่ง คนที่เปิดประตูกลับเปลี่ยนไปแล้วตรงช่องประตูเผยให้เห็นริมฝีปากที่เย็นชาดุดัน“น้ำร้อน ไม่ต้องแล้ว”เสี่ยวเอ้อร์ได้กลิ่นคาวเลือด และคล้ายเหมือนเข้าใจผิดไปเองด้วยบริเวณโดยรอบหนึ่งร้อยลี้ก็มีโรงพักแรมนี้แห่งเดียว ก็ถือว่าเคยเจอเรื่องแปลกมาไม่น้อยเสี่ยวเอ้อร์รู้ถึงความผิดปกติ แต่ไม่ก
“นายท่าน ช่วงหลายวันมานี้หิมะตกหนัก ไม่อาจเดินทางต่อได้เลย พื้นที่โดยรอบหนึ่งร้อยลี้ก็หาเจอโรงพักแรมแห่งนี้เท่านั้น” อู๋ไป๋นำทางอยู่ด้านหน้า ส่วนเฟิ่งจิ่วเหยียนจูงม้าตามมาด้านหลังพายุหิมะรุนแรง นางใช้มือข้างหนึ่งจูงม้า มืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นบังตรงหน้า ทว่ากลับยังมีหิมะเข้าตาและเข้าจมูกหลังจากเข้าไปในโรงพักแรม ร่างกายถึงค่อยอุ่นขึ้นบ้างเสี่ยวเอ้อร์ยกชาร้อนออกมา “ท่านทั้งสอง จะพักชั่วคราวหรือพักค้างคืนขอรับ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนปัดหิมะบนเส้นผมออก “พักค้างคืน สองห้อง แต่ขอสุราสองกา กับเนื้อวัวสี่จินมาก่อน”เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มพร้อมตอบกลับ“ได้ขอรับ! ท่านทั้งสองรอสักครู่ ประเดี๋ยวจะนำมาให้!”เช่นเดียวกันมีพ่อค้าอีกหลายคน ก็เจอพายุหิมะจนต้องติดค้างอยู่ในโรงพักแรม พวกเขายังต้องขนสินค้ามาด้วย นับว่าลำบากกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่มาก ในเวลานี้ พวกเขานั่งล้อมวงอยู่ที่หนึ่ง พลางดื่มสุรา พลางถอนหายใจ“ไม่รู้ว่าหิมะจะหยุดเมื่อใด หากสินค้าชุดนี้ของข้าไม่อาจส่งตามกำหนดเวลาได้ ก็คงไม่อาจขายได้”“นั่นน่ะสิ! เดิมทีคิดว่าแต่ละแคว้นเปิดเส้นทางการค้าขาย ก่อนสิ้นปีจะทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ นึกไม่ถึงว่าส
ณ ตำหนักฉือหนิงสายตาที่ไทเฮามองมายังฮ่องเต้ ดูไม่สบายใจและไม่มั่นใจอยู่บ้างนางไม่คิดว่า ฝ่าบาทเป็นห่วงนาง เลยแวะมาเยี่ยมนางเซียวอวี้พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการถามสารทุกข์สุกดิบใด ๆ“ถวายบังคมเสด็จแม่“เราจะไม่อยู่วัง วันกลับยังไม่แน่ชัด เรื่องภายในวังหลัง เรากังวลว่าหนิงเฟยคนเดียวจะตัดสินใจไม่ได้ จึงอยากฝากให้ท่านดูแลชั่วคราว”ไทเฮางุนงงยิ่งกว่าเดิมเขาจะออกจากวังไปทำอะไรอีก?ไม่ใช่ว่าเพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ?เซียวอวี้ส่งสายตา หลิวซื่อเหลียงจึงนำตราประทับทองวางลงบนโต๊ะมีตราประทับทอง ก็จะสามารถควบคุมเรื่องทุกอย่างในวังหลังได้นานแล้วที่ไทเฮาไม่ได้จับตราประทับทองแต่บางเรื่อง นางเองก็เข้าใจเป็นอย่างดี“ฮ่องเต้ เจ้าไม่อยู่วังอีกแล้วหรือ ครั้งนี้เพราะอะไรล่ะ? อีกอย่าง ตอนนั้นฮองเฮาใส่ชุดสามัญชนออกตรวจแต่ละเมืองกับเจ้า ทำไมมีแต่เจ้ากลับมาคนเดียว ฮองเฮาล่ะ?”แววตาของเซียวอวี้ราบเรียบ คำโป้ปดพูดออกมาโดยไม่ต้องคิด“เราต้องกลับมาจัดการเรื่องสำคัญในราชสำนัก ฮองเฮายังออกตรวจอยู่ ครั้งนี้ เราจึงต้องไปตามหานาง”ไม่รู้ไทเฮาเชื่อหรือไม่ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างขณะที่
