เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนที่เดิมก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยามนี้ก็ยิ่งโกลาหลขึ้นไปอีกมีเพียงเซียวอวี้เท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตูม ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ ย่อมต้องมีท่าทางไม่สะทกสะท้อนแม้ไท่ซานจะถล่มลงต่อหน้าเขาพูดเสียงทุ้มหนัก“วางยาเซียวหย่า ด้านหนึ่งอาศัยโอกาสนี้กำจัดซูฮ่วน อีกด้านหนึ่งให้จู้กั๋วกงออกจากเมืองเซวียน ทำให้เมืองเซวียนไร้ผู้นำ พรรคเทียนหลง นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”หม่ากงกงหัวเราะอย่างสดใส“ฝ่าบาทหัวไวกว่าผู้อื่นนัก“น่าเสียดาย! ยามนี้ท่านเพิ่งจะเข้าใจ สายเกินไปแล้ว!”แววตาของเขาเย็นชา“กองทัพใหญ่แคว้นเป่ยเยี่ยนจะบุกโจมตีแคว้นหนานฉีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคิดเพียงชั่ววูบของท่านแล้ว เพียงท่านรีบแต่งตั้งรัชทายาทและสละราชบัลลังก์ ข้าก็จะส่งสัญญาณออกไป เมื่อกองทัพเป่ยเยี่ยนเห็นก็จะถอยทัพ ไม่เช่นนั้นราษฎรย่อมเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า!”“เพราะการสูญเสียของเมืองเซวียน แคว้นหนานฉีในยามนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน! กองทัพใหญ่ของทางเหนือและตะวันตกไม่อาจมาเป็นกำลังหนุนให้ได้ กองทัพเยี่ยนสามารถเข้ามาถึงใจกลางแคว้นโดยตรงได้ ย่อมทำได้แม้กระทั่งการบุกยึดเ
ณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ที่โอ่อ่าน่าเกรงขาม บัดดนี้กลับถูกคนชั่วยึดครอง“ปล่อยข้า...อย่านะ! อย่ามาแตะต้องข้า!” สนมนางนั้นถูกกดลงบนพื้น ดิ้นรนเสียงดังโครมครามยิ่งนางร้องไห้ตะโกนดังเท่าไหร่ พวกชั่วก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้นภายในกรง องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“อย่าแตะต้องนาง! มาที่ข้านี่! ข้าคือองค์หญิงใหญ่!”นางคิด หากแม่ทัพน้อยเมิ่งอยู่ล่ะก็ จะต้องยอมสละตนเพื่อช่วยคนเป็นแน่สตรีเหล่านี้ล้วนถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งก็น่าสงสารอยู่แล้ว ยามนี้ยังต้องถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ช่างน่าโมโหนัก!ไทเฮาร้อนใจยิ่ง รีบปิดปากองค์หญิงใหญ่ข้างหนึ่งนางโอบองค์หญิงใหญ่ อีกข้างหนึ่งโอบหนิงเฟย ราวกับแม่ไก่ที่ปกป้องลูก ไม่ให้คนชั่วช้ามาทำร้ายพวกนางได้แม้แต่น้อยหม่ากงกงยิ้มเย็นพลางตอบ“นำตัวองค์หญิงใหญ่ผู้นั้นออกมาด้วย!”นางเป็นถึงพี่สาวแท้ ๆ ของฮ่องเต้ใจของไทเฮาส่งเสียงดังกึกไม่ได้!ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกสาวของนางทั้งนั้น!!นางเตรียมใจที่จะสู้สุดชีวิต ยามนี้เอง กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“ต่อให้เจ้าฆ่าพวกนางจนหมด เราก็ไม่สนใจ”ปฏิกิริยาของเซียวอวี้เย็นชาจนผิดปกติเข
แม้นจะบอกว่าช้าแต่กลับเร็วกว่าที่คิด หม่ากงกงถีบระเบิดสายฟ้าจนปลิว ไม่ให้องครักษ์จุดมันเขาอ้าปากตะคอก“ไสหัวเข้าไปในวิหารบรรพบุรุษให้หมด!! อยากตาย มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”พวกเขาบ้าไปแล้ว!ทุกคน แม้แต่ฮ่องเต้ ต่างถูกขังไว้ในวิหารบรรพบุรุษไทฮองไทเฮาและเหล่าสตรีในวังหลังถูกขังไว้ด้วยกันสีหน้าของผู้อาวุโสเช่นนางไม่ค่อยดีนัก รู้สึกคิดผิดและรู้สึกโทษตัวเองที่เผลอไปเชื่อมู่หรงหลัน“ข้าไม่คิดเลยว่า หลันเอ๋อร์จะร่วมมือกับกลุ่มกบฏพวกนั้น…”นางเอาแต่พร่ำบ่น แต่กลับไม่ฟังคำพูดเข้าอกเข้าใจของคนอื่น จนทำให้หนิงเฟยหงุดหงิดหนิงเฟยทนไม่ไหว จึงดุด่านางไป“ยายแก่น่ารำคาญ! พอได้แล้ว!”