อู๋ไป๋พุ่งออกไป กอดขาเซียวอวี้ไว้“ฝ่าบาท แม่ทัพน้อยไม่เป็นไร นางจะไม่เป็นไร ใช่หรือไม่!”เขาเข้าใจแล้ว!แม่ทัพน้อยรู้ หากนางมีอันตราย เขาต้องไม่ไปไหน เพื่อให้เขารีบไปอย่างรวดเร็ว นางสร้างเรื่องหลอกลวงว่าป้ายหยกมีความลับ ภารกิจสำคัญที่สุดของทหาร นั่นคือความเชื่อฟังกับความรับผิดชอบที่ฝังลึกถึงในกระดูกของเขาแม่ทัพน้อยใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ทำให้เขาได้หนีเอาตัวรอด...เขากลับ เพิ่งคิดได้ในตอนนี้!เซียวอวี้เตะเขาอย่างไร้ความปรานี เดินออกไปนอกตำหนัก สีหน้าเยือกเย็นยิ่งกว่าฤดูหนาว เต็มไปด้วยไอสังหาร“นางต้องมีชีวิตอยู่ แน่นอน”นางยังไม่ได้แต่งงานกับเขา ยังตายไม่ได้!เขาจะต้องตามหานางให้เจอ!……คุกหลวงมู่หรงหลันนั่งอยู่บนหญ้าแห้งบนพื้น สวมชุดนักโทษ ไม่มีท่าทีสูงศักดิ์เหมือนที่ผ่านมาหม่ากงกงมาที่นี่ เพื่อบอกกับนาง“แม่นาง แผนการของท่านสำเร็จแล้ว“หิมะบนภูเขาหิมะเทียนฉือถล่ม ซูฮ่วน ตายแล้ว”มู่หรงหลันได้ยินเช่นนี้ ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวา เป็นประกายมีสีสันขึ้นมาทันที“ตายแล้วจริงๆ หรือ?”หม่ากงกงผงกศีรษะอย่างมั่นใจ“นั่นคือหิมะถล่ม ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตมาได้ เวลานี้ฝ่าบาทออกจาก
ภูเขาหิมะเทียนฉือถูกปิดล้อมหนึ่งเดือน ตามคำร่ำลือ ทหารรักษาพระองค์ของฝ่าบาทถูกซุ่มโจมตี ไร้ผู้รอดชีวิต ฝ่าบาทเสด็จด้วยพระองค์เอง ตามหากระดูกผู้ภักดี เรียกดวงวิญญาณผู้ภักดีพริบตาเดียวก็ปลายเดือนสิบเอ็ดแล้วหิมะบนภูเขาเทียนฉือยิ่งหนาขึ้นแผ่นดินจะขาดผู้ปกครองไม่ได้สักวันวันนี้ รุ่ยอ๋องมาตามหา เฉินจี๋เห็นรุ่ยอ๋อง ก็พูดขึ้นมา “ท่านอ๋อง ขอท่านทรงกล่อมฝ่าบาทด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”รุ่ยอ๋องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หากคนที่ตายเป็นเพียงองครักษ์เหล่านั้น ไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะไม่ทันได้มอบหมายอะไรเลย ก็ละทิ้งงานราชกิจของแผ่นดินเสียไปแบบนี้เมื่อถามเฉินจี๋ ค่อยรู้ว่า...ซูฮ่วนตายแล้วซูฮ่วนคนนั้นอีกแล้ว...รุ่ยอ๋องมองไปบนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ความเศร้าโศกปรากฏชัดในแววตาอันอ่อนโยนเขาถามเฉินจี๋“ฝ่าบาท รักซูฮ่วนใช่หรือไม่?”รุ่ยอ๋องกับฝ่าบาทมีมิตรภาพอันลึกซึ้ง เฉินจี๋ครุ่นคิดดูแล้ว ก็เล่าความจริงให้ฟัง“ท่านอ๋อง ซูฮ่วนเป็นสตรี ฝ่าบาทเตรียมที่จะแต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮา นางมายังภูเขาหิมะเทียนฉือ เพื่อหาดอกจื่อซวี่ให้กับองค์หญิงน้อย”คำพูดไม่กี่ประโยคง่ายๆ ทำให้รุ่ยอ๋องตกตะลึงอย่างมาก
