แชร์

บทที่ 542

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ภายในห้องนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงหมากล้อมที่ถูกวางเท่านั้น

ฝ่าบาทที่สวมใส่อาภรณ์สีม่วง แววตาที่เต็มไปด้วยความล้ำลึก เพียงแค่เล่นหมอกล้อม หากแต่ทั่วร่างกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารมากมาย

“รองผู้นำพันธมิตรซู ดูเหมือนจะระมัดระวังตนเองยิ่งนัก”

เซียนอวี้พลันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนจะส่งเสียงเย็นยะเยือกออกมาราวกับจะลองเชิง

เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงตอบกลับไปด้วยท่าทีเฉยเมยว่า

“หมากล้อมของฝ่าบาทนับว่ามีทักษะสูงยิ่งนัก กระหม่อมมิอาจวางหมากลงไปโดยไร้การไตร่ตรองได้”

เนื่องจากนางและเซียวอวี้เคยเล่นหมากล้อมด้วยกันมาก่อน นางย่อมมิอาจให้เขามองวิถีหมากล้อมของนางออกได้

เซียวอวี้พลางหัวเราะเยาะเย้ยออกมาด้วยความเย็นชา คิ้วที่ขมวดเป็นปม

“มิผิดที่ต้องคิดให้รอบคอบ ทว่า หากคิดมากไป กลับจะยิ่งทำให้เผยข้อบกพร่องของตนเองออกมามากยิ่งขึ้น”

มือที่เฟิ่งจิ่วเหยียนกำลังจะวางหมากนั้น พลันหยุดชะงักไปในทันที

มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด นางกลับรู้สึกว่าเซียวอวี้มีท่าทีแปลกไปยิ่งนัก

ทำเอาการเดินหมากของนางเกิดความวุ่นวายไปในทันที...

ราตรีนี้ เซียวอวี้เพียงแค่เล่นหมากล้อมกับนางเท่านั้น หาได้เอ่ยอันใดกับนางไม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (23)
goodnovel comment avatar
Heart
สนุกกกกกมากกกกกกกกกกกกก มาไวไว อยากอ่านต่อ นางเอกหวั่นไหวแล้ว
goodnovel comment avatar
eclair_t
ปกติจะอัพทุกวัน ช่วง 4 โมงเย็น วันละ 4 ตอนค่ะ (ก่อนหน้านี้เคยอัพวันละตอน -*- )
goodnovel comment avatar
Sawinee Manorat
ปกติแล้วอัพทุกวันไหมคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 543

    ด้านในถาดกลับมีหัวคนอยู่ในนั้น! ! !ขุนนางที่ขี้ขลาดตาขาวนั้นพลันเป็นลมล้มพับหน้าซีดหน้าเซียวไปในทันทีเซียวอวี้ใช้เวลาชื่นชมปฏิกิริยาของผู้คนเหล่านี้“พวกเจ้ามิใช่ขอให้เราตรวจสอบอย่างเข้มงวดหรือ เหตุใดถึงได้มีท่าทีเป็นกังวลเช่นนี้กัน?”“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นี่ นี่มัน...”เฉินจี๋จึงเป็นผู้ตอบแทนฝ่าบาทเอง“พวกเขาล้วนแต่เป็นขุนนางที่ทำการยักยอกเบี้ยหวัดทหารของเมืองเซวียน ขุนนางทุกท่านจงดูเอาไว้ ไม่แน่ว่า อาจจะมีคนที่พวกท่านคุ้นเคยอยู่ด้วยก็เป็นได้”เหล่าขุนนางต่างพากันตกอกตกใจก่อนจะรีบลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นในทันที“ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่งนัก! การสังหารขุนนางที่ก่อกรรมทำเรื่องทุจริต ทั้งยังคืนความสงบสุขให้กับเมืองเซวียนอีกด้วย!”“ขุนนางที่ละโมบย่อมสมควรถูกประหาร!”ตงฟางซื่อที่มองไปยังหัวที่เปื้อนเลือดนั้น เขาพลันรู้สึกหัวไก่ที่อยู่ในชามดูน่าขยะแขยงยิ่งนักทันใดนั้น เซียวอวี้จึงกวาดสายตามองเหล่าขุนนางทุกคนภายในงานเลี้ยง แววตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟัน “ย่อมสมควรถูกประหาร ทว่า เพียงเท่านี้หาได้เพียงพอไม่”พูดจบ ประตูใหญ่พลันถูกปิดลงดัง “ปั้ง”ทำเอาเหล่าขุนนางพากันตกใจไปในทันทีพร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 544

