แชร์

บทที่ 722

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
เมื่อเห็นมู่หรงหลันแม่ลูกถูกจับตัวไป ไทฮองไทเฮาก็พูดอย่างแข็งกร้าว

“ฮ่องเต้! แม้แต่ลูกแท้ ๆ ของตนก็ยังไม่ยอมรับแล้วรึ!

“เจ้าถูกซูฮ่วนนั่นทำจนฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ!

“วันนี้ ต่อหน้าบรรพบุรุษ เจ้าต้องแต่งตั้งเด็กคนนี้เป็นรัชทายาท และรับหลันเอ๋อร์กลับเข้าวัง!”

“ไม่เช่นนั้น ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปตามหาซูฮ่วนแน่ ภูเขาหิมะเทียนฉือนั่นยังถูกเรียกว่าภูเขาไม่หวนกลับ เจ้าเป็นฮ่องเต้ จะไปที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร!”

เหล่าท่านอ๋องพูดคล้อยตามอย่างเซ็งแซ่

“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”

“เสด็จพี่ เสด็จย่าพูดถูก ท่านจะไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านทำผิดแล้ว!”

ไทฮองไทเฮากวาดตามองเหล่าขุนนาง “พวกเจ้าคิดเช่นไร!”

เหล่าขุนนางต่างมองตากัน สุดท้ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

“ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”

ทุกสิ่งที่ฝ่าบาททรงทำในช่วงนี้ ทำให้พวกเขาราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ

แล้วเขายังจะไปภูเขาไม่หวนกลับนั่นอีก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แคว้นหนานฉีจะไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงหรอกหรือ!

ดังนั้นรีบแต่งตั้งรัชทาย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (37)
goodnovel comment avatar
Nichaphat
ใช่เลยค่ะ ทั้งเศร้า ทั้งซึ้งงง
goodnovel comment avatar
ภัทรีน จักขุทิพย์
นางเอกหายไปหลายตอนแล้ว วันนี้นางเอกมาเถอะ ลุ้นมาก
goodnovel comment avatar
Tukta Bks
จริงค่ะแอบคิดตั้งแต่ต้นๆ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1

    “แม่ทัพน้อย สารด่วนที่สุด! คุณหนูใหญ่ได้รับความอัปยศจนปลิดชีพตัวเอง นายหญิงต้องการให้ท่านกลับโดยเร็วที่สุด เพื่ออภิเษกสมรสแทนคุณหนูใหญ่!”ชายแดนแคว้นหนานฉี เกือกม้าย่ำผ่านลำธารที่เพิ่งละลาย หยดน้ำกระเซ็นซ่านเฟิ่งจิ่วเหยียนควบม้านำอยู่หน้าสุด นางสวมอาภรณ์เรียบง่ายแขนสอบสีดำ ใช้ปิ่นไม้อันเดียวรวบผมดำขลับ เส้นผมและชายชุดสะบัดพลิ้ว ในความองอาจเหนือคนนั้นแฝงไว้ซึ่งอารมณ์อันคุกรุ่นนางกับเฟิ่งเวยเฉียงน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน แต่เนื่องจากการมีฝาแฝดไม่เป็นมงคล นางจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างนอกมาตั้งแต่เล็กเวยเฉียงมีนิสัยอ่อนโยนอ่อนหวาน ไม่เคยผูกความแค้นกับใครนางไม่เข้าใจเลย ใครจะทำร้ายคนที่บริสุทธิ์ดีงามเช่นนั้นนางจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังเลาะกระดูก สับเป็นชิ้น ๆ ป้อนให้สุนัขกินเสีย!องครักษ์เห็นว่าจะตามไม่ทันความเร็วของนางแล้วจึงตะโกนว่า“แม่ทัพน้อย ตอนนี้ควบม้าตายไปสองตัวแล้ว ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม แวะพักก่อนดีหรือไม่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดแส้ม้า“ตามไม่ทันก็ไสหัวกลับค่ายทหาร! ย่าห์!”โง่เง่า! มีเวลามาพักผ่อนเสียที่ไหน!สิ่งที่นางแบกรับอยู่ตอนนี้คือหนึ่งร้อยกว่าชีวิตในตระกูลเฟิ่ง!องคร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 2