“จะแสร้งทำเป็นไม่มีความผิดไปทำไม! หากไม่ใช่เพราะท่านช่วยเหลือพวกเผด็จการ พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์นี้หรือ? ท่านป่วยมาตั้งนาน ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ!”ไทฮองไทเฮาไม่อยากจะเชื่อ หนิงเฟยที่เคยเคารพนางในยามปกติ จะกล้าตะคอกใส่นางเช่นนี้“เจ้า…บังอาจ!”ไทเฮาโอบไหล่ของหนิงเฟย ปกป้องนางไว้ในอ้อมกอด “ไทฮองไทเฮา หนิงเฟยคงตกใจกลัว ถึงได้หลุดวาจาไม่สุภาพ…”“ฮือ ๆ…” ในมุมหนึ่งมีนางสนมร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าอยากกลับบ้าน หากรู้เ
“แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร
เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา
ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก
ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว
กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว
แม้นจะบอกว่าช้าแต่กลับเร็วกว่าที่คิด หม่ากงกงถีบระเบิดสายฟ้าจนปลิว ไม่ให้องครักษ์จุดมันเขาอ้าปากตะคอก“ไสหัวเข้าไปในวิหารบรรพบุรุษให้หมด!! อยากตาย มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”พวกเขาบ้าไปแล้ว!ทุกคน แม้แต่ฮ่องเต้ ต่างถูกขังไว้ในวิหารบรรพบุรุษไทฮองไทเฮาและเหล่าสตรีในวังหลังถูกขังไว้ด้วยกันสีหน้าของผู้อาวุโสเช่นนางไม่ค่อยดีนัก รู้สึกคิดผิดและรู้สึกโทษตัวเองที่เผลอไปเชื่อมู่หรงหลัน“ข้าไม่คิดเลยว่า หลันเอ๋อร์จะร่วมมือกับกลุ่มกบฏพวกนั้น…”นางเอาแต่พร่ำบ่น แต่กลับไม่ฟังคำพูดเข้าอกเข้าใจของคนอื่น จนทำให้หนิงเฟยหงุดหงิดหนิงเฟยทนไม่ไหว จึงดุด่านางไป“ยายแก่น่ารำคาญ! พอได้แล้ว!”“จะแสร้งทำเป็นไม่มีความผิดไปทำไม! หากไม่ใช่เพราะท่านช่วยเหลือพวกเผด็จการ พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์นี้หรือ? ท่านป่วยมาตั้งนาน ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ!”ไทฮองไทเฮาไม่อยากจะเชื่อ หนิงเฟยที่เคยเคารพนางในยามปกติ จะกล้าตะคอกใส่นางเช่นนี้“เจ้า…บังอาจ!”ไทเฮาโอบไหล่ของหนิงเฟย ปกป้องนางไว้ในอ้อมกอด “ไทฮองไทเฮา หนิงเฟยคงตกใจกลัว ถึงได้หลุดวาจาไม่สุภาพ…”“ฮือ ๆ…” ในมุมหนึ่งมีนางสนมร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าอยากกลับบ้าน หากรู้เ
ณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ที่โอ่อ่าน่าเกรงขาม บัดดนี้กลับถูกคนชั่วยึดครอง“ปล่อยข้า...อย่านะ! อย่ามาแตะต้องข้า!” สนมนางนั้นถูกกดลงบนพื้น ดิ้นรนเสียงดังโครมครามยิ่งนางร้องไห้ตะโกนดังเท่าไหร่ พวกชั่วก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้นภายในกรง องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“อย่าแตะต้องนาง! มาที่ข้านี่! ข้าคือองค์หญิงใหญ่!”นางคิด หากแม่ทัพน้อยเมิ่งอยู่ล่ะก็ จะต้องยอมสละตนเพื่อช่วยคนเป็นแน่สตรีเหล่านี้ล้วนถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งก็น่าสงสารอยู่แล้ว ยามนี้ยังต้องถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ช่างน่าโมโหนัก!ไทเฮาร้อนใจยิ่ง รีบปิดปากองค์หญิงใหญ่ข้างหนึ่งนางโอบองค์หญิงใหญ่ อีกข้างหนึ่งโอบหนิงเฟย ราวกับแม่ไก่ที่ปกป้องลูก ไม่ให้คนชั่วช้ามาทำร้ายพวกนางได้แม้แต่น้อยหม่ากงกงยิ้มเย็นพลางตอบ“นำตัวองค์หญิงใหญ่ผู้นั้นออกมาด้วย!”นางเป็นถึงพี่สาวแท้ ๆ ของฮ่องเต้ใจของไทเฮาส่งเสียงดังกึกไม่ได้!ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกสาวของนางทั้งนั้น!!นางเตรียมใจที่จะสู้สุดชีวิต ยามนี้เอง กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“ต่อให้เจ้าฆ่าพวกนางจนหมด เราก็ไม่สนใจ”ปฏิกิริยาของเซียวอวี้เย็นชาจนผิดปกติเข