    วันรุ่งขึ้นด้านนอกโรงพักแรมหลังจากที่ทุกคนจัดเตรียมของเสร็จแล้วนั้น ก็เตรียมตัวออกเดินทางในทันทีรถม้ามีเพียงหนึ่งคันเท่านั้น ย่อมเป็นคันที่ให้ฮ่องเต้นั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนและตงฟางซื่อจึงขี่ม้าจู้กั๋วกงออกมาส่งเซียวอวี้พลางเอ่ยพูดคุยกับเขาเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในรถม้าเล็กน้อยนั้น ยามที่คิดจะเข้าไปดู จู่ ๆ กลับมีหัวโผล่ออกมา ที่แท้เป็นองค์หญิงน้อยที่นั่งอยู่ด้านในนั่นเองนางกอดผ้าห่อของสีชมพูดเอาไว้ พลางหันมามองเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีตื่นเต้น“พี่ชายใหญ่ ข้าจะไปพักอยู่กับพี่ชายฮ่องเต้ที่เมืองหลวงสักระยะ! ท่านเข้ามานั่งกับข้าเถอะ!”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถอยตัวออกมาในทันที“องค์หญิงน้อยพ่ะย่ะค่ะ ชายหญิงสมควรจักมีระยะห่างต่อกัน”ขณะที่นางกำลังถอยตัวออกมานั้น นางเกือบจะชนเข้ากับเซียวอวี้ที่อยู่ด้านหลังของนางข้างหูพลันมีน้ำเสียงทุ้มต่ำที่เจือไปด้วยความเย็นชาดังออกมาว่า“มิเป็นอันใด ในเมื่อองค์หญิงน้อยเห็นว่าเจ้าเป็นสหาย คุณชายซู อย่าได้ปฏิเสธไปเลย”องค์หญิงน้อยพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะใช้แรงดึงมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาไว้“พี่ชายใหญ่...”เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงถ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 545

    “ให้ข้าคุ้มกันส่งพวกเขากลับไปยังเมืองหลวง?” น้ำเสียงของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเจือไปด้วยความเย็นชาตงฟางซื่อที่นั่งอยู่ที่เดิมนั้น พลางเอ่ยถามออกมาตามตรง“ในห้องนี้มีแค่พวกเราสองคน เจ้าบอกความจริงกับข้ามา ที่อดีตฮองเฮาต้องการหย่าร้างจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”เขาที่รู้จักซูฮ่วนมานานหลายปีนั้น ทั้งยังคอยเฝ้าดูเขาเติบโตจากเด็กน้อยเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ มองดูเขาที่เดินผ่านมวลบุปผานับพัน ทั้งยังได้รับความรักจากสตรีอีกมากมายโดยเฉพาะบุตรสาวของลูกหลานชนชั้นสูงที่ได้รับการฟูกฟักเป็นอย่างดี ย่อมถูกเสน่ห์ของคนยุทธภพเช่นซูฮ่วนดึงดูดได้อย่างง่ายดายตงฟางซื่อทมีความสามารถเข้าใจผู้คนได้เป็นอย่างดี ย่อมมองออกว่า ฝ่าบาทให้ความ “ใส่ใจ” กับซูฮ่วนมากเป็นพิเศษอีกทั้ง ฝ่าบาทยังย้ำเรื่องอดีตฮองเฮาขึ้นมาอีกนั่นจึงทำให้เขานึกสงสัยเป็นอย่างมากว่า การที่ฝ่าบาทพุ่งเป้าไปที่ซูฮ่วนเช่นนี้ เป็นเพราอดีตฮองเฮาหรือไม่เฟิ่งจิ่วเหยียนเพียงรู้สึกว่าไร้สาระยิ่งนัก“มิใช่ ความสัมพันธ์ของข้ากับอดีตฮองเฮาขาวสะอาดยิ่งนัก”ตงฟางซื่อจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปยังเบื้องหน้าของนาง พลางตบไหล่เ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 546