    เฟิ่งจิ่วเหยียนที่อยู่ในห้องหรี่ดวงเนตรงามลงเล็กน้อยวันนี้ไม่ว่าผลตรวจร่างกายเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฟิ่งทั้งสิ้นหวงกุ้ยเฟยจะต้องตัดสินว่าบุตรีตระกูลเฟิ่งไม่บริสุทธิ์เป็นแน่ จากนั้นก็ใช้เหตุนี้สร้างเรื่องตามมาถ้าคนที่มาสวมรอยแทนอย่างนางถูกตรวจร่างกายได้ผลว่ายังบริสุทธิ์ ถึงจะสามารถป้องกันแผนร้ายของหวงกุ้ยเฟย แต่ก็คงจะทำให้หวงกุ้ยเฟยนึกสงสัยขึ้นมาทันทีที่เรื่องสวมรอยแต่งงานมีพิรุธปรากฏ ถึงยามนั้นโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก็เพียงพอให้ตระกูลเฟิ่งประสบหายนะได้แล้ว!สายตาเฟิ่งจิ่วเหยียนมองตรงไปข้างหน้า ใช้มือที่จับทวนมาจนชินนั้นแต้มบุปผาตรงหว่างคิ้วของตนเองอย่างหนักแน่นสิ่งที่อาจารย์สั่งสอนนางมีเพียงหลักพิชัยสงครามและหลักการเป็นขุนนางอาจารย์หญิงเคยสอนหลักการครองเรือนให้นาง ในนั้นย่อมมีธรรมเนียมปฏิบัติในวังหลวงด้วยเช่นกัน ยามนั้นแม้นางได้เรียนรู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้งานเพราะปณิธานของนางอยู่ที่ใต้หล้า ไม่ต้องการถูกคุมขังไว้ในเรือน เป็นเพียงภรรยาตัวน้อยที่โอนอ่อนผ่อนตามสามีคิดไม่ถึงว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิตนอกห้องขันทีผู้นั้นเดินนำนางกำนัลจากในวังหลวงตรงมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 3

    ณ ตำหนักฉือหนิง ที่ประทับของไทเฮาไทเฮาได้ยินเรื่องที่จวนตระกูลเฟิ่งแล้วก็มีสีพระพักตร์แช่มชื่น กล่าวกับกุ้ยหมัวมัวที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายว่า“ตอนงานวันเกิดของข้าปีที่แล้ว เคยเห็นเฟิ่งเวยเฉียงผู้นั้น นิสัยนางอ่อนโยนเกินไป เวลานั้นข้าก็รู้สึกว่านางยากจะรั้งตำแหน่งฮองเฮาได้“เรื่องในวันนี้กลับแปลกใหม่นัก ถึงกับโต้แย้งคนของหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ต่อหน้าธารกำนัล“ข้าต้องมองนางใหม่เสียแล้ว”กุ้ยหมัวมัวเป็นคนเก่าคนแก่ข้างกายไทเฮา เข้าใจความซับซ้อนในวังอย่างลึกซึ้ง นางรินน้ำชาร้อนกรุ่นให้ไทเฮา“แต่ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อหวงกุ้ยเฟย แม้ฮองเฮาจะปราดเปรื่องกล้าหาญเพียงไหนก็ยากจะรับมือท่านที่อยู่ตำหนักหลิงเซียวผู้นั้นได้ คืนนี้ ยากจะรับประกันว่าหวงกุ้ยเฟยจะไม่ก่อเรื่องนะเพคะ”เห็นได้ชัดว่านางมีความเห็นแตกต่างจากไทเฮา ไม่คิดว่าฮองเฮาจะมีความสามารถถึงเพียงนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไทเฮาสลายไป“เจ้าพูดถูก ข้ายังจำได้ว่า วันที่ซิ่วหว่านเข้าวัง เดิมนั้นฝ่าบาทตั้งใจจะไปหานาง ผู้ใดจะคาดคิดว่าหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ผู้นั้นจะเข้ามาขัดขวาง เชิญฝ่าบาทไปหา“น่าสงสารก็แต่ซิ่วหว่านเด็กคนนั้น แม้แต่อาหญิงอย่างข้าก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 4