ไม่ทันรอให้รุ่ยอ๋องถูกพาตัวกลับเมืองหลวง เซียวอวี้หมดสติไปก่อนแล้วหมอบอกว่า ไข้หวัดลมหนาวของเขารุนแรงขึ้น จะต้องพักผ่อนดูแลให้ดีดังนั้น รุ่ยอ๋องตัดสินใจ ฉวยโอกาสตอนที่ฝ่าบาทไม่รู้สึกตัว พาตัวเขากลับวังหลวงอากาศบนภูเขาเทียนฉือหนาวเย็นมาก ไม่ควรอยู่นานฝ่าบาทไปแล้ว องครักษ์หลายร้อยคนยังอยู่เฉินจี๋สั่งการพวกเขา เมื่อพบศพของซูฮ่วน ให้รีบรายงานทันทีเขามั่นใจว่า หิมะถล่มเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่มีวรยุทธสูงส่งแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นอู๋ไป๋ที่อยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดนี้ ก็ก่นด่าขึ้นมาอย่างโกรธเคือง“ไอ้สารเลว! เฉินจี๋! ไสหัวเจ้าไป! นายท่านของข้าต้องยังไม่ตาย! !”เฉินจี๋รู้ว่าในใจอู๋ไป๋รู้สึกแย่ จึงไม่ถือสาทว่า ในฐานะที่เขาเป็นราชองครักษ์ จะต้องปกป้องฝ่าบาทเขาไม่สามารถจะทนเห็นฝ่าบาทเพื่อตามหาศพ จนตนเองต้องป่วยลุกไม่ขึ้นไม่ได้อีกต่อไปหลังจากมองกระโจมที่ถูกรื้อ ฝ่าบาทถูกพาตัวไป อู๋ไป๋คุกเข่าบนพื้นหิมะ มองดูภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอย่างเหม่อลอย ในใจทุกข์ระทม“อ้าก...” เขาทุบกำปั้นลงไป ฝังหัวเข้าไปในหิมะและปล่อยเสียงคำรามต่ำ“ตามหาคนต่อไป” ข้างหน้ามีเสียงทุ้มต่ำของหยิ่นลิ่วดังขึ้นมา
เมืองหลวง ภายในวังหลังจากที่หมอหลวงฝังเข็มใช้ยา เซียวอวี้ค่อยๆ ดีขึ้นมา ทว่าร่างกายยังอ่อนแอมาก ราวกับสูญเสียดวงวิญญาณ ไร้ซึ่งชีวิตชีวาคนฉลาดล้วนมองออก ครั้งนี้ฝ่าบาทป่วยอย่างสาหัสมากตำหนักฉือหนิงไทเฮาร้อนรุ่มดั่งไฟสุมทรวง“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! หลายวันก่อนฝ่าบาทรีบร้อนออกจากวัง แล้วทำไมถึงกลายเป็นสภาพเช่นนี้?”ถามอะไรกุ้ยหมัวมัวก็ไม่รู้เรื่องสีหน้าหนิงเฟยเป็นกังวล “ท่านป้า ฝ่าบาทไม่มีโอรสสักคน หากเป็นอะไร...” “หุบปาก! พูดจาอะไรเหลวไหล!” ไทเฮาพูดตัดบททันทีหนิงเฟยกัดริมฝีปาก“ท่านป้า ท่านอย่าหาว่าข้าพูดจาไม่น่าฟัง ฝ่าบาทอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเราจำเป็นต้องวางแผนไว้แล้ว”“น้องหญิงพูดถูก” องค์หญิงใหญ่เดินเข้ามาจากข้างนอก คนยังมาไม่ถึง เสียงมาถึงก่อนแล้วไทเฮาราวกับหาเจอแกนสำคัญ สีหน้าที่ตึงเครียดค่อยผ่อนคลายลง“ฉีเอ๋อร์! เจ้ามาแล้วหรือ!”องค์หญิงใหญ่นั่งลง สีหน้าเคร่งขรึม“ส่วนหน้ามีข่าวลือแพร่สะพัด แต่ละฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวสั่นคลอน เสด็จแม่ เราจำเป็นต้องเตรียมการ จะให้ใครมาฆ่ามาแกงไม่ได้!”ไทเฮามององค์หญิงใหญ่ แล้วก็มองหนิงเฟย“พวกเจ้า...เฮ้อ! ฝ่าบาทเพียงเป็นไข้หวัด ไม
ดอกจื่อซวี่ที่เฟิ่งจิ่วเหยียนแลกมาด้วยชีวิต หลังจากองค์หญิงน้อยทานแล้ว ชีวิตพ้นขีดอันตรายชั่วขณะเซียวอวี้ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเรียบเฉย มาเยี่ยมดูอาการขององค์หญิงน้อยเวลานี้นางมีพลังงานเต็มเปี่ยม นั่งอยู่บนเตียง จิบยาทีละน้อยรอยยิ้มของนางบริสุทธิ์อ่อนหวาน“เสด็จพี่ฮ่องเต้ ท่านเก่งมากเลย! พวกเขาล้วนพูดว่า ทานให้คนไปหายาวิเศษมาก รักษาอาการป่วยของข้าจนหายแล้ว ตอนนี้ข้าไม่เจ็บปวดเลยสักนิดแล้ว!”