แชร์

บทที่ 619

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
หลังจากราชามังกรม่วงกับราชามังกรแดงตาย เฟิ่งจิ่วเหยียนชี้ไปยังสองคนท่ามกลางฝูงคนชั่วร้าย “พวกเจ้า สวมเสื้อผ้า ปลอมตัวเป็นพวกเขา”

คนพวกนั้นไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทว่า เพื่อรักษาชีวิตตนเองให้รอด และเพื่อขุมทรัพย์อะไรนั่น จึงยอมฟังนางชั่วขณะ

พวกเขาเหล่านี้ หากไม่มีความสามารถบ้าง ก็คงจะไม่ถูกกักขังอยู่ในเจดีย์เก้าชั้น ดังนั้นการปลอมตัวเป็นอีกคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายมาก

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมหน้ากาก ก็เหมือนขึ้นมาจริง ๆ

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิ่งจิ่วเหยียนพาพวกเขา กลับไปชั้นบนสูงสุด

หยางเหลียนซั่วนั่งขัดสมาธิฝึกพลังลมปราณ ได้ยินพวกเขากลับมา ก็ลืมตาขึ้น

ราชามังกรม่วงเดินหน้ามาทำความเคารพ

“ประมุขพรรค สำรวจดูแล้ว เป็นสถานที่พวกเราคาดคิดไม่ถึงจริง ๆ อยู่ใต้ดินเจดีย์ชั้นห้า ถึงว่ามันค่อนข้างหนากว่าชั้นอื่น”

หยางเหลียนซั่วมองดูรอยเลือดบนตัวพวกเขาอย่างเย็นชา

เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาตามตรง

“พวกเขาคิดสังหารข้า ทว่าไม่สำเร็จ หากข้าเป็นเจ้า จะไม่รีบฆ่าปิดปาก ยังไง ใครจะไปรู้ว่าตำแหน่งที่ข้าบอกเป็นจริงหรือเท็จ”

คำพูดของนางแฝงไปด้วยความข่มขู่

หยางเหลียนซั่วมองดูนางอย่างเคร่ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Prig Pannasa
ไม่หรอกถ้าเห็นสภาพพี่ต้วน ฮ่องเต้ต้องไม่ฆ่าแน่ ชั้นเชื่อในตัวเธอนะเต้
goodnovel comment avatar
Sakon Jindanin
ฮ่องเต้ รักนางเอกมาก
goodnovel comment avatar
WLFJ
เซียวอี้ จะฆ่าพี่ต้วนเหรอ? ทนเห็นนางเอกตายไม่ได้เหรอ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 620

    เซียวอวี้วิ่งขึ้นไปข้างบน วิ่งมาจนถึงชั้นบนสุดเขารู้ว่าไปข้างล่างนั้นมีโอกาสรอดมากกว่า ทว่าหากเขาเลือกลงไปข้างล่าง เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ไม่มีทางรอดแล้วอย่างแรก เมื่อเทียบกับเขาแล้ว ร่างกายของนางผอมเล็กกว่า วิชาตัวเบาก็ดีกว่า สามารถผ่านประตูข้างในไปได้ไวกว่า มีโอกาสออกไปจากเจดีย์ได้มากกว่าอย่างที่สอง เมื่อออกไปจากเจดีย์แล้ว ก็ต้องพูดกล่อมให้หนานซานอ๋องทำลายเจดีย์ หากคนที่ยังอยู่ในเจดีย์คือนาง หนานซานอ๋องไม่มีทางสนใจความเป็นความตายของนาง ทว่าหาก...คนที่ติดอยู่ข้างในคือเขาที่เป็นฮ่องเต้ หนานซานอ๋องอาจจะมีความกังวลบ้างจะว่าไปแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้คิดวางแผนเรื่องออกจากเจดีย์เลยนางคิดเพียงให้เขามีชีวิตอยู่ กระทั่ง นางเตรียมพร้อมที่จะตายไปพร้อมกับต้วนไหวซวี่เขาจะให้นาง “สมปรารถนา” ได้อย่างไร !……เฟิ่งจิ่วเหยียนวิ่งมาถึงชั้นหนึ่งแล้วสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เวลาคับขัน นางจะลังเลไม่ได้เจดีย์เก้าชั้นเข้าได้ออกไม่ได้ ทางเข้าก็คือทางออกนางอยากออกไป ก็ต้องรอประตูเปิดเซียวอวี้เข้ามาแล้ว ยังไงพวกเฉินจี๋ก็จะต้องหาทางเข้ามาคุ้มกันประตูนี้ ยังไงก็จะต้องเปิดนางพยายามอย่างที่สุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 621