    ฮ่องเต้ทรราชจะเสด็จมา เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่บอกให้เหลียนซวงทำทรงผมกลับไปตามเดิม แต่มือของเหลียนซวงสั่นเทิ้ม คิดว่าคงเป็นเพราะหวาดกลัวฮ่องเต้ทรราชที่กำลังจะมาเยือนผู้นั้นนางมือสั่น ย่อมทำผิดพลาดอย่างไม่อาจเลี่ยงเมื่อถูกถอนผมเป็นเส้นที่สาม เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ทนไม่ไหว เอ่ยเสียงเย็นชาว่า“ถอยไป ข้าจัดการเอง” นางเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉม การฝึกฝนทำผมทรงต่าง ๆ ให้ได้อย่างคล่องแคล่วจึงเป็นสิ่งจำเป็นด้วยเหตุนี้ นางจัดแจงเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้ทรงผมกลับไปเหมือนตอนแรกได้แล้ว เหลียนซวงเห็นแล้วก็ตกตะลึงเหลือล้น“ฮองเฮา ท่านมีฝีมือยอดเยี่ยมนักเพคะ!”แต่ขณะที่ฝั่งพวกนางเตรียมความพร้อมต้อนรับฮ่องเต้ คนจากนอกตำหนักก็มารายงานอีกครั้งว่า“ฮองเฮา โรคปวดศีรษะของหวงกุ้ยเฟยกำเริบ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักหลิงเซียวแล้วเพคะ”เหลียนซวงเผยอปาก รู้สึกโมโหแต่ไม่กล้าพูดออกมาหวงกุ้ยเฟยจะต้องแกล้งป่วยเป็นแน่ โรคปวดศีรษะกำเริบขึ้นมาตอนนี้ จะเหมาะเจาะขนาดนี้ได้อย่างไรคงเห็นว่าฝ่าบาทเสด็จกลับวังมาแล้วจึงให้คนไปเชิญน่ะสิพอเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินคำว่าหวงกุ้ยเฟยก็คิดถึงเวยเฉียงน้องสาวเวยเฉียงถูกทำร้ายแสนสาหัสจนถึงแก่คว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 5

    กลับถึงห้องหอ หัวหน้าหมัวมัวที่ตอนแรกก้มหน้าก้มตาท่าทางเข้มงวดก็สั่งให้คนเตรียมน้ำมาปรนนิบัติฮองเฮาอาบน้ำนางเบียดเหลียนซวงออก เข้ามายิ้มกว้างให้เฟิ่งจิ่วเหยียน“ฮองเฮา หลายปีมานี้ นอกจากหวงกุ้ยเฟยแล้ว ฝ่าบาทยังไม่เคยโปรดปรานสนมคนอื่นมาก่อนเลยนะเพคะ ท่านนับเป็นคนแรก!”เหลียนซวงยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกไม่ใคร่พอใจหมัวมัวผู้นี้ตอนแรกยังไม่เห็นว่านางจะปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นปานนี้ ช่างเป็นพวกประจบผู้มีอำนาจเหยียบย่ำคนฐานะต่ำกว่าโดยแท้ในวังหลวงแห่งนี้ ฐานะของสตรีล้วนพึ่งพาความโปรดปรานของฮ่องเต้ดังคาด มิฉะนั้น ต่อให้สูงส่งเป็นฮองเฮาก็ยังถูกเมินเฉยไม่ได้รับการเหลียวแลหัวหน้าหมัวมัวพูดอะไรไปมากมาย เฟิ่งจิ่วเหยียนล้วนไม่ตอบนางสั่งความอย่างเย็นชา “ออกไปให้หมด ให้เหลียนซวงปรนนิบัติในตำหนักคนเดียวก็พอ”……หลังจากในตำหนักเงียบลงแล้ว เหลียนซวงก็ถามอย่างกังวลใจ“ฮองเฮา ฝ่าบาทเสด็จมาย่อมเป็นเรื่องดี“แต่ท่านทำเช่นนี้ จะมิเป็นการขัดแย้งกับหวงกุ้ยเฟยหรือเพคะ?“นายหญิงบอกให้พวกเราอยู่ในวังหลวงอย่างเงียบ ๆ อย่าสร้างศัตรู โดยเฉพาะหวงกุ้ยเฟย...”“ท่านแม่ก็สอนเวยเฉียงเช่นนี้หรือ” เฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 6

    เมื่อเหลียนซวงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเข้าไปในตำหนัก“ฮองเฮา เกิดอะไรขึ้นเพคะ...”เหลียนซวงพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังออกมาจากม่านอักษรมงคล [1] “ไสหัวไป”เป็นเสียงของบุรุษ!เหลียนซวงตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คิดจะตะโกนเรียกคนเข้ามาทันใดนั้นขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาขวางนางไว้อย่างรีบร้อน เสียงที่พยายามกดความโกรธเกรี้ยวเอาไว้กล่าวว่า“ไม่รู้จักเบิกตาดูซะบ้าง! นั่นคือฮ่องเต้!”เหลียนซวงตกตะลึงจนพูดไม่ออกฝ่ะ ฝ่ะ ฝ่า...ฝ่าบาท? ฮ่องเต้ทรราชผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาผู้นั้น?มืดค่ำถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดอยู่ ๆ พระองค์ถึงเสด็จมาเล่า!!ภายในม่านฝ่ามือใหญ่ของบุรุษกดไหล่ข้างหนึ่งของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งจับข้อมือข้างที่นางถือกริช โน้มร่างอยู่เหนือนาง ราวกับสิงโตที่กำลังโถมเข้าหาเหยื่อเดิมเฟิ่งจิ่วเหยียนสามารถลองสลัดให้หลุดได้ แต่เมื่อรู้สถานะของอีกฝ่ายนางจึงไม่ได้ลงมือในความมืดมิด นางไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดแต่รังสีฆ่าฟันบนร่างของเขาเข้มข้นยิ่ง“ฮองเฮา ไม่อธิบายซักหน่อยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มอันราบเรียบของบุรุษทำให้คนรู้สึกกลัวเกรงหากเป็นสต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 7

    คืนนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่านางต้องถูกเอาเปรียบซักครั้ง เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดการณ์เรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วที่จริงเมื่อเทียบกับโดนฮ่องเต้ทรราชนี่พรากคืนแรกไป ให้ทำเองยังนับว่าดีกว่ามากนักอย่างน้อยก็ไม่ต้องทนถูกคนกดไว้ข้างล่างเฟิ่งจิ่วเหยียนฉีกผ้าจากชายกระโปรงออกมาชิ้นหนึ่ง นำมาปูรองไว้เป็นผ้าพรหมจรรย์[1]หลังจากนั้นก็ใช้มือหนึ่งถลกกระโปรงขึ้นมา อีกข้างพลิกมือจับกริชนั้นถึงแม้นางตัดสินใจแล้วว่าจะทำ แต่ร่างกายยังคงต่อต้านโดยสัญชาตญาณนางปลอบใจตัวเอง คิดเสียว่าโดนแทงหนึ่งทีแล้วกันตั้งแต่เล็กจนโตนางบาดเจ็บมาน้อยหรือไร?จากนั้นนางก็เริ่มออกแรง...เพียงชั่วพริบตานั้นเองพละกำลังสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจับข้อมือนางเอาไว้แน่นเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเซียวอวี้แย่งกริชในมือนางไปอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก“ช่างเป็นสตรีที่โง่เสียจริง”เคร้ง!กริชถูกโยนออกไปนอกม่านเตียงอักษรมงคล“เจ้าจะบริสุทธิ์หรือไม่ เราไม่แยแสแม้แต่น้อย”“ในเมื่อเจ้ากล้าแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเป็นฮองเฮาให้ได้ เช่นนั้นก็อย่าแกล้งโง่ไปเลย”“ดังเช่นที่เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าเราอยู่ที่ตำหนักห

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 8

    เฟิ่งจิ่วเหยียนดูไม่เหมือนพระมเหสีที่ถูกพระสวามีทอดทิ้งอย่างเย็นชาแม้แต่น้อย นางสวมชุดอย่างฮองเฮา แลดูสูงศักดิ์ดั่งพญาหงส์ที่เดินดินนัยน์ตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่ง ม่านตาสีอ่อนเผยให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ที่มิอาจเอื้อมราวกับหยกผิวพรรณของนางหาได้ซีดขาวอมโรคเหมือนดังที่สตรีในเมืองหลวงนิยมกันไม่ แต่เป็นผิวที่อิ่มเอิบและเปล่งปลั่งดังกลีบกุหลาบรูปลักษณ์งดงามแฝงด้วยความสูงศักดิ์น่าเกรงขาม งามล้ำดั่งเทพธิดาในวังจันทราเหล่าผู้คนในวังหลังล้วนคุ้นเคยกับการเห็นสนมนางในที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับหรงเฟยดี พอวันนี้ได้พบกับความงามพิลาสล้ำของฮองเฮาก็ตาลุกวาวราวกับจะเปล่งแสงได้ไม่เสียทีที่เป็นหญิงงามผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง รูปโฉมงดงามล่มเมืองเช่นนี้ หาใช่ปุถุชนคนธรรมดาจะเทียบเคียงได้ตั้งแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าสู่ยุทธภพเพียงลำพัง นางก็ใช้ชีวิตแปลงโฉมหน้ามาโดยตลอดสำหรับนางแล้วหน้าตาที่งดงามคือภาระ โดยเฉพาะในค่ายทหารอาจารย์หญิงมักบอกว่าใบหน้างามนี้ของนางช่างเสียเปล่ายิ่งนัก วัน ๆ ล้วนแต่ถูกนางใช้อย่างส่งเดชเหลียนซวงที่เดินติดตามอยู่ด้านหลังฮองเฮาก็พลันรู้สึกมีหน้ามีตาไปด้วยเมื่อเดินจนถึง