    หาได้เหมือนตอนที่อยู่ในเมืองหลวงไม่ หลังจากที่อู๋ไป๋มาที่พันธมิตรอู่หลินแล้วนั้น เขาก็มักจะสวมใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา มิยอมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตนเองให้ผู้ใดเห็นเมื่อฮ่องเต้มาเยือนที่พันธมิตรอู่หลินในวันนี้ อู๋ไป๋จึงไม่กล้าที่จะเผยตัวตนออกมามากกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าท่านแม่ทัพน้อยจะคุ้มกันฮ่องเต้และองค์หญิงไปที่เมืองหลวงนั้น เขาก็เริ่มตื่นตระหนกออกมาในทันทีเฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยออกมาด้วยท่าทีใจเย็นว่า“เจ้ามิเหมาะสมที่จะติดตามข้าอีก ไปเมืองผางก่อนเสีย”อู๋ไป๋พลางรับคำ “ขอรับ!”……อีกด้านหนึ่งสถานที่ถิ่นทุระกันดารในหนานฉีหลังจากฟังคำรายงานของผู้บังคับบัญชาของตนเองแล้วนั้น นายท่านที่อยู่ภายในห้องพลันมีอาการโกรธเกรี้ยวไปในทันที“หวังโซ่วเหรินต้องการลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้? เป็นผู้ใดสั่งให้เขาทำกัน!”ในขณะเดียวกัน พลันมีชายชุดคลุมสีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง พร้อมทั้งปิดบังหน้าตาของตนเองจนมองไม่ออกว่าเป็นผู้ใดเขาเอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านในฉากกั้นว่า“ข้าเคยพบกับหวังโซ่วเหริน ในยามนั้นเขาหาได้เปิดเผยถึงแผนการที่จะลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ไม่ เกรงว่าเขาคงตัดสินใจทำลงไปเช่นนั้นยามที่ตน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 547

    เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ มากนัก ทำเอานางดื่มสุราไปมากมายหลายจอกแล้วยามที่แม่นางน้อยผู้หนึ่งยื่นสุรามาให้นั้น ตงฟางซื่อก็รีบมารับไปแทนเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที“แม่นางทุกท่าน ถึงแม้ว่ารองผู้นำพันธมิตรซูของพวกเราจักดีมากเท่าใด ทว่า ภายในพันธมิตรอู่หลินของพวกเรายังมีคนอีกมากที่ยังมิได้ตกแต่งออกไปนะ!”พร้อมทั้งเสียงหัวเราะจากฝูงชนที่ดังตามมา“ไม่ได้! ท่านผู้นำก็ยังมิแต่งงานเลย! แม่นางทุกท่านยังมิรีบส่งจอกสุราให้กับท่านผู้นำพันธมิตรอีกหรือ?”สิ่งที่ยากที่สุดคือการรับน้ำใจจากสาวงามนั่นเองตงฟางซื่อจึงยอมลงโทษตนเองด้วยการยกจอกสุราขึ้นดื่มไปสองสามจอกก่อนหลังจากนั้นเขาก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เฟิ่งจิ่วเหยียน พลางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มว่า“วันพรุ่งนี้เจ้ายังต้องออกเดินทางต่อ รีบเข้าไปพักผ่อนเสียเถอะ ตรงนี้หาได้เป็นอันใดไม่”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้สนใจอันใดนานแล้วเหมือนกันที่นางมิได้ผ่อนคลายแบบนี้หมู่บ้านเสิ่นเจียอู่เป็นเสมือนกับสวนดอกท้อที่พันธมิตรอู่หลินคอยปกป้องดูแลอยู่เมื่อนางมาเยือนที่แห่งนี้ ราวกับว่าทั่วร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารฆ่าฟันถูกชำระล้างออกไปในขณะเดียวกัน พ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 548

    การรักใครสักคนจริง ๆ นั้น ริมฝีปากของนาง มือของนาง ท่าทางการร่ำสุราของนาง ท่าทีเหม่อลอยของนาง คำพูดที่นางมักจะเอ่ยออกมานั้น... เขาล้วนแต่คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างยิ่งฮองเฮาของเขา แม่ทัพน้อยของเขา เขามั่นใจว่าต้องเป็นนางอย่างแน่นอนภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เซียวอวี้แย้มยิ้มออกมาด้วยความขมขื่นนางหลอกลวงเขาได้เจ็บแสบยิ่งนักนางมิได้เป็นเพียงท่านแม่ทัพน้อยเมิ่งที่ฟาดฟันศัตรูในสนามรบเท่านั้น ยังเป็นซูฮ่วนจอมยุทธพันธมิตรอู่หลินแห่งยุทธภพอีกป้ายทองไว้ชีวิตนั้น แต่แรกจนถึงตอนนี้ล้วนแต่เป็นการขอไว้เพื่อตัวนางเองมิแปลกใจเลยที่นางจะไม่ชอบอยู่ในวังหลวงสิ่งที่นางเคยพบเห็นนั้น มิได้มีเพียงดินแดนอันกว้างใหญ่ของชายแดนเหนือ ทั้งยังมียุทธภพที่กว้างใหญ่อีกนางที่มีอายุเพียงสิบสามก็โลดแล่นอยู่ภายในยุทธภพแล้ววังหลวงของเขา เล็กเกินไปสำหรับนางเสมือนกับปลาในแม่น้ำและทะเล หากนำพวกมันมาเลี้ยงเอาไว้ในอ่างเล็ก ๆ ไม่นานก็ย่อมตายไปด้วยความหดหู่ เมื่อได้มาเห็นนางร้องเพลงและเต้นรำกับผู้คนในหมู่บ้านเสิ่นเจียอู่คืนนี้แล้วนั้น เขาถึงได้รู้ว่านางชอบวันเวลาแบบไหนกันแน่ คนที่เขาเพียรคิดถึงคะนึงหาอยู่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 549