เฉินจี๋รู้สึกเย็นวาบที่สันหลังเขาอยากอุดปากองค์หญิงน้อยไว้จริงๆสิ่งที่ฝ่าบาทเสียใจที่สุดในตอนนี้ ก็คือให้ซูฮ่วนไปยังภูเขาเทียนฉือจู้กั๋วกงน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าฝ่าบาท“ฝ่าบาท บุญคุณยิ่งใหญ่ของท่าน กระหม่อมไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร! องครักษ์ที่นำดอกจื่อซวี่กลับมาคนนั้น กระหม่อมอยากเจอเขา แสดงความ...”“จู้กั๋วกง!” เฉินจี๋ทนไม่ไหวแล้ว เสี่ยงโทษการขัดต่อพระบัญชา ก็ต้องพูดขัดจังหวะสีหน้าเซียวอวี้ดั่งน้ำนิ่ง แววตาไร้ความรู้สึก ราวกับไม่มีคลื่นกระเพื่อมแม้แต่น้อยเขาเพียงมององค์หญิงน้อยอยู่อย่างเงียบๆองค์หญิงน้อยตาดี เห็นเส้นผมเสด็จพี่ฮ่องเต้มีเส้นสีเทาเงินอยู่บ้างเล็กน้อย ดูเ
หม่ากงกงทำความเคารพอย่างยิ้มแย้ม“แม่นาง นี่คือโอรสที่ท่านคลอดให้กับฝ่าบาทในปีนั้น!”แววตามู่หรงหลันมัวหมอง พร้อมย้อนถามเขา “ไม่ต้องพูดถึงในตอนนั้น ข้ารักษาเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้“หรือเจ้าไม่รู้ว่า ฝ่าบาทไม่เคยแตะต้องข้า?”หม่ากงกงพูดขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่น “ขอเพียงแม่นางมีโอรสคนหนึ่ง ถึงตอนนั้น เราบอกว่าเขาเป็นลูกของผู้ใด เขาก็จะเป็นลูกของผู้นั้น” แววตามู่หรงหลัน ไม่อ่อนโยนเหมือนอย่างที่ผ่านมา กลายเป็นเฉียบคม“พวกเจ้าคิดจะใช้เด็กคนนี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์?“ฝ่าบาทไม่มีทางยอมจำนนง่ายๆ !“เขารู้ดีแก่ใจ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา“เขาจะเลอะเลือนถึงขั้น ยกบัลลังก์ให้กับเด็กนอกคอกที่มาจากไหนก็ไม่รู้ได้อย่างไร!” หม่ากงกงเดินไปที่ข้างเตียง เอื้อมมือลูบใบหน้าของเด็กคนนั้นแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“เรื่องนี้ก็ต้องดูความสามารถของแม่นางแล้ว”……เมืองหลวงจวนตระกูลเฟิ่งนายท่านเฟิ่งหงุดหงิดมากก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสว่าจะแต่งตั้งฮองเฮา ทำไมจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร?เป็นถึงกษัตริย์แห่งแผ่นดิน คงไม่ได้พูดล้อเล่นกับเขามั้ง!เมื่อคิดอีกที หรือจิ่วเหยียนเปลี่
เหล่าขุนนางยังไม่ทันไล่เรียงเรื่องให้เข้าใจ ในท้องพระโรงก็มีเสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นมาในทันใด“ฝ่าบาท ท่านพูดว่าลูกสาวของกระหม่อม นางเป็นอะไร ! !” นายท่านเฟิ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่า น้ำเสียงแหบแห้งเขาเพิ่งรู้ว่า เกิดเรื่องกับลูกสาวของเขา!ดวงตาเซียวอวี้มืดมน ราวกับปกคลุมไปด้วยหมอกหนา“นาง เป็นหรือตายยังไม่รู้”นายท่านเฟิ่งอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างฉับพลัน ระบายความโกรธอย่างเดือดดาลเขาลุกขึ้นยืน คว้าจับเพื่อนร่วมงานที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ฟาดตบหน้าอีกฝ่ายหลายที ฟาดตบไปด้วย ก่นด่าไปด้วย“เป็นเจ้า! เมื่อครู่เจ้าพูดว่าไม่ต้องช่วย! ข้าได้ยินหมดแล้ว! ไอ้เวร! ข้าจะฆ่าเจ้า! ทำไมไม่ช่วยลูกสาวของข้า! ห๊ะ? ทำไม!”