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 722

    เมื่อเห็นมู่หรงหลันแม่ลูกถูกจับตัวไป ไทฮองไทเฮาก็พูดอย่างแข็งกร้าว“ฮ่องเต้! แม้แต่ลูกแท้ ๆ ของตนก็ยังไม่ยอมรับแล้วรึ!“เจ้าถูกซูฮ่วนนั่นทำจนฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ!“วันนี้ ต่อหน้าบรรพบุรุษ เจ้าต้องแต่งตั้งเด็กคนนี้เป็นรัชทายาท และรับหลันเอ๋อร์กลับเข้าวัง!”“ไม่เช่นนั้น ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปตามหาซูฮ่วนแน่ ภูเขาหิมะเทียนฉือนั่นยังถูกเรียกว่าภูเขาไม่หวนกลับ เจ้าเป็นฮ่องเต้ จะไปที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร!”เหล่าท่านอ๋องพูดคล้อยตามอย่างเซ็งแซ่“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”“เสด็จพี่ เสด็จย่าพูดถูก ท่านจะไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านทำผิดแล้ว!”ไทฮองไทเฮากวาดตามองเหล่าขุนนาง “พวกเจ้าคิดเช่นไร!”เหล่าขุนนางต่างมองตากัน สุดท้ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน“ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกสิ่งที่ฝ่าบาททรงทำในช่วงนี้ ทำให้พวกเขาราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆแล้วเขายังจะไปภูเขาไม่หวนกลับนั่นอีก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แคว้นหนานฉีจะไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงหรอกหรือ!ดังนั้นรีบแต่งตั้งรัชทาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 721

    ยามบ่ายณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ ไทฮองไทเฮานำเหล่าขุนนางและบุตรหลานเชื้อพระวงศ์มาถึงตามกำหนดการตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนที่ฮ่องเต้ไปตามหาคนที่ภูเขาเทียนฉือยังไม่เสด็จกลับมา มีท่านอ๋องจำนวนมากที่แอบมาถึงนอกเมืองหลวงโดยอ้างว่ามาคุ้มกันเมืองหลวงพวกเขาเคยเขียนจดหมายให้ไทฮองไทเฮาอย่างลับ ๆ ในจดหมายล้วนมีแต่เจตนาเอาอกเอาใจวันนี้พอไทฮองไทเฮาต้องการให้พวกเขามาปรึกษาเรื่องการเมืองด้วยกันที่วิหารบรรพบุรุษ ทั้งยังให้พวกเขาพาทหารส่วนตัวมาด้วย พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องในวันนี้ย่อมไม่ธรรมดา!เพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็มาถึงตามกำหนดการเซียวอวี้สวมชุดมังกรสีทองสว่างทั้งร่าง รวบผมด้วยกวานหยก จอนผมสีเงินเทาสองสามปอยด้านข้างเผยอยู่ด้านนอกอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำให้ดูเหมือนผ่านเรื่องราวมามากมาย ดูโดดเดี่ยวอย่างผู้ที่ยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งเหน็บหนาวอยู่หลายส่วน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาไม่มีสีสันที่เกินจำเป็น ไม่ว่าสายตานี้จะตกไปอยู่บนสิ่งใด ล้วนดำมืดไร้ชีวิตชีวาไทฮองไทเฮาไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วเมื่อได้พบก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจเพียงเพื่อซูฮ่วน พระเกศาของฮ่องเต้ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีขาวเลยหรือ!เขาชอบสตร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 720