    “ซูฮ่วน? ! เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน! ฝ่าบาทเล่า!” เฉินจี๋มองไปที่ด้านหลังของนางทันที กลับมองเห็นเพียงประตูที่ปิดอยู่ ไม่มีเงาร่างของฮ่องเต้หนานซานอ๋องถามอย่างรีบร้อน“คุณชายซู! ฝ่าบาทเล่า!”ยามนี้เขากลับไม่เรียกว่าฮ่องเต้ทรราชแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันกล่าว “ขอท่านอ๋องโปรดรีบออกคำสั่งให้ระเบิดทำลายเจดีย์เก้าชั้นเดี๋ยวนี้!”สีหน้าของหนานซานอ๋องกลายเป็นสีเขียวทันที“เจ้าว่าอะไรนะ”ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตรงนี้คือตำแหน่งโลหิตหงส์ ฝ่าบาทเองก็ยังอยู่ข้างในนะ!ซูฮ่วนผู้นี้คิดจะยืมมือเขาปลงพระชนม์รึ!“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบายให้เขาฟัง “ฝ่าบาททรงอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ประมุขพรรคเทียนหลงบุกโจมตีขึ้นไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงต้องรีบทำลายมันทิ้ง เร็วเข้า!”ถึงจะเป็นเช่นนี้ หนานซานอ๋องก็ยังคงส่ายหน้าท่าทางของเขาหนักแน่นมาก“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้! พอเจดีย์เก้าชั้นถูกทำลาย โลหิตหงส์ก็จะถูกตัดขาด ข้าไม่อาจทำลายโลหิตหงส์นี้ได้! นี่เกี่ยวพันถึงชะตาของแคว้นหนานฉี เรื่องนี้อย่าว่าแต่ข้ารับผิดชอบไม่ไหว ฝ่าบาทเองก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นกัน!”เฉินจี๋โมโหขึ้นบ้างแล้ว“หนานซานอ๋อง!

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 622

    ด้านนอกเจดีย์เก้าชั้น หนานซานอ๋องยังคงไม่ยอมตกลงเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยพบคนที่ดื้อรั้นถึงเพียงนี้มาก่อนเลยตงฟางซื่อกล่าว“บรรพบุรุษของข้าใช้เจดีย์เก้าชั้นทับศิลาหยกเอาไว้ คิดดูแล้วปฐมจักรพรรดิคงไม่ต้องการให้ศิลาหยกได้ต้องแสงอีก”เฉินจี๋ลงไปคุกเข่าเบื้องหน้าหนานซานอ๋อง ดวงตาแดงก่ำ“ท่านอ๋อง! ท่านก็ได้ยินแล้วนี่พ่ะย่ะค่ะ! หากปฐมจักรพรรดิต้องการศิลาหยก เหตุใดพระองค์จึงฝังมันไว้ใต้ดินเล่า ควรจะนำมันมาเซ่นไหว้จึงจะถูก!”“ดังนั้นท่านอย่าได้ลังเลอีกเลย! รีบทำลายเจดีย์เก้าชั้นทิ้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ! !”แววตาของหนานซานอ๋องเปลี่ยนไปมา ทว่าสุดท้ายก็ยังหันหลังไปอย่างไร้น้ำใจ“โลหิตหงส์จะขาดไม่ได้”หน้าที่ของเขาและเหล่าทหารคือการคุ้มครองโลหิตหงส์เมื่อโลหิตหงส์ขาด พวกเขาก็ต้องตายแสงจันทร์ส่องสว่างลงบนใบหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียน ทำให้ดูเย็นชาและแฝงรังสีสังหารนางพูดกับหนานซานอ๋องด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจังเป็นอย่างมาก“ในเมื่อหยางเหลียนซั่วกล้าที่จะเข้าไปในเจดีย์เก้าชั้น เขาต้องมีวิธีออกมาแน่ หากตอนนี้ยังไม่ทำลายเจดีย์เก้าชั้นอีก จะช้าจะเร็วย่อมต้องถูกทำลายลงด้วยมือของหยางเหลียนซั่วอยู่ดี ไม่ต้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 623