“นางอายุสิบหกก็เข้าสู่สนามรบแล้ว! อายุสิบหกเอง! ลูกสาวของพวกเจ้าตอนอายุสิบหกกำลังทำอะไรอยู่! ห๊ะ?“ข้าจะฉีกปากของเจ้า!”ขุนนางบุ๋นที่ถูกตบยังคงมึนงงนี่ใต้เท้าเฟิ่ง บ้าไปแล้วหรือ!ขุนนางคนอื่นเห็นแล้ว ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ต้องอยู่ไกลห่างจากคนบ้าคนนั้นนายท่านเฟิ่งอดกลั้นมานานมากแล้วเขาเก็บความลับนั้นไว้ ไม่กล้าบอกกับใคร อัดอั้นใจอย่างมาก!นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา
ข้างนอกกระท่อมมุงจาก ชายชราผมขาวกำลังเฝ้าดูไฟใต้เตาต้มยา เด็กจัดยาวิ่งออกมาจากข้างในห้อง พร้อมตะโกนด้วยความตื่นเต้น“อาจารย์ อาจารย์! มีพี่ชายคนหนึ่งขยับแล้ว! เขาจะตื่นแล้วใช่หรือไม่!”ผู้เฒ่าเอามือไพล่หลัง เดินหลังค่อมเข้าไปในห้อง หลังจากตรวจดู ก็ส่ายหัวถอนหายใจ“กระดูกทั้งร่างกายถูกแช่แข็ง คิดอยากตื่นขึ้นมา ยาก!”เด็กจัดยาตัวน้อยหน้ามุ่ย “งั้นจะทำอย่างไรดี! อาจารย์ ข้าจะไปเก็บยาเดี๋ยวนี้ เก็บยามากมายมาให้พวกเขา!……ภูเขาหิมะเทียนฉือหลังจากฮูหยินเมิ่งมาถึง กลับถูกองครักษ์ขวางไว้อยู่ข้างล่างสุดท้ายแล้วอู๋ไป๋มาหา พาพวกนางเข้าไป“ฮูหยิน พวกเราตามหามาตั้งนานแล้ว ก็หาแม่ทัพน้อยไม่เจอ” อู๋ไป๋ผอมเกินไปจนดูไม่เข้ารูป “เช่นนี่จะแสดงว่า แม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”เขาเงยหน้าขึ้นมามองฮูหยินเมิ่ง หวังอยากให้นางให้คำตอบกับตนเองฮูหยินเมิ่งมองขึ้นไปบนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสูงตระหง่าน สีหน้าเยือกเย็น“จิ่วเหยียนยังมีเรื่องค้างคาอีกมากมาย นางยังไม่ยอมตายหรอก”ความพากเพียรของเด็กคนนั้น คนธรรมดาไม่อาจคาดคิดได้ขอเพียงนางอยากมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้!ด้วยความเชื่อมั
แม้นจะบอกว่าช้าแต่กลับเร็วกว่าที่คิด หม่ากงกงถีบระเบิดสายฟ้าจนปลิว ไม่ให้องครักษ์จุดมันเขาอ้าปากตะคอก“ไสหัวเข้าไปในวิหารบรรพบุรุษให้หมด!! อยากตาย มันไม่ง่ายขนาดนั้น!”พวกเขาบ้าไปแล้ว!ทุกคน แม้แต่ฮ่องเต้ ต่างถูกขังไว้ในวิหารบรรพบุรุษไทฮองไทเฮาและเหล่าสตรีในวังหลังถูกขังไว้ด้วยกันสีหน้าของผู้อาวุโสเช่นนางไม่ค่อยดีนัก รู้สึกคิดผิดและรู้สึกโทษตัวเองที่เผลอไปเชื่อมู่หรงหลัน“ข้าไม่คิดเลยว่า หลันเอ๋อร์จะร่วมมือกับกลุ่มกบฏพวกนั้น…”นางเอาแต่พร่ำบ่น แต่กลับไม่ฟังคำพูดเข้าอกเข้าใจของคนอื่น จนทำให้หนิงเฟยหงุดหงิดหนิงเฟยทนไม่ไหว จึงดุด่านางไป“ยายแก่น่ารำคาญ! พอได้แล้ว!”“จะแสร้งทำเป็นไม่มีความผิดไปทำไม! หากไม่ใช่เพราะท่านช่วยเหลือพวกเผด็จการ พวกเราจะตกอยู่ในสถานการณ์นี้หรือ? ท่านป่วยมาตั้งนาน ทำไมไม่ตาย ๆ ไปซะ!”ไทฮองไทเฮาไม่อยากจะเชื่อ หนิงเฟยที่เคยเคารพนางในยามปกติ จะกล้าตะคอกใส่นางเช่นนี้“เจ้า…บังอาจ!”ไทเฮาโอบไหล่ของหนิงเฟย ปกป้องนางไว้ในอ้อมกอด “ไทฮองไทเฮา หนิงเฟยคงตกใจกลัว ถึงได้หลุดวาจาไม่สุภาพ…”“ฮือ ๆ…” ในมุมหนึ่งมีนางสนมร้องไห้สะอึกสะอื้น “ข้าอยากกลับบ้าน หากรู้เ
ณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ที่โอ่อ่าน่าเกรงขาม บัดดนี้กลับถูกคนชั่วยึดครอง“ปล่อยข้า...อย่านะ! อย่ามาแตะต้องข้า!” สนมนางนั้นถูกกดลงบนพื้น ดิ้นรนเสียงดังโครมครามยิ่งนางร้องไห้ตะโกนดังเท่าไหร่ พวกชั่วก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเท่านั้นภายในกรง องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว“อย่าแตะต้องนาง! มาที่ข้านี่! ข้าคือองค์หญิงใหญ่!”นางคิด หากแม่ทัพน้อยเมิ่งอยู่ล่ะก็ จะต้องยอมสละตนเพื่อช่วยคนเป็นแน่สตรีเหล่านี้ล้วนถูกฮ่องเต้ทอดทิ้งก็น่าสงสารอยู่แล้ว ยามนี้ยังต้องถูกทำให้อับอายเช่นนี้ ช่างน่าโมโหนัก!ไทเฮาร้อนใจยิ่ง รีบปิดปากองค์หญิงใหญ่ข้างหนึ่งนางโอบองค์หญิงใหญ่ อีกข้างหนึ่งโอบหนิงเฟย ราวกับแม่ไก่ที่ปกป้องลูก ไม่ให้คนชั่วช้ามาทำร้ายพวกนางได้แม้แต่น้อยหม่ากงกงยิ้มเย็นพลางตอบ“นำตัวองค์หญิงใหญ่ผู้นั้นออกมาด้วย!”นางเป็นถึงพี่สาวแท้ ๆ ของฮ่องเต้ใจของไทเฮาส่งเสียงดังกึกไม่ได้!ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายลูกสาวของนางทั้งนั้น!!นางเตรียมใจที่จะสู้สุดชีวิต ยามนี้เอง กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น“ต่อให้เจ้าฆ่าพวกนางจนหมด เราก็ไม่สนใจ”ปฏิกิริยาของเซียวอวี้เย็นชาจนผิดปกติเข
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ทุกคนที่เดิมก็ตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยามนี้ก็ยิ่งโกลาหลขึ้นไปอีกมีเพียงเซียวอวี้เท่านั้นที่ยังคงสงบนิ่งไม่ตื่นตูม ในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ ย่อมต้องมีท่าทางไม่สะทกสะท้อนแม้ไท่ซานจะถล่มลงต่อหน้าเขาพูดเสียงทุ้มหนัก“วางยาเซียวหย่า ด้านหนึ่งอาศัยโอกาสนี้กำจัดซูฮ่วน อีกด้านหนึ่งให้จู้กั๋วกงออกจากเมืองเซวียน ทำให้เมืองเซวียนไร้ผู้นำ พรรคเทียนหลง นี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”หม่ากงกงหัวเราะอย่างสดใส“ฝ่าบาทหัวไวกว่าผู้อื่นนัก“น่าเสียดาย! ยามนี้ท่านเพิ่งจะเข้าใจ สายเกินไปแล้ว!”แววตาของเขาเย็นชา“กองทัพใหญ่แคว้นเป่ยเยี่ยนจะบุกโจมตีแคว้นหนานฉีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความคิดเพียงชั่ววูบของท่านแล้ว เพียงท่านรีบแต่งตั้งรัชทายาทและสละราชบัลลังก์ ข้าก็จะส่งสัญญาณออกไป เมื่อกองทัพเป่ยเยี่ยนเห็นก็จะถอยทัพ ไม่เช่นนั้นราษฎรย่อมเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า!”“เพราะการสูญเสียของเมืองเซวียน แคว้นหนานฉีในยามนี้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน! กองทัพใหญ่ของทางเหนือและตะวันตกไม่อาจมาเป็นกำลังหนุนให้ได้ กองทัพเยี่ยนสามารถเข้ามาถึงใจกลางแคว้นโดยตรงได้ ย่อมทำได้แม้กระทั่งการบุกยึดเ