    ข้างนอกกระท่อมมุงจาก ชายชราผมขาวกำลังเฝ้าดูไฟใต้เตาต้มยา เด็กจัดยาวิ่งออกมาจากข้างในห้อง พร้อมตะโกนด้วยความตื่นเต้น“อาจารย์ อาจารย์! มีพี่ชายคนหนึ่งขยับแล้ว! เขาจะตื่นแล้วใช่หรือไม่!”ผู้เฒ่าเอามือไพล่หลัง เดินหลังค่อมเข้าไปในห้อง หลังจากตรวจดู ก็ส่ายหัวถอนหายใจ“กระดูกทั้งร่างกายถูกแช่แข็ง คิดอยากตื่นขึ้นมา ยาก!”เด็กจัดยาตัวน้อยหน้ามุ่ย “งั้นจะทำอย่างไรดี! อาจารย์ ข้าจะไปเก็บยาเดี๋ยวนี้ เก็บยามากมายมาให้พวกเขา!……ภูเขาหิมะเทียนฉือหลังจากฮูหยินเมิ่งมาถึง กลับถูกองครักษ์ขวางไว้อยู่ข้างล่างสุดท้ายแล้วอู๋ไป๋มาหา พาพวกนางเข้าไป“ฮูหยิน พวกเราตามหามาตั้งนานแล้ว ก็หาแม่ทัพน้อยไม่เจอ” อู๋ไป๋ผอมเกินไปจนดูไม่เข้ารูป “เช่นนี่จะแสดงว่า แม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”เขาเงยหน้าขึ้นมามองฮูหยินเมิ่ง หวังอยากให้นางให้คำตอบกับตนเองฮูหยินเมิ่งมองขึ้นไปบนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสูงตระหง่าน สีหน้าเยือกเย็น“จิ่วเหยียนยังมีเรื่องค้างคาอีกมากมาย นางยังไม่ยอมตายหรอก”ความพากเพียรของเด็กคนนั้น คนธรรมดาไม่อาจคาดคิดได้ขอเพียงนางอยากมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้!ด้วยความเชื่อมั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 719

    เหล่าขุนนางยังไม่ทันไล่เรียงเรื่องให้เข้าใจ ในท้องพระโรงก็มีเสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นมาในทันใด“ฝ่าบาท ท่านพูดว่าลูกสาวของกระหม่อม นางเป็นอะไร ! !” นายท่านเฟิ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่า น้ำเสียงแหบแห้งเขาเพิ่งรู้ว่า เกิดเรื่องกับลูกสาวของเขา!ดวงตาเซียวอวี้มืดมน ราวกับปกคลุมไปด้วยหมอกหนา“นาง เป็นหรือตายยังไม่รู้”นายท่านเฟิ่งอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างฉับพลัน ระบายความโกรธอย่างเดือดดาลเขาลุกขึ้นยืน คว้าจับเพื่อนร่วมงานที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ฟาดตบหน้าอีกฝ่ายหลายที ฟาดตบไปด้วย ก่นด่าไปด้วย“เป็นเจ้า! เมื่อครู่เจ้าพูดว่าไม่ต้องช่วย! ข้าได้ยินหมดแล้ว! ไอ้เวร! ข้าจะฆ่าเจ้า! ทำไมไม่ช่วยลูกสาวของข้า! ห๊ะ? ทำไม!”“นางอายุสิบหกก็เข้าสู่สนามรบแล้ว! อายุสิบหกเอง! ลูกสาวของพวกเจ้าตอนอายุสิบหกกำลังทำอะไรอยู่! ห๊ะ?“ข้าจะฉีกปากของเจ้า!”ขุนนางบุ๋นที่ถูกตบยังคงมึนงงนี่ใต้เท้าเฟิ่ง บ้าไปแล้วหรือ!ขุนนางคนอื่นเห็นแล้ว ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ต้องอยู่ไกลห่างจากคนบ้าคนนั้นนายท่านเฟิ่งอดกลั้นมานานมากแล้วเขาเก็บความลับนั้นไว้ ไม่กล้าบอกกับใคร อัดอั้นใจอย่างมาก!นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 718

    หม่ากงกงทำความเคารพอย่างยิ้มแย้ม“แม่นาง นี่คือโอรสที่ท่านคลอดให้กับฝ่าบาทในปีนั้น!”แววตามู่หรงหลันมัวหมอง พร้อมย้อนถามเขา “ไม่ต้องพูดถึงในตอนนั้น ข้ารักษาเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้“หรือเจ้าไม่รู้ว่า ฝ่าบาทไม่เคยแตะต้องข้า?”หม่ากงกงพูดขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่น “ขอเพียงแม่นางมีโอรสคนหนึ่ง ถึงตอนนั้น เราบอกว่าเขาเป็นลูกของผู้ใด เขาก็จะเป็นลูกของผู้นั้น” แววตามู่หรงหลัน ไม่อ่อนโยนเหมือนอย่างที่ผ่านมา กลายเป็นเฉียบคม“พวกเจ้าคิดจะใช้เด็กคนนี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์?“ฝ่าบาทไม่มีทางยอมจำนนง่ายๆ !“เขารู้ดีแก่ใจ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา“เขาจะเลอะเลือนถึงขั้น ยกบัลลังก์ให้กับเด็กนอกคอกที่มาจากไหนก็ไม่รู้ได้อย่างไร!” หม่ากงกงเดินไปที่ข้างเตียง เอื้อมมือลูบใบหน้าของเด็กคนนั้นแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“เรื่องนี้ก็ต้องดูความสามารถของแม่นางแล้ว”……เมืองหลวงจวนตระกูลเฟิ่งนายท่านเฟิ่งหงุดหงิดมากก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสว่าจะแต่งตั้งฮองเฮา ทำไมจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร?เป็นถึงกษัตริย์แห่งแผ่นดิน คงไม่ได้พูดล้อเล่นกับเขามั้ง!เมื่อคิดอีกที หรือจิ่วเหยียนเปลี่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 717