    กองทหารนับหมื่นเคลื่อนพลขนย้ายดินระเบิดและอัสนีบาตฟ้าเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วภายในเจดีย์เก้าชั้นหยางเหลียนซั่วไล่ฆ่ามาตลอดทางจนถึงชั้นแปด พลังเจินชี่ทำให้เส้นผมของเขากระเจิดกระเจิงเขาฆ่าทุกคนที่อยู่ชั้นห้าขึ้นไปจนหมดสิ้น ก็ยังหาซูฮ่วนและฮ่องเต้ไม่เจอทันใดนั้นสายตาของเขาก็เคลื่อนไปมองด้านบน เท้าก็ก้าวขึ้นไปบนบันไดหินยอดเจดีย์...พวกมันจะต้องซ่อนอยู่ที่ยอดเจดีย์เป็นแน่!หลังจากหยางเหลียนซั่วขึ้นมาที่ชั้นเก้า สายตาคมกริบก็กวาดตามองทั้งชั้นทันใดนั้นเขาก็เห็นอะไรบางอย่างเป็นชายเสื้อผืนหนึ่งทว่าเมื่อเขาส่งพลังฝ่ามือไปทางนั้น กลับพบว่าเป็นเพียงชุดคลุมตัวหนึ่งเท่านั้น...กลยุทธ์ตบตารึ?แววตาของหยางเหลียนซั่วดำทะมึนและเย็นเยียบ“ออกมาซะ!!”เขาเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้าอย่างโมโหด้วยท่าทางคุ้มคลั่งแล้วใช้พลังเจินชี่ก่อให้เป็นพลังรูปกระสวยแล้วส่งพลังโจมตีออกไปทั่วทุกทิศทันใดนั้นด้านนอกก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น!ภายในพื้นที่ปลอดภัย เซียวอวี้เองก็ได้ยินเสียงนี้เช่นกันแสดงว่ากำลังระเบิดภูเขาหว่างคิ้วของเขาคลายออกเล็กน้อยอย่างผ่อนคลายในที่สุดก็จะจบลงซักที...ตู้ม!!!โครม!ภูเขา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 624

    เพียงไม่นาน ในนอกร่วมมือกัน ในที่สุดก็ช่วยต้วนไหวซวี่ออกมาได้สำเร็จชั่วพริบตาที่เห็นเขา เฟิ่งจิ่วเหยียนก็รู้สึกใจสั่นเขาผอมลงมาก แขนข้างหนึ่งขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามไร้ชีวิตชีวา ราวกับเป็นศพ ริมฝีปากซีดเผือดแห้งผาก“ท่านพี่!” ต้วนเจิ้งตื่นตระหนกจนน้ำตาไหล “ในที่สุด ในที่สุดก็หาท่านจนพบ!”ลูกตาของต้วนไหวซวี่ขยับมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักฝ่ายหลังรีบเข้ามาหา แทบจะลงไปคุกเข่าด้านหน้าเขาทันที “ไหวซวี่”ต้วนไหวซวี่เผยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับพระอาทิตย์ที่อบอุ่นสาดส่องลงมา“อาเหยียน...”“ฝ่าบาท!” เฉินจี๋ร้องอย่างตื่นตระหนกเฟิ่งจิ่วเหยียนหันไปดูทันที ร่างกายวิ่งไปอย่างไม่อาจควบคุม“ฝ่าบาทเป็นอะไรไปรึ!” นางถามอย่างร้อนรน ทว่าเพื่อความปลอดภัยของเซียวอวี้แล้วจึงไม่อาจเข้าไปใกล้เกินไปได้เฉินจี๋กัดฟันกรอด “พื้นที่ปลอดภัยเกิดรูโหว่ขึ้น ฝ่าบาทถูกเศษหินกระแทกเข้าที่แขน!”ยามนี้เองด้านล่างก็มีเสียงแหบสายหนึ่งดังขึ้น“เราไม่เป็นไร...”หนานซานอ๋องตะโกนเสียงดังอย่างร้อนใจ “รีบช่วยคนเร็วเข้า หากเสียสมดุลเมื่อไหร่ พื้นที่ปลอดภัยก็จะทรุดลงไปได้เช่น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 625