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนที่เดิมก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยามนี้ก็ยิ่งโกลาหลขึ้นไปอีกมีเพียงเซียวอวี้เท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตูม ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ ย่อมต้องมีท่าทางไม่สะทกสะท้อนแม้ไท่ซานจะถล่มลงต่อหน้าเขาพูดเสียงทุ้มหนัก“วางยาเซียวหย่า ด้านหนึ่งอาศัยโอกาสนี้กำจัดซูฮ่วน อีกด้านหนึ่งให้จู้กั๋วกงออกจากเมืองเซวียน ทำให้เมืองเซวียนไร้ผู้นำ พรรคเทียนหลง นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”หม่ากงกงหัวเราะอย่างสดใส“ฝ่าบาทหัวไวกว่าผู้อื่นนัก“น่าเสียดาย! ยามนี้ท่านเพิ่งจะเข้าใจ สายเกินไปแล้ว!”แววตาของเขาเย็นชา“กองทัพใหญ่แคว้นเป่ยเยี่ยนจะบุกโจมตีแคว้นหนานฉีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคิดเพียงชั่ววูบของท่านแล้ว เพียงท่านรีบแต่งตั้งรัชทายาทและสละราชบัลลังก์ ข้าก็จะส่งสัญญาณออกไป เมื่อกองทัพเป่ยเยี่ยนเห็นก็จะถอยทัพ ไม่เช่นนั้นราษฎรย่อมเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า!”“เพราะการสูญเสียของเมืองเซวียน แคว้นหนานฉีในยามนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน! กองทัพใหญ่ของทางเหนือและตะวันตกไม่อาจมาเป็นกำลังหนุนให้ได้ กองทัพเยี่ยนสามารถเข้ามาถึงใจกลางแคว้นโดยตรงได้ ย่อมทำได้แม้กระทั่งการบุกยึดเ
ที่อยู่ด้านนอกวิหารบรรพบุรุษล้วนเป็นทหารส่วนพระองค์ของไทฮองไทเฮาคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่อดีตฮ่องเต้เหลือเอาไว้ให้นางนางเองก็นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้ใช้พวกเขามาบีบบังคับฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ไร้น้ำใจไร้เหตุผลก่อน ช่างทำให้นางผิดหวังเกินไปแล้ว!ใบหน้าที่แก่ชราของไทฮองไทเฮาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ฮ่องเต้ หากวันนี้เจ้าไม่แต่งตั้งรัชทายาท ข้าก็จะไม่อนุญาตให้เจ้าไป!”นางหันกลับมาพูดกับเหล่าท่านอ๋องอีก“พวกเจ้าต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับข้า! ข้าทำเพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อแผ่นดินของแคว้นหนานฉี!”ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพฤติกรรมของฝ่าบาทช่างเหลวไหลนัก ควรจะบังคับเขาเสียหน่อยแล้ว“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไทฮองไทเฮาพูดไม่ผิด! ฝ่าบาท แต่งตั้งรัชทายาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”มู่หรงหลันจูงมือเด็กคนนั้น เดินไปด้านหน้าเซียวอวี้อย่างไม่กลัวตายนางเดินไปพูดไป“ฝ่าบาท ไทฮองไทเฮาทรงทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อท่านนะเพคะ“หากท่านยืนกรานจะไปภูเขาไม่หวนกลับให้ได้ แล้วจะให้ท่านผู้เฒ่าวางใจได้อย่างไรกัน?“ขอเพียงท่านแต่งตั้งลูกของพวกเราเป็นรัชทายาท ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องข้างหลังแล้ว“ฝ่าบาท...”หลังจากเข้าใกล้