    เนื่องจากทางด้านหน้ามีการพังทลายของภูเขา ทำให้มิอาจเดินทางผ่านไปได้ทางราชสำนักจึงส่งคนมาทำความสะอาดเศษดินเศษไม้ที่ล่วงหล่นลงมากลุ่มคณะของเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงได้แต่ต้องเลือกสถานที่ค้างแรมแถวนี้องค์หญิงน้อยที่มีจิตใจที่กว้างใหญ่ ยามนี้แย้มยิ้มออกมาเต็มหน้า พลางเอ่ยเรียกออกมาว่า “ท่านพี่ฮ่องเต้”“ท่านพี่ฮ่องเต้ ต้องกางกระโจมหรือไม่? คืนนี้ข้าจักได้นอนกับพี่ชายใหญ่!”ถึงแม้ว่าเซียวอวี้จะยอมตกลง หากแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้เห็นด้วยไม่ข้าง ๆ มีลำธารอยู่ใกล้ ๆ องค์หญิงน้อยที่อยากกินปลานั้น เซียวอวี้จึงสั่งให้เฉินจี๋ไปจับมันมาเฉินจี๋มีฝีมือไม่เบาเลย ไม่นานเขาก็สามารถจับปลาตัวใหญ่ได้เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงก่อไฟขึ้นมาด้วยความเชี่ยวชาญ ใช้กิ่งไม้ขึ้นมาต่อกันเพื่อให้สามารถย่างปลาได้ง่าย ๆเซียวอวี้นั่งอยู่บนก้อนหินอยู่ไม่ไกลนั้น มองดูนางอย่างเงียบ ๆองค์หญิงน้อยนั่งอยู่ด้านข้างเขา ก่อนจะใช้สองมือเท้าคางเอาไว้ พลางเอ่ยชื่นชมออกมาว่า“พี่ชายใหญ่ใจดียิ่งนัก หากว่ามาเป็นเสด็จพี่สะใภ้ของข้าได้คงจะดีไม่น้อย!”เซียวอวี้รู้ดีว่า เรื่องนี้มิอาจเป็นไปได้นางมิเคยมีเขาอยู่ภายในใจ อีกทั้ง นางยังมิช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 550

    เซียวอวี้พลางเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าอึมครึม ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมายราวกับว่าไม่ว่าเขาจักทำเช่นไร สตรีผู้นั้นหาได้พอใจไม่ปลาย่างของต้วนไหวซวี่อร่อยกว่าของเขางั้นหรือ นางถึงได้ไม่ยอมลืมเช่นนี้?ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนมาจากด้านหลังว่า“ฝ่าบาท”ฝีเท้าของเซียวอวี้พลันชะงักไปในทันที ก่อนหันหลังเอ่ยกับผู้ที่ตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก“มีเรื่องใด?”“พี่ชายฮ่องเต้ พี่ชายใหญ่มาที่นี่เพื่อต้องการมาขอโทษท่านนะ”เมื่อเขาหันกายกลับมานั้น พลันเห็นว่าองค์หญิงตัวน้อยก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน นางยืนอยู่ข้างกายเฟิงจิ่วเหยียน พร้อมทั้งในมือที่ถือปลาย่างเอาไว้ ก่อนจะเคี้ยวมันด้วยปากที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสีดำนางเขย่าแขนเฟิ่งจิ่วเหยียนไปมา “ใช่หรือไม่? พี่ชายใหญ่? ท่านรู้ว่าท่านพี่ฮ่องเต้ย่างปลาด้วยความยากลำบาก การที่ท่านไม่กินนั้น ย่อมทำให้เขาไม่สบายใจใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าลง“ใช่”เซียวอวี้ขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย ก่อนที่คิ้วจะคลายตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น“เราหาได้เป็นอันใดไม่ เพียงแค่เรายังไม่หิวเท่านั้น”องค์หญิงน้อยพลางก้าวไปข้างหน้าเพื่อกระตุกแขนเสื้