    ณ ห้องด้านข้างต้วนไหวซวี่กระอักเลือดดำออกมาเป็นจำนวนมากเขานอนเอนกายอย่างอ่อนแรง ร่างกายส่วนบนพิงอยู่ที่ไหล่ของต้วนเจิ้ง จนดูคล้ายกับหญิงงามเอนอิงกิ่งหลิว ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาคู่งามราวกับหยกกลายเป็นสีขุ่นมัวเมื่อเห็นเขาแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนก็นึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีตครั้งแรกที่เจอเขา นางรู้สึกว่าคนผู้นี้อบอุ่นอ่อนโยนไปถึงกระดูกเมื่อเผชิญหน้ากับการหยอกล้อยั่วเย้าของเหล่าทหาร เขาไม่หน้าแดงเลยแม้แต่น้อย และมักจะตอบสนองอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอด้วยฐานะหมอทหาร เขาจึงมีความอดทนเป็นอย่างยิ่งยามนั้นนางชอบกลิ่นอายที่สุขสงบบนตัวเขา เมื่ออยู่กับเขา นางก็จะรู้สึกสบายใจอยู่เสมอดังนั้นต่อให้นางรู้ว่าเขาเป็นคนของพรรคเทียนหลง นางก็ไม่เคยสงสัยในความเมตตากรุณาของเขาเลยบางสิ่งบางอย่าง ไม่อาจปลอมแปลงออกมาได้สถานะกับอดีต เขาไม่อาจเลือกเองได้แต่ไหนแต่ไรมาเมื่อนางชอบใคร ก็มักจะมองแต่ปัจจุบันเท่านั้นเรื่องที่นางเคยชอบเขามาก่อน นางไม่เคยเสียใจและไม่เคยแค้นเคืองเลยเฟิ่งจิ่วเหยียนยกเก้าอี้กลมมาตัวหนึ่งแล้วนั่งอยู่ข้างเตียงก่อนหน้านี้มักจะคิดว่าอยากจะพบกันอีกครั้ง ยามนี้เมื่อได้พบกัน ถ้อยคำ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 626

    เฟิ่งจิ่วเหยียนลุกขึ้นยืน โค้งคำนับท่านอ๋องทั้งสองคนสองคนนั้นกลับหันไปคารวะเซียวอวี้ใบหน้าของอ๋องผู้เฒ่าออบโอ้มอารี เอ่ยอย่างหยอกล้อ“แม่นางเฟิ่ง โลหิตหงส์ขาดแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ หากเจ้าอภิเษกกับฝ่าบาทอีกครั้งได้…”หัวคิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดเล็กน้อยเซียวอวี้รู้ดี ในตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความคิดพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่ดี ๆ ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็มีแต่จะทำให้นางหงุดหงิดเขาเป็นฝ่ายตัดบทของอ๋องผู้เฒ่า“พูดเรื่องสำคัญได้แล้ว”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ตัวว่าสถานะของตัวเองไม่เหมาะสม จึงจะขอตัวออกมาเซียวอวี้กลับคว้าแขนของนางไว้ “เจ้าไม่ต้องไป”“เพคะ”หนานซานอ๋องกล่าวอย่างนอบน้อม“ฝ่าบาท ที่กระหม่อมกับท่านพ่อมา เพราะอยากขอคำชี้แนะเรื่องขุมทรัพย์กับศิลาหยก เจดีย์เก้าชั้นถูกทำลายแล้ว ต่างถูกฝังไว้ใต้ดินทั้งหมด จำเป็นต้องขุดมาหรือไม่”เซียวอวี้ถามอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องศิลาหยก พวกเจ้ารู้มากแค่ไหน?”หนานซานอ๋องหันไปมองอ๋องผู้เฒ่าเขาสงสัยมาตลอด ของศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เหตุใดปฐมจักรพรรดิต้องครอบงำมันไว้ในเจดีย์เก้าชั้น?คำบอกเล่าของตงฟางซื่อก่อนหน้านี้ ทำให้เขาพะว้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 627

    เฟิ่งจิ่วเหยียนคาดเดา“หนานซานอ๋องคิดว่า คนร้ายถูกส่งเข้ามาในเจดีย์เก้าชั้น เพื่อนำมาหล่อเลี้ยงโลหิตหงส์ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น“ตอนนั้นปฐมจักรพรรดิต้องใช้คนมีชีวิตมาบูชายัญ เพื่อสยบความดุร้ายของศิลาหยก“ด้วยเหตุนี้ จึงนำอาภรณ์ของเชื้อพระวงศ์มาใส่ให้คนร้ายเหล่านี้ แลกกับความสงบสุขของราชวงศ์”ส่วนเหตุใดต้องเลือกคนร้ายเหล่านั้น ประการแรก ปฐมจักรพรรดิยังพอมีจิตสำนึก คิดว่าคนเหล่านี้กระทำผิดอย่างไร้ขอบเขต ไม่ว่าตายแบบไหนยังนับว่าเบาเกินไปสำหรับพวกเขาประการที่สอง เจดีย์เก้าชั้นจองจำผู้กระทำผิดชั่วร้ายไว้ ตัดความคิดของคนที่ต้องการตามหาสมบัติ ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนหลีกห่างเซียวอวี้พยักหน้า เห็นด้วยกับการคาดเดาของนาง“ปฐมจักรพรรดิไม่ได้บอกความจริงกับหนานซานอ๋อง จนหนานซานอ๋องสืบสายเลือดมาถึงปัจจุบัน ก็ยังคิดว่าสิ่งที่พวกเขาเฝ้าปกปักษ์คือโลหิตหงส์”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่ง“นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์“มีฐานะเป็นถึงฮ่องเต้ คงไม่อยากให้มนุษย์โลกคิดว่า เขาจะกลัวศิลาหยก”พูดมาถึงตรงนี้ นางก็ต้องเอ่ยถึงอีกเรื่อง“ไหวซวี่บอกว่า หยางเหลียนซั่วผู้นั้นคือคนรุ่นหลังของแคว