    ดอกจื่อซวี่ที่เฟิ่งจิ่วเหยียนแลกมาด้วยชีวิต หลังจากองค์หญิงน้อยทานแล้ว ชีวิตพ้นขีดอันตรายชั่วขณะเซียวอวี้ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย มาเยี่ยมดูอาการขององค์หญิงน้อยเวลานี้นางมีพลังงานเต็มเปี่ยม นั่งอยู่บนเตียง จิบยาทีละน้อยรอยยิ้มของนางบริสุทธิ์อ่อนหวาน“เสด็จพี่ฮ่องเต้ ท่านเก่งมากเลย! พวกเขาล้วนพูดว่า ทานให้คนไปหายาวิเศษมาก รักษาอาการป่วยของข้าจนหายแล้ว ตอนนี้ข้าไม่เจ็บปวดเลยสักนิดแล้ว!”เฉินจี๋รู้สึกเย็นวาบที่สันหลังเขาอยากอุดปากองค์หญิงน้อยไว้จริงๆสิ่งที่ฝ่าบาทเสียใจที่สุดในตอนนี้ ก็คือให้ซูฮ่วนไปยังภูเขาเทียนฉือจู้กั๋วกงน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าฝ่าบาท“ฝ่าบาท บุญคุณยิ่งใหญ่ของท่าน กระหม่อมไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร! องครักษ์ที่นำดอกจื่อซวี่กลับมาคนนั้น กระหม่อมอยากเจอเขา แสดงความ...”“จู้กั๋วกง!” เฉินจี๋ทนไม่ไหวแล้ว เสี่ยงโทษการขัดต่อพระบัญชา ก็ต้องพูดขัดจังหวะสีหน้าเซียวอวี้ดั่งน้ำนิ่ง แววตาไร้ความรู้สึก ราวกับไม่มีคลื่นกระเพื่อมแม้แต่น้อยเขาเพียงมององค์หญิงน้อยอยู่อย่างเงียบๆองค์หญิงน้อยตาดี เห็นเส้นผมเสด็จพี่ฮ่องเต้มีเส้นสีเทาเงินอยู่บ้างเล็กน้อย ดูเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 716

    เมืองหลวง ภายในวังหลังจากที่หมอหลวงฝังเข็มใช้ยา เซียวอวี้ค่อยๆ ดีขึ้นมา ทว่าร่างกายยังอ่อนแอมาก ราวกับสูญเสียดวงวิญญาณ ไร้ซึ่งชีวิตชีวาคนฉลาดล้วนมองออก ครั้งนี้ฝ่าบาทป่วยอย่างสาหัสมากตำหนักฉือหนิงไทเฮาร้อนรุ่มดั่งไฟสุมทรวง“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หลายวันก่อนฝ่าบาทรีบร้อนออกจากวัง แล้วทำไมถึงกลายเป็นสภาพเช่นนี้?”ถามอะไรกุ้ยหมัวมัวก็ไม่รู้เรื่องสีหน้าหนิงเฟยเป็นกังวล “ท่านป้า ฝ่าบาทไม่มีโอรสสักคน หากเป็นอะไร...” “หุบปาก! พูดจาอะไรเหลวไหล!” ไทเฮาพูดตัดบททันทีหนิงเฟยกัดริมฝีปาก“ท่านป้า ท่านอย่าหาว่าข้าพูดจาไม่น่าฟัง ฝ่าบาทอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเราจำเป็นต้องวางแผนไว้แล้ว”“น้องหญิงพูดถูก” องค์หญิงใหญ่เดินเข้ามาจากข้างนอก คนยังมาไม่ถึง เสียงมาถึงก่อนแล้วไทเฮาราวกับหาเจอแกนสำคัญ สีหน้าที่ตึงเครียดค่อยผ่อนคลายลง“ฉีเอ๋อร์! เจ้ามาแล้วหรือ!”องค์หญิงใหญ่นั่งลง สีหน้าเคร่งขรึม“ส่วนหน้ามีข่าวลือแพร่สะพัด แต่ละฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวสั่นคลอน เสด็จแม่ เราจำเป็นต้องเตรียมการ จะให้ใครมาฆ่ามาแกงไม่ได้!”ไทเฮามององค์หญิงใหญ่ แล้วก็มองหนิงเฟย“พวกเจ้า...เฮ้อ! ฝ่าบาทเพียงเป็นไข้หวัด ไม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 715