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1014

    หนานฉี เมืองหลวงหลิวอิ๋งยังคงมิได้ข่าวคราวของราชทูตคนอื่น ๆ ในใจยิ่งกระวนกระวายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานางวนเวียนไปที่จวนรุ่ยอ๋อง เพื่อสอบถามความคืบหน้าทว่า บัดนี้ก็ยังมิได้รับข่าวคราวใด ๆภายในโรงพักแรมเจิ้งจีเห็นมารดากลับมา คำพูดแรกมิใช่แสดงความห่วงใย แต่เป็นการเร่งรัด“ท่านแม่ ฝ่าบาทเสด็จกลับวังแล้ว เมื่อใดพวกเราถึงจะได้เข้าวัง?”สีหน้าหลิวอิ๋งอยู่ในอาการเหม่อลอยเจิ้งจีถามอีก: “ท่านป้ายังมิได้ตอบจดหมายพวกเรา และส่งสาส์นตราตั้งฉบับใหม่มาให้อีกหรือเจ้าคะ? ท่านแม่?”หลิวอิ๋งเรียกสติกลับมา พลันกุมมือบุตรสาวไว้แน่น“ท่านป้าของเจ้ามิมีทางเมินเฉยพวกเรา ถึงอย่างไรข้าก็เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของนาง! พวกเราจะเข้าวังไปพบฝ่าบาทได้เลยโดยตรง!”เดิมคิดว่ารุ่ยอ๋องมีความสามารถที่จะตามหาราชทูตได้ มิคาดคิดว่า เขาที่ดูเหมือนเป็นคนเข้าหาได้ง่าย ที่จริงแล้วกลับรับปากนางแบบขอไปทีตลอดสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ภายในวังเซียวอวี้เพิ่งกลับเข้าวัง ขณะกำลังตรวจดูสาส์นกราบทูลในห้องทรงพระอักษร องครักษ์ก็เข้ามารายงาน---หลิวอิ๋งคนที่อ้างว่าเป็นราชทูตแคว้นซีหนี่ว์มาขอเข้าเฝ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1013

    หลังจากท่านผู้เฒ่าหลินรู้สถานะของเฟิ่งจิ่วเหยียน เดิมทีก็คิดจะสานสัมพันธ์เป็นเครือญาติกับนางทว่านางกลับบอกว่า มิใช่เครือญาติแท้ ๆ หรือ?ใครมิใช่เครือญาติแท้ ๆ กันเล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยสีหน้าเย็นชา “บุตรสาวคนที่สองของตระกูลหลิว เมื่อคลอดออกมาก็มอบให้พวกเจ้าดูแลใช่หรือไม่?”ท่านผู้เฒ่าหลินสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและงุนงง นึกไม่ถึงว่า สิ่งที่นางต้องการจะถาม กลับเป็นเรื่องราวในตอนนั้น...เขาก้มศีรษะลง กลัวว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนจะเห็นสีหน้าของตน“พ่ะย่ะค่ะ! ตอนนั้น น้องสาวของข้าน้อยคลอดบุตรสาวคนเล็ก ก็มอบให้พวกเราดูแลเลย“ฮองเฮา เรื่องนี้ยังจะมีอะไรให้น่าพูดถึงอีก?”เฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงถือเครื่องมือทรมานนั้นอยู่ในมือ สายตาดูเยือกเย็นไร้ความปรานี“เจ้ายืนยันได้หรือไม่ว่า เด็กที่มอบให้กับมือพวกเจ้าในตอนนั้น เพิ่งจะคลอดมาได้ไม่นาน?”ท่านผู้เฒ่าหลินตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! เด็กคนนั้นคลอดออกมาได้ไม่กี่วัน ก็ถูกพวกเรานำมาดูแลแล้ว...”“โกหก” สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นมองท่านผู้เฒ่าหลิน “หากข้าเดาไม่ผิด เด็กคนนั้น ตอนที่มาถึงมือพวกเจ้า น่าจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1012

