แชร์

บทที่ 652

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ภายใต้แสงจันทรา สีหน้าของเฟิ่งเวยเฉียงเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า

ทั้งประหลาดใจ ตื่นเต้น และเสียใจที่รู้ความจริงช้าไป...

พี่สาวเข้าพิธีสมรสกับฝ่าบาทในนามของนาง และได้หย่าร้างกับฝ่าบาทอีก!?

ราวกับนางกำลังฟังคนเล่านิทาน

“ท่านพี่ ท่านหย่าร้าง เพราะไม่ชอบฝ่าบาทหรือ?”

ตอนนี้นางได้พบกับชายที่นางชอบแล้ว จึงหวังว่าพี่สาวจะได้มีความสุขเช่นกัน

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูจันทราบนนภา และเอ่ยอย่างเยือกเย็น

“ในตอนแรกก็ไม่ชอบหรอก...”

ทันใดนั้น เมฆาเคลื่อนคล้อย บดบังแสงจันทรา

ณ เมืองหลวง

ในพระราชวัง อุทยานหลวง

หรงเฟยเข้ามายืนขวางรุ่ยอ๋องที่กำลังจะออกจากวัง และซักถามเขา

“ฝ่าบาทเสด็จไปที่ใด?”

แววตาที่อ่อนโยนของรุ่ยอ๋องไร้ระลอกคลื่น

“ก่อนหน้านี้เกิดกบฏในเมืองเซวียน และมีการจัดสรรเบี้ยหวัดทหารใหม่ ฝ่าบาทไม่วางพระทัย จึงเสด็จไปตรวจสอบที่เมืองเซวียนด้วยพระองค์เอง เพื่อให้แน่ใจว่าเบี้ยหวัดจะถึงมือของทหารทุกนาย นอกจากนี้ ยังเป็นการตรวจสอบการทำงานของขุนนางชุดใหม่ในเมืองเซวียนด้วย

“เรื่องเหล่านี้ พระสนมมิใช่ทราบอยู่แล้วหรือ? เหตุใดมาถามอีก”

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (2)
goodnovel comment avatar
WLFJ
อ๊ายมาหาแล้ว
goodnovel comment avatar
WLFJ
ชิ นังหรงเฟย มาว่าผู้หญิงชั้นต่ำ ไม่ดูตัวเองเลยนะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 653

    ยามเข้าสู่ต้นคิมหันต์ เซียวอวี้สวมเสื้อคลุมยาวครึ่งตัวผ้าโปร่งสีม่วงเข้ม แสงตะวันสาดส่องลงมา ยิ่งสง่างามเลิศล้ำ ทุกคนในลานกว้างก็เข้ามาทำความเคารพตามแม่ทัพเมิ่ง ไม่เว้นฮูหยินเมิ่งด้วยเช่นกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนได้สติเป็นคนสุดท้าย จึงก้มลงทำมือคารวะ “ถวายบังคมฝ่าบาท” นางไม่คาดคิดว่า เซียวอวี้จะมาเยือน โดยเฉพาะตอนนี้นางเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องหยางเหลียนซั่วกับพรรคเทียนหลง การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขา จึงทำให้นางรับมือไม่ทัน... “ไม่ต้องมากพิธี” เซียวอวี้ก้าวไปข้างหน้า พลันช่วยประคองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยตนเอง ครั้นนางยืดกายขึ้น เขาจึงถือโอกาสกระซิบข้างหูนาง “ครบกำหนดสามเดือน เจ้าควรจะให้คำตอบแก่เราแล้ว” สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่แปรเปลี่ยน “เพคะ” แม่ทัพเมิ่งย่นคิ้วเบา ๆ เหตุใดฝ่าบาทจึงเสด็จมายังชายแดนเหนืออีกแล้ว? ทรงไม่ไว้วางใจเขามากขนาดนั้นเชียวหรือ? เซียวอวี้ยังต้องการจะพูดคุยกับเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อ เมิ่งฉวีพลันก้าวไปข้างหน้า และทูลรายงานอย่างจริงจังเคร่งครัด “ฝ่าบาท เรื่องความวุ่นวายในเมืองเซวียนนั้น กระหม่อมขอบังอาจแสดงความเห็น เพี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 654

    ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซียวอวี้ถูกปกคลุมด้วยความอดกลั้นและยับยั้งชั่งใจ เขายัดพิมพ์เขียวปืนมังกรไฟใส่มือของนางคืนทันที “เราไม่ต้องการ! “เราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเจ้า ไม่เคยคิดที่จะให้เจ้ามาตอบแทน “ถึงแม้เจ้าไม่อยากแต่งงานกับเรา ก็มิจำเป็นต้องเอาสิ่งใดมาแลกกับอิสรภาพ “เฟิ่งจิ่วเหยียน เจ้าเป็นอิสระตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มศีรษะลงมองกระบอกไม้ไผ่ส่งสาส์นในมือตนเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าอีกครั้ง นางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง “หม่อมฉันถูกทอดทิ้งตั้งแต่เกิด และเป็นอาจารย์กับอาจารย์หญิงคอยเลี้ยงดูหม่อมฉันขึ้นมา “ดังนั้น หม่อมฉันควรจัดเตรียมสินเดิมด้วยตนเอง “ทว่ารายได้ตลอดหลายปีของหม่อมฉัน ได้นำไปซื้อเซียวเหยาจวีหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็เก็บไว้เป็นสินเดิมของเวยเฉียง “ดังนั้น หม่อมฉันจึงเหลือเงินเก็บไม่มากนักเพคะ” เซียวอวี้ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ “เจ้าต้องการจะพูดอันใดกันแน่?” เดิมเขาไม่ใช่คนโง่เขลา ทว่าในขณะนี้ สมองของเขาอย่างไรก็ไม่สามารถทำงานได้เลย และเข้าใจได้เฉพาะถ้อยคำที่ชัดเจนตรงไปตรงมาเท่านั้น ใบหน้าของเฟิ่งจิ่ว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 655

    ในยามที่ความรักคุกรุ่น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ผลักเซียวอวี้ออก และถามเขา “หยิ่นลิ่วผู้นั้น เป็นท่านสั่งให้มาติดตามหม่อมฉันหรือไม่เพคะ?” ในเวลานี้เซียวอวี้ไร้ซึ่งความสนใจจะตอบคำถามที่ไม่สลักสำคัญเหล่านี้ เขาจับปลายคางของนางไว้ ป้องกันมิให้นางหลบเลี่ยง ทว่านางค่อนข้างดื้อรั้น และยกมือข้างหนึ่งปิดปากเขาไว้ “ส่งมาตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่หม่อมฉันออกจากเมืองอวี่ เขาได้ติดตามมาหรือไม่เพคะ?” เซียวอวี้พยักศีรษะ “อืม เพียงแต่เจตนามิใช่เพื่อสอดแนมเจ้า เราเพียงสั่งให้เขาคอยคุ้มกันเจ้า เพราะกลัวว่าเจ้าจะได้เผชิญหน้ากับหยางเหลียนซั่ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น “คราวหน้า จักต้องแจ้งให้หม่อมฉันทราบก่อนเพคะ” “ได้สิ” สันกรามของเขาคมชัด ลูกกระเดือกกลิ้งขึ้นลง ราวกับเพลิงหิวกระหายโหมไหม้ จักให้ตอบว่าอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น “เราจะทำต่อได้หรือยัง?” นิ้วหัวแม่มือของเขาลูบริมฝีปากของนาง ความหมายชัดเจนคือ หมกหมุ่นถึงเรื่องนี้มานานแล้ว ต้องการดับความกระหายเหลือเกิน เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีโอกาสได้ขัดเขินเลย “ทว่า...อื้อ!” นางยังไม่ทันได้เอ่ยมากมาย เซียวอวี้พลันกระโจน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 656

    สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฮูหยินเมิ่งจึงออกหน้ากล่าว “ฝ่าบาท พระองค์คงยังไม่ทราบ เวยเฉียงก็อาศัยอยู่ที่นั่นด้วย เกรงว่าจะไม่สะดวกเพคะ” เซียวอวี้กลับเอาแต่จ้องมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่กะพริบตา เพื่อรอคำตอบจากนาง เฟิ่งจิ่วเหยียนได้แต่เอ่ย “รบกวนอาจารย์หญิงแล้วเจ้าค่ะ คืนนี้ข้าจะพักที่จวนแม่ทัพ” เพียงเท่านี้เซียวอวี้ก็พอใจ เฟิ่งจิ่วเหยียนนอนอยู่ที่เรือนปีกตะวันตก เซียวอวี้พำนักที่เรือนปีกตะวันออก เดิมทีก็ควรอยู่กันอย่างสงบ ทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนเพิ่งจะผล็อยหลับไป พลันมีคนเข้ามา นางลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นตัว กลับได้เห็นว่า เป็นเซียวอวี้ “ไยท่านถึงมาที่นี่เพคะ” นางวางกริชกลับไว้ใต้หมอนอย่างเงียบ ๆ เซียวอวี้ยกชายเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งบนเตียงของนาง ก่อนจะจับมือนางไว้ “ร่างแผนปรับโครงสร้างที่อาจารย์ของเจ้าเขียนนั้น เรายิ่งอ่านก็ยิ่งฮึกเหิม จึงนอนไม่หลับ อีกทั้งยังนึกขึ้นได้ว่า มีอีกสิ่งหนึ่งที่เรายังมิได้ทำให้เสร็จ” “เรื่องใดเพคะ?” หลังจากนั้นเขาหยิบปิ่นหงส์ออกมา “มิใช่ขอเราปักปิ่นให้เจ้าเองหรือ” เฟิ่งจิ่วเหยียนปล่อยมวยผมสยายออกแล้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 657

    เมิ่งฉวีแกล้งเมากรึ่ม ทั้งที่จริงแล้วจิตใจกระจ่างใสดุจคันฉ่อง เขาบอกเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจในวัยเด็กของจิ่วเหยียนให้ฟัง ด้วยต้องการให้ฝ่าบาทได้รู้จักจิ่วเหยียนมากขึ้น ทว่าสิ่งใดสมควรพูดนั้น เขายังรู้จักแยกแยะได้ “มีเด็กผู้ชายหลายคนชื่นชอบนางพ่ะย่ะค่ะ “ทว่า เด็กหญิงคนนั้นหาได้รับรู้ไม่ แข็งทื่อเสมือนก้อนหินก็มิปาน “ในสมัยนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งมาเรียนวิทยายุทธกับกระหม่อมด้วย และมักจะชอบดึงผมของจิ่วเหยียนบ่อย ๆ เพราะแค่อยากให้นางหันมาสนใจตนเองมากขึ้น ผลลัพธ์คือ สาวน้อยโมโหโทโสขึ้นมา และกระชากดึงผมของเขาติดออกมาเป็นกำมือ “หลังจากนั้น เด็กชายคนนั้นไม่เคยกลับมาเรียนอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” เมิ่งฉวีเอ่ยถึงแค่เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหามากนัก และมิได้เอ่ยถึงต้วนไหวซวี่เลย เขาย่อมรู้ว่า ต้วนไหวซวี่แตกต่างจากเด็กชายเหล่านั้น เพราะนั่นคือคนที่จิ่วเหยียนเคยชอบด้วยใจจริง ถึงแม้ฝ่าบาทจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเก่าก่อนก็ตาม ก็คงมิชอบฟังเรื่องแบบนี้ กลับกลายเป็นว่า หม้อไหนไม่เดือดกลับยกหม้อนั้นแทน เซียวอวี้รุกถามเอง “ในเมื่อนางหัวช้าขนาดนั้น แล้วนางตกหลุมร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 658

    ต้วนเจิ้งถูกพาไปยังกระโจมที่พัก และที่นั่นมีเพียงฮ่องเต้พระองค์เดียวเท่านั้น เขาถามอย่างโกรธเคืองโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัว “จักต้องทำอย่างไร...ท่านถึงจะยอมปล่อยนางไป!” คิ้วกระบี่ของเซียวอวี้ขมวดแน่น ในยามที่อยู่ต่อหน้าผู้อื่น เขามิได้อัธยาศัยดีเหมือนอยู่ต่อหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน ร่างกายแผ่รัศมีความเป็นศัตรู ประสงค์จะฆ่าคนสารเลวที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำได้ทุกเวลา เซียวอวี้เผชิญหน้ากับต้วนเจิ้งผู้เกรี้ยวกราด ด้วยการเอ่ยเหน็บแนม “พวกเจ้าสองคนพี่น้อง นิสัยช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว” คนหนึ่งอ่อนโยนใจดี อีกคนหนึ่งเห็นแก่ตัวและเลวทราม ต้วนเจิ้งหรี่ตาลง “ตอบข้ามาสิ! ท่านจะปล่อยนาง และกลับไปที่วังหลวงของท่านได้หรือไม่!” เซียวอวี้ได้ฟังเช่นนี้ แค่รู้สึกว่ามันน่าตลกสิ้นดี สีหน้าแววตาของเขาทั้งน่าเกรงขามและเย็นชา “เจ้าควรจะนึกโชคดี ที่เจ้ามีพี่ชายที่ดี” ต้วนเจิ้งเอ่ยจี้ใจดำเขาในคำเดียว “ท่านกล้าทำร้ายข้ารึ? เชื่อหรือไม่ว่า หากท่านกล้าทำร้ายข้า นางก็จะทิ้งท่านไปทันที!” เซียวอวี้กำหมัดที่อยู่ใต้แขนเสื้อกว้างจนแน่น ไอ้เด็กนี่... ต้วนเจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 659