ที่อยู่ด้านนอกวิหารบรรพบุรุษล้วนเป็นทหารส่วนพระองค์ของไทฮองไทเฮาคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่อดีตฮ่องเต้เหลือเอาไว้ให้นางนางเองก็นึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้ใช้พวกเขามาบีบบังคับฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ไร้น้ำใจไร้เหตุผลก่อน ช่างทำให้นางผิดหวังเกินไปแล้ว!ใบหน้าที่แก่ชราของไทฮองไทเฮาเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ฮ่องเต้ หากวันนี้เจ้าไม่แต่งตั้งรัชทายาท ข้าก็จะไม่อนุญาตให้เจ้าไป!”นางหันกลับมาพูดกับเหล่าท่านอ๋องอีก“พวกเจ้าต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับข้า! ข้าทำเพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อแผ่นดินของแคว้นหนานฉี!”ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าพฤติกรรมของฝ่าบาทช่างเหลวไหลนัก ควรจะบังคับเขาเสียหน่อยแล้ว“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ไทฮองไทเฮาพูดไม่ผิด! ฝ่าบาท แต่งตั้งรัชทายาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”มู่หรงหลันจูงมือเด็กคนนั้น เดินไปด้านหน้าเซียวอวี้อย่างไม่กลัวตายนางเดินไปพูดไป“ฝ่าบาท ไทฮองไทเฮาทรงทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อท่านนะเพคะ“หากท่านยืนกรานจะไปภูเขาไม่หวนกลับให้ได้ แล้วจะให้ท่านผู้เฒ่าวางใจได้อย่างไรกัน?“ขอเพียงท่านแต่งตั้งลูกของพวกเราเป็นรัชทายาท ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องข้างหลังแล้ว“ฝ่าบาท...”หลังจากเข้าใกล้
เมื่อเห็นมู่หรงหลันแม่ลูกถูกจับตัวไป ไทฮองไทเฮาก็พูดอย่างแข็งกร้าว“ฮ่องเต้! แม้แต่ลูกแท้ ๆ ของตนก็ยังไม่ยอมรับแล้วรึ!“เจ้าถูกซูฮ่วนนั่นทำจนฟั่นเฟือนไปแล้วจริง ๆ!“วันนี้ ต่อหน้าบรรพบุรุษ เจ้าต้องแต่งตั้งเด็กคนนี้เป็นรัชทายาท และรับหลันเอ๋อร์กลับเข้าวัง!”“ไม่เช่นนั้น ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าไปตามหาซูฮ่วนแน่ ภูเขาหิมะเทียนฉือนั่นยังถูกเรียกว่าภูเขาไม่หวนกลับ เจ้าเป็นฮ่องเต้ จะไปที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไร!”เหล่าท่านอ๋องพูดคล้อยตามอย่างเซ็งแซ่“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นด้วยกับไทฮองไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”“เสด็จพี่ เสด็จย่าพูดถูก ท่านจะไม่ยอมรับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท เรื่องนี้ท่านทำผิดแล้ว!”ไทฮองไทเฮากวาดตามองเหล่าขุนนาง “พวกเจ้าคิดเช่นไร!”