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 872

    ด้วยฐานะเป็นฮ่องเต้ เซียวอวี้ให้ความสำคัญกับภาพรวมตรงหน้าเป็นหลักแคว้นหนานฉีจะต้องชนะ และต้องรับประกันว่าจะขับไล่ศัตรูออกไปได้ในเมื่อ ‘ใยแมงมุม’ นั่นเป็นอาวุธขับไล่ศัตรู ก็ใช้มันฆ่าศัตรูไม่มีอะไรไม่เหมาะสมกันเฟิ่งจิ่วเหยียนอธิบาย“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช้เลย“กลไกเส้นทางลับของ‘ใยแมงมุม’นั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถใช้ในการขนส่งเสบียงได้ แม้กระทั่งใช้กับการเคลื่อนพลทหารเพื่อดักซุ่มก็ยังได้ ลดความยุ่งยากไปได้มาก“ทว่ากลไกสังหารคนจำนวนมากข้างในนั่น ถึงจะเป็นหัวใจหลักของวิชากลไกตระกูลถานไถ“ใช้มันสังหารศัตรู ย่อมเป็นชัยชนะที่น่าละอาย”เซียวอวี้ไม่เห็นด้วย“เพื่อที่จะชนะแล้ว ถึงจะเป็นชัยชนะที่น่าละอายแล้วอย่างไร? จิ่วเหยียน ภายใต้สถานการณ์ที่ทุกทิศมีกองทัพเข้าใกล้เมืองเช่นนี้ เจ้าไม่อาจทำตัวเป็นคนดีได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ลังเลแม้แต่น้อยนางเน้นย้ำอย่างจริงจัง“ฝ่าบาท ท่านยังไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าบอก“ที่ข้าอยากบอกก็คือ ‘ใยแมงมุม’ สามารถเป็น ‘ใยแมงมุม’ ได้ ทว่าไม่อาจเป็น ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถได้”เซียวอวี้เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจดีนักเพียงครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจโดยพลัน“เจ้าค

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 871

    ถานไถเหยี่ยนโมโหนี่เป็นเพราะเมื่อครู่เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดว่า จะถือว่า ‘ใยแมงมุม’ เป็นของตระกูลตงฟางเขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปชั่วครู่ แล้วกลับมามีสติอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่อึดใจ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับได้รับความอัปยศอดสู“ท่านไม่เชื่อข้าก็ช่างเถิด ทว่าเหตุใดต้องทำให้ข้าอับอาย ทำให้ตระกูลถานไถอับอายขายหน้าเช่นนี้ด้วย!“ตอนนั้นเพื่อที่จะสืบเรื่องมนุษย์โอสถ ข้าจึงถูกทรมาน“จากนั้นก็พเนจรไปอยู่ที่แคว้นตงซาน ถูกคนควบคุม...ข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทุกวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับมาแคว้นหนานฉีได้ ข้าเพียงอยากทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อชดใช้ความผิด และได้รับความเชื่อใจจากเจ้าอีกครั้ง”“ข้าแค่อยากย้อนกลับไปในอดีตที่พวกเรายังเป็นสหายที่ดีต่อกัน รู้ใจกัน“ทว่าดูจากยามนี้แล้ว นี่คงเป็นข้าคิดไปเองผู้เดียว“ด้วยฐานะคนรุ่นหลังของตระกูลถานไถจะทนได้อย่างไร? ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ฆ่าข้าเสียเถิด!”เฟิ่งจิ่วเหยียนฟังเขาตัดพ้อด้วยสีหน้านิ่งเฉยตั้งแต่ตอนแรกที่เขาแทงนางดาบหนึ่ง นางก็ยากที่จะเชื่อใจเขาอีกครั้งแล้วไม่ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร อธิบายได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน นางก็ไม่เชื่อเขาแล้ว“ถานไถเหยี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 870