    ภายในคุกที่ว่าการท่านผู้เฒ่าหลินในวัยชรา ยืนพิงอยู่มุมกำแพงด้วยอาการตัวสั่นเทาเขามองไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้นโดยฝืนทำเป็นสงบนิ่ง“พวกเจ้า พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาจับข้า ข้าไม่มีความผิด...”เอ่ยยังมิทันจบ เจ้าหน้าที่ก็ถอยแยกเป็นสองฝั่ง เพื่อเปิดช่องทางตรงกลางหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาจากด้านนอก เส้นผมนางถูกรวบยกสูง ดวงตาทั้งคู่ดูองอาจน่ายำเกรง“ทุกคนออกไปก่อน”ตามคำสั่งของนาง บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ออกไปอย่างรู้งาน อู๋ไป๋ปิดประตูห้องขัง และคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องขังภายในห้องขังท่านผู้เฒ่าหลินมิรู้จักเฟิ่งจิ่วเหยียน ในตอนแรกคิดว่านางเป็นขุนนาง ทว่าพอได้ยินเสียงนางเป็นสตรี ก็มิแน่ใจแล้วว่านางเป็นใคร“เจ้าเป็นใคร?” ท่านผู้เฒ่าหลินมองนางตาไม่กะพริบ ไม่มีท่าทีอ่อนข้อสายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูเยือกเย็นและหมางเมิน ราวกับดวงดาวระยิบในค่ำคืนเหน็บหนาว ทำเอาผู้คนสั่นสะท้านนางมองท่านผู้เฒ่าหลิน พลางแสร้งทำเป็นหยิบเครื่องมือทรมานที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจแค่การกระทำนี้ ก็ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลินตกใจกลัวจนลำคอแห้งผาก ดวงตาเบิกกว้าง ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว“ข้า ข้ามิเคยทำเรื่องช

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1011

    ไม่นานรุ่ยอ๋องก็จัดหาหญิงสาวให้กับหร่วนฝูอวี้ได้แล้ว เป็นสาวใช้ภายในจวนเขายืนอยู่นอกห้อง ยืนอยู่นานก็มิยอมไปหนึ่งชั่วยามต่อมา ด้านในก็เรียกขอน้ำสาวใช้ผลักประตูเดินออกมารุ่ยอ๋องรีบหันไปมองนาง เห็นเพียงนางถืออ่างเลือดออกมา“พระชายาเป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถามด้วยท่าทีใส่ใจการถอนพิษกู่เสน่ห์ มิใช่แค่ต้องมีสัมพันธ์กับใครสักคนเท่านั้นหรือ?เหตุใดจึงมีเลือดออกมามากมายเพียงนี้?สาวใช้ตอบด้วยอาการตัวสั่นเทา“พระชายาเลือดออกมาก บ่าวคอยช่วยพระชายาเปลี่ยนอาภรณ์ และชำระร่างกายเจ้าค่ะ”สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปเล็กน้อยดูแล้วสาวใช้ผู้นี้ ไม่เหมือน...“แค่ช่วยพระชายาชำระร่างกาย?” เขาถามด้วยความไม่แน่ใจสาวใช้พยักหน้าซ้ำ ๆ“เจ้าค่ะ”รุ่ยอ๋องรู้สึกงุนงง มิรู้ว่าหร่วนฝูอวี้ทำสิ่งใดลงไปหรือว่า เขาเข้าใจเจตนาของนางผิดไป นางขอให้เขาหาหญิงสาวให้นาง มิใช่เพื่อจะถอนพิษกู่เสน่ห์หรอกหรือ?ในระหว่างที่ครุ่นคิด เขาก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องทันทีทว่าเห็นหร่วนฝูอวี้นั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า หร่วนฝูอวี้พลันลืมตาขึ้นนางจ้องมองไปทางรุ่ยอ๋อง ดว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1010

    ฉึก---ตามเข็มที่หร่วนฝูอวี้แทงลงไป กู่เสน่ห์ในร่างกายของรุ่ยอ๋องก็แตกระเบิด แปรเปลี่ยนเป็นกองเลือดในเวลานี้ รุ่ยอ๋องรู้สึกเพียงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงโจมตีเข้ามา จากนั้นตามมาด้วยความรู้สึกโล่งสบายราวกับปล่อยวางของหนักกู่เสน่ห์ หายไปแล้วเขาผ่อนลมหายใจออกมายาว ๆ มิคาดคิดว่า กู่เสน่ห์ที่ทรมานเขามาหลายเดือนนั้น จะกำจัดได้อย่างราบรื่นเช่นนี้...ในชั่วขณะนั้น หร่วนฝูอวี้ในสภาพราวกับใบไม้แห้งที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งตัวคนกลับเอนมาทางด้านหน้า และล้มลงในอ้อมอกเขารุ่ยอ๋องรีบประคองนางไว้ทันที โดยมิรู้สาเหตุ“เจ้าเป็นอะไร?”เมื่อครู่นางก็ยังดี ๆ อยู่มิใช่หรือ?เมื่อก้มลงมอง สีหน้านางซีดขาวไร้เลือดฝาด ส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรุ่ยอ๋องรับรู้ได้ทันทีว่า นี่อาจจะเป็นผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายของกู่เสน่ห์!หากต้องการจะฝังกู่เสน่ห์ให้กับคนอื่น ตนเองก็ต้องฝังกู่เสน่ห์ตัวแม่ไว้ด้วยเช่นกันตอนนี้กู่เสน่ห์ตัวลูกในร่างกายของเขาตายไปแล้ว หร่วนฝูอวี้ย่อมต้องทรมานเป็นธรรมดาทว่าเขามิมีความรู้ด้านนี้มากนัก มิรู้ว่าอาการของนางร้ายแรงเพียงใด เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตหรือไม่รุ่ยอ๋องจึงตัดสินใจเด็ดข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1009