เหล่าขุนนางต่างมองตากัน สุดท้ายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน“ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกสิ่งที่ฝ่าบาททรงทำในช่วงนี้ ทำให้พวกเขาราวกับกำลังเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆแล้วเขายังจะไปภูเขาไม่หวนกลับนั่นอีก หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แคว้นหนานฉีจะไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงหรอกหรือ!ดังนั้นรีบแต่งตั้งรัชทาย
ยามบ่ายณ วิหารบรรพบุรุษของราชวงศ์ ไทฮองไทเฮานำเหล่าขุนนางและบุตรหลานเชื้อพระวงศ์มาถึงตามกำหนดการตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนที่ฮ่องเต้ไปตามหาคนที่ภูเขาเทียนฉือยังไม่เสด็จกลับมา มีท่านอ๋องจำนวนมากที่แอบมาถึงนอกเมืองหลวงโดยอ้างว่ามาคุ้มกันเมืองหลวงพวกเขาเคยเขียนจดหมายให้ไทฮองไทเฮาอย่างลับ ๆ ในจดหมายล้วนมีแต่เจตนาเอาอกเอาใจวันนี้พอไทฮองไทเฮาต้องการให้พวกเขามาปรึกษาเรื่องการเมืองด้วยกันที่วิหารบรรพบุรุษ ทั้งยังให้พวกเขาพาทหารส่วนตัวมาด้วย พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเรื่องในวันนี้ย่อมไม่ธรรมดา!เพียงไม่นาน ฮ่องเต้ก็มาถึงตามกำหนดการเซียวอวี้สวมชุดมังกรสีทองสว่างทั้งร่าง รวบผมด้วยกวานหยก จอนผมสีเงินเทาสองสามปอยด้านข้างเผยอยู่ด้านนอกอย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำให้ดูเหมือนผ่านเรื่องราวมามากมาย ดูโดดเดี่ยวอย่างผู้ที่ยิ่งอยู่สูง ก็ยิ่งเหน็บหนาวอยู่หลายส่วน ดวงตาทั้งสองข้างของเขาไม่มีสีสันที่เกินจำเป็น ไม่ว่าสายตานี้จะตกไปอยู่บนสิ่งใด ล้วนดำมืดไร้ชีวิตชีวาไทฮองไทเฮาไม่ได้เจอเขามานานมากแล้วเมื่อได้พบก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจเพียงเพื่อซูฮ่วน พระเกศาของฮ่องเต้ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีขาวเลยหรือ!เขาชอบสตร
ข้างนอกกระท่อมมุงจาก ชายชราผมขาวกำลังเฝ้าดูไฟใต้เตาต้มยา เด็กจัดยาวิ่งออกมาจากข้างในห้อง พร้อมตะโกนด้วยความตื่นเต้น“อาจารย์ อาจารย์! มีพี่ชายคนหนึ่งขยับแล้ว! เขาจะตื่นแล้วใช่หรือไม่!”ผู้เฒ่าเอามือไพล่หลัง เดินหลังค่อมเข้าไปในห้อง หลังจากตรวจดู ก็ส่ายหัวถอนหายใจ“กระดูกทั้งร่างกายถูกแช่แข็ง คิดอยากตื่นขึ้นมา ยาก!”เด็กจัดยาตัวน้อยหน้ามุ่ย “งั้นจะทำอย่างไรดี! อาจารย์ ข้าจะไปเก็บยาเดี๋ยวนี้ เก็บยามากมายมาให้พวกเขา!……ภูเขาหิมะเทียนฉือหลังจากฮูหยินเมิ่งมาถึง กลับถูกองครักษ์ขวางไว้อยู่ข้างล่างสุดท้ายแล้วอู๋ไป๋มาหา พาพวกนางเข้าไป“ฮูหยิน พวกเราตามหามาตั้งนานแล้ว ก็หาแม่ทัพน้อยไม่เจอ” อู๋ไป๋ผอมเกินไปจนดูไม่เข้ารูป “เช่นนี่จะแสดงว่า แม่ทัพน้อยยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือไม่?”เขาเงยหน้าขึ้นมามองฮูหยินเมิ่ง หวังอยากให้นางให้คำตอบกับตนเองฮูหยินเมิ่งมองขึ้นไปบนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสูงตระหง่าน สีหน้าเยือกเย็น“จิ่วเหยียนยังมีเรื่องค้างคาอีกมากมาย นางยังไม่ยอมตายหรอก”ความพากเพียรของเด็กคนนั้น คนธรรมดาไม่อาจคาดคิดได้ขอเพียงนางอยากมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้!ด้วยความเชื่อมั