    เที่ยงคืนสถานที่พักแรมของถานไถเหยี่ยน เหล่าทหารปิดล้อมข้างนอกข้างในสามชั้น หนาแน่นจนแม้แต่น้ำหยดเดียวก็ผ่านไปไม่ได้ภายในห้องอักษรเทียนข้ารับใช้เร่งเร้าถานไถเหยี่ยน“นายท่าน รีบไปเถอะขอรับ!”ข้างในห้องไม่มีไฟ ถานไถเหยี่ยนนั่งอยู่ในความมืด แต่งกายเรียบร้อย ราวกับรอวันนี้มาตั้งแต่แรกแล้วเขายืดหลังตรง นิ้วเรียวยาวขาวเย็นเปิดสมุดภาพบนโต๊ะแผ่นแล้วแผ่นเล่า เคลื่อนไหวอยู่อย่างเชื่องช้า“นายท่าน!” ข้ารับใช้ได้ยินเสียงทหารกำลังขึ้นบันไดมา ก็ยิ่งร้อนใจน้ำเสียงถานไถเหยี่ยนเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้าน“หนีไม่พ้นหรอก”เขาได้ยิน คนที่มาคืนนี้ มีจำนวนมากมายถึงแม้ว่าสามารถหนีออกจากสถานที่พักแรมนี้ได้ ข้างนอกก็ยังมียอดฝีมืออีกมากมายปัง!บานประตูห้องถูกคนพังอย่างป่าเถื่อนแสงสว่างข้างนอกส่องเข้ามา สาดสายตาถานไถเหยี่ยนอย่างแหลมคมเขากับเฟิ่งจิ่วเหยียน ถือได้ว่ารู้ใจกันความจริง วันนี้ตอนที่เจอนางในเมืองอาน เขาก็เดารู้แล้วว่านางคิดจะทำอะไรทหารผู้นำตะโกนขึ้นมา “จับกุมตัวถานไถเหยี่ยน!”ถานไถเหยี่ยนไม่มีการต่อต้านแต่อย่างใดเขาลุกขึ้นมาด้วยตนเอง“ไม่ทราบว่าข้ากระทำผิดโทษฐานใด?”เหล่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 869

    สงครามชายแดนเริ่มแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนไปทำราชกิจที่เมืองอานเพิ่งออกจากเมือง ก็ถูกนายท่านเฟิ่งไล่ตามมาทันสีหน้านายท่านเฟิ่งราวกับไว้ทุกข์ให้กับลูก คว้าจับแขนของนาง ไม่ยอมให้นางไป“ฮองเฮา! ตอนนี้เจ้าเป็นถึงฮองเฮา เจ้าจะไปที่ใด!”เขาเน้นย้ำสถานะของนาง ให้นางมีสติ...นางไม่ใช่แม่ทัพน้อยเมิ่งของค่ายเป่ยต้าอีกต่อไปแล้วต่อให้ทำศึก ก็ไม่จำเป็นต้องให้นางไปสนามรบต่อสู้ศัตรูยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ และข้างในท้องอาจจะเป็นโอรส เป็นรัชทายาทในอนาคต!สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้ คือปกป้องเด็กคนนี้ไว้นอกเมืองไม่มีใครอื่น เฟิ่งจิ่วเหยียนยังมีราชกิจที่จะต้องไปทำ น้ำเสียงแข็งกร้าวเย็นชา“ข้ารู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทหาร ส่งใต้เท้าเฟิ่งกลับจวน”“ขอรับ!”ข้างกายนางมีองครักษ์ติดตามนับสิบคน ล้วนเป็นกองทัพอินทรีเหินคิดอยากพาตัวคนไม่มีวรยุทธอย่างนายท่านเฟิ่งไป ไม่ใช่เรื่องยากเลยนายท่านเฟิ่งตะโกนอย่างร้อนใจ“เจ้าจักเอาแต่ใจเช่นนี้ไม่ได้แล้ว! เด็กคนนี้เป็นความหวังตระกูลเฟิ่ง!”กองทัพอินทรีเหินรีบปิดปากของเขา พร้อมหิ้วตัวเขาไปเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หันกลับมามอง กลับขึ้นไปบนรถม้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 868