    หลังจากที่หยางเหลียนซั่วได้รับการช่วยเหลือไปได้ ก็ถูกติดประกาศจับทั่วแคว้นหนานฉี นอกจากราชสำนัก ยังมีกลุ่มในยุทธภพเช่น พันธมิตรอู่หลินที่นำโดยหร่านชิว และจอมยุทธ์พเนจรทั่วไปที่นำโดยตงฟางซื่อ พวกเขาล้วนกำลังตามล่าตัวหยางเหลียนซั่วผู้ชั่วร้าย ทว่าเส้นทางหลบหนีของหยางเหลียนซั่วมีความลึกลับยิ่งนัก จึงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ เลย คาดไม่ถึงว่า จักได้รับข่าวดีอย่างกะทันหันเช่นนี้ ในห้องหนังสือ หยิ่นลิ่วทูลรายงาน “ฝ่าบาท หยิ่นเอ้อร์ส่งข่าวมาว่า หยางเหลียนซั่วเคยปรากฏตัวในเขตแดนเป่ยเยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนก็อยู่ที่นั่นด้วย ครั้นได้ฟังข่าวนี้ พลางคิดถึงการคาดเดาครั้งก่อนของนางกับอาจารย์และอาจารย์หญิง “มีความเป็นไปได้สูงที่หยางเหลียนซั่วจะลอบติดต่อกับชาวเป่ยเยี่ยนมานานแล้ว” เซียวอวี้เผยสีหน้าเย็นชาเคร่งขรึม หากหยางเหลียนซั่วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเป่ยเยี่ยนแล้วไซร้ หนานฉียังสามารถส่งทูตไปเจรจา เพื่อขอให้เป่ยเยี่ยนอนุญาตให้พวกเขาจับกุมอาชญากรได้ ทว่าหากเป็นจริงดังที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าว หยางเหลียนซั่วได้ร่วมมือกับศัตรู เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแอบดำเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 660

    ทันทีที่เจินเจินก้าวเข้ามาในจวนแม่ทัพ ก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ข้างฮูหยินเมิ่ง บางทีอาจเป็นเพราะกลับจากค่ายทหาร และเห็นผู้ชายหยาบกระด้างเหล่านั้นจนชินตา คุณชายท่านนี้จึงทำให้ดวงตาของนางเป็นประกาย ปากแดงฟันขาว กลับมิสูญเสียบุคลิกองอาจผึ่งผาย สายตาเช่นนั้นที่จ้องมองมา มิได้ให้ความรู้สึกหยาบคาย ดูเหมือนจะมีเพียงความชื่นชม หาได้มีความคิดชั่วร้ายใด ๆ ไม่ ช่างเป็นดวงตาคู่หนึ่งที่สะอาด และซื่อตรง หัวใจของเจินเจินสั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าบุรุษผู้สูงศักดิ์และหล่อเหลาเช่นฝ่าบาท นางยังไม่เคยมีความรู้สึกแปลก ๆ เช่นนี้มาก่อน ราวกับในจุดหนึ่งของหัวใจกำลังมีดอกท้อผลิบาน... ครั้นฮูหยินเมิ่งได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในดวงตาของเจินเจิน ย่อมตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที เพื่อป้องกันมิให้จิ่วเหยียนก่อหนี้รักขึ้นอีก นางจึงออกหน้า แกล้งทำเป็นตำหนิเฟิ่งจิ่วเหยียน “บอกกี่ครั้งแล้ว เป็นผู้หญิงดี ๆ ก็ควรสวมอาภรณ์ของสตรี ดูสิ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดอีกแล้วมิใช่หรือ?” เจินเจินได้ยินเช่นนั้น หัวใจที่เต้นรัวพลันแตกสลายทันที ผู้หญิง?!! แม้เฟิ่งจ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 876

    เซียวอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ตัดสินใจ“ได้ เอาตามที่เจ้าพูด! แต่ว่า เจ้าต้องรับปากเรา ไม่ว่าอย่างไร ต้องปกป้องตัวเองให้ดี!”เฟิ่งจิ่วเหยียนดูแผนการวางกลยุทธ์“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”เซียวอวี้ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของนาง นัยน์ตาทอแววอาลัยอาวรณ์“พวกเราเพิ่งได้อยู่ด้วยกันไม่นาน ก็ต้องแยกจากกันอีกแล้ว”อยู่ในตำแหน่งสูง ทุกเรื่องย่อมไม่สามารถทำอะไรตามใจได้ จึงเกิดความรู้สึกหดหู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฟิ่งจิ่วเหยียนมองมาที่เขาอย่างอบอุ่นอ่อนโยน กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง“ยิ่งห่างไกลยิ่งทำให้รักกันมากกว่าตอนแต่งงานหมาด ๆ  ซึ่งพวกเรารักกันเหมือนเพิ่ง ‘แต่งงานใหม่หมาด ๆ ’ ยิ่งกว่าคู่สามีภรรยาทั่วไปอีกหลังจากนั้น นางก็เข้าไปใกล้หูแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวน “รอหม่อมฉันกลับมา จะชดเชยคืนแห่งการเข้าเรือนหอใหม่แก่ท่าน”ด้วยเหตุนี้ เซียวอวี้จึงคัดราชโองการ ภายใต้คำพูดกึ่งเอาใจกึ่งหลอกล่อของนาง มีคำสั่งให้ฮองเฮาใช้อำนาจแม่ทัพใหญ่ เคลื่อนกองทัพไปต้านศัตรูที่ชายแดนตะวันออกนี่เป็นราชโองการลับจนกระทั่งเฟิ่งจิ่วเหยียนเดินทางออกจากเมืองหลวงในวันถัดมา มีเพียงไม่กี่คนที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 875

    กวนไหลอิ้งตายแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนจำเขาได้ เขาเป็นชายชาตรีที่ทุ่มเทเสียสละเพื่อแคว้นสิ่งที่ยามนี้นางคิดถึง ไม่ใช่การตายของกวนไหลอิ้ง แต่เป็น...“กองทัพชายแดนตะวันออกล่ะ?”การตายของแม่ทัพ ย่อมส่งผลต่อเหล่าทหารเซียวอวี้ตอบนาง“กองทัพชายแดนตะวันออกป้องกันอยู่ในด่านเฉาอวี๋ ด้านนอกด่านเฉาอวี๋มีกำลังทหารของแคว้นต้าเซี่ยและแคว้นอื่นรวมตัวอยู่”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เข้าใจ“ในเมื่อป้องกันอยู่ในด่านเฉาอวี๋ กวนไหลอิ้งตายได้อย่างไร?”เซียวอวี้ตอบอย่างละเอียดว่า“กองทัพศัตรูกราดด่ายั่วยุ ใช้คำสกปรกมากระตุ้น กวนไหลอิ้งทนไม่ไหว จึงออกไปสู้นอกด่าน แล้วตายภายใต้มือของแม่ทัพอายุน้อยแคว้นต้าเซี่ยคนหนึ่ง”การทำสงครามโดยสู้ตัวต่อตัว เรียกอีกอย่างว่า “ขุนพล”ปกติระหว่างที่สองกองทัพกำลังจัดกระบวนทัพ แต่ละฝ่ายจะส่งแม่ทัพนายกองคนหนึ่งออกมาสู้ตัวต่อตัวเพื่อตัดสินแพ้ชนะฝั่งที่ชนะ จะได้ขวัญกำลังใจฮึกเหิมอย่างยิ่ง มากพอที่จะทำให้เหล่าทหารรู้สึกพลุ่งพล่านไปด้วยพลังในทางกลับกัน ฝั่งที่แพ้จะมีทหารที่ถูกทำลายขวัญกำลังใจแต่ด้วยเหตุที่รูปแบบการสู้ตัวต่อตัวนี้อันตรายเกินไป จึงถูกยกเลิกไปนานแล้ว เพราะถึงอ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 874