    หลิวอิ๋งต้องการอาศัยสถานะราชทูต เพื่อเข้าวังไปพบฮ่องเต้ทว่า ฮ่องเต้และฮองเฮาเสด็จออกไปภายนอก ยังมิได้เสด็จกลับวัง ข้าหลวงจึงเพียงรายงานเรื่องนี้ขึ้นไปตามลำดับขั้นภายในวังเมื่อฮองเฮาไม่อยู่ หน้าที่ในวังหลังจึงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของหนิงเฟยนางได้ยินว่าด้านนอกประตูวังมีราชทูตมาจากแคว้นซีหนี่ว์ ต้องการจะขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้ พลันรู้สึกราวกับว่าเผชิญศัตรูตัวฉกาจถึงอย่างไร นางก็แค่รับผิดชอบแต่ในวังหลัง นี่เกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญของบ้านเมือง นางมิเคยจัดการมาก่อนเช่นกัน“รีบไปเชิญรุ่ยอ๋องมาเดี๋ยวนี้!”หายากที่นางจะมีช่วงเวลาที่สงบสุขไม่กี่วัน จู่ ๆ ก็มีราชทูตมาเยือน คงมิใช่ต้องการให้นางจัดงานเลี้ยงในวัง และต้อนรับราชทูตอีกแล้วกระมัง!เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หนิงเฟยรู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายนางเริ่มจะคิดถึงฮองเฮาขึ้นมาแล้วเหตุการณ์ในวังแห่งนี้ ช่างเกิดขึ้นเรื่องแล้วเรื่องเล่า จนรู้สึกสับสนวุ่นวายรุ่ยอ๋องก็มิเคยได้ยินมาก่อนว่า ราชทูตจากแคว้นซีหนี่ว์จะเดินทางมาเยือนเขาพบกับหลิวอิ๋งเป็นการส่วนตัวสิ่งที่นางพูด เป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าก็ควรเชื่อแม้จะยังยื

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1008

    เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้กลับไปยังเมืองหลวงในทันทีไม่ นางต้องการจะสืบเรื่องของซู่ยวนให้กระจ่างเซียวอวี้ยังมีราชกิจที่ต้องสะสาง สองคนจึงแยกทางกันณ เมืองหลวงหลิวอิ๋งแม่ลูกมาถึงในฐานะราชทูต คณะก็เข้าพักในโรงพักแรม ทว่ามิคาดคิดว่า วันต่อมาก็เกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นเช้าวันรุ่งขึ้น เจิ้งจีวิ่งเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกน“ท่านแม่! ท่านแม่! เหตุใดคนอื่น ๆ ถึงหายไปแล้วเจ้าคะ?”สีหน้าหลิวอิ๋งเต็มไปด้วยความประหลาดใจคณะราชทูตที่มาพร้อมกับพวกนาง ยังมีขุนนางอีกหลายคนคนเหล่านั้นจะหายไปได้อย่างไร?หลิวอิ๋งวิ่งไปยังห้องที่พวกเขาพักอยู่ ตรวจดูแต่ละห้อง ทว่าว่างเปล่าไร้เงาคนนี่ช่างน่าแปลกยิ่งนัก!สีหน้าเจิ้งจีดูกังวลใจ“ท่านแม่ พวกเขาคงมิได้ถูกมองว่าเป็นสายลับ และถูกจับตัวไปแล้ว?”หลิวอิ๋งสงบสติ เอ่ยพึมพำ“เป็นไปมิได้”แคว้นซีหนี่ว์กับหนานฉีเป็นพันธมิตรกัน หนานฉีคงมิทำให้พวกนางต้องขุ่นเคืองใจหลิวอิ๋งจึงตัดสินใจในทันที “ไปแจ้งทางการ!”ณ ที่ว่าการเจ้าหน้าที่ศาลพาสองแม่ลูกมายังห้องโถงรองซึ่งแตกต่างจากห้องโถงหลักที่ใช้สอบสวนคดี ห้องโถงรองเป็นสถานที่ที่ขุนนางจัดการงานราชการ และรับรองสหาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1007

    เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบนายหญิงเฟิ่งด้วยท่าทีระวังคำพูด“หลิวอิ๋งต่างหากที่เป็นหลิวหนิงบุตรสาวคนโตเริ่มแรกของตระกูลหลิว “ทว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า มิได้มั่นใจเต็มร้อย”นางยึดถือตามความเชื่อเรื่องการกดดวงชะตา จึงได้คาดเดาทว่าประมุขแคว้นซีหนี่ว์กลับเชื่ออย่างสนิทใจหากเป็นเช่นนั้น ข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุ ก็คลี่คลายได้มิยากแล้วนางมองไปที่นายหญิงเฟิ่ง สายตาแสดงออกถึงความอ่อนโยน“เจ้าถึงจะเป็นน้องสาวของเรา ตระกูลหลิวให้เจ้าเป็นตัวตายตัวแทน ให้เจ้าแทนที่ตัวตนของหลิวหนิง“ปิ่นปักผมที่หักนั้น ก็เป็นของเจ้า มันเป็นหลักฐานที่ทำให้พวกเราพี่น้องได้รู้ถึงสายสัมพันธ์”นายหญิงเฟิ่งสีหน้าดูสับสน แยกไม่ออกว่าอะไรจริง และอะไรเท็จขึ้นมาชั่วขณะเฟิ่งจิ่วเหยียนเสนอแนะ“รอหม่อมฉันกลับไปที่หนานฉี จะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่างต่อไป”ประมุขแคว้นกังวลพระทัยว่านางจักพานายหญิงเฟิ่งกลับไปด้วย สีหน้าดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีจากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปทางมารดา “สิ่งที่ข้ารู้ ก็บอกให้ท่านรู้แล้วทั้งหมด ตอนนี้ ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจแล้ว ท่านจะกลับไปหนานฉีกับข้า หรือจะอยู่ต่อ?”นายหญิงเฟิ่งตกอยู่ในภาวะก

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1006

    นายหญิงเฟิ่งคิดอย่างไรก็ยังมิเข้าใจว่า ตนเองกลายเป็นน้องสาวของประมุขแคว้นซีหนี่ว์ได้อย่างไรเห็นกันอยู่ว่านางเป็นบุตรแท้ ๆ ของท่านพ่อท่านแม่ เรื่องนี้ เพื่อนบ้านและญาติมิตรที่บ้านเกิด ล้วนเป็นพยานได้พวกเขาต่างเห็นตอนนางคลอดเฟิ่งจิ่วเหยียนหยิบภาพเหมือนของคนตระกูลหลิวออกมา แล้ววางไว้บนโต๊ะตรงหน้ามารดา“หากดูจากภาพเหมือนแล้ว ท่านไม่เหมือนบุตรแท้ ๆ ของพวกเขาเลย”นายหญิงเฟิ่งคิ้วขมวดแน่น ในช่วงเวลาสั้น ๆ มิอาจยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้หากนางมิใช่บุตรแท้ ๆ เหตุใดถึงถูกท่านพ่อท่านแม่รับมาเลี้ยงยังมี ปิ่นปักผมที่หักอันนั้น ก็มิใช่ของอาอิ๋งหรอกหรือ?นางรู้สึกสับสนในใจยิ่งนักในเวลานี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนเหลือบมองไปยังประมุขแคว้นซีหนี่ว์ พลางเอ่ยอย่างช้า ๆ “ข้าสืบพบว่า ตอนนั้นสามีภรรยาตระกูลหลิวให้กำเนิดบุตรสาวคนโต พร้อมกับตั้งชื่อว่าหลิวหนิง“หลิวหนิงตั้งแต่เกิด ร่างกายก็มิค่อยแข็งแรง มักจะร้องไห้งอแงในตอนกลางคืน“คนในหมู่บ้านต่างพูดว่า นางถูกวิญญาณชั่วร้ายตามรังควาน ในไม่ช้าก็จะถูกวิญญาณอาฆาตมาเอาชีวิต”นายหญิงเฟิ่งได้ยินเช่นนี้ จึงพยักหน้าเล็กน้อย“มีเรื่องเช่นนั้นจริง ท่านพ่อท่านแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status