    ไม่ทันรอให้รุ่ยอ๋องถูกพาตัวกลับเมืองหลวง เซียวอวี้หมดสติไปก่อนแล้วหมอบอกว่า ไข้หวัดลมหนาวของเขารุนแรงขึ้น จะต้องพักผ่อนดูแลให้ดีดังนั้น รุ่ยอ๋องตัดสินใจ ฉวยโอกาสตอนที่ฝ่าบาทไม่รู้สึกตัว พาตัวเขากลับวังหลวงอากาศบนภูเขาเทียนฉือหนาวเย็นมาก ไม่ควรอยู่นานฝ่าบาทไปแล้ว องครักษ์หลายร้อยคนยังอยู่เฉินจี๋สั่งการพวกเขา เมื่อพบศพของซูฮ่วน ให้รีบรายงานทันทีเขามั่นใจว่า หิมะถล่มเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่มีวรยุทธสูงส่งแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นอู๋ไป๋ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ ก็ก่นด่าขึ้นมาอย่างโกรธเคือง“ไอ้สารเลว! เฉินจี๋! ไสหัวเจ้าไป! นายท่านของข้าต้องยังไม่ตาย! !”เฉินจี๋รู้ว่าในใจอู๋ไป๋รู้สึกแย่ จึงไม่ถือสาทว่า ในฐานะที่เขาเป็นราชองครักษ์ จะต้องปกป้องฝ่าบาทเขาไม่สามารถจะทนเห็นฝ่าบาทเพื่อตามหาศพ จนตนเองต้องป่วยลุกไม่ขึ้นไม่ได้อีกต่อไปหลังจากมองกระโจมที่ถูกรื้อ ฝ่าบาทถูกพาตัวไป อู๋ไป๋คุกเข่าบนพื้นหิมะ มองดูภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างเหม่อลอย ในใจทุกข์ระทม“อ้าก...” เขาทุบกำปั้นลงไป ฝังหัวเข้าไปในหิมะและปล่อยเสียงคำรามต่ำ“ตามหาคนต่อไป” ข้างหน้ามีเสียงทุ้มต่ำของหยิ่นลิ่วดังขึ้นมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 714

    ภูเขาหิมะเทียนฉือถูกปิดล้อมหนึ่งเดือน ตามคำร่ำลือ ทหารรักษาพระองค์ของฝ่าบาทถูกซุ่มโจมตี ไร้ผู้รอดชีวิต ฝ่าบาทเสด็จด้วยพระองค์เอง ตามหากระดูกผู้ภักดี เรียกดวงวิญญาณผู้ภักดีพริบตาเดียวก็ปลายเดือนสิบเอ็ดแล้วหิมะบนภูเขาเทียนฉือยิ่งหนาขึ้นแผ่นดินจะขาดผู้ปกครองไม่ได้สักวันวันนี้ รุ่ยอ๋องมาตามหา เฉินจี๋เห็นรุ่ยอ๋อง ก็พูดขึ้นมา “ท่านอ๋อง ขอท่านทรงกล่อมฝ่าบาทด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”รุ่ยอ๋องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หากคนที่ตายเป็นเพียงองครักษ์เหล่านั้น ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะไม่ทันได้มอบหมายอะไรเลย ก็ละทิ้งงานราชกิจของแผ่นดินเสียไปแบบนี้เมื่อถามเฉินจี๋ ค่อยรู้ว่า...ซูฮ่วนตายแล้วซูฮ่วนคนนั้นอีกแล้ว...รุ่ยอ๋องมองไปบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ความเศร้าโศกปรากฏชัดในแววตาอันอ่อนโยนเขาถามเฉินจี๋“ฝ่าบาท รักซูฮ่วนใช่หรือไม่?”รุ่ยอ๋องกับฝ่าบาทมีมิตรภาพอันลึกซึ้ง เฉินจี๋ครุ่นคิดดูแล้ว ก็เล่าความจริงให้ฟัง“ท่านอ๋อง ซูฮ่วนเป็นสตรี ฝ่าบาทเตรียมที่จะแต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮา นางมายังภูเขาหิมะเทียนฉือ เพื่อหาดอกจื่อซวี่ให้กับองค์หญิงน้อย”คำพูดไม่กี่ประโยคง่ายๆ ทำให้รุ่ยอ๋องตกตะลึงอย่างมาก

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status