    ภายในห้อง หร่วนฝูอวี้กำลังหลับตา นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ด้านหน้าวางกระถางทองสัมฤทธิ์ที่ใช้หลอมกู่ ข้างกระถางมีงูตัวหนึ่งขดตัวอยู่งูตัวนั้นได้ยินเสียงเปิดประตูก็ชูคอขึ้นมาอย่างชาญฉลาด หลังจากหันดูรอบหนึ่ง สายตาก็จ้องอยู่ที่ร่างของรุ่ยอ๋อง จากนั้นมันแลบลิ้นส่งสัญญาณขู่ “ฝ่อ ฝ่อ” อย่างดุร้ายทว่าหลังจากบุรุษผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ขึ้นจนมองเห็นชัดว่าเป็นใคร ก็ตัวแข็งทื่อทันที จากนั้นมันก็เก็บลิ้นเข้าไปอย่างกระดาก แล้วเริ่มขดตัวซ่อนส่วนหัวของมันเอาไว้ ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครเห็นมันรุ่ยอ๋องยืนห่างจากเตียงสามฉื่อ จ้องมองไปยังท้องของหร่วนฝูอวี้นางตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว ตามหลักควรจะมองเห็นท้องได้ชัดเจนนานแล้วทว่าเขากลับมองไม่เห็นท้องอันใหญ่โตนั่นเลยเป็นเพราะชุดคลุมใหญ่จนบังงั้นหรือ?ทันใดนั้นหร่วนฝูอวี้ก็ลืมตา สบตาเข้ากับสายตาที่มองอย่างสืบเสาะของรุ่ยอ๋องน้ำเสียงของนางไพเราะมาก ทว่าสิ่งที่พูดกลับไม่ได้มีเจตนาดี“แหม...เข้าวังทีสวมชุดหล่อเหลาขนาดนี้เชียว”รุ่ยอ๋องถามอย่างไม่ช้าไม่เร็วด้วยสีหน้าสุภาพอ่อนโยน “เป็นข้าที่ละเลยเจ้า ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้างาม ๆ ให้เจ้า ทว่าสภาพเจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 873

    เมื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนตัดสินใจว่าจะปรับแก้ ‘ใยแมงมุม’ ก็ลงมือทันทีภารกิจสำคัญเช่นนี้ จะเป็นใครไปได้อีก ถ้าไม่ใช่ตงฟางซื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งให้คนไปรื้อกลไกสังหารที่มีอยู่ออกก่อน ไม่เช่นนั้นหากเก็บเอาไว้อาจเกิดเรื่องประเภทให้ทุกข์แก่ทุกท่านรวมถึงตัวเองได้เมื่อรู้เรื่องที่นางจะทำ ตงฟางซื่อรู้สึกเลื่อมใสและเห็นด้วยอย่างยิ่งเขารับประกันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า“ขอเพียงให้กำลังคนข้ามากพอ จะต้องปรับแก้ให้ ‘ใยแมงมุม’ เป็นอย่างที่เจ้าต้องการได้แน่! เพียงแต่เวลากระชั้นชิดนัก”ยามนี้ใยแมงมุมได้ขยายไปทั่วทั้งแคว้นหนานฉี หากคิดจะปรับแก้ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ภายในวันเดียวอีกทั้งยามนี้หลายแคว้นกำลังจะล้อมโจมตีแคว้นหนานฉี กระชั้นชิดนักเฟิ่งจิ่วเหยียนคิดถึงปัญหานี้ได้แต่แรกแล้ว นางวงบางจุดในแผนภาพใยแมงมุม“แก้จุดเหล่านี้ก่อน”จุดที่นางวงไว้คือเส้นทางลับสองเส้นทางของใยแมงมุมไปทางทิศเหนือและทางทิศตะวันออก โดยมีเมืองเซวียนเป็นจุดศูนย์กลางตงฟางซื่อมองดูอย่างละเอียดหากแค่สองเส้นทางนี้ ตามหลักย่อมไม่มีปัญหาอะไร“ได้! มอบให้ข้าทำเถอะ!”เขายิ้มตาหยีตามความเคยชิน ในใจวางแผนเอาไว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 872