เหล่าขุนนางยังไม่ทันไล่เรียงเรื่องให้เข้าใจ ในท้องพระโรงก็มีเสียงกรีดร้องระเบิดขึ้นมาในทันใด“ฝ่าบาท ท่านพูดว่าลูกสาวของกระหม่อม นางเป็นอะไร ! !” นายท่านเฟิ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่า น้ำเสียงแหบแห้งเขาเพิ่งรู้ว่า เกิดเรื่องกับลูกสาวของเขา!ดวงตาเซียวอวี้มืดมน ราวกับปกคลุมไปด้วยหมอกหนา“นาง เป็นหรือตายยังไม่รู้”นายท่านเฟิ่งอารมณ์พลุ่งพล่านอย่างฉับพลัน ระบายความโกรธอย่างเดือดดาลเขาลุกขึ้นยืน คว้าจับเพื่อนร่วมงานที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ฟาดตบหน้าอีกฝ่ายหลายที ฟาดตบไปด้วย ก่นด่าไปด้วย“เป็นเจ้า! เมื่อครู่เจ้าพูดว่าไม่ต้องช่วย! ข้าได้ยินหมดแล้ว! ไอ้เวร! ข้าจะฆ่าเจ้า! ทำไมไม่ช่วยลูกสาวของข้า! ห๊ะ? ทำไม!”“นางอายุสิบหกก็เข้าสู่สนามรบแล้ว! อายุสิบหกเอง! ลูกสาวของพวกเจ้าตอนอายุสิบหกกำลังทำอะไรอยู่! ห๊ะ?“ข้าจะฉีกปากของเจ้า!”ขุนนางบุ๋นที่ถูกตบยังคงมึนงงนี่ใต้เท้าเฟิ่ง บ้าไปแล้วหรือ!ขุนนางคนอื่นเห็นแล้ว ก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว ต้องอยู่ไกลห่างจากคนบ้าคนนั้นนายท่านเฟิ่งอดกลั้นมานานมากแล้วเขาเก็บความลับนั้นไว้ ไม่กล้าบอกกับใคร อัดอั้นใจอย่างมาก!นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา
หม่ากงกงทำความเคารพอย่างยิ้มแย้ม“แม่นาง นี่คือโอรสที่ท่านคลอดให้กับฝ่าบาทในปีนั้น!”แววตามู่หรงหลันมัวหมอง พร้อมย้อนถามเขา “ไม่ต้องพูดถึงในตอนนั้น ข้ารักษาเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้“หรือเจ้าไม่รู้ว่า ฝ่าบาทไม่เคยแตะต้องข้า?”หม่ากงกงพูดขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่น “ขอเพียงแม่นางมีโอรสคนหนึ่ง ถึงตอนนั้น เราบอกว่าเขาเป็นลูกของผู้ใด เขาก็จะเป็นลูกของผู้นั้น” แววตามู่หรงหลัน ไม่อ่อนโยนเหมือนอย่างที่ผ่านมา กลายเป็นเฉียบคม“พวกเจ้าคิดจะใช้เด็กคนนี้เพื่อขึ้นครองบัลลังก์?“ฝ่าบาทไม่มีทางยอมจำนนง่ายๆ !“เขารู้ดีแก่ใจ เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเขา“เขาจะเลอะเลือนถึงขั้น ยกบัลลังก์ให้กับเด็กนอกคอกที่มาจากไหนก็ไม่รู้ได้อย่างไร!” หม่ากงกงเดินไปที่ข้างเตียง เอื้อมมือลูบใบหน้าของเด็กคนนั้นแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า“เรื่องนี้ก็ต้องดูความสามารถของแม่นางแล้ว”……เมืองหลวงจวนตระกูลเฟิ่งนายท่านเฟิ่งหงุดหงิดมากก่อนหน้านี้ฝ่าบาทตรัสว่าจะแต่งตั้งฮองเฮา ทำไมจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร?เป็นถึงกษัตริย์แห่งแผ่นดิน คงไม่ได้พูดล้อเล่นกับเขามั้ง!เมื่อคิดอีกที หรือจิ่วเหยียนเปลี่