เมื่อเห็นมู่หรงหลันแม่ลูกถูกจับตัวไป ไทฮองไทเฮาก็พูดอย่างแข็งกร้าว“ฮ่องเต้! แม้แต่ลูกแท้ ๆ ของตนก็ยังไม่ยอมรับแล้วรึ!“เจ้าถูกซูฮ่วนนั่นทำจนฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ!“วันนี้ ต่อหน้าบรรพบุรุษ เจ้าต้องแต่งตั้งเด็กคนนี้เป็นรัชทายาท และรับหลันเอ๋อร์กลับเข้าวัง!”“ไม่เช่นนั้น ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปตามหาซูฮ่วนแน่ ภูเขาหิมะเทียนฉือนั่นยังถูกเรียกว่าภูเขาไม่หวนกลับ เจ้าเป็นฮ่องเต้ จะไปที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร!”เหล่าท่านอ๋องพูดคล้อยตามอย่างเซ็งแซ่“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”“เสด็จพี่ เสด็จย่าพูดถูก ท่านจะไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านทำผิดแล้ว!”ไทฮองไทเฮากวาดตามองเหล่าขุนนาง “พวกเจ้าคิดเช่นไร!”เหล่าขุนนางต่างมองตากัน สุดท้ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน“ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกสิ่งที่ฝ่าบาททรงทำในช่วงนี้ ทำให้พวกเขาราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆแล้วเขายังจะไปภูเขาไม่หวนกลับนั่นอีก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แคว้นหนานฉีจะไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงหรอกหรือ!ดังนั้นรีบแต่งตั้งรัชทาย
ยามบ่ายณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ ไทฮองไทเฮานำเหล่าขุนนางและบุตรหลานเชื้อพระวงศ์มาถึงตามกำหนดการตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนที่ฮ่องเต้ไปตามหาคนที่ภูเขาเทียนฉือยังไม่เสด็จกลับมา มีท่านอ๋องจำนวนมากที่แอบมาถึงนอกเมืองหลวงโดยอ้างว่ามาคุ้มกันเมืองหลวงพวกเขาเคยเขียนจดหมายให้ไทฮองไทเฮาอย่างลับ ๆ ในจดหมายล้วนมีแต่เจตนาเอาอกเอาใจวันนี้พอไทฮองไทเฮาต้องการให้พวกเขามาปรึกษาเรื่องการเมืองด้วยกันที่วิหารบรรพบุรุษ ทั้งยังให้พวกเขาพาทหารส่วนตัวมาด้วย พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องในวันนี้ย่อมไม่ธรรมดา!เพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็มาถึงตามกำหนดการเซียวอวี้สวมชุดมังกรสีทองสว่างทั้งร่าง รวบผมด้วยกวานหยก จอนผมสีเงินเทาสองสามปอยด้านข้างเผยอยู่ด้านนอกอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำให้ดูเหมือนผ่านเรื่องราวมามากมาย ดูโดดเดี่ยวอย่างผู้ที่ยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งเหน็บหนาวอยู่หลายส่วน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาไม่มีสีสันที่เกินจำเป็น ไม่ว่าสายตานี้จะตกไปอยู่บนสิ่งใด ล้วนดำมืดไร้ชีวิตชีวาไทฮองไทเฮาไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วเมื่อได้พบก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจเพียงเพื่อซูฮ่วน พระเกศาของฮ่องเต้ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีขาวเลยหรือ!เขาชอบสตร
ข้างนอกกระท่อมมุงจาก ชายชราผมขาวกำลังเฝ้าดูไฟใต้เตาต้มยา เด็กจัดยาวิ่งออกมาจากข้างในห้อง พร้อมตะโกนด้วยความตื่นเต้น“อาจารย์ อาจารย์! มีพี่ชายคนหนึ่งขยับแล้ว! เขาจะตื่นแล้วใช่หรือไม่!”ผู้เฒ่าเอามือไพล่หลัง เดินหลังค่อมเข้าไปในห้อง หลังจากตรวจดู ก็ส่ายหัวถอนหายใจ“กระดูกทั้งร่างกายถูกแช่แข็ง คิดอยากตื่นขึ้นมา ยาก!”เด็กจัดยาตัวน้อยหน้ามุ่ย “งั้นจะทำอย่างไรดี! อาจารย์ ข้าจะไปเก็บยาเดี๋ยวนี้ เก็บยามากมายมาให้พวกเขา!