    ด้วยฐานะเป็นฮ่องเต้ เซียวอวี้ให้ความสำคัญกับภาพรวมตรงหน้าเป็นหลักแคว้นหนานฉีจะต้องชนะ และต้องรับประกันว่าจะขับไล่ศัตรูออกไปได้ในเมื่อ ‘ใยแมงมุม’ นั่นเป็นอาวุธขับไล่ศัตรู ก็ใช้มันฆ่าศัตรูไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกันเฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช้เลย“กลไกเส้นทางลับของ‘ใยแมงมุม’นั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถใช้ในการขนส่งเสบียงได้ แม้กระทั่งใช้กับการเคลื่อนพลทหารเพื่อดักซุ่มก็ยังได้ ลดความยุ่งยากไปได้มาก“ทว่ากลไกสังหารคนจำนวนมากข้างในนั่น ถึงจะเป็นหัวใจหลักของวิชากลไกตระกูลถานไถ“ใช้มันสังหารศัตรู ย่อมเป็นชัยชนะที่น่าละอาย”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย“เพื่อที่จะชนะแล้ว ถึงจะเป็นชัยชนะที่น่าละอายแล้วอย่างไร? จิ่วเหยียน ภายใต้สถานการณ์ที่ทุกทิศมีกองทัพเข้าใกล้เมืองเช่นนี้ เจ้าไม่อาจทำตัวเป็นคนดีได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ลังเลแม้แต่น้อยนางเน้นย้ำอย่างจริงจัง“ฝ่าบาท ท่านยังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าบอก“ที่ข้าอยากบอกก็คือ ‘ใยแมงมุม’ สามารถเป็น ‘ใยแมงมุม’ ได้ ทว่าไม่อาจเป็น ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถได้”เซียวอวี้เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจดีนักเพียงครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจโดยพลัน“เจ้าค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 871

    ถานไถเหยี่ยนโมโหนี่เป็นเพราะเมื่อครู่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดว่า จะถือว่า ‘ใยแมงมุม’ เป็นของตระกูลตงฟางเขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปชั่วครู่ แล้วกลับมามีสติอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่อึดใจ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับได้รับความอัปยศอดสู“ท่านไม่เชื่อข้าก็ช่างเถิด ทว่าเหตุใดต้องทำให้ข้าอับอาย ทำให้ตระกูลถานไถอับอายขายหน้าเช่นนี้ด้วย!“ตอนนั้นเพื่อที่จะสืบเรื่องมนุษย์โอสถ ข้าจึงถูกทรมาน“จากนั้นก็พเนจรไปอยู่ที่แคว้นตงซาน ถูกคนควบคุม...ข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทุกวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาแคว้นหนานฉีได้ ข้าเพียงอยากทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อชดใช้ความผิด และได้รับความเชื่อใจจากเจ้าอีกครั้ง”“ข้าแค่อยากย้อนกลับไปในอดีตที่พวกเรายังเป็นสหายที่ดีต่อกัน รู้ใจกัน“ทว่าดูจากยามนี้แล้ว นี่คงเป็นข้าคิดไปเองผู้เดียว“ด้วยฐานะคนรุ่นหลังของตระกูลถานไถจะทนได้อย่างไร? ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสียเถิด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังเขาตัดพ้อด้วยสีหน้านิ่งเฉยตั้งแต่ตอนแรกที่เขาแทงนางดาบหนึ่ง นางก็ยากที่จะเชื่อใจเขาอีกครั้งแล้วไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน นางก็ไม่เชื่อเขาแล้ว“ถานไถเหยี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 870

    เที่ยงคืนสถานที่พักแรมของถานไถเหยี่ยน เหล่าทหารปิดล้อมข้างนอกข้างในสามชั้น หนาแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ภายในห้องอักษรเทียนข้ารับใช้เร่งเร้าถานไถเหยี่ยน“นายท่าน รีบไปเถอะขอรับ!”ข้างในห้องไม่มีไฟ ถานไถเหยี่ยนนั่งอยู่ในความมืด แต่งกายเรียบร้อย ราวกับรอวันนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเขายืดหลังตรง นิ้วเรียวยาวขาวเย็นเปิดสมุดภาพบนโต๊ะแผ่นแล้วแผ่นเล่า เคลื่อนไหวอยู่อย่างเชื่องช้า“นายท่าน!” ข้ารับใช้ได้ยินเสียงทหารกำลังขึ้นบันไดมา ก็ยิ่งร้อนใจน้ำเสียงถานไถเหยี่ยนเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน“หนีไม่พ้นหรอก”เขาได้ยิน คนที่มาคืนนี้ มีจำนวนมากมายถึงแม้ว่าสามารถหนีออกจากสถานที่พักแรมนี้ได้ ข้างนอกก็ยังมียอดฝีมืออีกมากมายปัง!บานประตูห้องถูกคนพังอย่างป่าเถื่อนแสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามา สาดสายตาถานไถเหยี่ยนอย่างแหลมคมเขากับเฟิ่งจิ่วเหยียน ถือได้ว่ารู้ใจกันความจริง วันนี้ตอนที่เจอนางในเมืองอาน เขาก็เดารู้แล้วว่านางคิดจะทำอะไรทหารผู้นำตะโกนขึ้นมา “จับกุมตัวถานไถเหยี่ยน!”ถานไถเหยี่ยนไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใดเขาลุกขึ้นมาด้วยตนเอง“ไม่ทราบว่าข้ากระทำผิดโทษฐานใด?”เหล่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 869