    คนสนิทของแคว้นประมุขซีหนี่ว์แบ่งออกเป็นสองพรรค พรรคแรกคือแม่ทัพป้องกันเมืองหูย่วนเอ๋อร์เป็นผู้นำ คอยปกป้องประมุขแคว้น ให้การสนับสนุนทุกการตัดสินใจของประมุขแคว้นรวมถึงครั้งนี้ที่ต่อหน้าโจมตีแคว้นหนานฉี ความจริงนั้นเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีขุนพลอื่นหลายคนกลับมีความคิดอื่นพวกนางคิดว่า แคว้นซีหนี่ว์ไม่ควรให้การสนับสนุนแคว้นหนานฉี“ประมุขแคว้น ทั้งสองแคว้นเป็นพันธมิตรกันถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านควรปรึกษาพวกกระหม่อมตั้งแต่แรก! ค่อยทำการตัดสินใจ! เห็นได้ชัดว่าแคว้นหนานฉียากที่จะเอาตัวรอด แคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความจำเป็นที่จะถูกลากลงน้ำไปด้วย!”“ท่านประมุขแคว้น ขอท่านทรงเปลี่ยนกลยุทธ์แสร้งโจมตี กลับมาร่วมมือกับแต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉีเถอะ!”“ท่านประมุขแคว้น สถานการณ์ตอนนี้เห็นได้อย่างชัดเจน โอกาสที่แคว้นหนานฉีจะชนะนั้นมีน้อยมาก อาศัยเพียงกำลังแคว้นเดียว ไม่มีทางเอาชนะกองกำลังทหารสิบกว่าแคว้นได้ เป็นพันธมิตรกับเป่ยเยี่ยนจะดีกว่า!”ไม่ว่าพวกนางจะโน้มน้าวยังไง ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ยังคงยืนหยัดความคิดตนเองนางนั่งบนเก้าอี้สูงศักดิ์ สีหน้าเยือกเย็น น้ำเสียงไม่ให้ได้ขัดขืน“เราจะคอยดู แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 867

    แต่ละแคว้นโจมตีแคว้นหนานฉี ภัยพิบัติครั้งนี้ รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เซียวอวี้เพิ่งครองราชย์ หลายแคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นหนานฉีเหล่าขุนนางต่างมองหน้ากันต่อให้มีการเตรียมการปกป้องแล้ว ทว่า วันนี้ก็มาถึงเร็วเกินไปเซียวอวี้สมกับที่เป็นจักรพรรดิแห่งแผ่นดิน ศัตรูมาขวางหน้า ไม่มีความกระสับกระส่ายแม้เพียงนิดเขามีรับสั่งอย่างสุขุมใจเย็น“เฝ้าปกป้องสี่ชายแดนอย่างเข้มงวด เตรียมเสบียงอาหาร เตรียมปืนหอกไฟ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ยามนี้ ชายแดนแคว้นหนานฉี กองทัพแต่ละแคว้นรวมตัวกันชายแดนเหนือมีเป่ยเยี่ยน ตลอดจนสามแคว้นเล็กที่อยู่ภายใต้เป่ยเยี่ยนชายแดนตะวันออกมีแคว้นต้าเซี่ยเป็นผู้นำรวบรวมกองกำลังพันธมิตรสี่แคว้นชายแดนใต้ ทหารพันธมิตรที่เมื่อไม่นานถูกโจมตีล่าถอยหวนกลับมา ยังมีแคว้นหนานชางที่พักฟื้นมาหลายปี มีทหารม้าเป็นจำนวนมากรวมอยู่ด้วยชายแดนตะวันตกก็มีสองแคว้นเล็ก รวบรวมกำลังทหาร ทั้งหมดสามหมื่น ยังมีกองทัพหกหมื่นนายของแคว้นซีหนี่ว์ติดตามอยู่ข้างหลังพวกเขาเคลื่อนทัพมายังสี่ชายแดนแคว้นหนานฉี ทำการโอบล้อม มากันอย่างดุเดือดเหล่าทหารที่เฝ้าปกป้องชายแดน ไม่เคยเห็นเช่นนี้แคว้นใหญ่เล็กนับรวมก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 866

    หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยามอาภรณ์อัปลักษณ์ในตำหนักจื้อเฉิน ถูกเฟิ่งจิ่วเหยียนโยนทิ้งไปทั้งหมดต่อให้เป็นเช่นนี้ อารมณ์ของนางก็ยากที่จะสงบสตรีปกติคนไหนสามารถรับได้ ผู้ชายของตนเองแต่งตัวราวกับหนุ่มน้อยยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงจักรพรรดิตอนที่นางโยนเสื้อผ้า จักรพรรดิหนุ่มก็ตามอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเด็กน้อยที่ทำอะไรผิด จนทำอะไรไม่ถูก“จิ่วเหยียน ชุดนี้ดีอยู่นะ...”“ฮองเฮา มิต้องโยนแล้ว ตัวนี้เราชอบมาก”“ตัวนี้โยนไม่ได้ เจ้าเคยพูดว่า ชอบดูเราสวมใส่...”แต่แล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร ที่ควรทิ้งก็ยังคงทิ้งเฟิ่งจิ่วเหยียนโกรธมาก ถอดที่เขาสวมใส่อยู่ออกมาด้วยตนเองต่อให้เป็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ยังคงไม่สามารถระงับความโกรธได้นางเดินมาถึงด้านนอกตำหนัก กวาดสายตามอง แส้สีแดงในมือหลิวซื่อเหลียงหลิวซื่อเหลียง: แววตาของฮองเฮา น่ากลัวมาก...เฟิ่งจิ่วเหยียนแย่งเอาแส้นั้นมา“หัวมงกุฎท้ายมังกร! ข้าไม่เคยเห็นแส้สีแดง! อันนี้ก็เผาไปเสีย! !”หลิวซื่อเหลียงคุกเข่าลง “ตุบ” ปากตะโกนว่า“ฮองเฮา เผามิได้พ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทตรัสว่า นี่เป็นสิริมงคล...”ในใจกลับคิดว่า: เผาได้ดี! ฮองเฮาต่างหากที่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 865