เซียวอวี้ไม่ทันได้รอให้เฟิ่งจิ่วเหยียนกลับมา แต่กลับได้ยินข่าวลือที่นางจะขึ้นบัลลังก์ในแคว้นซีหนี่ว์เขาไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็อดที่จะคิดไปต่าง ๆ นานาไม่ได้จากนิสัยของจิ่วเหยียน มีความเป็นไปได้ว่าเพื่อปกป้องแคว้นซีหนี่ว์แล้ว นางจะปล่อยไปตามสถานการณ์ รับช่วงแก้ปัญหาต่อของแคว้นซีหนี่ว์ นัยน์ตาของเซียวอวี้เจือแววหม่นหมองเขาสั่งเฉินจี๋ “ไปสืบมาให้ชัดเจน ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”เฉินจี่เองก็ไม่อยากจะเชื่อ ฮองเฮาจะทิ้งฝ่าบาท และหันหลังให้แคว้นหนานฉีทั้งอย่างนี้วันต่อมาณ ตำหนักฉือหนิง หลายวันนี้ไทเฮารู้สึกอ่อนเพลีย มักจะนอนไม่หลับสนิทหมอหลวงตรวจชีพจรให้นาง หนิงเฟยเฝ้าอยู่ข้าง ๆ “หมอหลวง ร่างกายของท่านป้าเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรหรือไม่?”หมอหลวงโค้งคำนับ “ทูลพระนาง เส้นลมปราณจุดเริ่นของไทเฮาอ่อนแรง เส้นลมปราณไท่ชงก็น้อยลง ชีพจรเทียนขุยหดหาย อุโมงค์อุดตัน ระดูหมด”เขาอธิบายจบ สีหน้าของไทเฮาพลันแข็งค้าง หัวใจเหมือนถูกอะไรทับไว้ จนหายใจไม่ออกระดูหมด นั่นหมายความว่านางเข้าสู่วัยชราอย่างสมบูรณ์นี่เป็นเรื่องที่สตรีต้องประสบพบเจอในชีวิตแต่นางไม่คิดเลยว
หัวหน้าแม่ทัพของแคว้นเจิ้งมีสีหน้าอดกลั้น“ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก ควรถอยทัพ เพื่อปกป้องกองกำลังของแค้นให้คงอยู่!”หัวหน้าแม่ทัพแคว้นเสี่ยวโจวหงุดหงิดอย่างยิ่ง“สุดท้ายสวรรค์ก็ไม่เข้าข้างข้า! ตอนนี้แคว้นซีหนี่ว์และแคว้นหนานฉี ผูกมัดรวมกันแล้ว!”หากพวกเขาเคลื่อนทัพเมื่อใด กองทัพชายแดนตะวันตกของแคว้นหนานฉีก็จะเคลื่อนไหวทันทีพอถึงเวลานั้น พวกเขาก็จะถูกโจมตีทั้งสองทางอันตรายนี้ จะเข้าไปเสี่ยงไม่ได้แคว้นหนานฉีในปัจจุบัน เปรียบเสมือนปีศาจจอมตะกละที่กินอย่างไรก็ไม่อิ่มท้องหากถูกพวกเขาโจมตียึดครอง ก็ไม่ใช่แค่ตกเป็นแคว้นอาณานิคม แต่แคว้นจะล่มสลายอย่างสมบูรณ์ ไม่มีวันได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีก……บริเวณขอบชายแดนเฟิ่งจิ่วเหยียนยังไม่ไปไหนลมค่อย ๆ แรงขึ้น หูย่วนเอ๋อร์นำผ้าคลุมกันลม มาคลุมให้นางอย่างนอบน้อมสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนทอดมองยังเบื้องหน้า กล่าวอย่างลุ่มลึก“แม่ทัพหู ข้าอยากให้เจ้าบอกมาตามตรง“เรื่องที่สองแม่ลูกหลิวอิ๋งกลับมาที่แคว้นซีหนี่ว์ ท่านป้ารู้หรือไม่?”หูย่วนเอ๋อร์บอกอย่างงุนงง“ยามที่ประมุขแคว้นรักษาตัวอยู่ที่ชานเมือง นางรู้อะไร หรือไม่รู้อะไรนั้น ข้าไม่รู้เรื่อ