……ภูเขาหิมะเทียนฉือหลังจากฮูหยินเมิ่งมาถึง กลับถูกองครักษ์ขวางไว้อยู่ข้างล่างสุดท้ายแล้วอู๋ไป๋มาหา พาพวกนางเข้าไป“ฮูหยิน พวกเราตามหามาตั้งนานแล้ว ก็หาแม่ทัพน้อยไม่เจอ” อู๋ไป๋ผอมเกินไปจนดูไม่เข้ารูป “เช่นนี่จะแสดงว่า แม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”เขาเงยหน้าขึ้นมามองฮูหยินเมิ่ง หวังอยากให้นางให้คำตอบกับตนเองฮูหยินเมิ่งมองขึ้นไปบนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสูงตระหง่าน สีหน้าเยือกเย็น“จิ่วเหยียนยังมีเรื่องค้างคาอีกมากมาย นางยังไม่ยอมตายหรอก”ความพากเพียรของเด็กคนนั้น คนธรรมดาไม่อาจคาดคิดได้ขอเพียงนางอยากมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้!ด้วยความเชื่อมั
เหล่าขุนนางยังไม่ทันไล่เรียงเรื่องให้เข้าใจ ในท้องพระโรงก็มีเสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นมาในทันใด“ฝ่าบาท ท่านพูดว่าลูกสาวของกระหม่อม นางเป็นอะไร ! !” นายท่านเฟิ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่า น้ำเสียงแหบแห้งเขาเพิ่งรู้ว่า เกิดเรื่องกับลูกสาวของเขา!ดวงตาเซียวอวี้มืดมน ราวกับปกคลุมไปด้วยหมอกหนา“นาง เป็นหรือตายยังไม่รู้”นายท่านเฟิ่งอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างฉับพลัน ระบายความโกรธอย่างเดือดดาลเขาลุกขึ้นยืน คว้าจับเพื่อนร่วมงานที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ฟาดตบหน้าอีกฝ่ายหลายที ฟาดตบไปด้วย ก่นด่าไปด้วย“เป็นเจ้า! เมื่อครู่เจ้าพูดว่าไม่ต้องช่วย! ข้าได้ยินหมดแล้ว! ไอ้เวร! ข้าจะฆ่าเจ้า! ทำไมไม่ช่วยลูกสาวของข้า! ห๊ะ? ทำไม!”“นางอายุสิบหกก็เข้าสู่สนามรบแล้ว! อายุสิบหกเอง! ลูกสาวของพวกเจ้าตอนอายุสิบหกกำลังทำอะไรอยู่! ห๊ะ?“ข้าจะฉีกปากของเจ้า!”ขุนนางบุ๋นที่ถูกตบยังคงมึนงงนี่ใต้เท้าเฟิ่ง บ้าไปแล้วหรือ!ขุนนางคนอื่นเห็นแล้ว ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ต้องอยู่ไกลห่างจากคนบ้าคนนั้นนายท่านเฟิ่งอดกลั้นมานานมากแล้วเขาเก็บความลับนั้นไว้ ไม่กล้าบอกกับใคร อัดอั้นใจอย่างมาก!นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา
หม่ากงกงทำความเคารพอย่างยิ้มแย้ม“แม่นาง นี่คือโอรสที่ท่านคลอดให้กับฝ่าบาทในปีนั้น!”แววตามู่หรงหลันมัวหมอง พร้อมย้อนถามเขา “ไม่ต้องพูดถึงในตอนนั้น ข้ารักษาเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้“หรือเจ้าไม่รู้ว่า ฝ่าบาทไม่เคยแตะต้องข้า?”หม่ากงกงพูดขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่น “ขอเพียงแม่นางมีโอรสคนหนึ่ง ถึงตอนนั้น เราบอกว่าเขาเป็นลูกของผู้ใด เขาก็จะเป็นลูกของผู้นั้น” แววตามู่หรงหลัน ไม่อ่อนโยนเหมือนอย่างที่ผ่านมา กลายเป็นเฉียบคม“พวกเจ้าคิดจะใช้เด็กคนนี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์?“ฝ่าบาทไม่มีทางยอมจำนนง่ายๆ !“เขารู้ดีแก่ใจ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา“เขาจะเลอะเลือนถึงขั้น ยกบัลลังก์ให้กับเด็กนอกคอกที่มาจากไหนก็ไม่รู้ได้อย่างไร!” หม่ากงกงเดินไปที่ข้างเตียง เอื้อมมือลูบใบหน้าของเด็กคนนั้นแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“เรื่องนี้ก็ต้องดูความสามารถของแม่นางแล้ว”……เมืองหลวงจวนตระกูลเฟิ่งนายท่านเฟิ่งหงุดหงิดมากก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสว่าจะแต่งตั้งฮองเฮา ทำไมจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร?เป็นถึงกษัตริย์แห่งแผ่นดิน คงไม่ได้พูดล้อเล่นกับเขามั้ง!เมื่อคิดอีกที หรือจิ่วเหยียนเปลี่