    ภายใต้สายตาเร่าร้อนของเซียวอวี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดกล่องผ้าแพรข้างในมีมีดทองเล่มหนึ่ง ยังมีจดหมายลายพระหัตถ์ของประมุขแคว้นซีหนี่ว์หนึ่งฉบับเซียวอวี้ยังไม่ดูจดหมาย เมื่อเห็นมีดทองเล่มนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปมีดทองเป็นสิ่งของมีเฉพาะราชวงศ์แคว้นซีหนี่ว์ ใช้สำหรับมอบให้ผู้มีพระคุณ คนรู้ใจ และใช้เป็นสินสอดสู่ขอนี่ประมุขแคว้นซีหนี่ว์หมายความว่าอย่างไร!เซียวอวี้แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ความจริงลูกตาเอียงไปด้านข้าง จ้องมองทางด้านเฟิ่งจิ่วเหยียนเฟิ่งจิ่วเหยียนเปิดจดหมาย เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เก็บพับไว้ครั้นเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสายตาไม่พอใจของเซียวอวี้“ท่านอยากดู?”เซียวอวี้นั่งตัวตรง: “ก็ไม่ได้อยากดูขนาดนั้น”เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ความคิดในใจเขาเป็นอย่างดี จึงอธิบาย“ประมุขแคว้นมอบมีดทอง เพื่อขอบคุณที่หม่อมฉันช่วยสงบศึกวุ่นวายภายใน”สีหน้าเซียวอวี้ทำเป็นไม่ใส่ใจ“เรารู้“เจ้าเป็นฮองเฮาของเรา ยังเป็นสตรี ประมุขแคว้นซีหนี่ว์มอบมีดทอง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสินสอด เรามีอันใดต้องคิดมาก”เฉินจี๋ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมขึ้นมา“ฝ่าบาท ท่าทีกระหม่อมทราบ ประมุขแคว้นซีหนี่ว์ท่านนั้นชอบทั้งชายและ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 864

    เทียนยาวลุกไหม้ตลอดคืน ในตำหนักหย่งเหอเต็มไปด้วยความรักไร้การหลับไหลทั้งคืนวันรุ่งขึ้น ครั้นเซียวอวี้ตื่นขึ้นมา มองไปที่คนยังนอนหนุนแขนตนเอง ด้วยสีหน้าอิ่มเอม ก้มศีรษะจูบแก้มนาง แล้วก็ปัดไรผมบนหน้าผากนางที่ยุ่งเหยิง จับจ้องนางอย่างรักใคร่เมื่อคืนเหน็ดเหนื่อยครึ่งค่อนคืน ดึกมากแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนค่อยนอนหลับไม่ง่ายที่จะได้ผ่อนคลาย วันนี้นางนอนจนตะวันโด่งฟ้าหว่านชิวเดินเข้ามาในตำหนัก ยกน้ำร้อนมาคอยปรนนิบัติฮองเฮาล้างหน้าแต่งตัว“ฮองเฮา หมอหลวงเจิ้งขอเข้าเฝ้าเพคะ รออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า นวดเอวที่ปวดเมื่อยเวลาผ่านไปสองเค่อ หมอหลวงเจิ้งถูกพาเข้ามาเขาถวายความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งบนตำแหน่งประมุข น้ำเสียงอ่อนโยน“หมอหลวงเจิ้งมาหาข้าอย่างรีบเร่ง มีเรื่องสำคัญอันใด?”“กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งจริง วันนี้ได้กราบทูลรายงานฝ่าบาทแล้ว ฝ่าบาทยุ่งกับงานราชกิจ จึงให้กระหม่อมมายังตำหนักหย่งเหอ กราบทูลรายงานฮองเฮาโดยตรงอีกครั้ง” หมอหลวงเจิ้งอายุมากแล้ว เส้นผมเป็นสีขาวหมดแล้วทว่าทั่วทั้งสำนักหมอหลวง ด้านทักษะทางการแพทย์ ไม่มีผู้ใ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status