เมื่อเห็นว่าขอร้องไปก็ไร้ความหวัง เจิ้งจีก็ตะโกนสาปแช่งไล่หลังเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ค่อย ๆ เดินออกไปไกล“เฟิ่งจิ่วเหยียนเจ้าไม่ได้ตายดีแน่ เจ้าสร้างบาปกรรมเช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้เจ้ามีลูกอีกไม่ได้แน่นอน!”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยิน ในใจกลับไม่สะทกสะท้านด้านหลัง มีเสียงยกดาบและลงดาบดังตามมาติด ๆหลิวอิ๋งพูดถูก ถูกประหารศีรษะก็แค่หลุดล่วงบนพื้นวันนี้ ศีรษะของนางหลุดในวังหลวงแคว้นซีหนี่ว์หัวกลิ้งหลุน ๆ ดึงดันหันไปทางตำหนักหลัก จ้องบัลลังก์ที่นางยังไม่ได้ครอบครอง อย่างตายตาไม่หลับเจิ้งจีเห็นภาพนี้ พลันนิ่งอึ้ง“ไม่นะ! ไม่——ท่านแม่!”เมื่อเห็นดาบกำลังจะฟันลงที่นาง นางก็เบิกตากว้างนางเสียใจนางไม่น่าตามมารดาไปที่เมืองหลวง ไม่น่าไปฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยากเป็นนางสนม ไม่น่ากลับมาที่แคว้นซีหนี่ว์อีกครั้งหากนางอยู่ที่เจียงโจว ก็คงไม่ตายต่อมา เลือดสด ๆ ก็สาดกระเซ็นออกมา…ศีรษะหลุดออกจากบ่าหล่นบนพื้นตายตาไม่หลับเหมือนกัน……นอกชายแดนแคว้นซีหนี่ว์กองทัพของแคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งโจวเตรียมบุกโจมตีเวลากลางคืน ทหารสอดแนมมารายงาน“ท่านแม่ทัพ! ประมุขแคว้นซีหนี่ว์สิ้นพระชนม์แล้ว! แต่ซู่ย
ความผูกพันที่เฟิ่งจิ่วเหยียนมีต่อแคว้นซีหนี่ว์ ไม่ลึกซึ้งเท่าความผูกพันที่มีต่อแคว้นหนานฉีเนื่องจากนางเติบโตในแคว้นหนานฉีตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเคยเป็นทหารของแคว้นหนานฉีญาติสนิทมิตรสหายของนาง ล้วนอยู่ในแคว้นหนานฉีทั้งนั้นตอนนี้ นางยังเป็นฮองเฮาของแคว้นหนานฉีอีกด้วยหากนางตัวคนเดียว บางทีนางอาจจะสามารถอยู่ได้แบบไม่ต้องลังเล แต่ว่าตอนนี้ หากให้นางทิ้งทุกอย่างในแคว้นหนานฉี อยู่เป็นฮ่องเต้ที่แคว้นซีหนี่ว์ นางทำไม่ได้นางมีหลายเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้และยังอาลัยอาวรณ์อยู่สามีของนาง ท่านอาจารย์และอาจารย์หญิง แล้วไหนจะเวยเฉียง…ทว่า แคว้นซีหนี่ว์เองก็ต้องปกป้องในด้านส่วนตัว นี่คือสายเลือดตระกูลบรรพบุรุษของนางในด้านส่วนรวม จำเป็นต้องมีแคว้นเฉกเช่นแคว้นซีหนี่ว์ เพื่อสังคมโลกที่ไม่ยุติธรรมต่อสตรี อีกอย่าง แคว้นเสี่ยวโจวกับแคว้นเจิ้งก็สนิทชิดเชื้อกับเป่ยเยี่ยน หากพวกเขาแบ่งแยกแคว้นซีหนี่ว์ ก็จะสร้างความกดดันต่อชายแดนทางตะวันตกของแคว้นหนานฉี หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ข้าจะช่วยแคว้นซีหนี่ว์ปราบปรามศัตรูให้ล่าถอย แต่ตำแหน่งฮ่องเต้ คงต้องให้ผู้ปรา