    สงครามชายแดนเริ่มแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไปทำราชกิจที่เมืองอานเพิ่งออกจากเมือง ก็ถูกนายท่านเฟิ่งไล่ตามมาทันสีหน้านายท่านเฟิ่งราวกับไว้ทุกข์ให้กับลูก คว้าจับแขนของนาง ไม่ยอมให้นางไป“ฮองเฮา! ตอนนี้เจ้าเป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะไปที่ใด!”เขาเน้นย้ำสถานะของนาง ให้นางมีสติ...นางไม่ใช่แม่ทัพน้อยเมิ่งของค่ายเป่ยต้าอีกต่อไปแล้วต่อให้ทำศึก ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางไปสนามรบต่อสู้ศัตรูยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และข้างในท้องอาจจะเป็นโอรส เป็นรัชทายาทในอนาคต!สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้ คือปกป้องเด็กคนนี้ไว้นอกเมืองไม่มีใครอื่น เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีราชกิจที่จะต้องไปทำ น้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา“ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทหาร ส่งใต้เท้าเฟิ่งกลับจวน”“ขอรับ!”ข้างกายนางมีองครักษ์ติดตามนับสิบคน ล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินคิดอยากพาตัวคนไม่มีวรยุทธอย่างนายท่านเฟิ่งไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยนายท่านเฟิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ“เจ้าจักเอาแต่ใจเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! เด็กคนนี้เป็นความหวังตระกูลเฟิ่ง!”กองทัพอินทรีเหินรีบปิดปากของเขา พร้อมหิ้วตัวเขาไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หันกลับมามอง กลับขึ้นไปบนรถม้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 868

    คนสนิทของแคว้นประมุขซีหนี่ว์แบ่งออกเป็นสองพรรค พรรคแรกคือแม่ทัพป้องกันเมืองหูย่วนเอ๋อร์เป็นผู้นำ คอยปกป้องประมุขแคว้น ให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของประมุขแคว้นรวมถึงครั้งนี้ที่ต่อหน้าโจมตีแคว้นหนานฉี ความจริงนั้นเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีขุนพลอื่นหลายคนกลับมีความคิดอื่นพวกนางคิดว่า แคว้นซีหนี่ว์ไม่ควรให้การสนับสนุนแคว้นหนานฉี“ประมุขแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านควรปรึกษาพวกกระหม่อมตั้งแต่แรก! ค่อยทำการตัดสินใจ! เห็นได้ชัดว่าแคว้นหนานฉียากที่จะเอาตัวรอด แคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นที่จะถูกลากลงน้ำไปด้วย!”“ท่านประมุขแคว้น ขอท่านทรงเปลี่ยนกลยุทธ์แสร้งโจมตี กลับมาร่วมมือกับแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉีเถอะ!”“ท่านประมุขแคว้น สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจน โอกาสที่แคว้นหนานฉีจะชนะนั้นมีน้อยมาก อาศัยเพียงกำลังแคว้นเดียว ไม่มีทางเอาชนะกองกำลังทหารสิบกว่าแคว้นได้ เป็นพันธมิตรกับเป่ยเยี่ยนจะดีกว่า!”ไม่ว่าพวกนางจะโน้มน้าวยังไง ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงยืนหยัดความคิดตนเองนางนั่งบนเก้าอี้สูงศักดิ์ สีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงไม่ให้ได้ขัดขืน“เราจะคอยดู แ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status